เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: คนบ้านเดียวกัน ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 10:57:51 AM



หัวข้อ: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: คนบ้านเดียวกัน ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 10:57:51 AM
เอามาฝากเพื่อน สมช. ครับ...เผื่อเป็นประโยชน์ (มาจากฟอร์เวิร์ดเมลล์ครับ)

การทำ calibrate แบตเตอรี่

มีความสงสัยกันมากในหมู่ผู้ใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเพลง MP3 กล้องถ่ายรูป และอื่นๆ ว่า ทำอย่างไรจึงจะทำให้แบตเตอรี่ชนิดประจุไฟได้ที่มาพร้อมเครื่องมีอายุยืนยาว เพราะเมื่อเสื่อมสภาพแล้วจะซื้อใหม่ราคาช่างเจ็บปวดหัวใจเสียเหลือเกิน

บางคนก็บอกว่า ให้ถอดแบตเตอรี่ออกใช้การเสียบอะแดปเตอร์แทน วิธีการนี้อายุของแบตยิ่งจะไปเร็วเพราะไม่มีการกระตุ้นด้วยการใช้งานเลย บางคนก็บอกว่า เสียบอะแดปเตอร์ไว้ตลอดเวลาจะได้ชาร์ทให้เต็มตลอดเวลา นี่ก็ไม่เหมาะอีกเพราะยังไม่ได้คลายประจุออกมาก็อัดคืนเข้าไปแล้ว แล้วจะทำอย่างไรดี?

นี่คือคำตอบ ที่ได้มาจากฝ่ายสนับสนุนฮาร์ดแวร์ของบริษัท แอบเปิ้ล ผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ Mac ชื่อดัง และโทรศัพท์ iPhone เครื่องเล่นเพลงอย่าง iPod แนะนำมาอย่างนี้ครับ

การปรับแต่งแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อยืดอายุให้นานวันและมีพลังเพียงพอในการทำงานเสมอ (โดยเฉพาะแบตเตอรี่ยุคใหม่ที่เป็น Lithion) ควรจะทำการ calibrate ตามขั้นตอนดังนี้

   1. เสียบปลั๊กเพาเวอร์อะแดปเตอร์ให้ชาร์ตแบตเตอรี่ให้เต็ม จนกระทั่งไฟแสดงการชาร์ท หรือไอค่อนแสดงการชาร์ทในอุปกรณ์นั้นแสดงว่าเต็ม 100%.
   2. ปล่อยให้มีการชาร์ทต่อไปอีกสัก 2 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างการชาร์ทนี้คุณยังสามารถทำงานกับเครื่องอุปกรณ์ได้ตามปกติ.
   3. ถอดปลั๊กเพาเวอร์อะแดปเตอร์ แล้วใช้งานไปตามปกติจนกระทั่งแบตเตอรี่หมด (ถ้าทำงานสำคัญให้หมั่นเซฟงานไว้ด้วย) จนกระทั่งแบตเตอรี่จ่ายไฟจนหมด ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์จะมีกรอบหน้าต่างเตือน หรือเสียงเตือน (ถ้าตั้งค่าไว้) ก็แค่กดปุ่มปิดกรอบแจ้งเตือนนั้น แต่ทำงานต่อไป.
   4. จนกระทั่งแบตเตอรี่หมดจริงๆ และเครื่องเข้าสู่ภาวะหลับ (sleep) อย่าลืมเซฟงานสำคัญไว้ก่อนเมื่อมีการเตือนก่อนที่เครื่องจะหลับไป.
   5. ปิดเครื่องหรือปล่อยให้มันหลับไป ทิ้งไว้ประมาณ 5 ชั่วโมงหรือมากกว่า ถ้ามีงานต้องทำอาจจะถอดแบตเตอรี่ออกแล้วใช้กำลังไฟจากเพาเวอร์อแด็ปเตอร์แทนได้ (ถ้าเครื่องนั้นทำได้ เพราะมีบางเครื่องถ้าถอดแบตเตอรี่ออกจะเปิดไม่ได้ก็มี กรณีนี้ก็นอนหลับพักผ่อนเถอะ).
   6. ครบ 5 ชั่วโมงแล้วเชื่อมต่อเพาเวอร์อะแดปเตอร์อีกครั้ง ทำการชาร์ทไฟให้เต็มที่อีกครั้ง แบตเตอรี่ของคุณจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง.

