หัวข้อ: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: M1911LOVER "รักในหลวง" ที่ กันยายน 26, 2005, 12:10:20 AM ผมขอคัดลอกจากเว็บผู้จัดการครับ
ที่นั่นก็มีความคิดเห็นมากมายแต่นั่นก็อีกมุมหนึ่งจากอีกกลุมหนึ่งครับ พวกเราชาวปืนน่าจะมีความเห็นสะท้อนจากบทความนี้อย่างแหลมคมอีกมุมหนึ่ง.... เชิญครับ มองแสนยานุภาพชายแดนไทย-มาเลย์ โดย สิริอัญญา 25 กันยายน 2548 18:23 น. ในพลันที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่หมู่บ้านตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ก็ปรากฏข่าวจากทางด้านมาเลเซียว่ากองทัพมาเลเซียได้เคลื่อนกำลังทหารจำนวนสามกองพันมาประชิดที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อป้องกันสกัดกั้นไม่ให้คนไทยข้ามแดนไปมาเลเซียโดยผิดกฎหมาย สื่อมวลชนไทยก็รายงานข่าวไปตามนี้คือเป็นการเคลื่อนกำลังมาเพื่อป้องกันคนไทยข้ามแดนไปมาเลเซียโดยผิดกฎหมาย ความหมายมันอยู่เพียงเท่านั้นจริง ๆ หรือ? ความจริงไม่อยากกล่าวถึงเรื่องนี้เพราะมีความละเอียดอ่อนอยู่มากและเกี่ยวกับความสัมพันธ์ต่างประเทศ แต่เมื่อพิเคราะห์แล้วก็เห็นว่าจำเป็นที่จะต้องกล่าวถึงเรื่องนี้สักครั้งหนึ่ง มิฉะนั้นเพื่อนร่วมชาติของเราก็จะมองข้ามหรือลืมมองเรื่องสำคัญที่อาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อบ้านเมือง คงจะจำกันได้ว่าหลังเกิดกรณีกรือเซะและตากใบแล้ว มาเลเซียได้เคลื่อนกำลังทหารขึ้นมาที่ชายแดนหลายระลอก ครั้งละสองกองพันบ้าง สามกองพันบ้าง และหลาย ๆ กองพันในแนวหลังที่พอเห็นได้ว่าพร้อมจะเป็นกำลังหนุนกำลังส่วนหน้าที่วางกำลังอยู่ตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ไม่เคยปรากฏข่าวว่ามีการถอนกำลังทหารเหล่านั้นออกไปจากชายแดนไทย และมาบัดนี้เคลื่อนกำลังเพิ่มเติมเข้ามาอีกสามกองพันพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย หากประมาณคร่าว ๆ ถึงแสนยานุภาพที่เคลื่อนขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วก็เห็นจะมีกำลังร่วมสองกองพลแล้ว ไม่รวมถึงแสนยานุภาพทางนาวีที่มาเลเซียเตรียมกองเรือดำน้ำเพ่นพ่านอยู่ในทะเลหลวง ซึ่งใช้ระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถมาถึงแนวคลองกระแถวสงขลาและไม่ช้าไม่นานก็ถึงแนวคลองกระชั้นบน แม้กระทั่งถึงพังงาด้วยซ้ำไป ไม่รวมถึงแสนยานุภาพทางอากาศที่ ณ วันนี้ใครรู้ดีช่วยบอกทีเถิดว่าหากเปรียบเทียบแสนยานุภาพทางอากาศกันแล้วระหว่างไทยกับมาเลเซียจะเป็นประการใด? กองกำลังมากมายขนาดนี้ มันเป็นไปเพียงเพื่อสกัดกั้นคนไทยไม่ให้ข้ามแดนเท่านั้นหรือ? ตรงนี้แหละขอให้ช่วยกันคิดให้ดี แล้วแสนยานุภาพของเราในพื้นที่นั้นละมีเท่าใด? รับมือเขาไหวหรือ? และนี่ไม่ใช่หรือที่เป็นพลังแอบแฝงแล้วหนุนช่วยให้ปฏิบัติการก่อความไม่สงบยืดเยื้อรุนแรงอยู่จนถึงทุกวันนี้ กระทั่งบางหน่วยงานและบุคคลสำคัญบางคนของมาเลเซียถึงกับประกาศว่าจะต้องแยกดินแดนสามจังหวัดออกเป็นรัฐอิสระหรือเป็นเขตปกครองพิเศษ แล้วทำให้รัฐบาลไทยต้องกระอักกระอ่วนใจตลอดมา! ก่อนอื่นก็ต้องขอย้ำว่าเราคัดค้านสงคราม เราต้องการสันติ เราต้องการสันติภาพ ต้องการความสงบสุข การกระทำใด ๆ ไม่ว่าของใครและของชาติใดที่เกื้อหนุนต่อการเกิดสงคราม ทำลายสันติ ขัดขวางสันติภาพ และสร้างความทุกข์ยากขึ้นแก่มนุษยชาตินั้นล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชาชาติไทยและประชาชาติใด ๆ ในภูมิภาคนี้เลย วันก่อนได้แย้มพรายไว้บ้างแล้วว่าเมื่อราว 2 เดือนก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีของประเทศเพื่อนบ้านของเราได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยื่นต่อสภาผู้นำศาสนาอิสลามโลกที่กรุงเตหะราน กล่าวหาประเทศไทยอย่างหน้าด้าน ๆ ว่ากีดกันข่มเหงรังแกมุสลิม นั่นก็เพื่อบอกสัญญาณให้เพื่อนร่วมชาติได้รู้ว่ามีอันตรายซ่อนตัวอยู่ ควรที่พี่น้องร่วมชาติทุกคนจะตื่นตัวขึ้นมาเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจไม่คาดคิด