เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 04:08:47 PM



หัวข้อ: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 04:08:47 PM
มื้อเย็นเป็นมื้ออันตราย เป็นมื้อตายผ่อนส่ง   :OO :OO

1. ทำอย่างไรจึงจะไม่แก่ และอายุยืน

คำตอบคือ กินสายกลาง   

กินสายกลาง คือ  กินมื้อเช้าและมื้อเที่ยง   +   งดมื้อเย็น

          เปรียบตัวเราเป็นรถยนต์   ตื่นเช้ามาต้องเติมน้ำมันก่อน  หรือกินมื้อเช้า  รถจึงจะวิ่งได้  ถึงเที่ยงน้ำมันยังไม่หมด   
เติมอีกครั้ง   ถึงเย็นก่อนนอนก็ยังไม่หมดพิสูจน์ได้ดังนี้   

          สมมุติกินไข่ลวก 1 ฟองโตๆ  มีไข่แดงหนัก 50 กรัม   ในไข่แดงมีคลอเลสเตอรอล 1 กรัม   ให้พลังงาน 9  แคลอรี่ 
ฉะนั้น 50 กรัม  ให้พลังงาน 450 แคลอรี่  จะต้องออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานนี้   โดยขี่จักรยานตั้งแรงต้านไว้  1.3  ก.ก.. 
ความเร็วที่ปั่นบันไดจักรยาน  60  รอบต่อนาที  ขี่อยู่นาน60 นาที  จะเหนื่อยหอบ   เหงื่อไหลท่วมตัว   แต่ใช้พลังงานไปเพียง 
300 แคลอรี่    ไข่ใบเดียวใช้ไม่หมด  ฉะนั้นถ้ากินมื้อเช้า  มื้อเที่ยง  จนถึงเย็น พลังงานยังเหลือแน่นอน ไม่จำเป็นต้องไปเติมอีก
เพราะเวลานอนร่างกายจะนำพลังงานที่เหลือใช้ไปเก็บในที่ต่างๆ  โดย ตับ เป็นผู้ทำงานนี้ ถ้าพลังงานเหลือมาก   

          การเอาไปเก็บในที่ต่างๆ ก็มากทำให้อ้วน  และแน่นอนถ้าเก็บไม่หมดโดยเฉพาะพวกไขมันตัวโตๆ  จะต้องค้างอยู่
ในหลอดเลือด ถ้าค้างสะสมมากเท่าใด รูหลอดเลือดก็จะเล็กลงทุกวัน เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้น้อยลง อวัยวะทั้งหลายก็จะ
เสื่อมสภาพเร็วขึ้นหรือแก่เร็วขึ้น ถ้าวันไหนอุดตัน เช่น  ถ้าตันที่สมอง  จะกลายเป็นคนพิการอัมพาตครึ่งซีก   ถ้าอุดตันที่ไต 
ต้องล้างไต  เปลี่ยนไต   ถ้าตันที่ขา อาจต้องตัดขาทิ้ง  ถ้าตันที่กล้ามเนื้อหัวใจ   ก็จะไม่มีโอกาสได้สั่งลาใคร   

          การกินมื้อเย็นจึงเป็นมื้อที่เร่งกระบวนการเสื่อมถึงเสียชีวิตให้เร็วขึ้นไปอีก มื้อเย็นจึงเป็นมื้ออันตราย  เป็นมื้อตายผ่อนส่ง
ยิ่งกินมื้อเย็นมาก ยิ่งผ่อนส่งมาก ตายเร็ว  ถ้าไม่กินมื้อเย็น ก็จะแก่ช้า เสื่อมช้า อายุยืน

          การไม่กินอาหารมื้อเย็น เป็นเรื่องที่ต้องเอาชนะใจตัวเองอย่างมาก ถ้าใครทำได้จะตัดทั้งกิเลส  สุขภาพดี   อายุยืน 
และมีสมาธิดี ความมุ่งมั่นสูง ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจ  แต่ท่านต้องฝึกกระเพาะให้เกิดความเคยชิน   




หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 04:10:04 PM
วิธีฝึกมี 4 วิธี

       1. ค่อยๆ ลดปริมาณอาหารมื้อเย็นทีละน้อยๆ  เช่นลดกินข้าวจาก 2 จาน  เหลือ1 1/2 จาน สัก 3-4 เดือน 
โดยมีข้อแม้ว่าหลังอาหารเย็น แล้ว ห้ามกินอาหารใดๆ ทั้งนั้นยกเว้นน้ำเปล่า   พอกระเพาะชินแล้วลดเหลือ 1 จาน
ต่อไปครึ่งจาน ต่อไปไม่กินข้าวเลยกินแต่กับ   ต่อไปกินผักผลไม้   สุดท้ายงดอาหารเย็น

       2. ร่นเวลากินอาหารเย็น   เช่นจาก 2 ทุ่มมากิน 1 ทุ่ม  ต่อไปเลื่อนเป็น 6 โมงเย็น  5 โมงเย็น  4 โมงเย็น 
สุดท้ายงดอาหารเย็น

       3. กินเม็ดแมงลักแทนมื้อเย็น  ใช้เม็ดแมงลัก 2  ช้อนโต๊ะใส่ในถ้วยน้ำแกงหรือน้ำเปล่าคนแล้วดื่มทันที   
ดื่มน้ำตามอีก 4-5  แก้ว

        4. กินมังสะวิรัตมื้อเย็น   การกินผักผลไม้ถือว่าเป็นอาหารไม่มีพิษ  ร่างกายจะได้พักไม่ต้องทำลายพิษของ
อาหารเนื้อสัตว์    พิษที่สะสมไว้ก่อนก็จะถูกตับ ไต กำจัดหมดไปเองได้  ร่างกายมีเวลาถึง 18  ช.ม.  กำจัดพิษ
ที่ติดมากับมื้อเช้า  มื้อเที่ยงได้ทัน

