หัวข้อ: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 06:40:16 PM (http://www.pixnice.com/upload/files/4ezwnydkrzn2nzztghlf.bmp) (http://www.pixnice.com/upload/)
นายแพทย์อารีย์ วชิรมโน กับประสบการณ์รักษามะเร็งด้วยตัวเอง วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ : สัมภาษณ์ ปีนี้คุณหมออารีย์มีอายุได้ ๗๗ ปีแล้ว เป็นคนร่างเล็ก ผิวพรรณดี หน้าตาแจ่มใสดูราวคนอายุ ๕๐ ต้น ๆ หลายปีก่อนท่านป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จึงตัดสินใจเดินทางกลับเมืองไทย คุณหมอเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในชนบท และตั้งใจสู้ชีวิตครั้งใหม่ ต่อสู้กับมะเร็งด้วยการไม่ผ่าตัด ไม่ฉายรังสี ไม่ยอมให้คีโม แต่ใช้แนวทางแบบธรรมชาติบำบัด โดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ให้กลับไปสู่ธรรมชาติให้มากที่สุด คุณหมอปฏิบัติตัวสม่ำเสมอ ตั้งแต่การเลือกกินอาหารเฉพาะผัก ผลไม้ การกินวิตามินเสริม การออกกำลังกาย การล้างพิษ การพักผ่อน ทำตัวให้อารมณ์ดีไม่เครียด มองโลกในแง่บวก ความตั้งใจที่จะมีชีวิตต่อไป และที่สำคัญคือกำลังใจจากครอบครัว สามเดือนผ่านไปคุณหมออารีย์รอดพ้นความตายจากมะเร็ง ทุกวันนี้คุณหมอใช้ชีวิตในบ้านไร่แห่งหนึ่งของจังหวัดสกลนคร คอยให้ความช่วยเหลือชาวบ้านยากจนที่ป่วยเป็นมะเร็ง ในขณะที่มีผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายจากทั่วประเทศหลายคนเดินทางมาหาท่าน คุณหมออารีย์บอกว่า คนเป็นมะเร็งส่วนใหญ่จิตใจจะห่อเหี่ยว และสิ้นหวัง แต่ การรักษามะเร็งนั้นจิตใจสำคัญที่สุด เราต้องทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีความหวังที่จะมีชีวิตต่อไป แต่ยอมรับว่าโอกาสที่ผู้ป่วยมะเร็งจะหายได้นั้น ท่านช่วยได้เพียงครึ่งเดียว คือการจัดหาวิตามิน เกลือแร่ชนิดต่าง ๆที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างภูมิต้านกิน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับตัวคนไข้เอง ที่จะยอมปฏิบัติตามแนวทางการรักษา ๗ อ ของท่านหรือไม่ ๗ อ ที่ว่านี้คือ ควบคุมอาหาร เอาพิษออกจากร่างกาย อารมณ์ดี ไม่เครียด สูดอากาศบริสุทธิ์ เอนกายหรือการพักผ่อนให้เพียงพอและอิทธิบาทสี่ หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 06:41:23 PM ผู้ป่วยมะเร็งหลายคนที่ได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ หลายคนเสียชีวิต แต่หลายคนที่ปฏิบัติอย่างจริงจังอาการดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ คุณหมอบอกกับเราว่า มะเร็งไม่เคยให้โอกาสกับใครเป็นครั้งที่ ๒ ขณะที่มะเร็งกำลังเป็นโรคฮิตที่ไต่ขึ้นอันดับหนึ่งในยุคปัจจุบัน ลองพิจารณาบทสัมภาษณ์ครั้งนี้ แล้วคุณอาจจะรู้ว่า จะเริ่มต้นดูแลสุขภาพอย่างจริงจังของคุณและคนใกล้ชิดอย่างไร
- คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านไหนครับ ผมเป็นหมอผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ผมจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและที่มหาวิทยาลัยมอสโกด้วย ผมสอนนักศึกษาปริญญาเอกที่ฮาร์วาร์ดมาเป็นเวลา ๓๐ ปี - ทำไมคุณหมอจึงตัดสินใจเดินทางกลับเมืองไทย ผมตั้งใจจะกลับมาตั้งนานแล้ว พอดีเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย ทีแรกนึกว่าเป็นนิ่ว ปัสสาวะมันขัด พอไปเอกซเรย์ดู ต่อมลูกหมากโตเบ้อเริ่ม เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็งผมก็ตัดสินใจกลับมาตายเมืองไทย อยากกลับมาหาแม่ และอยากกลับมาอยู่ป่า เพราะอยู่ป่าคอนกรีตมา ๓๐ กว่าปีแล้ว ตอนเป็นมะเร็งหนัก ๆ จะตายแล้ว ลูกสามคนไปให้กำลังใจ ตอนนั้นผมคิดว่าคงอยู่ไม่ถึงอาทิตย์ พอลูกเตือนสติว่า ไหนป๋าบอกว่าจะมีอายุอยู่ถึง ๑๒๑ ปีให้ได้ ป๋าผิดคำพูด สู้ไม่จริง .. นั่นแหละ จึงได้คิดว่าจะลองสู้ดูสักตั้งไหม มะเร็งไม่เคยให้โอกาสคนครั้งที่ ๒ ผมไปซื้อรองเท้ามาฝึกเดิน แล้วคิดว่าจะแก้เรื่องเครียดยังไง เพราะ ความเครียดเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งทีเดียว