ทั้งยังได้เตือนด้วยว่าควรที่นายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพราะคนที่รู้เรื่องนี้ในประเทศไทยของเราก็มีอยู่ ต้องบอกอีกว่าบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซียนั้นมีคนสองสัญชาติอยู่เป็นจำนวนร่วม 300,000 คน และเป็นไปในทางมากกว่า 300,000 คน ส่วนจะเป็นจำนวนแน่นอนเท่าใดนั้น ถึงวันนี้ย่อมเป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยจะต้องทำความกระจ่างและให้เกิดความชัดเจนเพื่อที่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงจะได้ใช้เป็นฐานข้อมูลในการปฏิบัติการ นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงคนสองสัญชาติเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 ซึ่งค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก แต่ก็นับว่าเป็นการเสนอประเด็นที่ถูกเป้าเข้าจุด และขออย่าให้เป็นการพูดเลื่อน ๆ ลอย ๆ เพราะนี่คือปมเงื่อนสำคัญที่เกี่ยวพันกับชะตากรรมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามกฎหมายสัญชาติประเทศไทยถือหลักสองหลักคือหลักดินแดนและหลักสายเลือด นั่นคือใครเกิดในดินแดนไทยและมีพ่อหรือแม่เป็นไทยก็จะได้สัญชาติไทย แต่ขณะเดียวกันหากละสัญชาติไทยไปถือสัญชาติอื่นหรือไปถือสัญชาติอื่นโดยไม่สละสัญชาติไทยก็เป็นอันว่าสิ้นสัญชาติไทยด้วย ทว่านั่นเป็นหลักกฎหมาย แต่ในการปฏิบัติกลับไม่มีการปฏิบัติกันเลย จึงเป็นเหตุให้คนในพื้นที่นั้นนอกจากถือสัญชาติไทยแล้วยังไปถือสัญชาติมาเลเซีย โดยได้รับการเอื้อเฟื้อเป็นพิเศษให้ถือสัญชาติมาเลเซียด้วย หากจะว่ากันตามกฎหมายคนเหล่านี้เป็นอันสิ้นสัญชาติไทยแล้ว การที่สิ้นสัญชาติไทยเพราะถือสัญชาติใหม่แล้วฉวยโอกาสข้ามแดนไปมาเลเซียแล้วบอกว่าเป็นคนไทยอพยพหลบภัยจึงไม่เป็นธรรมกับประเทศไทย และเป็นเรื่องที่หน่วยงานด้านประชาสัมพันธ์ของรัฐพึงชี้แจงทำความเข้าใจให้ชัดเจนทั้งภายในประเทศและต่อประชาคมโลก มิฉะนั้นก็จะมีบางชาติฉวยเป็นโอกาสกระหน่ำซ้ำตีประเทศไทยเพื่อดึงสหประชาชาติให้เข้ามาจัดการปัญหาภายในของประเทศไทย คนที่สิ้นสัญชาติไทยไปแล้วแต่ยังแอบอิงว่าเป็นคนไทย หากยังมีสิทธิ์ลงประชามติกันในวันข้างหน้าก็พอจะคิดได้แล้วว่าอะไรจะเกิดกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ว่าโอกาสจะเกิดขึ้นได้น้อยเพราะเรายังมีมิตรประเทศในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่เข้าใจและยืนข้างประเทศไทย แต่ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ เรื่องนี้จึงต้องป้องกันเอาไว้แต่เนิ่น ๆ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม รวมทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ ควรจะได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นพิจารณาอย่างจริงจัง ที่มันน่าเจ็บใจก็คือมีการสวมรอยเอาคนชาติอื่นทำทีมาเป็นคนไทย ทำอะไร ๆ ลงไปในพื้นที่นั้นแล้วบอกว่าเป็นการกระทำของคนไทย ทำให้คนไทยฆ่ากันเอง กลับมาที่กองกำลังทางบกของมาเลเซียตามแนวชายแดนที่ประมาณการว่ามีจำนวนร่วมสองกองพลนั้นมันหายไปไหนเป็นส่วนใหญ่? เพราะถ้าหากไม่ถอยออกไปก่อน จำนวนที่เคยเคลื่อนขึ้นมานั้นก็พอเพียงอยู่แล้วถ้าหากจะมีบทบาทเพียงสกัดคนไทยข้ามแดน เว้นเสียแต่ว่ากำลังพลเหล่านั้นได้สลายตัวไปแล้วแปรสภาพเคลื่อนย้ายเข้ามาในแดนไทย ทำตัวเป็นคนสองสัญชาติ แปลงตัวเป็นคนสองสัญชาติทดแทนจำนวนคนที่ย้ายถิ่นฐาน ซึ่งปรากฏตามข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยว่ามีจำนวนถึงเดือนละประมาณ 15,000 คน คนสองสัญชาติแปลงกายที่เนื้อแท้เป็นทหารของฝ่ายตรงกันข้ามย่อมมีศักยภาพที่จะทำการสงครามทั้งนอกรูปแบบและทำสงครามแบบแผนได้โดยไม่ได้ด้อยไปกว่าทหารของไทยเลย หรือว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยเหมือนเมื่อครั้งที่ทหารเวียดนามสวมรอยเป็นทหารลาวแล้วเปิดศึกร่มเกล้ากับประเทศไทยในอดีต! ดังนั้นการที่กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทวีความรุนแรงมากขึ้น ขยายตัวมากขึ้น และยืดเยื้อมากขึ้น