เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ผมเคยนั่งเครื่องบินประมาณ 30 ครั้ง 3 ครั้งล่าสุดรู้สึกหูอื้อครับ
คุยกับเพื่อนข้างไม่ได้ยิน ครั้งสุดท้ายรู้สึกปวดหูมาก 1-2 วัน
ถึงจะหาย อยากทราบสาเหตุและวิธีการแก้ครับ
พี่ๆเคยเป็นกันบ้างไหมครับ

เคยเป็นหลายครั้งครับ และจะเป็นช่วงร่อนลง ครั้งล่าสุดเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้ ปวดแทบดิ้น ปวดลามจากหูมาถึงคิ้วเกร็งที่ต้นคอ พอลงเครื่องมาก็ค่อยๆดีขึ้น ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน สังดกตดูทั้งลำมีเราแย่อยู่คนเดียว น่าจะเกี่ยวกับแรงดันอากาศใน้องโดยสารกับแรงดันในหูเรา ทั้งๆที่เครื่องพาณิชย์มีการปรับแรงดันแล้วน่าจะสบาย สงสัยผมคงเป็นโรคคนจนขึ้นเครื่องฯไม่ได้ ทั้งๆที่เคยขึ้นไปกับเครื่องของหน่วยงานที่เปิดประตูเอาไว้ตลอดไม่ต้องถามถึงระบบปรับแรงดันก็ไม่เป็นอะไร แต่เครื่องพาณิชย์บินสูงกว่ามากครับ ประมาณ สามหมื่นฟุต เครื่องที่เค้าเปิดประตูวิ่งนี่แค่ประมาณหมื่นฟุตเอง

อย่างมากที่โอเป็นก็แค่หูอื้ออ่ะค่ะ กลืนน้ำลาย หรือ เคลียร์หู ก็หายแล้วค่ะ ;)

ผมไม่เคยเป็นเลยครับ(ไม่เคยนั่งเครื่องบินท่อื่นนอกจากสวนสยาม) ;D

สาเหตุมาจากความดันภายนอกกับภายในหูไม่สมดุลย์กันครับ  เวลาขึ้นที่สูงความดันอากาศต่ำลง  ก็จะมีอาการครับ

อาการปวดมากเมื่อเครื่องลดระดับลงมากกว่าตอนบินขึ้น ยิ่งเครื่องลดระดับเร็วมากเท่าไหร่ก็แย่มากขึ้นเท่านั้น อาจทำให้แก้วหูเสียหาย

ถ้ามีอาการแบบนี้ กลืนน้ำลายก็น่าจะหาย ถ้าไม่หายก็เนื่องจากท่อยูสเตเชี่ยน (Eustachian tube)อักเสบเลยทำให้อากาศผ่านระหว่างหูชั้นกลางกับภายในลำคอไม่ได้ อาจจะเกิดจากการเป็นหวัด มันมียาทานก่อนขึ้นเครื่องเพื่อเปิดท่อยูสเตเชี่ยน ผมลองแล้วไม่ได้เรื่อง ส่วนยาพ่นยังไม่เคยครับ

คงเกี่ยวกับความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปครับ... ถึงผมไม่เคยนั่งเครื่องบิน... แต่ผมก็เคยสัมผัส... แค่นั่งรถขึ้นเขาลงเขาที่ความสูงต่างกันมากๆ ก็ได้เรื่องแล้วครับ... บางทีกลืนน้ำลายยังไม่ได้ผล... ต้องรอให้หาว... ทีนี้แก้วหูลั่นเปรี๊ยะ... เสียงรอบข้างชัดแจ๋วเลยครับ... ;D ;D ;D


...แต่อาการที่เกิดจากการนั่งเครื่องบินคงหนักกว่าครับ...

