เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

    :) :) สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกทุกท่าน  :) :) :)
 
    ผม มีความสงสัยว่า   จะเป็นไปได้หรือไม่   ถ้าเราจะทำเสื้อเกราะใช้เอง
 
     โดย  ใช้ หนังวัว  หรือควาย   นำมาตัดเย็บ ซ้อนกัน ซัก 5ชั้น    แล้วภายนอก หุ้มด้วยผ้า
 
   ทำเป็นเสื้อแจ็กเก็ต ฟิวล์      คิดว่า หนัง 5 ชั้น พอที่จะกันกระสุนได้หรือเปล่าครับ

ห้าชั้น .... ใส่แล้วตัวเบ้อเร่อเป็น Michelin

5555555 เห็นภาพเลยครับ

อิ อิ

เกราะหนัง มีทำมาแต่โบราณแล้วครับ  กันได้แต่มีด

ทำได้ แต่กันกระสุนได้หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ

  หนัง 5 ชั้น คิดว่าหนาไม่น่าเกิน  1 นิ้วนะครับ     คงไม่ถึง มิชิลินหรอก
 
   แต่ไม่แน่ใจว่าจะกัน กระสุนได้หรือเปล่า

ไม่น่าจะกันได้ครับ

เกราะยุคกลางจริงๆที่เป็นแผ่นเหล็กชั้นนอก ใส่ทับบนตาข่ายเหล็กอีกที แถมเสื้อก็หนา ยังกันธนูยาวไม่ได้ ที่จริงกันดาบใหญ่หรือขวานจามจังๆ มีไว้เพิ้อช่วยกันได้บ้างเวลาโดนไม่แรงหรือเฉียดๆ ต่อมามีปืนลำกล้องเรียบ กระสุนกลมๆ อำนาจทะลุทะลวงต่ำมาก เกราะทุกชนิดก็หมดความหมายไปเลย

ส่วนกระสุนปืนในปัจจุบันอำนาจทะลุทะลวงมากกว่าธนูยาว และหัวขวานมากครับ ลองเอาสมุดโทรศัพท์วางบนพื้นแล้วเอาขวานจามจังๆ สิครับ ขาดลงไปน้อยกว่าหัวกระสุนที่ทะลุมากเลย

ขอเอาของเก่ามาโพสแจมนอกเรื่องเดียวกันด้วยครับ

**********

Magna Carta คือแถลงการณ์ หรือถ้าเปรียบเทียบกับสมัยนี้ก็คือรัฐธรรมนูญที่บรรดาขุนนางอังกฤษบีบให้พระเจ้าจอห์นที่ 2 แห่งอังกฤษ ลงนามในปี 1250 พระเจ้าจอห์นคือคิงอังกฤษยุคโรบินฮู้ด น้องพระเจ้าริชาร์ดไลอ้อนฮาร์ดที่ไปรบสงครามครูเสดนั่นละครับ (ผมยังมีโปสเตอร์พิมพ์เป็น Magna Carta เลย) ถึงใจความจะให้สิทธิแก่ขุนนางมากกว่าประชาชนโดยตรง แต่ก็เป็นการจุดประการการเรียกร้องสิทธิเกี่ยวกับการปกครองของอังกฤษ และลดการผูกชาดอำนาจการเมืองในประเทศอย่างมาก เมื่อการผูกขาดอำนาจลดลงจะเกิดอะไรขึ้น? ก็ความเจริญนั่นสิครับ ลองดูในปัจจุบันก็ได้ แต่จุดสำคัญที่ทำให้อังกฤษยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ก็คือ “การครอบครองและใช้อาวุธของประชาชน” นี่แหละครับ