จึงแยกไม่ออกกับการเปลี่ยนโฉมแปลงร่างดังกล่าว มันเป็นปรากฏการณ์สวมรอยและฉวยโอกาสหลังจากสถานการณ์พลิกผันจากปัญหาผู้มีอิทธิพลอำนาจมืดมาเป็นปัญหาแบ่งแยกดินแดนแล้ว ก็อยากบอกเตือนรัฐบาลว่าการฟังรายงานที่ผิดพลาดอย่างต่อเนื่องแล้วย่อมทำให้เกิดผลเช่นนี้ ตัวอย่างล่าสุดที่นายกรัฐมนตรีแถลงว่านาวิกโยธินสองนายถูกสังหารตั้งแต่ตอนรุ่งสาง แล้วหมอพรทิพย์เผยผลการชันสูตรว่าถูกสังหาร ณ เวลา 14.00-15.00 น. ก็คือความซ้ำซากของความผิดพลาดของรายงาน และถ้าความผิดพลาดนั้นขยายไปถึงบุคคลที่ถูกระบุว่า รู้ตัวคนร้ายหมดแล้ว ก็จะนำไปสู่การจับกุมหรือปฏิบัติการที่ผิดพลาดและขยายผลร้ายต่อไป และอยากจะบอกย้ำด้วยว่าอย่าไปเชื่อรายงานว่าไม่มีเขตปลดปล่อย ทั้งอยากจะถามด้วยว่าสิ่งที่เรียกว่าเขตปลดปล่อยนั้นรู้จักมันดีแล้วหรือว่ามันคืออะไร? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? มันพัฒนาและดำเนินการไปอย่างไร? และระดับไหนที่ถือว่าเป็นเขตปลดปล่อย? เพราะในวันนี้กว่า 760 หมู่บ้านในจำนวนทั้งหมดราว 1,500 หมู่บ้านมีแกนหลักปฏิบัติงานและเป็นเขตปฏิบัติการของฝ่ายตรงกันข้าม โดยที่เราให้ความคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินแก่ประชาชนไม่ได้ และกลไกรัฐก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติไม่ได้ นี่คือสิ่งที่จะต้องสะกิดใจและพิจารณาไตร่ตรองให้จงดี การที่มีแสนยานุภาพของต่างชาติแอบแฝงเข้ามาในรูปคนสองสัญชาติก็ดี และมาประจัญอยู่ที่ชายแดนร่วมสองกองพลเป็นอย่างน้อยก็ดี มันไม่สมกับข้ออ้างที่ว่าเพื่อสกัดคนไทยข้ามแดน และความจริงก็คือมาเลเซียไม่เคยจับคนข้ามแดนเลยแม้แต่คนเดียว แต่นั่นมันคือปรากฏการณ์ให้ความคุ้มครองกับฝ่ายที่ก่อความไม่สงบ ป้องปรามแสนยานุภาพของกองทัพไทยให้ขยับตัวไม่ได้ คิดเรื่องนี้กันบ้างหรือยัง? ในพื้นที่นั้นแสนยานุภาพทางบกของเราก็มีเพียงบางจุด และมีอัตรากำลังไม่ถึงสองกองพล โดยยังไม่ต้องพูดถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ว่าของใครมีประสิทธิภาพกว่ากัน และยิ่งงานมวลชนด้วยแล้วก็ยิ่งไม่ต้องพูดอีกเลย เมื่อรวมแสนยานุภาพทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ตลอดจนมวลชนของฝ่ายตรงกันข้ามแล้ว มันด้อยกว่า พอ ๆ กัน หรือเหนือกว่าแสนยานุภาพของกองทัพไทยกันแน่? ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องให้ความสนใจโดยพลัน เพราะเราอาจเสียดินแดนได้โดยพลันเหมือนกัน! บทเรียนในอดีตที่เวียดนามเคยเสนอให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยยืมกำลังทหารร่วมสามสิบกองพันเพื่อเป็นกองหน้าตัดภาคอีสานออกจากประเทศไทย โดยมีแสนยานุภาพของนายพลเทียนวันดุง 300,000 คนหนุนอยู่ข้างหลังนั้นควรจะได้หยิบยกขึ้นพิจารณาศึกษาว่ามันกำลังเกิดขึ้นซ้ำรอยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่? ดีที่ว่าครั้งกระโน้นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยมีจิตใจรักชาติจึงปฏิเสธข้อเสนอ หาไม่แล้ววันนี้ภาคอีสานก็อาจจะไม่ใช่ของไทยอีกต่อไป แล้วกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่นั้นน่ะหรือจะมีความคิดจิตใจแบบเดียวกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต แล้วเราจะทำกันอย่างไร? รัฐบาลจะมัวถือว่าเรื่องนี้ไม่สร้างสรรค์ไม่ได้แล้ว และจะมัวเห็นว่าเรื่องการเร่งตัวเลขต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจสำคัญกว่าปัญหาความมั่นคงไม่ได้แล้ว เพราะตัวเลขทางเศรษฐกิจนั้นขึ้นลงได้ ขาดดุลแล้วก็ได้ดุลได้ แต่หากเสียดินแดนแล้วก็ยากที่จะได้คืน ดังนั้นจึงควรต้องยกเอาปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาหลักเร่งด่วนที่สุดของชาติตั้งแต่บัดนี้ไป รัฐบาลทักษิณ 2 จะเป็นประการใดก็เห็นจะชี้ขาดกันด้วยปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นี่แหละ! หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: M1911LOVER "รักในหลวง" ที่ กันยายน 26, 2005, 12:21:12 AM ต่ออีกนิดหนึ่งครับ...