ถ้าเป็นไม่มากลองขยับกรามแบบที่ในหูดังกึกเบาๆก็หายครับ....ถ้าทำเป็นระยะๆก็เป็นการป้องกันที่ได้ผล

ถ้าเป็นมาก ให้บีบจมูกแล้วเป่าลมออกทางจมูก .... วิธีนี้ใช้กันทั่วไปในหมู่คนดำน้ำ เค้าเรียก"ป๊อบหู" เวลาเปลี่ยนความลึกเร็วๆจะปวดหูเอาเรื่องทีเดียว บีบจมูกเป่าลมป๊อบเดียวหายขาดเลย  ;)

เขี้ยวหมากฝรั่งทั้งก่อนขึ้นบินและกำลังลงด้วยครับจะช่วยได้บ้างครับ

..ไม่เคยเป็นครับ.. ;D

อิอิ...เจ๊เรียกเคลียร์หูอ่ะ ::006::

ยิ่งวันใหนเป็นใข้หวัดด้วยทรมานสุดๆ

อิอิ

เป็นหวัดครับ......ถึงเจออาการที่ว่ากันมาทั้งหมด....แค่มีน้ำมูกใสๆ..ขึ้นเครื่องบินก็จะมีอาการหูอื้อครับ...วิธีแก้ไข
1. กลืนน้ำลาย..เคี้ยวหมากฝรั่ง
2. เอามือไปกดหลังใบหูนวดแรงๆจะช่วยคลายแรงกดดันของอากาศในหูชั้นกลาง
3. ทำ วาสซาว่า.. วิธ๊ทำคือ สูดอากาศเข้าไปแล้วปิดจมูกปิดปากสั่งออกมาแรงๆ ไม่แนะนำหากมีอาการหูอื้อจนปวด เพราะเป็นการเป่าอากาศจากภายในออกมา อาจจะทำให้แก้หูทะลุหรืออักเสบได้
4. หากเป็นหวัดพยายามหลีกเลี่ยงการนั่งเครื่องบิน ถ้าไม่เร่งด่วนจริงๆ

จริงด้วยครับ ครั้งล่าสุดที่ปวดมากๆเพราะไม่ค่อยสบายอยู่พอดี กลืนน้ำลาย นวดหู บีบจมูกทำหมดแล้วครับ ไม่หายเลย ยิ่งใกล้พื้นยิ่งปวด ลงจากเครื่องมึนเดินเป๋เลย

พอขึ้นไปแล้วไม่กล้าทำอะ่ครับ แค่ลองกลืนน้ำลาย หูก็ลั่นแล้วเหมือนมีลมออกหูเลย
แต่พอจิบนำ้แล้วรู้สึกดีขึ้น เคยปรึกษาพี่ท่านอื่นเหมือนกันเขาบอกว่าสภาพหูปรับแรงดันไม่ทัน
แต่มันน่าจะเป็นตอนขึ้นครั้งแรก นะครับ ครั้งหน้าจะลองเคี้ยวหมากฝรั่งดูครับ

ผมเป็นครับ เป็นโรคเดินทางโดยเครื่องไกลๆไม่ได้  ในประเทศไม่เป็นไร ไปถึงเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เกาหลี ออสเตรเลีย (เรียงระยะทางจากน้อยไปหามาก)
จะเป็น ทำป๊อปหูแล้ว ช่วยได้แค่ดีเลย์เวลาได้สัก10นาที หลังจากนั้น วิธีไหน เอาไม่อยู่ ปล่อยให้มดกัดแก้วหูจนถึงที่หมาย

ลงเครื่องได้สักไม่ถึง2 ชั่วโมงก็หายครับ แต่ไม่อยากเดินทางไกลกว่านี้ ตอนปวดมันหงุดหงิดมากๆๆๆๆๆๆๆครับ

ตอนปวดหูไม่กล้าเดินไปไหนเลย คิดอย่างเดียวว่าคนอื่นที่อยู่บนเครื่องมันเป็นแบบเราไหม
และอยากให้เครื่องลงจอดเร็ว ไม่แน่ใจว่า Air hostage จะมีวิธีแก้ให้เราไหมครับ

ผมมักจะกดทีหู2ข้างแรงๆแล้วปล่อยก็ดีขึ้น    เคลียร์หูก็ดีขึ้นเหมือนกัน

...ผมมักจะเกิดอาการปวดหูมากๆ ตอนช่วงที่เป็นหวัดหรือตอนที่หูชั้นกลางอักเสบครับ...  :( :( :(

พึ่งทราบ.. ผมเคี้ยวหมากฝรั่งเอา... :D

ขอบคุณครับ...