         ฉะนั้นการไม่กินอาหารเย็น  จึงเป็นเวลาที่ตับ ไต  จะสามารถกำจัดสารพิษจากอาหารมื้อเช้าและเที่ยงได้หมด 
ร่างกายจึงบริสุทธิ์ทุกวัน 



หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 04:13:41 PM
        2. โรค Attention Deficit Trait   โดย ผศ. ดร. พสุ เดชะรินทร์ pasu@acc.chula.ac.th

        ท่านผู้อ่านเป็นผู้หนึ่งที่ชอบทำงานในลักษณะของ Multitasking   หรือไม่ครับ? คนกลุ่มนี้จะเป็นพวก
ที่สามารถหรือชอบที่จะทำงานหลายๆ อย่างไปในเวลาเดียวกัน  เช่น ในขณะที่กำลังเช็คอีเมล์ทางคอมพิวเตอร์ 
ก็กำลังคุยโทรศัพท์สั่งงานกับลูกน้อง พร้อมทั้งดื่มกาแฟไปพร้อมกัน  หรือในขณะที่กำลังนั่งประชุม ก็สั่งงาน
พร้อมทั้งหาข้อมูล  และตัดสินใจผ่านทางเครื่องโน้ตบุ๊คที่ตั้งอยู่ข้างหน้า    ในอดีตผมก็เคยชื่นชมคนพวกนี้
นะครับว่า มีความสามารถมาก สามารถทำงานได้หลายอย่างในขณะเดียวกัน สามารถทำงานได้ออกมาเยอะ 
และดูยังสงบไม่ตื่นเต้นโวยวายเท่าใด   

          แต่ท่านผู้อ่านทราบไหมครับ ว่า การทำงานในลักษณะ **Multitasking**  นั้น กลับเป็นสาเหตุประการหนึ่ง
ของโรคร้ายใหม่ในที่ทำงาน  ที่เราเรียก **Attention Deficit Trait** หรือ **ADT**   โรคนี้เป็นโรคที่เราจะเจอ
มากขึ้นเรื่อยๆ  ในที่ทำงาน   โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะแวดล้อมที่บังคับให้คนทำงานจะต้องทำงานด้วยความ
รวดเร็วมากขึ้น  ทำงานหลายอย่างพร้อมๆ กัน จะต้องตื่นตัวตลอดเวลา   ไม่มีเวลาหรือโอกาสได้สงบพัก

          ท่านผู้อ่านลองพิจารณาตัวท่านเองหรือบุคคลรอบข้างนะครับว่า เป็นโรคนี้หรือไม่?  ผมอ่านพบเจอโรคนี้
จากวารสาร Harvard Business Review ฉบับเดือนมกราคม 2548 ในบทความชื่อ  Why Smart People Underperform เขียนโดย Edward M. Hallowell ซึ่งเป็นจิตแพทย์ซึ่งเป็นผู้ เชี่ยวชาญในโรคที่เกี่ยวกับสมอง
และสมาธิทั้งหลาย  คุณหมอท่านนี้ทำการรักษาอาการ Attention Deficit Disorder หรือ ADD มากว่า 25 ปี และ
โรค ADD นี้เราเริ่มรู้จักกันมากขึ้นในเมืองไทย โดยเฉพาะผู้ที่มีลูกอยู่ในวัยเรียน  เรามักจะเรียกโรคนี้ว่าเป็น
โรคสมาธิสั้น



หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 04:15:12 PM
          ผู้ที่เป็นโรค ADT นั้น มักจะมีอาการสมาธิสั้น   ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับงานใดงานหนึ่งได้นานๆ   ก็จะถูกดึงดูด
ด้วยงานอย่างอื่น   มีความวุ่นวายอยู่ข้างใน (แต่มักจะไม่แสดงออกมาให้ผู้อื่นเห็น )  ไม่ค่อยอดทน มีปัญหาในการจัด
ระบบต่างๆ (Unorganized) การจัดลำดับความสำคัญ  และการบริหารเวลา

           โรค ADT นี้  มักจะเริ่มเกิดขึ้น เมื่อเราก้าวขึ้นไปเป็นผู้บริหารระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ   การที่มีความ รู้สึกว่ามีงาน
ด่วน   หรือ สิ่งที่จำเป็นและเร่งด่วนที่จะต้องทำเข้ามาเรื่อยๆ  และท่านพยายามที่จะจัดการกับงานด่วนเหล่านั้นให้
สำเร็จ  จะเป็นบ่อเกิดที่สำคัญของโรค ADT เพราะเมื่อเรามีงานที่เร่งด่วน  หรือจำเป็นเข้ามาเรื่อยๆ   เราก็มักจะ
รับภาระความรับผิดชอบต่องานเหล่านั้น  อีกทั้งไม่บ่นไม่โวยวายต่อภาระงานที่เพิ่มขึ้น  เราจะก้มหน้าก้มตาพยายาม
ทำให้งานสำเร็จ ทั้งๆ ที่กำลังความสามารถ  และเวลาของเราไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับปริมาณของงานที่เข้ามา  ดังนั้นเมื่อเจอกับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นและเร่งด่วนขึ้น  เราก็มักจะอยู่ในอาการของความรีบร้อนตลอดเวลา  พยายาม
ทำงานให้เสร็จโดยเร็วการทำงานหลายๆ อย่างไปพร้อมๆ กัน และขาดสมาธิต่อการทำงานๆ หนึ่ง (Unfocused)  แต่ในขณะเดียวกัน   บุคคลเหล่านี้ก็จะไม่บ่นไม่โวยวาย  ดูจากภายนอกแล้วเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

