เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

เนื่องจากผมได้ตอบกระทู้นึงเกี่ยวกับการเพิ่มโควต้าและจำนวนปืน ที่ท่านๆ นักนิยมปืนอยากให้เกิดขึ้นมานานมากแล้วรวมทั้งตัวผมเองด้วย
ผมเองก็ติดตามเวบนี้มานาน และทราบว่า ในเวบนี้มีผู้ใหญ่หลายท่านหลายอาชีพ และมีข้อคิดเห็นดีๆ มากมายมาตลอด วันนี้ผมเลยขอเริ่มหัวข้อใหม่ สักหนึ่งหัวข้อมแล้วกันนะครับ.... ขอคัดลอกมาจากที่ผมตอบในกระทู้ท่านนึงเอามาไว้

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดมานานแล้วแต่ไม่ค่อยกล้าพูด จริงๆแล้วผมก็อยากให้ราคาปืนลง ปริมาณปืนมากขึ้นในตลาดและในมือผู้บริโภค แต่อยากให้ระดมความคิดกันด้วยครับว่า แล้วเราจะคุม หรือ ออกกฎหมายคัดกรอง "วุฒิภาวะของผู้ใช้ปืน" อย่างไร กันดีครับ
ผมไม่ได้ค้านการเพิ่มปริมาณปืน หรือ การลดราคาปืน แต่อย่างใด เพราะผมเองก็เป็นผู้หนึ่งที่ชอบการยิงปืนทั้งกีฬาและการป้องกันตัว และซื้อสะสม  แต่ เหมือนใบขับขี่น่ะครับ ยังต้องมีเกณฑ์มาตรฐานเช่น ตาไม่บอดสี ทำข้อสอบกฎจราจร สอบขับรถภาคปฎิบัติ
แล้ว ปืนซึ่งเป็นอาวุธโดยลักษณะของมันเองอยู่แล้ว จะต้องเข้มงวดเพียงไหน และขั้นตอนอย่างไร คงต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ไม่อย่างนั้นคงยิงกันสนั่นเมืองแน่เลยครับ
ผมไม่ได้กล่าวหาหรือพาดพิงใดๆว่า ผู้มีอาวุธปืนในปัจจุบันมีวุฒิภาวะไม่เพียงพอนะครับ แต่ผมคิดว่า ให้ปืนคนก็เหมือนให้อิสระในการตัดสินชีวิตตัวเองและผู้อื่น แล้ว การตัดสินที่เหมาะสม หรือไม่จะวัดจากตรงไหนครับ
เช่นนะครับ ให้มีได้ อยากมีเท่าไหร่มีไปเลย แต่เพิ่มโทษพกพาโดยไม่มีเหตุอันควรให้สูงขึ้นไปอีก เพื่อเป็นการให้สิทธิ์ในการป้องกันตัวในเคหะสถาน แทนที่จะแบกไปยิงกันข้างนอก เป็นต้น มั้ยครับ

ผมจึงอยากให้ทุกๆท่านออกความเห็น สมมุติว่า เราจะช่วยกันร่างกฎระเบียบใหม่เพื่อการมีอาวุธและควบคุมการใช้งานที่คุกคามต่อสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร เพิ่มข้อกำหนดกฎเกณฑ์ในการคัดเลือกคุณสมบัติที่จำเป็น คัดกรองวุฒิภาวะ จิตใจ อารมณ์ อะไรก็ตามที่จำเป็น  เพราะส่วนนึงผมก็เห็นว่าการคัดกรองคุณสมบัติผู้ขอมีและใช้อาวุธปืนในปัจจุบันยากโดยไม่ได้ส่งผลดีต่อสาธารณะชนสักเท่าไหร่ เหมือนการคุมกำเนิดโดยการ ห้ามประชาชนมีอะไรกันดื้อๆอย่างงั้นแหล่ะ ก็คนมันรักกัน แต่ปัจจุบัันเค้าคิดว่าะลูก(กระสุน)เยอะแล้วดังนั้นห้ามมีอะไรกันแล้วกัน ประมาณนั้น

เชิญอภิปรายกันหน่อยนะครับ ขอบพระคุณมากครับ

หากมีการสอบเพื่อจะซื้อและมีใช้อาวุธปืนหล่ะก็ โอว่าคงต้องผ่าน 3ขั้นตอนค่ะ
1. ทดสอบข้อเขียน นิดๆหน่อยๆ ในเรื่องของ EQ จิตใต้สำนึก กฎของความปลอดภัย กฎหมายอาวุธปืน ฯลฯ
2. ทางด้านจิตวิทยา พบจิตแพทย์ ดูอารมณ์ ความรุนแรงในจิตใจ ฯลฯ
3. ทดสอบภาคสนาม ไม่ต้องถึงขั้นยิงได้10X แต่อย่าไปยิงโดนชาวบ้านก็พอ