ยิ่งถ้าเป็นเครื่องขนาดเล็ก มันจะปวดกว่า
ไม่รู้เกี่ยวกันหรือเปล่า
หรือผมอุปทานไปเองก็ไม่รู้ครับ ;D

ถ้าหากเครื่องบินเล็กมากๆห้องโดยสารไม่ปรับแรงดันครับ...:D

แล้วนักบินเครื่องบินรบที่บินผาดโผนความเร็วเป็นมัคๆเนี่ยเขาจะมีอาการปวดหูไม๊ครับ

ยังสงสัยอยู่ เครื่องของpb air มันปรับหรือเปล่า
อย่างกะรถตู้ติดปีกแน่ะ

เครื่องบินพาณิชย์ มีเครื่องปรับความกดดันอากาศ ทุกลำครับ ท่านซับ เครื่องบินขนส่งทหารบางรุ่นยังติดเลย ;D

บนเครื่องบินห้ามเคลียร์หูนะครับ การเคลียร์หูดังกล่าวจะทำได้เนื่องจากสภาพภายนอกเกิดแรงดันสูงเช่นการดำน้ำ แต่บนเครื่องบินปวดหูเพราะแรงดันอากาศต่ำ อาจจะทำให้แก้วหูฉีกขาดได้ครับ

อู้ย............ปกติน้าซับแอบไปในกระเป๋าครับพี่จอย ::005::

        ผมแปลกแฮะ  พอเครื่องลง
ปั๊บ...ปรับแรงดันหูได้ง่ายมากแค่ขยับเกร็งกล้ามเนื้อ
ตรงขากรรไกรนิดเดียว  หายเลย  ไม่รู้เกี่ยวเนื่อง
เพราะการเล่นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าด้วยหรือเปล่า
เวลาเป่าเสียงสูงมาก ๆ รู้สึกลมมันดันทางหูด้วย

ผมใช้วิธีเรียกไวน์จากแอร์ช่วงอาหาร กินจนเมา ลงเครื่องยังเซเลย ;D

เมื่อวานโบอิ้งแอร์ตุรกี ตก เบื้องต้นกัปตัน ตาย3 ลูกเรือตาย6
ผู้โดยสาร 130 รอด แปลกไม๊
โปรดติดตามข่าวที่แน่นอนอีกทีนะ

ดูจากข่างแล้วผมเข้าใจว่าเป็น hard landing ครับพี่ ไม่ได้ตกครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร กำลังตามอยู่ครับ

เดาว่าลงพลาด กลายเป็นลงก่อนถึงรันเวย์มั๊งคะ เห็นตอนแถลงข่าวใช้คำว่า "short of runway"

ครั้งแรกที่ขึ้นเครื่องบิน ป๊ 1962 ไปอเมริกา ปวดหูครับ และต่อมาก็ปวด การเดินทางน่าเบื่อมาก ไม่ถึงสักที ครั้งหนึ่งกลับมากรูงเทพ คิดเล่นๆว่าถ้าใครมาขอให้บินกลับทันที ต้องจ้างผมหนึ่งล้านบาทจึงจะทำ ล้านสมัยโน้นนะครับ ไม่ใช่สมัยนี้

ครั้งสุดท้าย กันยายน 2002 ไม่มีอาการเลย ไม่เบื่อด้วย หลับตลอด

47 ปีต่อมาเลยเหรอครับ คงต้องเรียกคุณอาแล้วล่ะครับ....
เมื่อปี 1962 นั้น ผมเข้าใจว่าคงจะเป็นเครื่องรุ่นเก่าๆ ที่การปรับความดันของอากาศภายในเครื่องบินทำโดย Flight Engineer (ส่วนใหญ่จะเรียกกันว่านักบินที่ 3) แต่เครื่องบินยุคนี้ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทันสมัยหมดแล้ว

คุณลุง ท่านเป็นสมาชิกอาวุโส ในเวปเราครับ

ขอบคุณครับ จริงด้วย

ผมชุ่ยอีกแล้ว  :-X

คราวหลังถามแอร์โฮสเตสให้ดีเสียก่อน

ของวันทูโกจะมีถั่วไว้ให้เคี้ยวไม่ให้หูอื้อ

ของขบเคี้ยวมีแจกเกือบทุกสายการบินครับ

ไม่เคยเป็นอย่างที่บอกครับ  ครั้งสุดท้าย แอร์ถามว่า ไม่หนาวเหรอค่ะ ใส่เสื้อบางจังค่ะ ;D ;D ;D

 ;D

ยังไม่ถูกต้อง 100 % ครับ

ยืนยันว่าการทำ Valsava สามารถทำได้ในเวลาเครื่องลดระดับครับ.........
.
.