         ทีนี้ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยครับว่าโรค ADT จะก่อให้เกิดปัญหาอะไรขึ้น ?  ง่ายๆก็คือ ทำให้สมองเราสูญเสีย
ความสามารถในการคิด วิเคราะห์และทำงานอย่างละเอียดลึกซึ้ง  จะส่งผลให้งานที่ออกมาเป็นงานที่เร็วแต่ไม่ลึก 
จะทำให้ความสามารถในการทำงานของเราลดน้อยลง    การที่สมองเราจะต้องรับ วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูล
ต่างๆเพิ่มมากขึ้น   ความสามารถในการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ก็ลดลง อีกทั้งความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้มากขึ้น
 
        โรคนี้ถือเป็นโรคใหม่ในที่ทำงานอย่างหนึ่งครับ  เกิดขึ้นเนื่องจากสภาวะแวดล้อมในการทำงาน ที่ต้องการความรวดเร็ว   
และมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น สมองเราจะต้องรับและประมวลผลข้อมูลต่างๆ   มากขึ้นกว่าเดิม วัฒนธรรมในการทำงานในปัจจุบัน   
ก็เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เราเกิดโรคนี้   โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำคัญของความเร็วในการทำสิ่งต่างๆ  ในปัจจุบัน
ดูเหมือนว่าเราต้องการความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เรา มักจะคิดว่า ในเมื่อคนทุกคนมีเวลาเท่ากัน  ดังนั้น ผู้ที่มีความเร็วมากกว่าจะทำงาน
ได้มากกว่า

          ท่านผู้อ่านลองสังเกตซิครับเวลาท่านขึ้นลิฟต์  ปุ่มไหนที่ท่านจะกดบ่อยที่สุด  ปุ่มนั้นก็คือปุ่ม " ปิดประตู" เพราะทุกคนเป็นทาส
ของความเร็ว    ไม่สามารถรอให้ลิฟต์ปิดได้เอง



หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 04:19:24 PM
3. ดื่มน้ำน้อยมีผลร้ายที่คุณคิดไม่ถึง

        เมื่อเร็วๆ นี้ได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง   ซึ่งลงบทสัมภาษณ์ของดาราสาวสวยระดับนางเอกท่านหนึ่ง
 เกี่ยวกับร่างกายของเธอที่มีการผิดปกติ เธอมีอาการอุจจาระไม่ออก,  เมนส์ไม่มา  แถมเธอยังเข้าใจว่าการที่เมนส์
มาบ้างไม่มาบ้าง แล้วแต่อารมณ์นั้นเป็นเรื่องปกติขอผู้หญิงซะอีก   เธอบอกว่าไม่ชอบดื่มน้ำเพราะจะทำให้ปัสสาวะบ่อย  ส่วนใหญ่พวกดาราก็มักเป็นอย่างนี้ เพราะต้องอยู่แต่ ในกองถ่ายจะหาห้องน้ำสะอาดๆยาก   เลยต้องอั้นอุจจาระปัสสาวะเอาไว้  หรือแก้โดยการไม่ดื่มน้ำจะได้ไม่ต้องปัสสาวะ  พฤติกรรมดังกล่าวนี้ไม่ใช่แค่เฉพาะดาราหรอก  มีอีก
หลายอาชีพที่เป็นกันอย่างนี้   อาจจะเป็นเพราะภาวะสังคมที่รีบเร่งแข่งขันกัน ท่านที่ทำงานนั่งอยู่กับคอมพิวเตอร์
หรือพนักงานทำบัญชีด้วยแล้ว  ไม่ค่อยอยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำกัน  กลัวจะเสียเวลาทำงานหรือลืมเข้าห้องน้ำก็มี 
พอทำอย่างนี้ไปนานๆ เข้าร่างกายเราก็สร้างความคุ้นเคยว่าไม่ต้องอุจจาระไม่ต้องปัสสาวะกันเลย

         โดยร่างกายเข้าใจว่าวิธีการนี้ถูกต้อง  ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำ 70 กว่าเปอร์เซนต์ เลือดเราประกอบ
ด้วยน้ำ 90 กว่าเปอร์เซนต์   กระดูกเราก็ประกอบด้วยน้ำ 22 เปอร์เซ็นต์   ร่างกายเราเสียน้ำวันละ 2 ลิตรเศษ แล้วรับน้ำ
เข้าไป เพียงพอหรือไม่  ถ้าไม่พอเราก็ถือว่าขาดน้ำ ร่างกายและอวัยวะภายในจะรวนผิดปกติไปหมด เลือดเราจะข้น
หนืด  ยากที่หัวใจจะสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายส่วนต่างๆ  ของร่างกาย หัวใจเองนั่นแหละจะตีบตันเสียก่อน
ต้องทำบายพาสกันวุ่นวาย  ความจำก็จะเสื่อมหรือเป็นอัลไซเมอร์ เพราะเลือดเลี้ยงสมองไม่พอ เส้นเลือดก็จะตีบตันหมดหรือไม่มีเลือดจะขึ้นไปเลี้ยง

          จากประสบการณ์ที่พบคนไข้ที่เป็นโรคความจำเสื่อม เป็นถึงระดับผู้บริหารใหญ่ๆ ก็หลายท่าน ดื่มน้ำวันละ 2-3 แก้ว ไม่เกิน 500  ซี.ซี. เลือดก็ข้นหนืด เต็มไปด้วยไขมัน สังเกตได้หัวตาเหมือนกับเอาพู่กันป้ายสีขาวไว้ และฟันธง
ได้เลยว่าทุกรายถ้าดื่มน้ำอย่างนี้คลอเรสเทอรอลสูงทุกคน รอเส้นเลือดอุดตันได้เลย

