เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

พอดีไปอ่านเจอครับ เห็นว่ามีการติดตั้งระบบที่สามารถแยกไฮไดรเจนออกจากน้ำแล้วนำมาใช้ในรถยนต์ ชุดนึงประมาณสามหมื่นกว่าบาทครับ พอจะทราบรายละเอียด และมันมีข้อเสียอะไรบ้างหรือเปล่าครับ เห็นว่าน่าสนใจดีครับ ลองดูตามสิ้งค์ข้างล่างนะครับ
http://www.h2orun.com/
 :o

ผมไม่ลองอีกแล้วครับ คราวก่อน ผมเอารถไปเปลี่ยนระบบจากเดิม ดีเซล เป็น แก๊ส 100% หมดเงินไป 55,000 บาท ตอนนี้น้ำมันถูกลง ประเมินราคาแล้ว เติมแก๊ส แทบไม่ต่างจากจากราคาน้ำมันครับ จะเอารถไปขายราคาก็ตกอีก  ... เสียดายเงินครับ

ไปอ่านที่เว็บไซต์ตามลิ้งก์แล้วอ่านไม่รู้เรื่องครับ... น่าจะรอให้องค์ความรู้ลงตัวเสียก่อน...

ในเว็บไซต์ไม่ได้บอกอะไรมากกว่าอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนคนไม่ค่อยมีการศึกษาทำเว็บไซต์(เหมือนกับนักศึกษาใช้ Joomla สร้างเว็บไซต์ส่งอาจารย์ แล้วไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี เพราะไม่มีเนื้อหาอะไรให้อธิบาย)... หรือไม่ก็เขียนคำอธิบายแบบตั้งใจให้คนสงสัยครับ...

นายสมชายนั่งพิมพ์อยู่นี่ ยังนึกอยู่ว่าบาปหรือเปล่าหนอ... คนทำงานเป็นแต่สื่อสารกับใครก็ไม่ได้ ก็มีอยู่แยะ...
แต่อีกอย่างนึงว่า หากเอารถยนต์ไปทำกับคนที่สื่อสารไม่ได้ นี่คงงงตายเลย กว่าจะพูดกันรู้เรื่อง...

บริษัทชื่อนี้ มีตัวตนจริงครับ... แต่ชื่อกรรมการผู้จัดการไม่ตรงกับที่ปรากฏในเว็บไซต์...
เป็นบริษัทเพิ่งเปิดใหม่ครับ... รายละเอียดตามข้างล่าง...

(http://img22.imageshack.us/img22/5968/48658436.gif)

ท่านใดจะลอง... ต้องพิจารณาดีๆ หน่อยนะครับ...

                         ::014::    เห็นด้วยที่จะต้องพิจารณาดีๆ ครับ

               เกรงว่าจะเป็นเหมือนอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันต่างๆ ที่ออกมาช่วงน้ำมันแพงๆ สังเกตง่ายๆ ว่าข้อมูลต่างๆ ที่ออกมานั้นมีแต่คำเชิญชวนสวยหรู

                สุดท้ายก็ความแตกมาหลายเจ้าแล้ว แต่ก่อนความแตกก็โกยกันไปไม่รู้เท่าไหร่

               สินค้าที่บอกว่าประหยัดน้ำมันทั้งหลายมักจะหาข้อมูลทางเทคนิคไม่เจอเลยสักนิด ผังแสดงการทำงานก็กำกวม มีแต่ข้อมูลที่ว่าเพื่อโลกสวย

                เพื่อความประหยัด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า ฯลฯ แต่ข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่อ้างอิงได้แทบไม่มีเลย บางทีมีก็ไม่เกี่ยว

                กับตัวสินค้าหรือความสามารถของสินค้าเลย

              ....ก่อนหน้านี้เคยเข้าไปชมเห็นความน่าเชื่อถือตรงใช้รูปรถ 7 Series พลังงานไฮโดรเจนโชว์ไว้ด้วย ตอนนี้ไม่มีแล้วคาดว่าตัวแทนคงเล่นงานแน่ๆ

              แต่ถ้าคนไม่รู้เข้าไปดูก็จะเกิดความเชื่อถือได้ง่ายครับ....