ถ้ารู้สึกว่าเป็นหวัดคัดจมูก........แนะนำให้พ่นยาขยายโพรงจมูกก่อนขึ้นบิน  จะช่วยได้เกือบ 100%

หรือให้ทานยาจำพวก pseudoephedrine ประมาณ 1 ชม ก่อนเครื่องจะถึงพื้น ยี่ห้อที่มีขายในบ้านเราก็ Clarinase (ตัวยาออกฤทธิ์ประมาณ 8 ชม.)

.
.
.

ที่ปวดหู หูอื้อ เพราะแบบนี้ครับ ตามรูปข้างล่าง

(http://www.atmo.arizona.edu/students/courselinks/spring06/atmo336/lectures/sec1/AirplanePressure.jpg)


ต่อมาเรื่องการปรับความดันในห้องโดยสาร

การปรับความดันในห้องโดยสารนั้น จะมีการ เพิ่ม/ลด ความดันหลายเฟส......

คือก่อนที่เครื่องจะเทคออฟ จะมีการเพิ่มความดันในเครื่องให้ต่ำลงไปกว่าระดับพื้นดินเดิน ประมาณ 500-2000 ฟิต......

จากนั้นเมื่อเครื่องเริ่มไต่ระดับ จะค่อยๆลดความดันลง จากนั้นจะเพิ่มความดันชดเชยในห้องโดยสาร (กลไกของเครื่อง แต่เราะจะรู้สึกว่าความดันค่อยๆลดแบบคงที่) จนจะปรับความดันเท่ากับความสูงประมาณ 8000 ฟิตแล้วแต่ความสูง จากนั้นจะเท่ากับ 8000 ฟิตนี้ไปตลอด  ซึ่งความเปลี่ยนแปลงน้อยมาก และมักไม่พบอาการที่ผู้โดยสารจะปวดหูเวลาเครื่องวิ่งขึ้น...

 (ถ้าไม่ปรับความดันเลยที่ความสูงเดินทาง รับรองว่าสลบในเวลา 3-30 วินาที เนื่องจากความหนาแน่นของออกซิเจนในอากาศไม่พอหายใจ............
แล้วทำไมไม่ปรับให้เท่าที่พื้น ทำไมปรับแค่เท่ายอดเขาความสูง 8000 ฟิต....เพราะถ้าปรับมากกว่านั้น ความแข็งแรงของโครงสร้างจะรับไม่ไหว หรือถ้าให้รับไหว น้ำหนักเครืองจะเพิ่มจากเดิมมหาศาล)

ส่วนมากที่หูอื้อ ปวดหู จะเป็นตอนที่เครื่องลดระดับ เนื่องจากจะมีการเพิ่มความดันจากความสูง 8000 ฟิตที่ว่า เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเท่ากับความดันบรรยากาศที่พื้น...... ระหว่างการเพิ่มความดันตอนลดระดับนี่เองที่เราอาจจะต้องมีการทำ Valsava เพื่อปรับความดันในกระโหลก.....


ลองดูกราฟคร่าวๆครับ

(http://www.fs-academy.co.kr/img/img_a320v3_4.jpg)


(http://www.boeingcapital.com/p2p/archive/06.2006/images/comfortablecabin_lg.jpg)
รูปนี้เฉพาะ 787 นะครับ เพราะถูกออกแบบให้ cabin altitude เท่ากับความสูงแค่ 6000 ฟิต ซึ่งเครื่องทั่วๆไป จะปรับที่ 8000 ฟิต

Khun Tudmala krub,

Do you know, why cabin altitude of B787 is designed to be at the  maximum of 6,000 ft (not 8,000 ft)?
Sorry, I'm not in Thailand at the time being.

ความสบายของผู้โดยสารครับ......

ยิ่ง cabin altitude ใกล้พื้นเท่าไร ออกซิเจนก็มากกว่า....ความชื้นมากกว่า.....สบายกว่า....

แต่โครงสร้างต้องแข็งแรงกว่า....
.
.