          เมื่อไปหาหมอ หมอก็จะจ่ายยาละลายลิ่มเลือดให้กิน  มันก็เหมือนเราเอาสารส้มแกว่งในตุ่มน้ำเพื่อให้น้ำใส  ตะกอนเมื่อมันนอนก้นน้ำก็จะใส แต่ถ้าเอาอะไรไปแกว่งทำให้น้ำกระเทือน ตะกอนก็ยังจะลอยขึ้นมาทำให้น้ำขุ่นอีก
อยู่ดี เช่นเดียวกัน  เมื่อเรากินยาเลือดก็จะใส แค่ตะกอนในร่างกายมันยังไม่ออกยังนอนก้นอยู่ในร่างกายเรา 
ดังนั้นเราต้องใช้น้ำพาตะกอนเหล่านั้นออกมาให้ได้  ไม่อย่างนั้นมันก็จะกลับไปอุดตันเส้นเลือดเราอีก   
เมื่อร่างกายขาดน้ำลำไส้ก็แห้ง ไม่มีน้ำที่จะพอเอาอุจจาระออกมาได้ ของเสียก็จะสะสมอยู่ในลำไส้  และลำไส้ก็
ดูดซึมของเสียนั้นกลับเข้าร่างกายอีกเลือดเราก็ยังสกปรกและข้น หนืดมากขึ้นไปอีก และลองพิจารณาดูครับว่า
เลือดที่เสียเมื่อเข้าไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายแล้วนั้น จะให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมายเพียงใด  ที่ถูกแล้ว
เราควรจะอุจจาระ 1-3 ครั้งทุกๆ วัน ออกมาเป็นเส้นไม่เล็กนักปริมาณพอสมควรกับอาหารที่   เราทานเข้าไป
ไม่ใช่ทานเข้าไป 1 กิโลกรัม ถ่ายออกมา 1 ขีด ที่เหลือหายไปไหนหมด มันเข้าไปบำรุงร่างกายเราทั้งหมดหรือ 
ถ้าเป็นอย่างนั้นเราคงตัวโตเท่าช้างแน่   การที่รอบเดือนหายไป 5-6 เดือนหรือมาๆ หยุดๆ แล้วแต่อารมณ์นั้น
ไม่ใช่เรื่องปกติของผู้หญิงทั่วไป  ที่ถูกสำหรับดาราสาวท่านนี้ ดื่มน้ำน้อยมาก เลือดคงจะข้นหนืด ผนังมดลูก
คงจะแห้งไม่ลอกหลุดออกมาเมื่อมีไข่ตกและไม่ได้รับการผสมพันธุ์  เลือดนั้นก็ยังสะสมเป็นของเสียอยู่ที่ผนังมดลูกเดือนแล้วเดือนเล่า เมื่อช่องทางการขับของเสียดำเนินไม่ได้ตามธรรมชาติร่างกายก็จะสร้างรั้วขอบเขตเป็นถุง
เป็นเนื้องอก มาหุ้มห่อของเสียนั้นไว้ ของเสียก็จะค่อยๆกลายเป็นเนื้องอกและกลายเป็นมะเร็งในที่สุด



หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 04:21:16 PM
ช่องทางในการขับของเสียออกจะมีอยู่ 5 ช่องทางด้วยกันคือ

1. ไต   ขับออกมาทางปัสสาวะ         2. ลำไส้ใหญ่   ขับออกมาทางอุจจาระ
3. ปอด   ขับออกมาทางลมหายใจ         4. ผิวหนัง  ขับออกมาทางเหงื่อ
5. รอบเดือน   ขับออกมาทางประจำเดือน

         เมื่อช่องทางการขับของเสียไม่สมบูรณ์ หรือถูกปิดกั้นมันก็จะต้องพยายามหาทางออกให้ได้ เช่น ออกมาเป็น   
สิว ฝ้า กระ  ฝี ริดสีดวง สิ่งเหล่านี้เป็นของเสียที่ร่างกายพยายามขับออกมาทั้งนั้น ดังนั้นถ้าเรามีอาการดังที่กล่าวมา
ก็ขอให้เราจงเข้าใจด้วยว่าร่างกายเรามีของเน่าเสียอยู่ภายในแล้ว มันเป็นสัญญาณเตือนภัย   ที่เราไม่ควรมองข้าม
หรือกินแต่ยา ฉีดยากดอาการเหล่านี้ไว้ไม่ให้แสดงออก เพราะนั่นไม่ใช่วิธีการรักษา หรือบำบัดโรคต่างๆให้หายไป
แต่กลับเป็นการทำให้โรคหรืออาการนั้นรุกคืบไปเรื่อยๆเหมือนรุกใต้ดิน   โดยที่เราไม่รู้สึกอะไร จะรู้สึกตัวอีกที
ก็ต่อเมื่อสายเสียแล้ว...