Tip: วิธีการนี้ผมลองทดสอบกับเครื่องโน้ตบุ๊คที่ใช้งานมาประมาณปีเศษ จากที่เคยใช้งานได้นานสามชั่วโมงก็จะเหลือเพียงชั่วโมงเศษๆ แบตเตอรี่ก็หมดประจุแล้ว เลยใช้วิธีการนี้ดูบ้าง ปรากฏว่าทำให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้เกือบสองชั่วโมง เลยทำการ calibrate ซ้ำไปสี่ห้าครั้ง เรื่องไม่น่าเชื่อก็บังเกิด แบตเตอรี่ก้อนนั้นสามารถกลับมาจ่ายประจุได้สามชั่วโมงอีกครั้งหนึ่ง ทดลองดูซิครับ อาจจะไม่ต้องเสียเงินห้าหกพันสำหรับแบตเตอรี่ก้อนใหม่ก็ได้นะครับ

         จะทดลองทำดู....มันก็ไม่เสียหายอะไร  มิใช่หรือครับ




หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 11:08:53 AM
จะลองดูครับ ขอบคุณครับ+1 ::002::


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: ต้นหนาว ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 11:14:18 AM
ขอบคุณครับ....
จะจำแล้วนำไปใช้ครับ....


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: Major ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 12:26:05 PM
ขอบคุณครับ

ด้วยความเคารพ


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: Audy452 ♥ รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 12:37:34 PM
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: บาร์ท รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 12:45:01 PM
ขอบคุณมากครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 01:31:48 PM
  ขอบพระคุณครับ  ..... ::014::

  ผมไม่แน่ใจว่าแบตฯของคอมฯ มันมีวงจรป้องกันหรือเปล่า

  ถ้าเป็น ลิเทียมชาร์จทั่วไปแบบ  123A  ถ้าใช้งานจนหมดเลย

  จะทำให้เซลแบตมันเสียนะครับ  ถ่าน 123A แบบชาร์จ รุ่นใหม่ ๆ

  เลยมีวงจรป้องกันการใช้งานจนแบตหมด  ::014::


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: cobra-รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 01:57:48 PM
ขอบคุณมากครับ จะไปลองกับกล้องถ่ายรูปดูครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: ต.แม่สาย ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 01:58:16 PM
ขอบคุณครับ เดียวจะลองดูครับ


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 04:05:51 PM
 :) ประมาณนี้ครับ....

โดยปกติแล้วแบตเตอรี่ Notebook จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ คือ
1. แบตเตอรี่ Ni-Cd
2. แบตเตอรี่ NiMH
3. แบตเตอรี่ Li-Ion
4. แบตเตอรี่ Li-Polymer

- ในปัจจุบัน Notebook ส่วนใหญ่ก็จะใช้แบตเตอรี่ที่เป็นชนิดของ Lithium Ion (Li-Ion) ซึ่งข้อดีของตัว Li-Ion นั้นก็คือสามารถชาร์จไฟค้างไว้ได้ตลอดและสามารถชาร์จไฟเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ว่า แบตเตอรี่จะเหลือมากหรือน้อยแค่ไหนนั่นเอง โดยจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับ Memory Effect (ซึ่งมีผลกับแบตเตอรี่รุ่น Ni-Cd และรุ่น NiMH) แต่ Notebook บางรุ่นหรือบางยี่ห้อก็ได้นำแบตเตอรี่รุ่นใหม่มาใช้ก็คือแบตเตอรี่ชนิด Li-Polymer ซึ่งข้อดีของตัว Li-Polymer นั้นก็จะเป็นด้านการใช้งานทางด้านการพกพาเป็นหลัก และได้ปรับปรุงแก้ไขข้อเสียของแบตเตอรี่รุ่น Li-Ion อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า มีน้ำหนักที่เบากว่ามากและมีประสิทธิภาพสูงกว่า Notebook ที่ได้นำมาทดลองใช้ก็มี Lenovo ThinkPad X300 เป็นต้น