หากทำได้แบบนี้เมื่อไหร่ ทางการสามารถแจกป.12ให้กับบุคคลธรรมดาได้อย่างสบายใจแน่นอนค่ะ ::002::

ขอบคุณมากครับพี่ โอ ที่ช่วยประเดิมกระทู้ ไม่ได้เจอกันนานคาดว่ายังสมบูรณ์ดีนะครับ   ;D

จ้า...สมบูรณ์มากกว่าเดิมอ่ะจ้า...อายจัง ::008::

ผมชอบแนวคิด เจ๊โอ(ขออนุญาตนะครับ)ครับ และการทดสอบทางด้าน EQ และจิตวิทยาควรจะนำไปใช้กับหลายๆอาชีพครับ

เรียนน้องโอครับ...

จิตแพทย์ทั้งประเทศไทยที่เป็นสมาชิกราชวิทยาลัยจิตแพทย์มีแค่ 242 ท่านนะครับ...

จะไหวหรือครับ...:D

...ต้องรบกวนถามพี่หมอ rute ว่าถ้าเป็นนักจิตวิทยา พอจะเป็นผู้ทำการทดสอบสภาวะทางจิตได้มั้ยครับ...  ::014:: ::014:: ::014::

 :~) มีแค่นี้เองเหรอคะ :~)

ขอเพิ่มเรื่องข้อสอบของกฎของความปลอดภัยไปอีก1เรื่องค่ะ :D

การทดสอบทางจิตวิทยาไม่ใช่หลักประกันว่าบุคคลนั้นจะไม่ใช้ความรุนแรง ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

แล้วต้องทำอย่างไรคะ อยากทราบอ่ะค่ะ

แต่ก็ยังดีกว่าที่จะไม่ได้ทดสอบเลยไหมครับ...

เคยดูหนังฝรั่ง...ที่ให้ดูรูปเงาดำๆ แล้วให้ผู้สอบบอกว่าเห็นเป็นรูปอะไร...

น่าจะประยกต์...มาใช้เป็นแบบทดสอบสำเร็จรูปได้...เหมือนการสอบใบขับขี่...

ทั้งการสอบสุขภาพจิต...
    กฎหมายอาวุธปืน...
    กฎความปลอดภัย...
    สุดท้ายภาคปฎิบัติ...

    ก่อนสอบอาจให้มีการนั่งดูวีดีโออบรมก่อนแบบสอบใบขับขี่ก็ไม่เลว...

    ผมว่าแนวปฎิบัตินี้...ยังดูมีเหตุผลรองรับมากกว่าการขอใบรับรองความประพฤติ ที่บางครั้งไปให้ใครก็ไม่รู้จักเซ็นมาให้...(ให้สน.ออกใบสอบประวัติยังดีกว่า)

อืม...ลืมไปเลยค่ะ สอบข้อเขียนต้องมีเรื่องของกฎหมายอาวุธปืนด้วย ;D

แล้วหน่วยงานไหนจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการสอบและออกใบรับรองให้
ก่อนสอบน่าจะมีการฝึกอบรมหลักสูตรเบื้องต้นเกี่ยวกับอาวุธปืน ร่วมถึงกฏหมายเกี่ยวกับ อวป.

คนจะมีปืน...ควรได้รับการอบรมให้ความรู้ในมาตรฐานเดียวกัน...อันนี้เห็นด้วย
แต่การจำกัดสิทธิ ที่ไม่มีหลักกฎหมายชัดเจนรองรับ บอกว่าไอ้นี่ดูตาขวางๆ เถียงนายทะเบียนฯ ดูก้าวร้าว ไม่อนุญาตนะ ... ดีไหม
เอายังงี้....เจาะDNAไปตรวจเลยก็แล้วกัน ..... พวกมีแนวโน้มวุฒิภาวะต่ำอย่างผม ห้ามมีอาวุธเด็ดขาด   :o

 ::014:: ด้วยความเคารพ....ในสังคมเราๆนั้น....ยิ่งตั้งกฎเกณฑ์ ก็ยิ่งเปิดช่องให้พวกฉ้อฉล
แค่ที่เป็นอยู่ ยังถูกพวกตีความขยายอำนาจ แสวงหาประโยชน์เรียกราคาตามขนาดปืน
ต้องไปแก้วุฒิภาวะของคนกลุ่มนี้ก่อน .... จะได้คัดกรองแยกแยะคนดี-คนชั่ว คนปกติ-ไม่ปกติ ได้ถูกต้อง

ใครลุแก่โลภะ โทสะ โมหะ ใช้ปืนในทางที่ผิด กฎหมายก็กำหนดโทษานุโทษไว้แล้ว
สร้างกรรม ก็รับผลแห่งกรรมนั้นไป