4. เส้นโลหิตในสมองบกพร่อง – เคล็ดลับการวินิจฉัยอาการโรค Apoplexy

         เพื่อนคนหนึ่ง หกล้ม ในงานบาร์บีคิวปาร์ตี้ เพื่อนในงานแนะให้หาหมอ   แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไร เพียงแต่ใส่
รองเท้าใหม่แล้วสะดุดเท่านั้น  อิงอิงดูยืนไม่ค่อยมั่นคง   เพื่อนช่วยปัดเป่าเสื้อผ้าให้แล้วยกอาหารจานใหม่ให้ร่วมสนุก
กันต่อ  หลังจากนั้น  ผู้สามีแจ้งมาว่า อิงอิงถูกส่งเข้าโรงพยาบาล  แต่แล้วก็เสียชีวิตตอน6 โมงเย็น  ถ้าหากเพื่อนๆ
รู้จักวินิจฉัยอาการโรค  ป่านนี้อิงอิงอาจยังมีชีวิตอยู่กับเพื่อนๆ บางคนเส้นโลหิตในสมองแตก อาจไม่ตาย  แต่ก็อาจ
เป็นอัมพฤตหรืออัมพาต  แพทย์ทางประสาทวิทยากล่าวว่า หากผู้ป่วยถึงมือแพทย์ภายใน 3 ชม.ก็ จะมีโอกาสรอด
หากคนข้างเคียงไม่รู้จักวินิจฉัยอาการ สมองผู้ป่วยก็จะถูกทำลายอย่างร้ายแรง แพทย์แนะว่า คนข้างเคียงเพียงแค่
ทดสอบผู้ป่วยด้วย 3 ข้อ  โปรดจำเคล็ดลับ STR ดังต่อไปนี้

S:  (smile) ให้ผู้ป่วยยิ้ม

T:  (talk) ให้ผู้ป่วยพูดประโยคที่มีสาระสมบูรณ์  เช่น  วันนี้อากาศสดใสดีจัง

R:  (raise) ให้ผู้ป่วยชูแขนสองข้าง

อาการอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม
ให้ผู้ป่วยแลบลิ้นออก ถ้าลิ้นม้วนหรือเบี้ยวไปข้างหนึ่ง  ใช่แล้ว ส่ออาการอันตราย !!!
ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปรกติข้อใดข้อหนึ่ง  ให้รีบติดต่อแพทย์  ส่งร.พ.โดยด่วน


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 04:22:47 PM

    บทความจากฟอร์เวิร์ดเมล์ครับ  คิดว่าน่าจะเป็นคุณประโยชน์กับเพื่อนสมาชิก

    อาจยาวไปบ้าง สร้างความรำคาญให้บางท่าน ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ...... ขอบคุณครับ

   


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 04:32:37 PM
ขอบพระคุณมากค่ะพี่ปู... ::014::

เจอข้อแรกก็อายุสั้นซะแล้ว... ::005::


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: หงส์ซิ่ง ♥ รักในหลวง ♥ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 04:43:49 PM
ขอบคุณมากครับน้าปู ::014::


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: supreme ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 04:57:21 PM
 ::014:: ขอบคุณมากครับ

อ่านแล้วสงสัยว่าตัวเองมีแนวโน้มจะเป็น  ADT ระดับนึง


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Audy452 ♥ รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 04:59:32 PM
ขอบพระคุณครับลุงปู  ::014::


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 06:12:18 PM

       ผมเคยพยายามงดมื้อค่ำอยู่หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ

       ต่อมาพยายามอีกด้วยการทานในปริมาณที่น้อย ..... สุดท้ายก็ล้มเหลว ..... เพราะมันจะไปหิวตอนดึก

       ข่มตา ข่มใจ อย่างไรก็ไม่ไหว ในที่สุดก็คดข้าวก้นหม้อถ้าไม่มีกับข้าวเหลือ อย่างน้อยไข่เจียวก็คือพระเอก

       เห็นว่าพฤติการณ์เยี่ยงนี้ รังแต่บั่นทอนและทำลายตัวเอง  ก็เลยกินปกติในมื้อเย็นพออิ่ม ไม่เติมดึกๆดีกว่า



       มาวันนี้ได้รับเมล์เรื่องข้างต้น  หวลคิดถึงกรณีของ " เฮียอ๋า " เพราะท่านกับผมอยู่ในวัยไกล้เคียงกัน

       แต่ผมจะระวังเรื่องของมันๆอยู่แล้ว  ทานบ้างแต่น้อยๆ  เพราะตัวเองอ้วนอยู่  ส่วนเฮียแกผอมตัวเล็ก

       อาจไม่ระวังในเรื่องอาหารการกินเท่าผม ....... อย่างไรก็ตาม รู้ว่าความตายหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ขอให้มี

       เวลาจัดการอะไรให้เรียบร้อยก่อนจาก ...... จะได้หลับตาอย่างเป็นสุข  .......  ขอบคุณอีกครั้งครับ



หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 06:27:21 PM

         ขออนุญาตเล่าเรื่องหน่อยครับ  .....  เมื่อช่วงสี่โมงครึ่งที่ผ่านมาก็ไปออกกำลังกายเบาๆด้วยการเดิน-วิ่ง

         พอถึงรอบสุดท้าย กำลัง cool down ก็มีคุณลุงท่านนึงมาออกกำลังกายเช่นกัน ก็เลยเข้าไปทักทายพูดคุยกัน

         ท่านอายุ 78 ปีแล้ว  มีโรคประจำตัวคือ ความดันโลหิต และยูริคฯ สูง  ตอนนึงคุยถึงเรื่องอาหารการกิน ท่านว่า

         ตอนนี้อยากจะกินอะไรก็กิน  ไม่สนใจแล้ว  ไม่รู้จะไปวันไปพรุ่ง  ก่อนหน้านี้ทำงานนั่งโต๊ะ  พอออกจากงานตอน

         60  ก็ทำสวนยาง มีที่อยู่ 30 กว่าไร่  ลูกหลานไม่มีใครเอาเลย เพิ่งขายไปได้แปดล้านกว่า แบ่งๆกันไป เหลือไว้