คิดไม่ออก นอนปลงอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ คิดว่าถ้ากูตาย ลูกจะรู้หรือเปล่า ใครจะไปบอก เพราะผมอยู่ในป่าคนเดียว จนกระทั่ง คิดหาวิธีแก้เครียดได้ คือการคิดแบบตรงกันข้าม เช่นมีคนมาลักวัวเรา ก็ไม่ต้องเครียด ถือเสียว่าได้ชดใช้กรรมกันในชาตินี้ เพราะชาติที่แล้วกูไปลักของเขามา หรือมีคนด่าเรา ถือเราได้บุญ เพราะช่วยให้คนที่ด่าเราหายเครียด ได้ระบายอารมณ์ พอคิดได้อย่างนี้ ตอนหลังคิดอะไรเป็นตรงกันข้ามหมด คิดว่าเราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อลูกนะ และแม่เรายังอยู่ เราจะตายก่อนแม่ได้อย่างไร และแม่เราเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่รู้จักรักษาสุขภาพตัวเอง แต่เราเป็นหมอ จะมาตายกับโรคโง่ ๆ อย่างนี้ไม่ได้ เราอายแม่ อายหมาด้วย หมายังไม่เป็นมะเร็งเลย เมื่อมันเป็นแล้ว ถ้าเรายังแก้ไม่ได้ เราไม่ใช่คน แต่เราก็รู้ว่าการที่จะสู้ ต้องสู้ด้วยจิต ฝึกจิตให้ได้ เริ่มคิดไปในทางบวก อะไรก็ดีหมดทุกอย่าง หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 06:42:07 PM - มะเร็งนี่ถือว่าทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปเลย
ใช่ครับ แต่ก่อนผมเป็นคนดุมาก อารมณ์เกรี้ยวกราด ไม่ยอมคน เหี้ยมมากจนลือชื่อเลย ผมได้คิดว่าความเหี้ยม สิ่งแวดล้อม บวกกับการกินอาหารซึ่งผมกินเนื้อแบบฝรั่งตลอด ทำให้ผมเป็นมะเร็ง แต่พอป่วย เรารู้ว่าจะหายจากมะเร็งได้จิตต้องเปลี่ยน นิสัยการกินต้องเปลี่ยนอย่างเด็ดขาด เท่านั้นแหละ ดีวันดีคืน ค่ามะเร็งลดลงอยู่แค่ ๗ จาก ๕๗๑ ซึ่งเป็นค่ามะเร็งระดับสูง ผมรักษาตัวอยู่ ๓ เดือนกว่า หายเลย โรคอื่นก็พลอยหายไปด้วย เบาหวานก็ไม่เป็น โรคเกาต์ที่ต้องกินยามา ๒๐ กว่าปี ตอนนี้หายหมด คิดถึงมันมากเลย คือเรา ไม่กินเนื้อ ไขมัน กินแต่ผัก ผลไม้ เกลือแร่และวิตามิน ผมอยู่ในป่า อาหารที่กินประจำคือข้าวกล้องและใบบัวบก บางทีก็มีคนซื้อกล้วย ซื้อส้มมาฝากบ้าง - ทำไมจึงกินเฉพาะข้าวกล้องกับใบบัวบกครับ เพราะแถวนั้นไม่มีอะไรจะกิน เราอยู่คนเดียวในป่า ผมอ่านหนังสือเจอว่า คนอายุยืนที่สุดในโลกเป็นคนจีน ชื่อศาสตราจารย์ลียุนชุง เกิดปี ค . ศ . ๑๖๗๗ ตายเมื่อปี ค . ศ . ๑๙๓๓ เขากินมังสวิรัติ ที่กินอยู่เป็นประจำคือโสมจีนและใบบัวบก ตอนอายุ ๒๐๐ ปียังไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยซินเกียง ๒๘ ครั้ง ท่านเสียชีวิตตอนอายุ ๒๕๖ ปี หน้าตาท่าทางเหมือนกับคนอายุ ๕๐ ปีแค่นั้น ท่านบอกว่าเป็นเพราะ อาหารและความไม่เครียด ตามจริงถ้าจะรักษามะเร็ง กินแค่นั้นไม่ได้ ต้องกินวิตามินจำนวนมากช่วยด้วย แต่ว่าจิตเราได้ เราต้องอยู่เพื่อแม่นะ จิตเราต้องสู้นะ วันนี้เดิน ๑๐ ก้าว พรุ่งนี้ต้องเดิน ๑๕ ก้าวให้ได้ มะรืนนี้ต้อง ๒๐ ก้าวให้ได้ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฝึกหายใจนะ อยากจะมีชีวิตอยู่ อยากจะหาย แต่ก่อนมีความคิดว่าตายเมื่อไหร่ก็ช่างมัน ทรมานเหลือเกิน ไม่รู้อยู่ทำไม มีแต่สิ่งไม่ดีในโลกนี้ เบื่อหน่ายเหลือเกิน คือมองไปทางไหนก็เป็นลบหมด เดี๋ยวนี้มองอะไรเห็นเป็นสีชมพู สีเขียว สดชื่นไปหมด คนด่าก็ยิ้ม มีความสุข ฉะนั้นทุกวันนี้ผมมองโลกในแง่บวก มะเร็งทำให้เราคิดว่า การสู้กับมะเร็ง ใครชนะมะเร็งได้ เหมือนคนนั้นตรัสรู้แล้ว พออาการมะเร็งเริ่มดีขึ้น ๆ รู้ทันทีว่าทำไมจิตใจเราเห็นอะไรดีไปหมด ผมไปสะดุดมีดสะดุดพร้า เท้าแหกเลย เรายังขอบคุณมัน ที่ช่วยเตือนสติว่าจะเดินไปไหนต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว ทีหลังอย่าซุ่มซ่ามแบบนั้น คิดเสียว่าเป็นมะเร็งก็ดีนะ ถ้าไม่เป็นมะเร็ง เราคงเป็นคนเหี้ยมโหดเหมือนเก่า หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 06:42:52 PM - คุณหมอรักษาตัวอยู่ ๓ เดือนหายเลย ใช้วิธีคุมการกินอาหารและไม่เครียด ... ใช่ไหมครับ