ต้องขอโทษที่ผมคัดลอกจากเว็บผู้จัดการมาทั้งหน้า แต่ถ้าถามว่า "ทำไมชาติที่อยู่ทางใต้ของเรา อยากมีผลประโยชน์ในดินแดนสามจังหวัด ทั้งที่ความเข้มข้นเรื่องประวัติศาสตร์กับเรื่องศาสนาดูจะอ่อนน้ำหนักในพ.ศ.นี้" คำตอบคือผลประโยชน์ในอ่าวไทยครับ... อ้างจากการบรรยายของ สนธิ ลิ้มทองกุล ที่หอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ วันที่ 23 ก.ย. 2548 "ถ้าลากเส้นตั้งฉากจากเขตสามจังหวัด มายังชายฝั่งทะเลอ่าวไทย หากแบ่งแยกดินแดนสามจังหวัดได้จริง เขตปกครองใหม่จะได้สิทธิน่านน้ำ เป็นพื้นที่กว่ากึ่งหนึ่งของอ่าวไทยปัจจุบัน" หมายถึงทรัพยากรประเภทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใช่ไหมครับ.... หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: ekkawit ที่ กันยายน 26, 2005, 12:50:29 AM อืมน่าคิดนะครับ
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: NAIJUB ที่ กันยายน 26, 2005, 01:32:12 AM :)..เป็นห่วงประเทศไทย...ครับ >:( >:(
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: piras ที่ กันยายน 26, 2005, 01:36:02 AM ไอ้พวกแขกชาติอดีตขี้ข้าอังกฤษมันชักจะทำเกินไปแล้ว
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ท่านนายกฯจะหันมาพัฒนาแสนยานุภาพของกองทัพไทยทั้งสามเหล่าทัพให้ทันสมัยตามที่ท่านเคยสัญญาไว้ก่อนเลือกตั้ง ที่ผมเลือกท่านเข้ามาก็เพราะคำสัญญาข้อนี้นะครับ เมื่อกองทัพเราอ่อนแอ ไอ้พวกแขกอดีตขี้ข้าฝรั่งมันก็อวดกำแหงอย่างงี้ล่ะครับ ถ้าไม่ดำเนินการเสียตั้งแต่ตอนนี้ เราก็มีแต่จะล้าหลังมันออกไปเรื่อยๆ ถึงเวลานั้น Bargaining Power เราก็แทบจะไม่เหลือแล้ว อย่าลืมนะครับ ถ้ารักเมืองไทย อย่าเติม Petronas ปล่อยให้มันเจ๊ง กลับประเทศมันไป ผมล่ะเกลียดจริงๆพวกแขกนี่ หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ กันยายน 26, 2005, 02:05:20 AM น่าคิดคับ...
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ กันยายน 26, 2005, 05:23:33 AM ;D พวก แ .....ก ตามดอย
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: นักรบแนวหน้า ที่ กันยายน 26, 2005, 05:48:07 AM มีคนเคยถามแล้ว ลองคิดดูสิถ้ายึด 3จว ได้แล้วเค้าขุดคลองเชื่อมต่อทะเลทั้ง2ฝั่ง แล้วเรือขนสินค้าจะไปไหนล่ะ ผลประโยชน์มหาสาร
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ กันยายน 26, 2005, 07:20:04 AM เลยวิจารณ์ไปกันใหญ่
เรื่องการเคลื่อนกำลังทหาร เป็นเรื่องปกติครับ เรานำกำลังทหารราบจากภาคอิสานลงไป นำกำลังจากกองพลรบพิเศษลงไป และยังมีการจัดตั้งหน่วยปกติขึ้นอีกหนึ่งกองพล (ที่จริงเป็นการแปรสภาพ) มีการโอนงบประมาณ กับเคลื่อนย้ายน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนมากลงไปทางใต้ ทางมาเลเซียก็ต้องเคลื่อนกำลังขึ้นมายัน แต่ที่แปลกคือ เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมอยู่บรูไน ต้องนั่งประชุม (กินมื้อเช้าไปด้วย) กับเพื่อนทหารในกลุ่มอาเชียนด้วยกันทุกวัน พม่ารู้หมดว่ามาเลเซียขยับหน่วยไหนขึ้นมาบ้าง หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: โจ ™ ที่ กันยายน 26, 2005, 07:28:45 AM พม่ารู้ความเคลื่อนไหว ไปถึงมาเลย์ ก็คงไม่ต้องถามถึงประเทศไทยครับ :P :P
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: น้าเสก คนเดิม ที่ กันยายน 26, 2005, 07:58:42 AM พม่าสายตาเขากว้างไกลและยาวไกลครับ ;D