         กินใช้นิดหน่อย  กับค่าทำศพก็พอ  มันจะได้ไม่มาแย่งกันภายหลัง  อยากกินอะไรก็กินไป ตายแล้ววางเรียงโต๊ะยาว

         ไม่รู้ใครเอาไปกิน ...... ทุกเช้าก็ใส่บาตรไปเรื่อยเปื่อย ...... ท่านหันหน้ามาถามผมว่ากรวดน้ำนี่ไปถึงใครได้บ้าง

         แล้วก็ไปถึงจริงหรือเปล่า ....... ผมก็จนใจ ตอบท่านว่า มันเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถิด อย่า

         ไปหวังสิ่งตอบแทนอะไรเลย  จะชาตินี้ ชาติไหน  หรือชาติหน้าจะเป็นอะไร .... ไม่มีใครรู้ได้ ...... ปลงเลยผม อิอิ



หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: -Joke- ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 06:27:33 PM
ให้ผมอดมื้อเย็นฆ่าผมดีกว่าครับน้าปู

อิอิอิ


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 06:59:12 PM
 ::014:: ขอบคุณครับ คุณหมอพี่ปู


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: นายต้นงิ้ว ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 07:10:48 PM
แล้วไวด์ มื้อเย็นช่วยอะไรได้บ้างป่าวครับพี่ปู


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: RroamD ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 07:25:47 PM
ขอบคุณพี่ปูสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพครับ
การตรวจร่างกายก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองช้ามครับ


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 07:42:51 PM

         ครับท่านอารมณ์ดี  สัปดาห์ที่แล้ว  เจาะเลือดตรวจ หลายตัว  ที่ผิดปกติก็มี

         โฆเลสเตอรอล 246  ตัวเดียว กับความดันยันเพดาน (อายุ) เบาหวาน หัวใจ อื่นๆ ปกติ

         อีกตัวคือ ไตรกีเซอราย เกินพิกัดไปนิดหน่อย (จำตัวเลขไม่ได้) แต่ยังไม่ต้องใช้ยา ดูแลเรื่องอาหาร+ออกกำลัง

         อีก 2 เดือนตรวจอีกครั้ง ........ ต้องดูแลตัวเองครับ ประมาทไม่ได้ ไม่กลัวแต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลา   ขอบคุณครับ



หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 07:46:24 PM
+ให้พี่ปูอีก1ครับ


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 08:23:13 PM
ผมเน้นผักซะมากกว่า   วันไหนทานอาหารมันผมก็ทานยาดักไขมัน   มันก็ช่วยได้บ้าง5วันมานี้ก่อนมื้อเย็น  ผมก็ทานเม็ดแมงลักผสมน้ำส้มที่มีเจลก็พอได้    ไม่รู้หาเงินไปทำไมอันนั้นก็ไม่ได้อันนี้ก็ไม่ได้   พอจะไปที่ชอบเมียก็รู้ทัน


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 08:33:44 PM

       สนใจยาดักไขมันของน้าเล็กครับ ..... พอจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้ไหมครับ

       ใช้แล้วจะมีผลข้างเคียงต่อผู้ใช้หรือเปล่า  หรือต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้ (http://www.4x4.in.th/vision11/image/icono13.gif)





หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 09:23:47 PM
 ::014::ขอบคุณครับลุงปู

 ::005::ค่อยๆผ่อนกันไปครับ...ไม่รีบ


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 09:34:14 PM
  ::005::ค่อยๆผ่อนกันไปครับ...ไม่รีบ

         ชักช้าไม่ได้นะครับน้าเป้า ...... วัยผม 30 ปลายๆ จะขึ้นเลข 4 แล้ว ...... ประมาทมิได้เด็ดขาด



หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: sorrachat - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 09:49:35 PM
ขอบคุณครับ

ดื่มน้ำมากๆน่ะพอได้ครับ

แต่ข้าวเย็นเนี่ยลำบากมากเลยครับ อิอิ


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 09:58:59 PM

       สนใจยาดักไขมันของน้าเล็กครับ ..... พอจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้ไหมครับ

       ใช้แล้วจะมีผลข้างเคียงต่อผู้ใช้หรือเปล่า  หรือต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้ (http://www.4x4.in.th/vision11/image/icono13.gif)




ยี่ห้อ  XENICAL  ของ  ROCHE  ทานพร้อมอาหารเลยบางคนก็ใช้ลดความอ้วน    คือมันจะจับไขมันไม่ให้ถูกดูดซึม   และขับถ่ายออกข้อเสียผมยังไม่เจอ    บางคนทานผงถ่านไม้  ก็จับไขมันพอได้เหมือนกัน   ผมใช้เวลาที่เจอโต๊ะจีนครับ


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 10:04:05 PM
  ::005::ค่อยๆผ่อนกันไปครับ...ไม่รีบ

         ชักช้าไม่ได้นะครับน้าเป้า ...... วัยผม 30 ปลายๆ จะขึ้นเลข 4 แล้ว ...... ประมาทมิได้เด็ดขาด



30 ปลายๆ จะขึ้นเลข 4 (http://img18.imageshack.us/img18/9924/xo8rp1225509131430672.gif) (http://img18.imageshack.us/my.php?image=xo8rp1225509131430672.gif)
ที่เหลือลุงปูไปฝากที่ไหน จะไปฝากบ้างครับ  ::005::


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 11:42:06 PM
ผมกำลังกินผักเป็นมื้อเย็น ลดข้าวลงน้อยๆ...+ ครับ
แต่เบียร์...ไม่ชนะใจซักที