อาหารเราต้องงดเนื้อสัตว์เด็ดขาดเลย งดอาหารปรุงแต่ง เนื้อปลาก็ไม่กิน ในช่วงนั้น เราต้องถนอมตับที่สุด เพราะตับเป็นอวัยวะที่เป็นฐานทัพใหญ่ ถ้าตับเราไม่ดี เสร็จเลย ร่างกายจะฟื้นไม่ได้ ตับสำคัญที่สุด วิธีถนอมตับคืออย่ากินมาก อย่าสะสมพิษให้ตับทำงานหนัก อย่าท้องผูก กินอาหารโปรตีนเข้าไปเยอะ ๆ ตับก็ทำงานหนัก เมื่อตับเราดี มันสามารถช่วยอย่างอื่นหมด ไตก็ผลพลอยได้ประโยชน์ด้วย เดี๋ยวนี้หน้าตาเราสดใส เมื่อก่อนหน้าตาเราโทรม ดังนั้นความเครียดจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องจัดการให้ได้ - หากแก้ปัญหาเรื่องเครียดได้แล้ว โอกาสหายจากมะเร็งก็สูงขึ้น ก็เรา เคยเห็นคนบ้าเป็นมะเร็ง เป็นเบาหวาน ความดัน หรือท้องเสียไหมล่ะ ขนาดเขาหาของกินจากถังขยะ เคยเห็นคนบ้าเป็นมาลาเรียหรือไม่ แต่อย่าไปตรวจเลือดนะ เชื้อมาลาเรียเต็มเลย แต่เชื้อทำอะไรเขาไม่ได้ เชื้อโรคเหล่านี้ความจริงมันเป็นเพื่อนเรา ฉะนั้นจิตเป็นเรื่องสำคัญ ทำอย่างไรไม่ให้เครียด มีแม่ชีคนหนึ่งมาพบผม เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว ทีแรกบวชเพราะต้องการทำสมาธิ แต่ทำไม่ได้ คอยแต่คิดถึงกิจการโรงงานที่กรุงเทพฯ ห่วงลูกที่ยังเรียนหนังสือ ผมบอกว่าปล่อยวางซะเถอะครับ ตัดเรื่องเครียดอะไรได้ ตัดเถอะ จากเดิมที่อาการหนักใกล้จะเสียชีวิตอยู่แล้วเพราะเป็นมะเร็งที่เต้านม แล้วเข้าปอด เข้าสมองแล้ว พูดก็เบลอ ๆ ปรากฏว่าตอนหลังปฏิบัติเรื่องจิตได้ ไม่เครียด ตอนนี้หาย ไม่มีอาการอะไรเลย เห็นว่าครั้งหลังสุดไปทำสแกนดู ปรากฏว่าเซลล์มะเร็งหดลงแทบมองไม่เห็นแล้ว สุขภาพก็ดี ตอนนี้จิตเขาสบายมากเลย - เมื่อคนไข้หายเครียด มองโลกในแง่บวก ทำไมร่างกายจึงดีขึ้น หากท่านสามารถทำให้จิตของท่านมองโลกในทางบวก หรือทำให้จิตของท่านมีสมาธิ ตัวจิตนี้จะไปกระตุ้นต่อมพิทูอิตารี ให้หลั่งโกรทฮอร์โมนมา พวกนี้เป็นฮอร์โมนที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ ต่อมแอดดินอล ให้ขับแต่ฮอร์โมนชนิดดี ๆ ออกมาเพื่อจะไปกระตุ้นให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงาน จนกระทั่งต่อมต่าง ๆ ที่ผลิตภูมิต้านกินหรือเม็ดเลือดขาว ทำงานได้เต็มที่ คือ มันเริ่มมาจากจิต เมื่อจิตคิดดีทำดี หรือสามารถทำสมาธิได้ สมองส่วนนี้ก็จะขับฮอร์โมนที่เป็นประโยชน์ออกมาทันที แต่ถ้าจิตมองโลกในทางลบ สมองส่วนนี้แทนที่จะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนชนิดดีออกมา มันไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้ผลิตฮอร์โมนอะดรินาลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกิดจากความเครียด ทำให้ผลิตเม็ดเลือดขาวที่อ่อนแอออกมา แล้วอย่าลืมว่าโกรทฮอร์โมนประกอบไปด้วยกรดอะมิโน ๑๙๑ ชนิด แต่ท่านไม่ต้องเที่ยวหาซื้อกรดอะมิโนพวกนี้มากิน มันอยู่ที่ตับเรา สามารถสังเคราะห์ได้หมด การที่จีนฝังเข็มหรือกดจุดก็เพื่อต้องการให้ตัวนี้หลั่ง คนไข้จะได้ไม่เจ็บปวด หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 06:44:07 PM (http://www.pixnice.com/upload/files/mmejtgz1ymju5em2fm2n.bmp) (http://www.pixnice.com/upload/) - ฝึกอย่างไรให้เป็นคนมองโลกในแง่บวก คนที่เคยเครียดมาแล้ว จะเปลี่ยนทันทีไม่ได้ ผมหายจากมะเร็งได้ ผมโชคดีมาก อาทิตย์เดียวผมเปลี่ยนจิตได้เลย มันเหมือนมีอะไรมาดลใจ รู้ทางเลย แต่ก่อนสอนนักศึกษา สอนได้หมด พอเจอกับตัวเอง ลืมหมด แก้ไม่ถูกเลย พอแก้ได้ อาทิตย์เดียว หน้ามือเป็นหลังมือเลยทั้งที่จะตายอยู่แล้ว ตอนนั้นแหละที่ว่าผมหนัก มากๆ ลูกสามคนมาเยี่ยม ช่วงนั้นผมใกล้จะเสียชีวิตแล้ว ลูกสามคนมาให้กำลังใจ ผมก็คิดว่าถ้าเราจะสู้ซักตั้ง เราจะรอดมั้ย เพราะ มะเร็งไม่เคยให้โอกาสใครครั้งที่ ๒ อีกเลย ก็ลองดู วันนั้นนอนหมดกำลังใจอยู่ ก็คิดได้ หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ แก้เรื่องจิตได้ ก็หายวันหายคืน กระทั่งทุกวันนี้ ความเกลียดชัง ความเครียด หรือมีอะไรมากระทบจิตใจ อยู่ในตัวผมไม่เกิน ๑ นาทีเด็ดขาด ผมต้องแก้ให้ได้ เพื่อเปลี่ยนอารมณ์เป็นตรงกันข้ามทันที พระพุทธองค์ท่านบอกว่า จิตอยู่ที่ไหน พลังอยู่ที่นั่น ไอน์สไตน์มีความเชื่อว่า พลังที่รุนแรงที่สุด มีอำนาจที่สุดในโลกนี้ สู้พลังจิตไม่ได้ แม้แต่ตัวท่านเองที่สามารถคิดค้นปรมาณูได้ว่ามีพลังมหาศาล แต่ก็สู้พลังจิตไม่ได้ ท่านจึงหันมานับถือศาสนาพุทธ กินมังสวิรัติ เพื่อที่จะได้ศึกษาเรื่องจิต ปรากฏว่าไม่มีใครที่จะให้ความรู้ให้ท่านได้เพียงพอเกี่ยวกับแนวทางการทำสมาธิ ท่านก็เลยไม่สำเร็จ เสียชีวิตก่อน ผมติดใจที่ไอน์สไตน์นับถือศาสนาพุทธทั้ง ๆ ที่เป็นยิว - ตั้งแต่เป็นมะเร็ง คุณหมอไม่ได้รักษาทางแพทย์แผนปัจจุบันเลยใช่ไหมครับ หรือว่าเคยรักษาแล้วแต่ไม่ได้ผล ไม่รักษาเลย เพื่อนบอกว่าต้องผ่าตัดก็ไม่เอา เพราะมันไม่ใช่ทางนี้ คือเรารู้มาอย่างละเอียดแล้วว่าเราชนะจิตใจเราได้มั้ย ถ้าเราควบคุมจิตเราได้ ก็จบ แต่ถ้าเราควบคุมไม่ได้ เราก็ตาย ผมมีเพื่อนเป็นโปรเฟสเซอร์ทั้งผัวเมีย เป็นมะเร็งตายทั้งคู่ เขารักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน คือผ่าตัดและคีโม แต่ผมไม่เอา อันที ่จริงผมสนใจเรื่องการรักษาแบบธรรมชาติมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ จนกระทั่งเป็นมะเร็ง แล้วสนใจมาทดลองกับตัวเองจนหาย ตอนหลังมีโอกาสได้ใช้กับคนไข้เยอะมาก ก็เห็นว่ามีผลดีและหายแบบยั่งยืนเสียด้วย ก็เลยศึกษามาเรื่อย ๆ - หลักการรักษามะเร็งของคุณหมอนอกจากเรื่องความเครียดแล้ว ยังมีอะไรอีกบ้าง วิทยายุทธ์ที่เราจะสู้กับมะเร็งอันดับแรก คือ หยุดการขยายตัวของมะเร็งด้วยการควบคุมอาหาร อย่างแรกคือลดไขมันให้น้อยที่สุด เพราะ ไขมันเป็นอาหารอันดับหนึ่งที่มะเร็งชอบที่สุด ตามปรกติในข้าว พืชผักทุกชนิด มีไขมันเพียงพออยู่แล้ว ที่เราเกิดโรคภัยไข้เจ็บทุกวันนี้เพราะไขมันเกิน ไขมันที่เรากินทุกวันมันเกิด ออกซิไดซ์ เป็นอนุมูลอิสระหมดแล้ว เพราะการสกัดไขมันเราใช้ความร้อน พอถูกความร้อน ไขมันมันเสีย และไขมันที่ใช้แล้วใช้อีกยิ่งหนักเข้าไปอีก อย่างพวกปาท่องโก๋ กล้วยแขก พวกนี้เป็นสารก่อมะเร็ง คนอ้วนเวลาเป็นมะเร็งจะลามเร็วมากเพราะมันได้อาหาร มะเร็งเหมือนต้นไม้เรา อยากให้ต้นไม้หยุดการเจริญเติบโต เราต้องหยุดให้น้ำหยุดให้ปุ๋ย มันจะชะงัก ใบร่วงเลย แต่ต้นไม่ก็ยังไม่ตาย มนุษย์เราเหมือนกัน อย่าให้อาหารที่มะเร็งชอบ อาหารอย่าง ต่อมาที่ต้องลดคือโปรตีนจากเนื้อสัตว์และพืชโดยเฉพาะถั่วเหลือง เมื่อเรากินโปรตีนเข้าไปมาก และร่างกายนำโปรตีนไปเผาผลาญเป็นพลังงานแล้ว จะเกิดของเสียคือแอมโมเนีย ตัวนี้เป็นตัวร้าย มันเวียนกลับไปทำให้ตับต้องทำงานหนักเพื่อเปลี่ยนเป็น ยูเรีย ออกมาทางไตเป็นส่วนมากและออกมาทางลำไส้ใหญ่ ทำให้อุจจาระมีกลิ่นเหม็น พิษจากลำไส้ใหญ่จะถูกดูดซึมกลับเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้ระบบทุกอย่างในร่างกายขัดข้องหมดเลย คนท้องผูกจะหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี ดังนั้น ตับกับไตทำงานหนักเพราะกินโปรตีนเข้าไป โดยเฉพาะคนที่เป็นมะเร็งในตับต้องระวังที่สุด หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 06:45:35 PM - คนปรกติต้องการโปรตีนวันละกี่กรัมครับ คนปรกติต้องการโปรตีนไม่เกิน ๓๕ กรัมต่อวัน ฉะนั้นคนที่เป็นมะเร็งลำพังโปรตีนที่ได้จากข้าวกล้อง พืชผัก ผลไม้ก็พอเพียงแล้ว พออาการค่อยยังชั่วหน่อย เราก็กินเห็ดซึ่งมีโปรตีนสูงและมีเกลือแร่มากที่สุด มีมากกว่าเนื้อแดงด้วยซ้ำ แต่เห็ดที่มีคุณภาพสูงมากที่สุดคือ เห็ดมิตาเกะ ที่ญี่ปุ่นขายแพงมาก มันมีสารที่ป้องกันมะเร็งและสารที่สร้างภูมิต้านทานสูงมาก สารตัวนี้เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งแต่เป็นโปรตีนที่มีประโยชน์ อาหารอย่าง ที่ต้องลดคือแป้งขัดขาว น้ำตาล ของหวาน อย่างข้าวขาวนี่เวลาย่อยแล้วเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้เร็วมาก หากเราใช้ไม่หมดมันจะถูกส่งไปเก็บไว้ในตับหรือในกล้ามเนื้อ เวลาร่างกายต้องการจะดึงกลับมาใช้อีก พอเหลือมันกลับไปเป็นไขมัน บางคนบอกว่าฉันไม่ได้กินไขมันเลย ทำไมฉันยังอ้วนก็ไม่รู้ ก็เล่นกินขนมขบเคี้ยวไม่หยุด ของพวกนี้มันเปลี่ยนเป็นไขมัน ได้ ตับเปลี่ยนไขมันหรือน้ำตาลเป็นโปรตีน และยังเปลี่ยนน้ำตาลกลับมาเป็นโปรตีนและไขมัน *********** จาก fwd-mail ครับ ********** อาจเป็นประโยชน์สำหรับใครบางคน หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: vuttichai ที่ มีนาคม 05, 2009, 06:46:55 PM เป็นข้อความที่ดีอันนึง. ::002::
หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: Nat_usp ที่ มีนาคม 05, 2009, 06:54:15 PM อันนี้หลอกลวงครับ ( จริงๆ ) หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 06:56:37 PM อันนี้หลอกลวงครับ ( จริงๆ ) เป็นเรื่องแอบอ้าง หรือ แต่งขึ้นเองหรือครับ หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: Nat_usp ที่ มีนาคม 05, 2009, 06:57:47 PM หัวข้อ: หมอลวงโลกอีกแล้ว นพ.อารีย์ วชิรมโน
เริ่มหัวข้อโดย: worachai ที่ 14 ธันวาคม 2004, 09:07:46 am -------------------------------------------------------------------------------- พอดีเจอเพื่อนอีกเวบนึงโพสข่าวเรื่องนี้ เลยลองค้นหากระทู้เก่าของเราว่ามีคนชื่อนี้มั้ย เพราะคุ้นๆว่าน่าจะคนเดียวกัน สรุปว่าใช่ครับ ลองอ่านดูสิครับ เราได้หนังสือเล่มนี้จากงานมหกรรมหนังสือครั้งล่าสุด น่าสนใจตรงที่ผู้เขียนเป็น นพ. ที่หันกลับมาใช้วิธีธรรมชาติในการรักษามะเร็ง เราก็เลยซื้อเป็นของขวัญให้แม่ด้วย พอดีเมื่อคืนเปิดดูรายการ ถอดรหัส ไม่น่าเชื่อเลยว่า มีคนร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้แต่ง ซึ่งพอสืบเข้าจริง ๆ แล้ว เค้าไม่ใช่ นพ. อย่างที่อ้างไว้ ที่ตกใจคือว่าหนังสือดังกล่าวนั้นมี่ขายทั่วไปในร้านหนังสือชื่อดัง ทำให้เสียความรู้สึกว่าต่อไปเวลาเลือกซื้อหนังสือ จะเชื่อข้อมูลในนั้นได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อนๆ คนไหนได้อ่านหนังสือเล่มนี้ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะคะ จากคุณ : น้ำหวาน - [ 13 ธ.ค. 47 16:23:53 A:203.148.240.43 X: TicketID:006689 ] ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// ดูถอดรหัสเหมือนกัน ตกใจเลย หนังสือก็ก๊อปปี้มาจากแพทย์หญิงคนหนึ่ง จากคุณ : SurfersParadise - [ 13 ธ.ค. 47 16:41:28 ] ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// ผมอยากจะบอกว่า ผมเสียใจที่สุดในชีวิตของผม ผมพยายามรักษาคุณพ่อผมทุกวิธีทาง เมื่อทราบว่ามีการเข้าคอส์ทสุขภาพ ที่เมืองกาญ ผมรีบพาคุณพ่อไปพบหมออารีย์ ผู้นี้แหละ และหลังจากนั้นตั้งแต่กลับมา คุณพ่อของผม ปฏิบัติตามที่ได้รับคำแนะนำจากหมออารีย์ผู้นี้ เชื่อมั่น และศรัทธรามาก โดยไม่ไปหาหมอปัจจุบัน โดยบอกว่า หมอที่คุณพ่อไปหาก็เป็นมะเร็ง และรักษาด้วยวิธีเดียวกันนี้ มียากลับมาเยอะแยะ มีวิตามินให้ฉีดโดยผสมกับน้ำเกลือ ต้องจ้างพยายามบาลมาฉีด และมีการสั่งซื้อยากันตลอด จนขณะนี้ คุณพ่อของผมเ สียไปแล้ว ผมก็ยังคิดว่า เพราะท่านสู้ไม่ไหว (ปฏิบัติตามวิธีที่ไม่น่าจะอยู่ได้ คือไม่ให้คนไข้ทานอะไรเลย ทานแต่อาหารเสริมที่หมอขาย) แต่เมื่อคืนได้ดูรายการถอดรหัส ทำให้ผมหน้าร้อนวูบวาบ และรู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมาก ที่เค้าต้องการเงินทอง โดยเอาชีวิตของคนอื่นเป็นของแลกกับเงิน ผมจะพยาพยามที่สุด คงไม่จบแค่นี้แน่นอน ผมร้องไห้ คิดถึงคุณพ่อขึ้นมาอีกครั้ง และผมเองก็คือคนที่พยายามเสาะแสวงหาหมอคนนี้ให้แก่คุณพ่อของผม จากคุณ : เอก - [ 13 ธ.ค. 47 18:02:46 A:203.156.71.183 X: TicketID:025179 ] ราชบุรี ภูมิปัญญา ยังไม่เป็นสมาชิก ขอสรุปว่า เลวมากครับ คนๆนี้ :daumenneg: หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ มีนาคม 05, 2009, 06:57:47 PM ขอบคุณครับลุงปู ต้องลดๆๆ ::002:: ::002:: ::002::
หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 07:05:35 PM ขอบคุณครับลุงปู ต้องลดๆๆ ::002:: ::002:: ::002:: ใช่แล้ว มีแฟนคนเดียวก็พอนะ หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: สหายแป๋ง คนดง ที่ มีนาคม 05, 2009, 07:17:12 PM อ่านแล้วอะไรๆก็ดีครับลุงปู................เสียอย่างเดียว