เขาต้องการจากเราแบบหนึ่ง...คือไทยเป็นมิตรประเทศที่มีชายแดนติดกันใช้เป็นทางผ่านเรื่องเศรษฐกิจของเขาได้ เช่น ยาฯ ผงฯ เป็นต้น ในเรื่องการทหารหลาย ๆ เรื่องเขาก็ได้อาวุธยุทธโธปกรณ์ผ่านทางมาเลเซีย,สิงค์โปร์ เช่น ระบบอาวุธต่อสู้อากาศยานและเรดาร์จากสิงค์โปร์ (เป็นของเก่าที่สิงค์โปร์ซื้อจากยุโรป แต่ยกให้พม่าเพื่อตอบแทนการทางค้า ตามสไตล์เจ๊ก) ถึงแม้จะเก่าแต่สามารถใช้ต่อต้านเครื่องบินของเราได้ กับมาเลเซียไม่ต้องพูดถึง เพราะพม่ามีทรัพยากรธรรมชาติมากมายก่ายกอง เพียงแต่เขาเป็นประเทศปิด มหาอำนาจเข้ามาเผ่นพ่านไม่ได้ จึงมีแต่ประเทศข้าง ๆ นี่แหละพยายามตอมหึ่งกันอยู่ เพราะฉะนั้นในอนาคต จึงไม่แปลกใจที่อาจจะเห็น เครื่องบิน เอฟ-5 เอฟ-16 มิก-29 ฮอคส์ บินอยู่ในพม่า ฉะนั้นจึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งก็ได้ว่าทำไมพม่าจึงรู้ข่าวเคลื่อนไหวของทหารมาเลเซียสิงค์โปร์และภูมิภาคอาเซียนตลอดเวลา ก็เขาเป็นญาติกันจริง ๆ นี่ ไม่ใช่ญาติแค่หน้ากากอย่างประเทศไทยเรา ;D หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: Army - รักในหลวงครับ ที่ กันยายน 26, 2005, 08:04:57 AM แต่ที่แปลกคือ เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมอยู่บรูไน ต้องนั่งประชุม (กินมื้อเช้าไปด้วย) กับเพื่อนทหารในกลุ่มอาเชียนด้วยกันทุกวัน พม่ารู้หมดว่ามาเลเซียขยับหน่วยไหนขึ้นมาบ้าง การข่าวยอดเยี่ยมจริงๆ :) หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ กันยายน 26, 2005, 09:36:19 AM น่าคิดครับ หูตากว้างไกลไปอีกมาก
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: BADBOY ที่ กันยายน 26, 2005, 10:01:45 AM เขาว่าการข่าวของพม่าเนี่ย อันดับ 3 ของโลกเลย จริงริปล่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กันยายน 26, 2005, 10:53:05 AM :)..ขอบคุณมากครับ คุณ M1911LOVER
รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งไม่มีพ่ายแพ้... :) หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: a lone wolf ที่ กันยายน 26, 2005, 12:30:24 PM :(
ขอแสดงความเห็นแบบคนจบคณะบัญชี มิใช่คนในแวดวงความมั่นคงหรือทหารนะครับ ลำพังกองทัพมาเลย์สองกองพล หรือว่าเครื่องบินรบขับไล่/โจมตีใดๆ ผมไม่กลัวครับ เพราะถ้ารบกันก็คงล่มจมกันไปทั้งคู่นั่นแหละ ฝั่งโน้นไม่กล้าทำอะไรดอก ผมกลัวกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นมากกว่า ขอให้พระสยามเทวาธิราชดลบันดาลให้ฝ่ายเราเดินหมากได้ถูกต้องตลอดรอดฝั่ง อย่าให้เดินผิดจนมีกองกำลังยูเอ็นหรือร้ายกว่าด้วยการมี Referendum เป็นผลพวงจากแรงกดดันของยูเอ็นเข้ามาเหมือนติมอร์ตะวันออกเด็ดขาด :( หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: pantyboy ที่ กันยายน 26, 2005, 12:53:47 PM โดยวิสัยของชนชาติเผ่านี้ที่นับถือศาสนาคล้ายๆกันนี้ เค้าไม่นิยมทำการรบแบบซึ่งหน้าอยู่แล้วครับ ฉะนั้นวางใจได้เลยเพราะเขาจะใช้ยุทธวิธีที่ถนัดครับคือ ลอบกัดอย่างเดียว
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ กันยายน 26, 2005, 12:58:09 PM กำลังรบของชาตินี้ ไม่น่ากลัวครับ .............แต่ก้ประมาทไม่ได้
เวียดนามกับพม่า น่ากังวลกว่าเยอะ หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: kaew28 ที่ กันยายน 26, 2005, 12:59:53 PM ผมว่าเราน่าจะจัดสวนสนามแสดงแสนยานุภาพ บ้างนะครับอาจเป็นวันกองทัพไทยแต่สัญจรไปจัดที่ ภาคใต้ บ้าง ภาคเหนือบ้าง โดยโชว์กำลังรบบ้าง หรือไม่ทำไมเราไม่ไปจัด Cobra Gold ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซะเลยล่ะ ดีมั๊ยๆ :)