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤษภาคม 10, 2009, 11:46:52 PM
  ::005::ค่อยๆผ่อนกันไปครับ...ไม่รีบ
         ชักช้าไม่ได้นะครับน้าเป้า ...... วัยผม 30 ปลายๆ จะขึ้นเลข 4 แล้ว ...... ประมาทมิได้เด็ดขาด
30 ปลายๆ จะขึ้นเลข 4 (http://img18.imageshack.us/img18/9924/xo8rp1225509131430672.gif) (http://img18.imageshack.us/my.php?image=xo8rp1225509131430672.gif)
ที่เหลือลุงปูไปฝากที่ไหน จะไปฝากบ้างครับ  ::005::
อย่าไปฝากเชียวค่ะ....เวลาคืน ได้รับคืนพร้อมดอกเบี้ยนะคะ... ::012:: ::005::

หง่อมเลย.... ::013::



หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: s_chai รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 11, 2009, 12:02:03 AM
ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆ จะลองเอาไปทำดูครับ


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 11, 2009, 12:52:03 AM
ขอบคุณครับ...

ผมว่าเลือกเดินทางสายกลางดีกว่า...

กินมันสามมื้อนั่นแหละ...:D


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ พฤษภาคม 11, 2009, 07:57:48 AM
 ::014:: ::014:: ::014::ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ พฤษภาคม 11, 2009, 09:24:36 AM
ช่วงนี้งดอาหารเย็นเหมือนกันครับ รู้สึกตัวว่าเริ่มอึดอัด ;D


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Middle ที่ พฤษภาคม 11, 2009, 11:29:27 AM
   ::014:: ขอคุณครับ...แต่ว่าผมลดยากครับ...ก็เลยอาศัยวิ่งออกกำลังทดแทนครับ...


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤษภาคม 11, 2009, 11:38:25 AM
อย่าไปฝากเชียวค่ะ....เวลาคืน ได้รับคืนพร้อมดอกเบี้ยนะคะ... ::012:: ::005::

หง่อมเลย.... ::013::



งั้นผมขอถอนก็แล้วกัน ดอกเบี้ยไม่เอา  ::005::
ถามเคล็ดลับคุณmomoว่าทำบุญด้วยอะไร .... แนะนำหน่อยซิครับ  :D



หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ฅนต้นน้ำ ที่ พฤษภาคม 11, 2009, 11:52:20 AM
 ::014:: ขอบคุณครับลุงปู แต่มื้อเย็นของผมถ้าอดแล้วจะนอนไม่หลับครับ ::004::
ต้องอิ่มใวก่อนครับ ;D แต่จะเน้นผัก และผลไม้ครับ :D~


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤษภาคม 13, 2009, 12:18:56 PM
ผมกำลังจะบวชทดแทนคุณบิดามารดา 24/05/52 -31/05/52 อายุ 37 แล้ว เพิ่งคิดบวช/ได้ วิกาละโภชนา 7 วัน สึกแล้วจะพยายามทำต่อครับเพื่อสุขภาพ


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: จินตา <Jinta> ที่ พฤษภาคม 13, 2009, 06:42:51 PM
อาหารมื้อเย็นนี่ทานบ้างเป็นบางวันครับ เพราะเลิกงานดึกเลยบังคับอดไปเอง... อดบ่อยก็เลยชินครับ... ส่วนใหญ่จะได้ทานมื้อเย็นก็เวลากลับบ้าน ได้ทานกับคุณพ่อคุณแม่ หรือนัดเจอเพื่อนๆตอนเย็นเท่านั้น...

แต่ยังอดไม่ได้คือเบียร์เย็นๆหลังเลิกงาน... ว่าจะลองอดดูบ้างเหมือนกันจะได้รู้เสียที่ว่าตัวติดเหล้าติดเบียร์หรือเปล่าครับ...


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: อ้วน 008 รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 13, 2009, 08:03:03 PM
จะพยายามลดอาหารมื้อเย็นครับ แต่เป็นมื้ออาหารที่คนในครอบครัวพร้อมหน้ากันและมีเวลาทานมากที่สุดนี่ละครับ


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: RroamD ที่ พฤษภาคม 13, 2009, 08:47:36 PM
ขออนุญาตพี่ปูนำข้อมูลที่ผมได้รับฟอร์เวิร์ดเมลจากเพือนครับ ::014::

เรื่อง: หมูยอ
ตะลึง!! พบ"หมูยอ"แทบทุกยี่ห้อใส่"สารกันบูด"เกินมาตรฐาน ที่อ้างขายหมดทุกวัน ยิ่งต้องระวัง

ตรวจสอบพบ "หมูยอ" แทบทุกยี่ห้อใส่ "สารกันบูด" เกินมาตรฐาน โดยเฉพาะที่อ้างขายหมดทุกวัน ยิ่งต้องระวังให้หนัก แนะนำให้ลวกก่อนทานทุกครั้ง เพราะสามารถลดปริมาณสารกันบูดได้

"หมูยอ" นับเป็นอาหารพื้นบ้าน ซึ่งเป็นที่นิยมมากชนิดหนึ่ง ในปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ง่าย เพราะถูกพัฒนาให้กลายเป็นสินค้าที่สามารถส่งขายไปทั่วประเทศ แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ต้องฝากฝังให้เพื่อนที่ไปเที่ยวภาคเหนือหรืออีสานซื้อมาฝาก ด้วยเหตุนี้ หมูยอจึงจำเป็นต้องผสม "สารกันบูด" เพราะมีส่วนผสมหลักเป็น "เนื้อหมู" ที่นำมาปั่นให้ละเอียดและนำไปผสมเครื่องปรุงตามสูตรใครสูตรมัน ก่อนที่จะนำมาตีให้เหนียวจนสามารถปั้นเป็นแท่ง จากนั้นจึงทำให้สุก