ในยุคกลางพวกชนชั้นปกครองต่อสู้ในแบบอัศวินใส่เกราะกันให้ยุ่งทั้งคนทั้งม้าใช้หอกยาวเข้าลุยชาวบ้านเดินดินได้ไม่มีทางสู้ ยกเว้นเซ่อซ่าวิ่งเข้าไปชนตออย่างในเรื่องเบรฟฮาร์ด แต่ในชีวิตประจำวันจริงๆ ชาวบ้านหือไม่ขึ้นครับ ที่จริงเกราะอัศวินไม่สามารถทนอาวุธขวานหรือดาบใหญ่ฟันจังๆ ได้ แต่กว่าชาวบ้านจะเอาขวานเข้าไปฟันเกราะจังๆ ให้ทะลุได้ก็โดนจิ้มพุงตายแหงแก๋ แต่แล้วเกิดมีอาวุธดีขึ้นมาคือธนูยาว (long bow) เป็นธนูใหญ่ยาวเกือบท่วมหัวหรือท่วมหัวเวลายกขึ้นมาปลายด้านล่างถึงจะพ้นพื้นนิดหน่อย ยิงทะลุไม้โอคหนา 1 นิ้วในระยะกว่า 50 หลาได้สบาย และแม่นยำยิงคนได้ถึง 200-300 หลา ของอย่างนี้เหล่าอัศวิน (ปจบ. ก็คงต้องเรียกว่าผู้บริหารประเทศหรือรัฐบาลกระมัง) เห็นแล้วหนาวเพราะธนูยิงทะลุเกราะตัวได้ หุ้มเกราะยังไงก็เอาไม่อยู่  สู้ชาวบ้านเดินดินไม่ได้แล้ว เกิดนโยบายจำกัดปืนยาว เอ้อธนูยาวครับ ทั่วยุโรปสร้างกระแสว่าการใช้ธนูยาวไม่ใช่วิสัยของนักรบจริงๆ นักรบตัวจริงต้องเข้าต่อสู้ฟาดด้วยขวาน ฟันด้วยดาบถึงจะเป็นการรบพุ่งอย่างสะใจ ถึงบางประเทศจำเป็นต้องใช้พลธนูก็มักเหยียดหยามกันว่าเป็นทหารชั้นเลว และมักเป็นคนจนๆ ที่ไม่มีเงินหาเกราะกับดาบ แต่ครั้งนั้นรัฐบาลอังกฤษฉลาดกว่าในยุคนี้ เห็นว่าการที่ประชาชนมีอาวุธยิงไกลได้ไม่เลือกหน้านั้นดี อังกฤษจึงออกกฎหมายให้ผู้ชายทุกคนต้องฝึกยิงธนูยาวให้ได้ดี มีการกำหนดทดสอบมาตรฐานฝีมือขั้นต่ำด้วย การมีและหัดธนูเป็นนโยบายที่ต้องส่งเสริม แต่จะถึงขั้นจัดตั้งกองทะเบียนธนูคอยตรวจว่าบ้านไหนไม่มีธนูยาวดีๆ และไม่ยอมซ้อมยิงจะต้องรับโทษด้วยหรือเปล่าก็ไม่ทราบ

แต่นั้นมาอังกฤษรบกับใครก็มักชนะทุกครั้ง ในยุคกลางอังกฤษจะมีดินแดนในประเทศฝรั่งเศสปัจจุบันนี้ตลอด เพราะการแต่งงานของเจ้า และความเข้มแข็งของทหาร ที่เด่นๆ คือการรบครั้งสำคัญระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสที่ Argincourt ในประเทศฝรั่งเศสปัจจุบันนี้ ปีอะไรจำไม่ได้ (1415?) พลธนูอังกฤษยิงอัศวินฝรั่งเศสที่เข้าโจมตีกลิ้งหมด ที่เหลือก็แตกกลุ่ม ม้าตื่นวิ่งกลับไปชนแนวทหารราบตัวเองเสียกระบวน ฝรั่งเศสแพ้ยับ และแค้นพลธนูอังกฤษมาก จับได้จะตัดนิ้วชี้กับนิ้วกลางขวาที่ใช้ยิงธนูทิ้ง ในสมัยนั้นไม่นิยมฆ่าเชลยครับ มักเกิบไว้เรียกค่าไถ่ ถึงไถ่ตัวกลับไปก็จะได้กลับมายิงตนอีกไม่ได้ ตั้งแต่นั้นมาอังกฤษจึงมีท่าแสดงการเยาะเย้ยคือยกหลังมือขวาชู 2 นิ้ว เหมือนท่าวิกตอรี่ที่นายกเชอร์ชิลทำแต่ยกหลังมือออกแทนคือแสดงว่าข้ายังมีนิ้วที่ใช้ยิงธนูอยู่นะเว้ย