เทียบใบขับขี่ .... คนขับรถสอบผ่าน ก็ไม่ได้บอกถึงความคะนอง
ไม่ได้บอกความรับผิดชอบต่อผู้อื่น ว่าถ้าดื่มเหล้า จะไม่ขับรถ ปีหนึ่งตายกันเพราะคนพวกนี้ไปเท่าไร  :DD

ผมกลัวคนที่ขับรถ เพราะคนขับรถควบคุมโมเมนตัมมากกว่าปืน อันตรายกว่าคนมีปืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ผมไม่กลัวคนมีปืน ........ เพราะผมก็มีปืนเหมือนกัน  ::008::

เห็นด้วยครับ..เพราะว่าแต่ละเทศกาลใหญ่ๆ ของประเทศไทยเราตายกันเป็นเบือ ก็เพราะวุฒิภาวะเรื่องการใช้รถใช้ถนนนี่แหละ...

ถ้าจะให้มีการสอบก่อนออกใบอนุญาติ....สักพักมันก็จะเป็นอีหรอบเดียวกันอีกนั่นแหละ.....

ผมชอบความเห็นที่แตกต่างเพื่อกระตุ้นแนวคิดของพี่ธำรง นะครับ ปัจจุบันก็มีการบังคับเอกสารประกอบต้องผ่านการฝึกการใช้อาวุธปืนพื้นฐานอันนี้น่าจะตรงกับที่พี่ให้ไว้ แต่การจะไปบังคับให้ข้าราชการหรือพวกผู้แสวงหาประโยชน์จากข้อกฎหมายมีวุฒิภาวะที่ดีขึ้น(ซึ่งผมว่าเป็นกลุ่มคนที่น้อยกว่าประชาชนที่มีวุฒิภาวะดีๆ) ผมว่ายากกว่าการที่จะมีตัวบทกฎเกณฑ์มาตรฐานในการคัดกรองที่เหมาะสมซึ่งหมายถึงว่า ไม่ว่าใครจะตาขวาง หน้าตาผิดระเบียบจริงๆ ผิวคล้ำดำเข้ม หนวดเครารุงรัง แต่ถ้าผ่านเกณฑ์มาตรฐาน(ซึ่งปัจจุบันผมเห็นว่าไม่มี)นี้ไปได้เค้าก็มีสิทธิ์ที่จะมีปืน มีสิทธิ์เท่ากับประชาชนคนนึงที่มีสิทธิปกป้องชีวิตและทรัพย์สินตัวเอง ไม่ใช่ดุลยพินิจฯเลื่อนลอย
ผมถึงมาตั้งคำถามเปิดไว้ว่า ท่านๆเห็นควรอย่างไรถ้าจะต้องมีมาตรฐาน เพื่อการครองปืนโดยปลอดภัยต่อสาธารณะชน

อ้อ จากคำตอบพี่ธำรงตอบไว้ ผมผู้น้อยนะครับแต่เห็นว่าคำตอบพี่แสดงชัดเจนครับว่า พี่มีวุฒิภาวะดีพอที่จะครองอาวุธปืนแน่นอนครับ ด้วยความเคารพ

โอ้โฮ งั้นน้าผมก็เป็นหมอชนิดหายากสิครับ ฮิ ฮิ มิน่าเกณียณแล้วเขายังให้ไปสอนต่อ

ผมว่าเมืองไทยมีผู้ที่ควรได้รับการดูแลจากจิตแพยท์มากกว่านี้ตั้ง หลายพันเท่าครับ ::005::

ทางเวปน่ามีการจัดสอน อบรมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปืนครับ (หรือว่ามีอยู่แล้ว)

น่าสนใจครับ ช่วยสังคมและ newbie ครับ

   ที่ผมคิดไว้คล้ายๆแบบ สวิสฯครับ  คือให้คนมีปืน เป็นเหมือนกองกำลังป้องกันตนเอง(ชาติ ภูมิลำเนา หมู่บ้าน)เลยครับ คือพอมีปืนแล้วต้องมาฝึกกับทางราชการ เช่น กรมทหาร สถานีตำรวจ หรือหน่วยงานทางปกครองใกล้บ้าน โดยให้ออกค่าใช้จ่าย(กระสุน เป้า หรือค่าธรรมเนียมที่จะเป็นเบี้ยเลี้ยงให้ จนท.ฝึก)เองด้วย ไม่ต้องทุกปีครับ แค่ทุกสามหรือห้าปี ตามวันหยุดราชการ ที่สะดวก หากไม่มาก็ไม่ต้องออก ป๓. ให้ซื้ออีกจนกว่าจะไปเข้ารับการฝึกครับ

...ข้อเสนอนี้น่าสนใจครับ ถ้าเป็นไปได้จริงๆ ผมจะได้มีข้ออ้างกับผบ. ที่บ้านอีกด้วยครับ...  ;D ;D ;D