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กันยายน 26, 2005, 01:12:25 PM กำลังรบของชาตินี้ ไม่น่ากลัวครับ .............แต่ก้ประมาทไม่ได้ ..เวียดนามกับพม่า น่ากังวลกว่าเยอะ คิดเหมือนกันครับ.. ประวัติศาสตร์ ที่คนในรุ่นเราพอมองเห็น ประเทศที่เกี่ยวข้องกับสมรภูมิรบ อย่างเชี่ยวชาญ ในภูมิภาคนี้ ไม่ใช่เสือเหลือง อย่างมาเลเซีย .. :) กังวล ไม่ประมาทเพียงเพราะ เป็นประเทศในกลุ่มอิสลาม.. :) หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: BADBOY ที่ กันยายน 26, 2005, 01:13:02 PM ผมว่าเราน่าจะจัดสวนสนามแสดงแสนยานุภาพ บ้างนะครับอาจเป็นวันกองทัพไทยแต่สัญจรไปจัดที่ ภาคใต้ บ้าง ภาคเหนือบ้าง โดยโชว์กำลังรบบ้าง หรือไม่ทำไมเราไม่ไปจัด Cobra Gold ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซะเลยล่ะ ดีมั๊ยๆ :) น่าจะเข้าท่านะผมว่า เห็นด้วยครับ ประกาศศักดาไปเลย ว่า"ข้าไทยใหญ่กว่า" หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กันยายน 26, 2005, 01:16:16 PM ศก. จีน ขยายไปมาก ต้องการทางออกทางทะเล เพิ่ม จึงหันมาผูกมิตรกะพม่า หวังใช้อ่าวมะตะมะเป็นทางออก จีนอุปถัมป์ พม่าหลายอย่าง
ที่ มาเลย์ สะสมอาวุธ เพิ่ม แสนยานุภาพในระยะหลัง เพราะเกรงอิทธิพลของจีน(ผ่านพม่า) ที่มีมากขึ้น หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: salin - รักในหลวง ที่ กันยายน 26, 2005, 01:19:55 PM กำลังรบของชาตินี้ ไม่น่ากลัวครับ .............แต่ก้ประมาทไม่ได้ เวียดนามกับพม่า น่ากังวลกว่าเยอะ จากประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องระหว่างประเทศ ผมจัดพม่าเป็นลำดับแรก (การข่าวเป็นอันดับ 4 ของโลก) มาเลเซียลำดับต่อมา เวียตนามลำดับสาม หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ กันยายน 26, 2005, 01:31:48 PM กำลังรบของชาตินี้ ไม่น่ากลัวครับ .............แต่ก้ประมาทไม่ได้ เวียดนามกับพม่า น่ากังวลกว่าเยอะ จากประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องระหว่างประเทศ ผมจัดพม่าเป็นลำดับแรก (การข่าวเป็นอันดับ 4 ของโลก) มาเลเซียลำดับต่อมา เวียตนามลำดับสาม เคยอ่านผ่านตา ว่า MI 6 ติดระดับโลก :OO หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: @MILO@๏รักในหลวง๏ ที่ กันยายน 26, 2005, 01:53:27 PM :( ประเทศเพื่อนบ้านแข็งแกร่งแบบนี้แล้วยังจะคิดยึดปืนจากประชาชนคนสุจริตอีกหรือ ถึงเวลาเปลี่ยนแนวคิดได้แล้วครับท่านผู้บริหารประเทศทั้งหลาย :(
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: Pex Shotgun-รักในหลวงครับ ที่ กันยายน 26, 2005, 03:03:54 PM ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
ถึงคราวเรียกกองหนุนเมื่อไหร่ จะลุยให้เละไปเลย อย่างมากก็แค่เน่า หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 26, 2005, 04:39:16 PM ผมว่าเราน่าจะจัดสวนสนามแสดงแสนยานุภาพ บ้างนะครับอาจเป็นวันกองทัพไทยแต่สัญจรไปจัดที่ ภาคใต้ บ้าง ภาคเหนือบ้าง โดยโชว์กำลังรบบ้าง หรือไม่ทำไมเราไม่ไปจัด Cobra Gold ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซะเลยล่ะ ดีมั๊ยๆ :) Cobra Gold จัดที่ทางใต้เกือบทุกปี เรื่องแสนยานุภาพ ทางเขารู้ขีดความสามารถเราดีครับ ได้แต่แหย่ ไม่กล้าแหยม ;D หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: sniper08 ที่ กันยายน 26, 2005, 04:48:03 PM ไม่ทราบว่าสงคราม เกาหลี สงครามเวียดนาม .,ไอ้เสือเหลือง มันไปร่วมรบหรือเปล่า สงครามเวียดนามทหารไทยสร้างชื่อไว้ เวียดกงยังกลัวเลย :VOV:
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: BEAMSOUND ที่ กันยายน 26, 2005, 04:53:48 PM หมาเลย์เซีย เห่า แต่ไม่กัดต่อหน้า ชอบ ลอบกัด >:( พัน ร.9 รอ. นย. ค่ายจุฬาภรณ์ เป็นกองพันปืนใหญ่