ที่ 787  การที่มีความแตกต่างระหว่าง cabin altitude กับ aircraft altitude ได้มากกว่าเครื่องแบบเดิมๆเพราะ ตัวเครื่องของ 787 ใช้ composite material

จึงสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างลำตัว/น้ำหนักได้สูงกว่าโลหะล้วนอย่างเครื่องบินปัจจุบัน
.
.

ที่ความสูง 6000 ฟิต จะมีความดันภายในเคบินมากกว่าที่ความสูง 8000 ฟิต...ทำให้ความแตกต่างภายในกับภายนอกมากขึ้น ภาระของโครงสร้างมากขึ้น

โดยปรกติเครื่องบินสามารถรับความแตกต่างของความดันระหว่างภายในกับภายนอก ได้ประมาณ +8psi, -1psi

แต่ 787 น่าจะได้ประณ 9+ psi (ยังไม่ได้ spec แน่นอน)

แทงก์กิ้ว ท่านทัด

ขอบคุณครับคุณทัดมาลา

ขออนุญาตถามต่อเลยนะครับ ว่า คุณทัดฯ มีรูปกราฟอย่างที่แสดงมาก่อนหน้านี้ สำหรับเครื่องบินแบบ B777-200ER  และ A340-500 หรือเปล่าครับ คืออยากจะเทียบดูน่ะครับ ว่าเครื่องสามารถบินไกลมากๆ ในทุกวันนี้ เขาออกแบบ Max. cabin altitude ไว้ที่ต่ำๆ (6000ft.) แบบ B787 หรือไม่? การที่รักษาระดับ cabin altitude ไว้ที่ 8000ft สำหรับการที่เดินทางไกลมากๆ จะมีผลต่อร่างกายของคน (Human factor ต่างๆ เช่นระบบสมอง, การไหลเวียนของเลือดในร่างกายผู้โดยสาร, อัตราส่วนผสมของออกซิเจนในเลือด ฯลฯ) ด้วยหรือไม่?

เอ.....หรือว่าเราควรจะตั้งคำถามกับคุณหมอทั้งหลายดีครับ????

การที่เครื่องบินจะต้องรักษาระดับของความกดอากาศภายในไว้ที่ 8000 ฟุต ในขณะที่เครื่องบินจะบินอยู่ที่ระดับ 43000-51000 ฟุต หากเครื่องบินบินต่ำกว่านั้นความกดอากาศจะเปลี่ยนแปลงตามระยะความสูงของเครื่องบิน ซึ่งในระดับความสูงตั้งแต่ ระดับน้ำทะเลหรือต่ำกว่าเล็กน้อยจนถึง 14000 ฟุต จะมีปริมาณอ๊อกซิเจนเพียงพอสำหรับมนุษย์ที่หายใจอย่างปรกติ แต่ที่เครื่องบินนั้นปรับความดันสูงสุดไว้ที่ 8000 ฟุตนั้นเป็นเรื่องของความปลอดภัย หากความกดอากาศสูงกว่าที่กำหนดไว้ แสดงว่ามีความผิดปรกติของระบบปรับความดัน ซึ่งสามารถแก้ไขได้ และหากความกดอากาศทะลุไปถึง 14000 ฟุต หน้ากากอ๊อกซิเจนจะหล่นลงมาโดยอัตโนมัติ

มาถึงเรื่องอาการหูอื้อ เครื่องบินขึ้นหรือลง จะมีอัตราการไต่หรือลดระดับภายในห้องโดยสารอยู่ระหว่างไม่เกิน 1000 ฟุตต่อนาที ในขณะที่ตัวเครื่องบินอาจจะมีอัตราการไต่หรือลดระดับตั้งแต่ +4000 - -4000 ฟุตต่อนาที ซึ่งอัตรานี้ร่างกายมนุษย์สามารถปรับตัวเข้ากับความสูงที่เปลี่ยนแปลงไป หากอัตราการไต่ภายในห้องโดยสารสูงมากเกินไป ความเปลี่ยนแปลงของความกดดันอากาศจะทำให้เกิดอาการหูอื้อ เพราะอากาศที่อยู่ในแก้วหูชั้นในปรับตัวไม่ทันกับอากาศที่อยู่ในแก้วหูชั้นกลาง