             ....ถ้าระบบมันใช้หลักการง่ายๆ ขนาดนี้รับรองว่ามีออกจากโรงงานรถยนต์แน่นอนครับ ที่ว่ามาไม่ได้ดูแคลนความสามารถของคนไทยด้วยกันนะครับ

              แต่เหตุการณ์ที่ผ่านๆ มาทำให้มองไปในทางนี้ครับ ... ::014::

โธ่ท่าน ผอ. ฟอร์จูนเนอร์ไม่ค่อยจะกินน้ำมันหรอก อีกทั้งวันนึงท่านขับรถไปกลับบ้าน - ที่ทำงานประมาณ 40 กิโลเมตรเองทนๆใช้ดีเซลไปเถอะ ::005::

      ถ้ารถ เช่น บรรทุก ขนส่ง แท๊กซี่  หรือ เรือ โดยสาร ประมง  ที่ต้องใช้งานต่อเนื่องวันละหลายๆชั่วโมงทั้งวัน

      และทุกวัน คิดว่าคงจำเป็นเพื่อลดต้นทุน แต่หากใช้งานปกติประจำวัน นานทีปีหนไปเที่ยว ตจว.

      หักลบกลบหนี้แล้วไม่คุ้มหรอกครับ  เดิมๆดีที่สุดแล้ว  กว่าวิศวกรจะคำนวณออกมาได้ยากกว่าที่ใคร

      จะเอามาดัดแปลงโดยให้ผลประโยชน์เฉพาะหน้า  แต่ความเสียหายตามหลายมามากมาย


      คิดคำนึงถึงจุดคุ้มทุนด้วยนะครับ  รถ / เรือ ใช้หากินได้เงินทองกลับมาระยะสั้น คุ้มครับ เครื่องพัง ทิ้ง

      วางตัวใหม่ ระบบใหม่ที่ประหยัด  ไม่ต้องเสียเวลาซ่อม ..... ขอให้ร่ำรวยทุกท่านครับ

ผมไปอ่านดูก็จริงอย่างที่พี่สมชายว่า  ไม่มีรายละเอียดทางเทคนิคใดๆที่สามารถนำมาอ้างอิงได้เลย แถมยังคุยว่าเป็นผู้คิดค้นจนดังไปทั่วโลก ทั้งที่ BMW กับ Benz ก็ทำรถพลังงานไฮโดรเจนมาวิ่งได้เกือบ10ปีแล้วที่มิวนิคเองก็มีสถานีเติมไฮโดรเจน MAZDA ก็ทำให้RX8ใช้ไฮโดรเจนได้มาหลายปีแล้วเช่นกัน  ถ้าระบบนี้ทำงานได้น่าเชื่อถือและไม่มีปัญหาใดๆ เยอรมันกับญี่ปุ่นก็คงผลิตออกมาจำหน่ายแล้วครับ

   เห็นเขาคุยกันที่นี่อีกที่ครับ

http://www.weekendhobby.com/board/landrover/Question.asp?ID=17968

ผมว่าเชื้อเพลิงแอลกอฮอล์มีความเป็นไปได้มากกว่าครับผมเกือบจะได้ทำโปรเจคเครื่องยนต์เชื้อเพลิงแอลกอฮอล์แต่พิจารณาแล้วเงินไม่พอที่จะทำโปรเจคนี้  แต่ความเป็นไปได้ในทางอุตสาหกรรมน่าจะมากกว่าและน่าจะง่ายกว่า เพราะพื้นฐานเครื่องยนต์ก็ยังเหมือนเดิมเพียงแต่เราต้องปรับส่วนผสมใหม่เท่านั้นเอง  แล้วเชื้อเพลิงแอลกอฮอล์ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะในวงการรถแข่งก็ใช้เอธานอล100%มาเติมรถกันมานานแล้วเพียงแต่ยังไม่แพร่หลาย  จุดที่ผมมองเห็นก็คือแอลกอฮอล์หมักจากอะไรก็ได้ขอให้ได้ความบริสุทธิ์ตามต้องการเป็นใช้ได้ทั้งนั้นไม่ต้องกลัวว่ามันจะหมดไปตราบใดที่เรายังมีน้ำแล้วก็มีพืชผลที่จะมาหมักให้เป็นแอลกอฮอล์