ส่วนที่บ้าน ในสังคมอังกฤษมีความเท่าเทียมกันมาก่อนยุโรปชาติอื่นๆ ก็พวกใส่เกราะผูกขาดการเมืองไม่ได้นี่ ระบบสภาพัฒนามาเร็วกว่าชาติยุโรปอื่น ประชาชน “มีอิสระ” มากกว่ายุโรปชาติอื่นโดยเฉพาะยุโรปตะวันออกอย่างมาก ต่อมาเทคโนโลยี่ก็พัฒนาได้เร็วกว่า ชาติอื่นคนฉลาดๆ ก็มีมากหยั่งกาลิเลโอ หรือดาวินชี่ แต่อังกฤษกลับปฏิวัติอุตสาหกรรมได้ก่อนเพราะบบรยากาศทางสังคมและการเมืองเอื้ออำนวยกว่าทฤษฎีของนิวตั้นจึงไม่ได้อยู่แค่ในกระดาษ รวมทั้งทางสเปญหมดบทบาทสำคัญไปในปี 1588 และนโปเลียนหมดอำนาจในปี 1815 อังกฤษเลยแสดงอภินิหารจนเราต้องเทียบเวลากับที่ลอนดอนอย่างทุกวันนี้

**********

......... ???...หากเราทำเสื้อเกราะ ที่สามารถทนการเจาะของกระสุนได้ขึ้นมาจริงๆ   เคยทราบ หากตำรวจมาเจอจะโดนแจ้งข้อหามียุทธภัณฑ์  ....งงครับ ทำใช้เองก็ไม่ได้มันผิดกฏหมาย  เพราะเข้าเขียนไว้ว่า มีแล้วมันผิด... :P

ตั้งแต่นั้นมาอังกฤษจึงมีท่าแสดงการเยาะเย้ยคือยกหลังมือขวาชู 2 นิ้ว เหมือนท่าวิกตอรี่ที่นายกเชอร์ชิลทำแต่ยกหลังมือออกแทนคือแสดงว่าข้ายังมีนิ้วที่ใช้ยิงธนูอยู่นะเว้ย

แล้วประเทศไหนมันตัดนิ้วกลางละครับ เห็นพวกฝาหรั่งมักชูนิ้วกลาง :<<แสดงว่าข้ายังมีนิ้วกลางใช้อยู่นะเฟ้ยรึเปล่า :DD

ใช้เคฟล่าทำน่าจะดีกว่าครับ...

ตอนฟุตบอลเริ่มในอังกฤษ เอาหัวกระโหลกคนเดนมาร์คมาเตะกันเล่น เรียกกีฬานี้ว่า Kicking the Dane's Head พัฒนาเป็นลูกหนัง เล่นกันใหญ่ ข้างละเป็นร้อยๆ เตะกันจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเลย พระเจ้าแผ่นดินโกรธ เพราะละเลยการหัดธนู เลยห้ามการเล่นฟุตบอลครับ

เจอกระสุนหัวรู เสร็จทุกรายล่ะครับ ถ้าใช้อย่างทีว่าทำเสื้อเกราะครับ เคฟล่าน่าจะพอทนนะครับ ;D ;D ;D ;D ;D ;D

ผ้าที่ทำใบเรือวินเซิร์ฟ ก็เป็นเคฟล่าร์เหมือกัน...

เคยมีใครเอามายิงเล่นบ้างไหมครับ...

ขอบคุณครับ เพิ่งทราบว่าเป็นหัวเดนมาร์ค สงสัยเป็นยุคไวกิ้งสายเดนฯ เข้ามาบุกอังกฤษ ยุคที่  Alfred the Great of Wessex รบกับไวกิ้ง

เสื้อเกราะกันกระสุนที่มีใช้และขายกันก็ใช้เคฟล่าแผ่นเหลืองๆนั่นแหละครับมาทำกันแต่ซ้อนกันหลายชั้นเท่าที่รู้ก็20ชั้นขึ้นไปเจอ.22magเข้าไปก็เกือบเอาไม่อยู่ครับ.44magทะลุประมาณ5ชั้นครับแต่คนโดนยิงถึงไม่เข้าก็หมดสภาพกองอยู่ตรงนั้นแหละครับ ;D ;D