ที่ยิงไกล ผมจำไม่ได้ ว่าไกลแค่ไหน จ่อคอมาเลย์อยู่แล้วนี่ครับ ;D หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: Mr_Watt ที่ กันยายน 26, 2005, 06:50:35 PM สู้กับ พม่า,ลาว, เขมร, เวียดนาม ใช้แสนยานุภาพ
สู้กับ มาเลย์, สิงค์โปร ต้องใช้การฑูตเก่งๆครับ สองชาตินี้มันเจ้าเล่ห์ ชอบลอบกัด ติดสินบน หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: แจ็ค ที่ กันยายน 26, 2005, 07:32:00 PM ที่เราว่าการข่าวของประเทศเพื่อนบ้านเราดี แต่การข่าวของเราไม่ทราบดีเพียงใดขอรับ อย่างข่าวในภาคใต้นี้ดูเหมือนเราตาบอดคลำช้างหรือเปล่าครับผม (ด้วยความเคารพนะครับ ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เกี่ยวกับการเงินการธนาคารครับ) ตามความคิดของกระผม เราอยู่ในที่โล่งตลอดเลยนะครับ (ขอโทษด้วยนะครับถ้าความคิดผมไม่เข้าท่า หรือออกทะเล ออกโง่ อยากทราบจริง ๆ)
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: Thanapong รักในหลวง ที่ กันยายน 26, 2005, 07:56:42 PM แย่ครับผู้บริหารประเทศชักเหมือนกรุงศรีฯ ก่อนแตกครั้งที่ 2 ขึ้นทุกทีครับ
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: M1911LOVER "รักในหลวง" ที่ กันยายน 26, 2005, 09:10:17 PM เรื่องการข่าวของประเทศเพื่อนบ้านทางทิศตะวันตกก็น่าสนใจมากครับ
ประเทศนี้ชอบคิดว่า การสนับสนุน"ชนกลุ่มน้อย"ในบ้านเขา มาจาก "นโยบายความมั่นคง" ของเรา เขาชอบหาว่าเราใช้"ชนกลุ่มน้อย"เป็น"รัฐกันชน" ถ้าทหารพม่ารู้เรื่องดีภาคใต้อย่างนั้นแสดงว่าหน่วยข่าวพม่าในไทยมีไม่น้อยแล้วล่ะครับ เขตแดนทางบกกับทางทะเลระหว่างพม่ากับไทยยาวมากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านอื่น โอกาสเล็ดลอดเข้ามามีแน่นอนครับ ตอนผมมีโอกาสลงไปช่วยพี่น้องมิตรสหายที่พังงา(หลังจากเหตุสึนามิ) พบว่าลูกเรือชาวประมงเป็นพม่ามีเยอะมาก พวกนี้มาหางานทำแบบผิดกฎหมายเพราะบ้านเขาลำบากมาก ก็เลยเชื่อว่า ยอดคนที่สูญเสียในสึนามิก็น่าจะมากกว่าตัวเลขเป็นทางการแน่ๆครับ นั่นคือชาวประมงมาหางาน สำหรับสายลับคงมีช่องทางอื่นๆได้อีกเยอะครับ แต่อย่างว่า เพราะไทยเราเป็นเมืองเปิด ใครจะรู้ว่าหน่วยข่าวประเทศไหนมาทำอะไรบ้าง ถ้าจำได้ เมื่อหลายปีมาแล้ว ก็มีกรณีสายลับหรือมือสังหารเกาหลีเหนือกับใต้มายิงกันที่ กทม.นี่แหละครับ ผมจำได้เลาๆว่าใช้ Beretta 6.35 หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: NAIJUB ที่ กันยายน 26, 2005, 09:23:50 PM นั่นคือชาวประมงมาหางาน สำหรับสายลับคงมีช่องทางอื่นๆได้อีกเยอะครับ แต่อย่างว่า เพราะไทยเราเป็นเมืองเปิด ใครจะรู้ว่าหน่วยข่าวประเทศไหนมาทำอะไรบ้าง ถ้าจำได้ เมื่อหลายปีมาแล้ว ก็มีกรณีสายลับหรือมือสังหารเกาหลีเหนือกับใต้มายิงกันที่ กทม.นี่แหละครับ ผมจำได้เลาๆว่าใช้ Beretta 6.35 อ้างถึง ... :OO :OO :OO....หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ กันยายน 26, 2005, 09:39:30 PM :-\ ประเทศทางใต้ของประเทศเรา ไม่มีประเทศไหนที่มีประวัติการสู้รบเท่าประเทศไทยเลยครับ เคยเป็นเมืองขึ้นฝรั่งตาน้ำข้าวมาแล้วทั้งนั้น ลองคิดดูสิครับ ว่าทำไมถึงเป็นเมืองขึ้น ก็เพราะไม่สู้ ขี้ขลาด แต่ได้คืนมาโดยที่ฝรั่งยอมคืนง่าย ๆ ซึ่งต่างจากเวียตนาม ถึงแม้เคยเป็นเมืองขึ้นฝรั่งเศษ แต่ก็ต่อสู้จนได้รับการปลดปล่อย เพราะฉนั้นเรื่องใจ คนไทยกินขาดครับ ประวัติศาสตร์ไทยแม้เสียดินแดนบางส่วนให้ฝรั่ง แต่ไม่เคยเสียเอกราชเป็นระยะเวลานาน ๆ นอกจากเสียให้พม่าเป็นเวลาสั้น ๆ แล้วก็กอบกู้กลับคืนมาได้ทุกครั้งเท่านั้น ผมภูมิใจในความเป็นไทยนะ ไม่ยอมแน่ถ้าหน้าไหนจะมาทำร้ายเรา :-\
หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ กันยายน 26, 2005, 09:54:53 PM ถ้าสถานการณ์มันรุนแรงขึ้นถึงขั้นกระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้าน จะช่วยทำให้คนไทยรวมตัวกันต่อต้านต่างชาติ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จนลืมปัญหาการโกงกินบ้านเมืองไปอย่างปลิดทิ้ง...คงมีคนรู้สึกโล่งอกไปพักใหญ่ๆ
เหมือนสมัยก่อนที่เราเคยรวมตัวกันต่อต้านฝรั่งเศส ทำให้ละเลยกระแสตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาลในยุคนั้น..ซึ่งเกือบโดนรัฐประหารโดยประชาชนอยู่รอมร่อ หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ กันยายน 27, 2005, 08:35:49 AM ถึงแม้ว่าเพื่อนบ้านจะมีศักยภาพทางการรบสูงกว่าเรา แต่ผมเชื่อว่าเรามีใจสู้มากกว่า
ชนะแน่แต่จะแพ้ก็ตรงที่มันมีผู้นำอ่อนแอไร้ปัญญา แต่ปากกล้าสุดท้ายหนีก่อน หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: BEAMSOUND ที่ กันยายน 27, 2005, 02:22:07 PM ศูนย์ข่าวภูเก็ต -กองทัพเรือไทย-มาเลเซียร่วมฝึกผสม SEAE THAMAL ออกลาดตระเวนร่วมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน
นาวาเอกเดช ศรีเจริญ ช่วยปฏิบัติราชการกองกิจการพลเรือน กองเรือภาคที่ 3 กองเรือยุทธการ กล่าวถึงการฝึกผสม SEAE THAMAL ครั้งที่ 40/2005 ระหว่างกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือมาเลเซีย ว่า กองทัพเรือไทยและกองทัพเรือมาเลเซีย ได้กำหนดให้มีการฝึกผสม SEAE THAMAL ครั้งที่ 40/2005 ขึ้นในระหว่างวันที่ 26 ก.ย. -2 ต.ค. 48 ด้านจังหวัดสตูล-เปอร์ลิส การฝึกผสมดังกล่าวจัดให้มีพิธีเปิดขึ้นในวันที่ 28 ก.ย. ที่บริเวณ หน้ากองบัญชาการกองเรือภาคที่ 3 กองเรือยุทธการ ในเวลา 10.30 น. โดยมีพลเรือตรีธีรวัฒน์ ศรีถาพร รองผู้บัญชาการกองเรือภาคที่ 3 กองเรือยุทธการ และมี ผู้บัญชาการตำรวจน้ำมาเลเซีย เป็นประธานร่วมฝ่ายไทย นาวาเอกเดช กล่าวต่อไปว่า การฝึกผสมครั้งนี้ เป็นการฝึกร่วมครั้งที่ 40 ระหว่างกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือมาเลซีย ซึ่งเป็นการฝึกลาดตระเวนร่วมระหว่างกัน ด้านจังหวัดสตูล-เปอร์ลิส ซึ่งนอกจากจะเป็นการพัฒนาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งกันและกัน ของทั้งของกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือมาเลเซีย ;D ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: มองแสนยานุภาพ ชายแดนไทย-มาเลย์ จากเว็บผู้จัดการ เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กันยายน 27, 2005, 04:21:00 PM ;Dมาเลฯนี่ผมมองเหมือนเด็กเพิ่งหัดเล่นปืน....โอเคครับเขาอาจจะมีเงินซื้อปืนจำพวก STI เลสแบร์แบบยกล๊อต..........มีเงินพอจะซื้อซองพกอย่างดีของลุงไมค์......ไทยเราเหมือนผู้ใหญ่เงินอาจไม่หนาอย่างเด็กมีหน้าที่รับผิดชอบแยะเขามีเงินซื้อปืนจำพวกนี้ได้ก็ใช้ม้าแก่1911 ไปตามเรื่องมีเปลี่ยนอะไหล่บ้างตามความเหมาะสมแอบฝันถึง STI บ้างเลสแบร์บ้างแต่ยังต้องเก็บเงินซื้อ..........บังเอิญเสียเหลือเกินว่าเวลาแข่งหรือในชีวิตจริงเขาไม่ได้มาวัดกันว่าปืนใครแพงกว่าสวยกว่าแต่เขาวัดกันที่ประสิทธิผลในการใช้ปืน......เด็กเห่อของเล่นใหม่อาจยิงปืนเป็นครับแต่ขาดความชำนาญในการใช้เจอผู้ใหญ่ที่พกและใช้ม้าแก่มาตลอดชีวิต..ไม่ประมาทแบบพี่มะขิ่นว่าและไม่มีคนช่วยยิง...STI,เลสแบร์ก็เสร็จม้าแก่ 1911 ครับ...
ปล.ผมไม่ค่อยสนิทกับท่านพอจะรู้ว่าผู้ใหญ่คนนี้ใช้ม้าแก่รุ่นไหนโกลคัพหรือเปล่าก็ไม่รู้ใครที่สนิท ๆ ช่วยบอกผมที ;D |