ปีนี้คุณหมออารีย์มีอายุได้ ๗๗ ปีแล้ว เป็นคนร่างเล็ก ผิวพรรณดี หน้าตาแจ่มใสดูราวคนอายุ ๕๐ ต้น ๆ ช่างเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับผมเหลือเกินครับ...แป๋ง รับไม่ได้ หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ มีนาคม 05, 2009, 07:21:05 PM ขอบคุณครับลุงปู ต้องลดๆๆ ::002:: ::002:: ::002:: ใช่แล้ว มีแฟนคนเดียวก็พอนะ ลุงก็ลดๆยอดข้าวมั้งนะครับ :DD หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 07:23:44 PM หัวข้อ: หมอลวงโลกอีกแล้ว นพ.อารีย์ วชิรมโน เริ่มหัวข้อโดย: worachai ที่ 14 ธันวาคม 2004, 09:07:46 am -------------------------------------------------------------------------------- พอดีเจอเพื่อนอีกเวบนึงโพสข่าวเรื่องนี้ เลยลองค้นหากระทู้เก่าของเราว่ามีคนชื่อนี้มั้ย เพราะคุ้นๆว่าน่าจะคนเดียวกัน สรุปว่าใช่ครับ ลองอ่านดูสิครับ เราได้หนังสือเล่มนี้จากงานมหกรรมหนังสือครั้งล่าสุด น่าสนใจตรงที่ผู้เขียนเป็น นพ. ที่หันกลับมาใช้วิธีธรรมชาติในการรักษามะเร็ง เราก็เลยซื้อเป็นของขวัญให้แม่ด้วย พอดีเมื่อคืนเปิดดูรายการ ถอดรหัส ไม่น่าเชื่อเลยว่า มีคนร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้แต่ง ซึ่งพอสืบเข้าจริง ๆ แล้ว เค้าไม่ใช่ นพ. อย่างที่อ้างไว้ ที่ตกใจคือว่าหนังสือดังกล่าวนั้นมี่ขายทั่วไปในร้านหนังสือชื่อดัง ทำให้เสียความรู้สึกว่าต่อไปเวลาเลือกซื้อหนังสือ จะเชื่อข้อมูลในนั้นได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อนๆ คนไหนได้อ่านหนังสือเล่มนี้ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะคะ จากคุณ : น้ำหวาน - [ 13 ธ.ค. 47 16:23:53 A:203.148.240.43 X: TicketID:006689 ] ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// ดูถอดรหัสเหมือนกัน ตกใจเลย หนังสือก็ก๊อปปี้มาจากแพทย์หญิงคนหนึ่ง จากคุณ : SurfersParadise - [ 13 ธ.ค. 47 16:41:28 ] ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// ผมอยากจะบอกว่า ผมเสียใจที่สุดในชีวิตของผม ผมพยายามรักษาคุณพ่อผมทุกวิธีทาง เมื่อทราบว่ามีการเข้าคอส์ทสุขภาพ ที่เมืองกาญ ผมรีบพาคุณพ่อไปพบหมออารีย์ ผู้นี้แหละ และหลังจากนั้นตั้งแต่กลับมา คุณพ่อของผม ปฏิบัติตามที่ได้รับคำแนะนำจากหมออารีย์ผู้นี้ เชื่อมั่น และศรัทธรามาก โดยไม่ไปหาหมอปัจจุบัน โดยบอกว่า หมอที่คุณพ่อไปหาก็เป็นมะเร็ง และรักษาด้วยวิธีเดียวกันนี้ มียากลับมาเยอะแยะ มีวิตามินให้ฉีดโดยผสมกับน้ำเกลือ ต้องจ้างพยายามบาลมาฉีด และมีการสั่งซื้อยากันตลอด จนขณะนี้ คุณพ่อของผมเ สียไปแล้ว ผมก็ยังคิดว่า เพราะท่านสู้ไม่ไหว (ปฏิบัติตามวิธีที่ไม่น่าจะอยู่ได้ คือไม่ให้คนไข้ทานอะไรเลย ทานแต่อาหารเสริมที่หมอขาย) แต่เมื่อคืนได้ดูรายการถอดรหัส ทำให้ผมหน้าร้อนวูบวาบ และรู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมาก ที่เค้าต้องการเงินทอง โดยเอาชีวิตของคนอื่นเป็นของแลกกับเงิน ผมจะพยาพยามที่สุด คงไม่จบแค่นี้แน่นอน ผมร้องไห้ คิดถึงคุณพ่อขึ้นมาอีกครั้ง และผมเองก็คือคนที่พยายามเสาะแสวงหาหมอคนนี้ให้แก่คุณพ่อของผม จากคุณ : เอก - [ 13 ธ.ค. 47 18:02:46 A:203.156.71.183 X: TicketID:025179 ] ราชบุรี ภูมิปัญญา ยังไม่เป็นสมาชิก ขอสรุปว่า เลวมากครับ คนๆนี้ :daumenneg: ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับคุณณัฐฯ ผมลองย้อนกลับไปอ่าน ไม่เห็นมีข้อความไหนชักชวนหรือโฆษณาขายยาเลย มีแต่ให้ใช้จิตบำบัดและควบคุมอาหารการกิน หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: ..GlockGlack.. ที่ มีนาคม 05, 2009, 07:26:03 PM ลองพิมพ์ชื่อนี้เข้าค้นใน Google สิครับ
หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 07:26:53 PM อ่านแล้วอะไรๆก็ดีครับลุงปู................เสียอย่างเดียว ปีนี้คุณหมออารีย์มีอายุได้ ๗๗ ปีแล้ว เป็นคนร่างเล็ก ผิวพรรณดี หน้าตาแจ่มใสดูราวคนอายุ ๕๐ ต้น ๆ ช่างเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับผมเหลือเกินครับ...แป๋ง รับไม่ได้ แหม ปู่ก็ 80 แล้ว จะให้หน้าตาเหมือนหนุ่มใหญ่วัย 49 ได้ไงละจ๊ะ ..... แฮ่ แฮ่ หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 07:29:07 PM ลองพิมพ์ชื่อนี้เข้าค้นใน Google สิครับ ขอบคุณครับเฮีย อ้อ เรื่องนั้นผมดำเนินการเรียบร้อยแล้ว คงจะดีอย่างที่หวังครับ หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ มีนาคม 05, 2009, 07:30:43 PM คนอายุยืนที่สุดในโลกเป็นคนจีน ชื่อศาสตราจารย์ลียุนชุง เกิดปี ค . ศ . ๑๖๗๗ ตายเมื่อปี ค . ศ . ๑๙๓๓ เขากินมังสวิรัติ ที่กินอยู่เป็นประจำคือโสมจีนและใบบัวบก ตอนอายุ ๒๐๐ ปียังไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยซินเกียง ๒๘ ครั้ง ท่านเสียชีวิตตอนอายุ ๒๕๖ ปี หน้าตาท่าทางเหมือนกับคนอายุ ๕๐ ปีแค่นั้น
(อายุ256ปีจริงไหมครับ) หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 07:32:25 PM คนอายุยืนที่สุดในโลกเป็นคนจีน ชื่อศาสตราจารย์ลียุนชุง เกิดปี ค . ศ . ๑๖๗๗ ตายเมื่อปี ค . ศ . ๑๙๓๓ เขากินมังสวิรัติ ที่กินอยู่เป็นประจำคือโสมจีนและใบบัวบก ตอนอายุ ๒๐๐ ปียังไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยซินเกียง ๒๘ ครั้ง ท่านเสียชีวิตตอนอายุ ๒๕๖ ปี หน้าตาท่าทางเหมือนกับคนอายุ ๕๐ ปีแค่นั้น (อายุ256ปีจริงไหมครับ) อันนี้ผมไม่เชื่อครับน้าเล็ก มันเกินไป หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: ..GlockGlack.. ที่ มีนาคม 05, 2009, 07:42:54 PM ลองพิมพ์ชื่อนี้เข้าค้นใน Google สิครับ ขอบคุณครับเฮีย อ้อ เรื่องนั้นผมดำเนินการเรียบร้อยแล้ว คงจะดีอย่างที่หวังครับ หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 05, 2009, 07:45:28 PM ไปหักคอเขาหรือเปล่าครับ? ;D ปล่าวนะ ....... แค่พูดคุยกันธรรมดาๆ ต่างฝ่ายต่างพอใจทุกอย่างก็ลงตัวครับ ........ แหะ แหะ หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ มีนาคม 05, 2009, 11:31:05 PM เรียนพี่ปูครับ...
กรณีนี้เป็นกรณีลวงโลกจริงๆ... ผมเคยเจอตัวจริงตอนที่เขาไปตั้งโต๊ะเซ็นหนังสือที่เขาแต่งที่สัปดาห์หนังสือ... ผมซื้อหนังสือของแกเลยเอาไปให้เซ็น... พอชวนคุยเรื่องการแพทย์เพราะอาชีพคล้ายๆกัน... แกเสออกไปนอกเรื่องตลอดครับ... ตอนหลังถึงมีข่าวออกมาว่าไม่ได้เป็นแพทย์จริงๆ... โรงเรียนแพทย์ที่แกกล่าวอ้างก็ไม่เคยมีอาจารย์แพทย์ชื่อนี้ครับ...::014:: หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ มีนาคม 05, 2009, 11:32:30 PM ขอดูไปก่อนครับ ยัง งง อยู่ แต่มันเหลือเกินนะที่อ้างคนอายุยืนตั้งสองร้อยกว่าปีอาจโดนเหลนเรียกเป็นเพื่อนได้ ??? ??? ;D
หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: สหายแป๋ง คนดง ที่ มีนาคม 05, 2009, 11:44:13 PM อ่านแล้วอะไรๆก็ดีครับลุงปู................เสียอย่างเดียว ปีนี้คุณหมออารีย์มีอายุได้ ๗๗ ปีแล้ว เป็นคนร่างเล็ก ผิวพรรณดี หน้าตาแจ่มใสดูราวคนอายุ ๕๐ ต้น ๆ ช่างเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับผมเหลือเกินครับ...แป๋ง รับไม่ได้ แหม ปู่ก็ 80 แล้ว จะให้หน้าตาเหมือนหนุ่มใหญ่วัย 49 ได้ไงละจ๊ะ ..... แฮ่ แฮ่ หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มีนาคม 06, 2009, 01:04:11 AM ::014:: ขอบคุณครับพี่ปู สำหรับความปรารถนาดี
:) เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันมาหลายปีแล้วครับว่าแกมีพฤติกรรมโกหก ลวงโลก ผมยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมยังมีการ fwd-mail ออกมาอยู่จนทุกวันนี้ พระท่านว่าไว้ "คนโกหก ย่อมทำชั่วได้ทุกอย่าง" หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: Mr.Sombat....ฟ่อ ฟ่อ ที่ มีนาคม 06, 2009, 12:33:15 PM ขอบคุณครับที่นำมาแบ่งปัน....ฟ่อ ฟ่อ ::014:: ;D ;D
หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: sig_surath7171 ที่ มีนาคม 06, 2009, 09:13:32 PM worachai:
กระทู้นี้ครับ อันเดิม http://www.thaiavclub.org/forum/index.php?...=2593&hl=อารีย์ Pinit: หมดกัน ศรัทธาที่มีให้ไว้หมดกัน :( นิตยสารสารคดี ถูกถามหาความถูกต้อง ในด้านเนื้อหา และมาตรฐานในการทำหนังสือ การคัดเลือกคนมาให้ความเห็น การเผยแพร่วิธีการทำงานของใครสักคนกันก็คราวนี้เองแหละครับ ซึ่งผมไปดูที่เว็บบอร์ดของสารคดี เขายังไม่ออกมาแสดงความเห็นอย่างไร ส่วนรายการถอดรหัสนั้น ด้วยข้อมูลที่เด่นชัด ทำให้ผมเชื่อได้เกือบ 80 % ว่า เขาเป็นคนลวงโลก.. เจ็บใจนัก เพราะผมเองมีญาติเป็นมะเร็งครับ .. ยิ่งสี่ห้าเดือนที่ผ่านมา มีคนใกล้ตัวไปตรวจมะเร็ง ถึง 2 คน / คนหนึ่ง ขณะนี้ ผ่าอัณฑะออกไป 1 ข้าง แล้วพบไข่ดันโต ตรวจล่าสุด เป็นระยะที่ 3 แล้ว หมอบอกให้ทำคีโม แล้วก็ทำไปแล้ว :( ผมอ่านบทความในสารคดี ทั้งซีร๊อกซ์มาต่างหาก มานั่งอ่าน นั่งขีดเส้นใต้ ด้วยความเชื่อว่า นี่แหละ "แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์" แต่สุดท้าย อารีย์ ไม่ใช่หมอ ไม่ใช่ศาตราจารย์ แล้วก็ไม่เคยสอนในฮาร์ดวาร์ด????? มันอะไรกันนี่ มันอะไรกัน ผมเหมือนถูกทุบหัวนะครับเนีย ตอนนี้ผมสับสนครับ คือ ยังงัย ญาติผมเขาก็ไปถึงระยะ 3 แล้ว ผมก็คงจะทำอะไรได้ไม่มาก ด้วยความไม่รู้ ขอุถาม คุณหมอทั้งหลายในบอร์ด การแบ่งระยะของมะเร็ง เขาแบ่งอย่างไรครับ แล้วระยะ 3 นี่ จะเหลือเวลาอีกเท่าไร? คืนที่รายการถอดรหัสมา ผมไม่ได้ดู เพราะติดธุระ แต่เพื่อนเล่าให้ฟังว่า เขาโกงกระทั่งอายุตัวเอง แค่ 67 ก็บอก 77 โกงกระทั่งตำราของคนอื่น -- อีกประเด็น แล้ว ตำรา หรือหนังสือที่เขาเขียน มีความถูกต้องทางวิชาการมากน้อยเพียงใดครับ? ตอนนี้ผมกำลังหาหนังสือเกี่ยวกับมะเร็งมาอ่านเช่นกัน มีเล่มไหนแนะนำมั้ยครับ? -------------------------------------------- คนไทยตุ๋นได้เนียน ไม่แพ้ชาติไดในโลก หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มีนาคม 06, 2009, 09:19:13 PM แล้วมีการดำเนินคดีกับผู้แอบอ้างคนนี้บ้างหรือเปล่าครับ หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ มีนาคม 06, 2009, 09:41:48 PM เนี่ยมีผอ.รพ.ชวนเข้าชมรม ประมานว่าชื่อ "อยู่ร้อยปีชีวีเป็นสุข" ผมว่าแก่แล้วจะไปจองล๊อคแถวบันไดเลื่อน ขายกิ๊บช๊อปคอยมองสาวขึ้นบันไดเลื่อน น้ำลายหยดติ๋งๆ
หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ มีนาคม 06, 2009, 09:46:21 PM .......ว่ากันไป........
หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ มีนาคม 06, 2009, 10:33:13 PM เนี่ยมีผอ.รพ.ชวนเข้าชมรม ประมานว่าชื่อ "อยู่ร้อยปีชีวีเป็นสุข" ผมว่าแก่แล้วจะไปจองล๊อคแถวบันไดเลื่อน ขายกิ๊บช๊อปคอยมองสาวขึ้นบันไดเลื่อน น้ำลายหยดติ๋งๆ กรณีนี้เรื่องจริงครับ... เป็นชมรมที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตของคนไทยครับ... ถ้าจำไม่ผิดอาจารย์เฉกเป็นผู้ก่อตั้งครับ...::014:: หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 06, 2009, 11:47:51 PM เรื่องแบบนี้ เหมือนหมอดู หมอมนต์ หมอเสน่ห์ ทักละครับ ถ้ามีพื้นฐานความเชื่ออยู่ก่อนแล้วก็จะรีบทึกทักเอาทันที ว่าใช่
หลายคนเชื่อ ว่าของที่ได้จากธรรมชาตินั้นจะดี ยิ่งสดยิ่งดิบเท่าไหร่ยิ่งดี พอมีความเชื่อแบบนี้เป็นทุนเดิม เมื่อเจอการประชาสัมพันธ์เข้าก็ ใจเขวไปเท่านั้น ยุคนี้คนชอบผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมาก ทั้งสบู่ แชมพู ก็โฆษณาว่าทำจากสมุนไพร เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆอีก...... บางครั้งผมลองนึกๆดู มองรอบๆตัวเราทั้ง พลาสติก โลหะ โฟม ไม้ กระเบี้อง มันมีอะไรที่ไม่ได้จากธรรมชาติ บ้างนะ ..... ดูไปแล้วมันมาจากธรรมชาติทุกอย่างนี้หว่า :D ยารักษาโรคที่เป็นสารเคมีก็ล้วนสกัดจากธรรมชาติ หัวข้อ: Re: เอาไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อคนอื่น เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ มีนาคม 07, 2009, 09:59:47 AM หลอกลวง......เลวหาที่ติมิได้ไอ้หมามิใช้หมอ.........มันทำคนที่ผมนับถือต้องจบชีวิตอย่างทรมาน...............เลวววว
|