ขอบคุณมากครับ ::014:: ::014:: พอดีเคยอ่านเจอเหมือนกันว่านายทหารของไทยได้คิดค้นรถที่ใช้ไฮรโดรเจนได้ แต่ว่าเป็นรถต้นแบบยังไม่มีการพัฒนามากนัก พอมาเห็นโฆษณาอันนี้ก็เลยคิดว่า เขาสามารถทำได้แล้วหรือยัง ถ้าทำได้แล้ว ต่อไปเราจะได้ไม่ต้องไปง้อพวกโอเปกมันครับ ในอนาคตถ้าทำได้จริง พวกโอเปกอาจจะต้องขายน้ำมันแบบมีโปรโมชั่นก็ได้นะครับ เช่นซื้อ1 ลิตร แถม 1 ลิตรอะไำรทำนองนั้นครับ(ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสฝันแบบนี้บ้างหรือเปล่า) ::005:: ::005:: แต่ผมคิดว่าถ้าเขาสามารถทำได้จริง ก็น่าจะดีนะครับ อย่างน้อยเราก็สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้มาก โดยที่ ใช้เชื้อเพลิงทดแทนที่สามารถหาได้ง่าย แต่เท่าที่อ่านดูแนวคิดของเขาก็เหมือนกับการใชน้ำมันควบคู่กับแก๊สครับ เพราะที่เขาเขียนไว้ก็ยังเป็นแบบผสมอยู่ครับ คิดว่าถ้าใช้ไฮโดรเจนล้วนๆ อาจจะมีปัญหา เนื่องจากไม่มีน้ำมันไปคอยหล่อลื่นในระบบ (อันนี้เป็นความเห็นของผมเองนะครับ อาจจะเข้าใจผิดไปก็ได้ครับ)

สรุปเลยว่าโกหกครับ.....  ไม่คุ้มด้วยประการทั้งปวง....

ทำเล่นขำๆ ลงทุนไม่เกินสามร้อยครับ...

พอได้ก๊าซซัก นาทีละครึ่งลิตร....เอาไปช่วยเผาไหม้พอไหวครับ

ช่วยเผาไหม้คือ ทำให้เผาไหม้สมบูรณ์ขึ้นอีกนิด

แต่เอามาทำเชื้อเพลิงแทนน้ำมันหมดสิทธิ์...

อ. von คุณหนุ่มกระโทกเขียนไว้ละเอียดยิบครับ

http://www.weekendhobby.com/offroad/newenergy/Question.asp?ID=1349

อ่านเพลินเลยครับ... สรุปความได้ว่าได้แก๊สออกมาเท่ากับเราผายลม เท่านั้นเอง... ฮา

เคยแว่วเสียงบ่นมาจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง และผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์บางท่าน ... ว่าเคยขอทำการทดสอบประสิทธิภาพเทคโนโลยี่ไฮโดรเจนนี้ จากผู้ขายที่โฆษณากันอยู่  เพื่อพิสูจน์และรับรองนวัตกรรม

แต่ร้อยทั้งร้อย พากันหมดหน้าไปหมด ไม่มีเจ้าไหนกล้ามาให้ทดสอบและรับรองผลสักราย ...   