แม้จะสุกอยู่แล้ว แต่อากาศบ้านเราที่มีอุณหภูมิเหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์มาก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องผสมสารกันบูดลงไปอยู่ดี โดยส่วนใหญ่นิยมใช้ "กรดเบนโซอิค" และ "กรดซอร์บิก" เพื่อถนอมไม่ให้หมูยอเน่าเสียก่อนถึงมือผู้บริโภค

การผสมสารกันบูด 2 ชนิดข้างต้นไม่ใช่เรื่องต้องห้าม เพราะกระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้ทำได้ แต่ต้องไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เพราะถ้าใส่มากกว่านั้น จะเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภค เราจึงไปเดินตลาดและซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อซื้อหมูยอที่วางขายอยู่ทั่วไป 5 ยี่ห้อ ได้แก่ ยี่ห้อ เจ๊หงษ์ หมูยอ, เจ้าสัว เตียหงี่เฮียง, เวียงเหนือ หมูยอ, บ้านไผ่ หมูยอ และส.ขอนแก่น หมูยอ นอกจากนี้ ยังซื้อหมูยอจากตลาดดังเมืองเชียงใหม่มาอีก 3 ยี่ห้อ ได้แก่ ป้าย่น หมูยอตำรับจีนไหหลำ, วิมลรัตน์ หมูยอพริกไทยดำ และสมพัตร หมูยอ ตำรับอุดร ซึ่งทั้ง 3 ยี่ห้อดังกล่าว ไม่ได้ระบุวันหมดอายุ เพราะแม่ค้าอ้างว่า "ขายหมดวันต่อวัน"


ผลการทดสอบปริมาณสารกันบูด

- พบสารกันบูดในหมูยอทุกยี่ห้อ
- หมูยอยี่ห้อ เจ๊หงษ์ หมูยอ, เจ้าสัว เตียหงี่เฮียง, ป้าย่น หมูยอตำรับจีนไหหลำ, วิมลรัตน์ หมูยอพริกไทยดำ และสมพัตร หมูยอ ตำรับอุดร มีปริมาณสารกันบูดมากเกินมาตรฐาน ตามรายละเอียด ดังนี้

1. วิมลรัตน์ หมูยอพริกไทยดำ พบกรดเบนโซอิค 3931.83 มก./ กก.
2. สมพัตร หมูยอ ตำรับอุดร พบกรดเบนโซอิค 2969.75 มก./กก.
3. เจ้าสัว เตียหงี่เฮียง พบกรดเบนโซอิค 2486.80 มก./กก.
4. เจ๊หงษ์ หมูยอ พบกรดเบนโซอิค 2511.17 มก./กก.
5. ป้าย่น หมูยอตำรับจีนไหหลำ พบกรดซอร์บิก 1000.84 มก./กก


- หมูยอยี่ห้อ เวียงเหนือ หมูยอ, บ้านไผ่ หมูยอ และส.ขอนแก่น หมูยอ พบสารกันบูดไม่เกินมาตรฐาน แต่ยี่ห้อเวียงเหนือ หมูยอ มีปริมาณฉิวเฉียด คือ 915.89 มก./กก.

กินหมูยออย่างไรให้ปลอดภัย

ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นครราชสีมา เคยศึกษาหาวิธีเหมาะสมในการลดปริมาณกรดเบนโซอิคในหมูยอ ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยทดลองลวกหมูยอ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับหมูยอที่ยังไม่ได้ลวก จึงพบว่า หมูยอที่ถูกลวกในน้ำเดือดจะมีปริมาณกรดเบนโซอิคลดลง ส่วนจะลดมากหรือน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับ อัตราส่วนของน้ำที่ใช้ลวกกับหมูยอ

ดังนั้น การที่เราแกะทานหมูยอทันทีโดยไม่ลวกเสียก่อน จึงไม่ควรกระทำอีกต่อไป แต่ควรเจียดเวลาสักนิด ลวกหมูยอก่อนรับประทานทุกครั้ง

ที่มา นิตยสาร "ฉลาดซื้อ" ฉบับที่ 95 เขียนโดย กองบรรณาธิการฉลาดซื้อ


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤษภาคม 13, 2009, 09:16:43 PM
อย่าไปฝากเชียวค่ะ....เวลาคืน ได้รับคืนพร้อมดอกเบี้ยนะคะ... ::012:: ::005::

หง่อมเลย.... ::013::
งั้นผมขอถอนก็แล้วกัน ดอกเบี้ยไม่เอา  ::005::
ถามเคล็ดลับคุณmomoว่าทำบุญด้วยอะไร .... แนะนำหน่อยซิครับ  :D

;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: มื้อเย็น...เป็นมื้อตายผ่อนส่ง (fw-mail อีกแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ดิ โอลดิ์ สยาม ที่ พฤษภาคม 14, 2009, 05:00:45 AM
 ::014:: ::014::ขอบคุณที่เตือนสติ และห่วงใยเพื่อนๆ  มื้อเย็นผมอดไม่ได้ แต่เปลี่ยนเป็นข้าวต้มจะได้มีน้ำมากๆ แต่ดันมาติดใจ ลิ้นเป็ดและหมูหมักพริกไทดำทอดนี่สิ น้ำมันเพืยบ  ชอบทุเรียนอีกตะหาก รู้ทั้งรู้ แต่ลืมตัว  อายุก็ประมาณไม้ใกล้ฝั่ง แต่ยังไม่อยากเกย ขอบคุณอีกครั้งและจะพยายามครับ ::008:: ::008::