เรื่องของ Human Factor ที่มีผลต่อการบินระยะไกล จะเกิดการเหนื่อยล้า ที่ที่เรียกกันว่า Jet-Lack เราจะรู้สึกอ่อนเพลียกับการนั่งเครื่องบินนานๆ วิธีที่จะลดความเมื่อยล้าจากการเดินทาง คือการพักผ่อนระหว่าเดินทางให้มากที่สุด งดการดื่มเครื่องดื่มมึนเมา ทานอาหารไม่อิ่มจนเกินไป ออกกำลังกายเล็กน้อย เช่นการเดินไปมาในห้องโดยสาร สิ่งเหล่านี้จะช่วยมากเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง

แต่เรื่องการปรับตัวเข้ากับเวลาท้องถิ่นนั้น เป็นความสามารถเฉพาะตัว ส่วนตัวผมเองหากเดินทางไปอเมริกา จะบังคับให้ตัวเองหลับเมื่อถึงเวลาประมาณสามทุ่มเวลาท้องถิ่น  หรือเดินทางโดยผ่านทางยุโรปเข้าอเมริกา ส่วนเวลาที่ยุโรปนั้นไม่ต่างจากเรามากเท่าไหร่และการเดินทางออกจากไทยจะเป็นเวลากลางคืนก็จะหลับตลอดเส้นทางเมื่อถึงที่หมายจะเช้าพอดี

หากยังสงสัยหรืออธิบายไม่เข้าใจ ลองโทรปรึกษาที่ สถาบันเวชศาสตร์การบิน โรงพยาบาลภูมิพล กรมแพทย์ทหารอากาศ 025342610, 025342621

ขอบคุณพี่่ flyingkob มากครับ

..... ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ครับ...................

ผมไม่มีกราฟของทั้งสองเครื่อง เพราะไม่มี FCOM อยู่ในมือ....

แต่บอกได้เลยว่า Cabin altitude 8000 feet เป็นมาตรฐาน ICAO ค่าสูงสุดครับ....

แต่ถ้าเครื่องบินต่ำๆ เช่นจะไปยุโรป ช่วงแรกๆจนเลยอินเดีย Cabin Altitude อาจจะอยู่ที่ 5000 ฟิตครับ

แต่พอเครื่องน้ำหนักเบาลง ก็จะขอบินสูงขึ้น ถ้าสูงมากๆ Cabin Altitude จะเพิ่มขึ้นจนสูงสุดที่ 8000

การที่มีการเพิ่ม/ลดความดันในห้องโดยสารก็เพื่อให้ผู้โดยสารสบายสุด และชดเชยความแข็งแรงของโครงสร้างครับ

เครื่องบินสมัยใหม่ยิ่งบินสูง อากาศในเครื่องจะยิ่งแห้งมาก.....ออกซิเจนน้อย

ผิวแห้ง หน้าลอก เลือดข้น....ตาเหลือง เป็นเรื่องปรกติไปแล้วสำหรับผู้ทำงานในอากาศ

ยิ่งถ้าบิน Long haul กินอยู่ในเครื่องครั้งละ 12-13 ชม. ร่างกายยิ่งปรับสภาพให้เลือดข้นง่าย

แล้วอาการเลือดข้นนี่ ต้องทำยังไงถึงจะป้องกันได้คะ ?

อาการเลือดข้น จะเกิดกับผู้ทำการในอากาศแบบสม่ำเสมอ คืออยู่บนเครื่องรอบละสิบชม. เดือนละสัก สิบครั้ง...

เพราะเม็ดเลือดทำการปรับตัวให้สามารถนำพาออกซิเจนไปได้มากขึ้น เนื่องจากที่สูงๆออกซิเจนเบาบาง

ถ้าแค่ผู้โดยสารธรรมดาๆ นานๆเดินทางที หรือ เดินทางบ่อย แต่ ชม. บินแค่ หนึ่งหรือสอง ชม... ไม่เป็นครับ

การป้องกันคือออกกำลังกายมากๆ ให้เม็ดเลือดสามารถนำพาออกซิเจนได้มากครับ

ขอบคุณค่า

ผมไม่เคยเป็นตอนนั่งเครื่องเลยครับ

เคยปวดหูมากๆครั้งเดียว

ตอนเป็นหวัด แล้วเพื่อนชวนไปดำน้ำ

ลงไปยังไม่สี่สิยฟุตเลย  ปวดมากๆ  เคลียหูไม่ได้

ขึ้นเลย  เซ็ง :P