ตอนน้ำมันแพง เกือบเอารถไปติดแก๊สซะแล้ว
มาถึงตอนนี้คิดว่าเราโชคดีจังที่ไม่เอาไปติด
ถ้าไม่ได้ใช้รถทั้งวัน ไม่คุ้มอย่างที่พี่ๆ ว่าเอาไว้แหละครับ

จขกท. ต้องแยกให้ออกระหว่าง .... HHO กับ H₂ ครับ ....

HHO เขาใช้เรียกกาซจากระบบดังกล่าว เป็นกาซไฮโดรเจน กับกาซออกซิเจนที่ได้จากการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า

ส่วนรถที่ใช้กาซไฮโดรเจนจริง ๆ นั้นเขาใช้  H₂ ..... หลักการน่าจะคล้าย ๆ รถ NGV เพราะใช้กาซเบา ต้องมีถังความดันสูง

HHO ที่ทำขายกันหลายหมื่น ไม่สามารถใช้แทนเชื้อเพลิงหลักได้ครับ เป็นแค่ส่วนเสริม และต้องมีการจูนเครื่องให้กินเชื้อเพลิงหลักน้อยลงด้วย ..... เหตุนี้จึงเป็นข้ออ้างเรื่องการประหยัดน้ำมัน ....

ผมศึกษาอยู่พักหนึ่งครับ และเห็นว่าไม่คุ้มครับ .........

ด้วยคนครับ  ;D สำหรับรถเก๋งในประเทศเกษตรกรรมอย่างเรา ผมว่าเอธานอล 100% น่าจะเป็นเป้าหมายที่ดีกว่าครับ

 ;D ;D ;D

วันนี้ผมอยากได้เอธานอลแห่งชาติเป็นของรัฐ... ไม่อยากให้เกษตรกรถูกกดราคา และไม่อยากเป็นผู้บริโภคที่ถูกขูดรีด
แต่คงอีกนานกว่าอำนาจการคุมพลังงานของโลกและประเทศจะหลุดจากกลุ่มผู้ค้าฟอสซิล

ผมทายว่าต่อไปพลังงานหลักต้นทางจะมาจากGasification เปลี่ยนมาเป็นไฟฟ้าแทนเครื่องยนต์สันดาปภายใน

วันนี้บ้านเรา แค่เชื้อเพลิงยานพาหนะ ยังไม่ลงตัว ว่าจะเอาอะไรแน่ ...  ::004::

ผมได้บทเรียนจากเรื่องไบโอดีเซลว่า อย่าไปหวังพึ่งหน่วยงานรัฐ

เพราะว่าหน่วยงานรัฐ งบประมาณน้อย ไม่กล้าที่จะลองของใหม่ กลัวว่าพลาดแล้วจะเสียเก้าอี้

ประชาชนที่พอมีความสามารถอย่างเราๆนี่แหละครับ ทดสอบเก็บข้อมูลแล้วส่งให้กับภาครัฐ

จนภาครัฐมีข้อมูลมากพอแล้วถึงจะสามารถตัดสินใจได้ว่า อะไรมันถึงจะ"แห่งชาติ"ได้จริงๆ

เท่าที่ผมทราบ ณ วันนี้มีรถบ้านๆ(ไม่ใช่รถแข่ง)ที่ใช้เอธานอล 100% วิ่งอยู่แล้วประมาณ 10 คัน

อีกไม่นานข้อดีข้อเสีย วิธีการผลิต วิธีการใช้งานที่เหมาะสมก็จะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นครับ

เราทำได้ครับ

 ;D

มีรูปจริงของคนที่เข้าไปดู งาน ของบริษัทนี้มาให้ดูครับ

หลังๆกลายเป็นขาย MLM ไปซะแล้ว

http://www.pdamobiz.com/forum/forum_posts.asp?TID=208357&PN=1

กระจ่างเลยครับ ขอบคุณมากครับสำหรับรายละเอียด(ละเอียดมากๆเลยครับ)ขออนุญาต +1ครับคุณทัดมาลา ::014::

ตกลงกลายเป็นเรื่องโจ๊กหรือครับ :~)