ชาร์จแบตเตอรี่อย่างไรถึงจะดี?
สำหรับปัจจุบันนั้น Notebook ทั่วไปจะเลือกใช้งานแบตเตอรี่เป็นแบบ Li-Ion และ Li-Polymer แทบจะทั้งหมดครับ ซึ่งแบตเตอรี่ทั้ง 2 แบบนี้มีข้อดีคือ สามารถชาร์ทอย่างไรก้ได้ตามใจฉัน เพราะเงื่อนไขของการเสื่อมนั้น จะมาจากอย่างอื่นแทน ซึ่งปัจจัยที่เราเกี่ยวข้องด้วยจะมีเพียงแค่ในเรื่องของความร้อนเท่านั้น เพราะความร้อนจากตัวเครื่องของตัวเครื่อง Notebook นั้นจะสามารถส่งผลกระทบทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้เช่นกัน ส่วนปัจจัยอื่นๆนั้นอยู่นอกเหนือการควบคุมครับ เช่น เรื่องการเสื่อมสภาพลงนับตั้งแต่วันที่ถูกผลิตแล้ว หรือจะเป็นเรื่องของการชาร์ทด้วยกระแสมากน้อยต่างกัน เพราะ Adapter ที่เราได้รับมาจากทางผู้ผลิตนั้นเป็นแบบปรับค่าไม่ได้ จึงไม่ต้องไปกังวล

- ลักษณะการชาร์ทโดยทั่วไปของแบตเตอรี่แบบ Li-on นั้นจะมีการชาร์ที่แบ่งออกเป็น 3 Stage ดังภาพ คือ Stage ที่ 1,2 และ 3 โดย Stage ที่ 1 นั้นจะมีการอัดประจุเข้าไปโดยใช้กระแสที่ค่อนข้างสูงกว่า Stage ที่ 2 และ 3 ถัดจากนั้นก็จะลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ จนถึง Stage ที่ 3 จะมีการใช้กระแสน้อยที่สุด ซึ่งใครที่ชาร์ทแบตเตอรี่บ่อยๆคงจะสังเกตเห็นกันว่าที่ระดับ 90% ขึ้นไปนั้นทำไมมันช่างชาร์ทนานซะเหลือเกิน แตกต่างจากกาชาร์ทที่ระดับต่ำๆมาถึงระดับ 70-80% ซึ่งเหตุผลนี้เป็นเพราะว่าใน Stage ที่ 1 นั้น ผู้ผลิตแบตเตอรี่ต้องการที่จะลดเวลาในการชาร์ทลงให้ได้มากที่สุด จึงออกแบบมาให้ Stage ที่ 1 นั้นชาร์ทโดยใช้กระแสสูงๆเพื่อประหยัดเวลา ส่วนStage ที่ 2 และ 3 นั้นก็จะค่อยหันกลับมาชาร์ทแบบถนอมอายุการใช้งาน ถนอมอย่างไรนั้นเราไปชมภาพกันเลยดีกว่าครับ


(http://www.khonkaenlink.info/share/thumb.php?id=DEA1_4A72B060) (http://www.khonkaenlink.info/share/share.php?id=DEA1_4A72B060)
ภาพที่ 1 แสดงลักษณะการชาร์ทของแบตเตอรี่แบบ Li-on


- การชาร์ทที่ระดับ 1C นั้นหมายถึง ถ้าสมมติว่าแบตเตอรี่มีขนาด 20Ah แล้วเราทำการชาร์ทด้วยกระแส 2A เท่ากับว่าเราต้องใช้เวลาในการชาร์ท 10 ชั่วโมง หรือนั่นก็คือ C/10 ได้เท่ากับ 0.1C นั่นเองครับ แต่หากว่า เป็น 1C นั่นก็หมายความว่าเราชาร์ทด้วยกระแส 20A เป็นเวลา 1 ชั่วโมงครับ ซึ่งก็จะเช่นเดียวกันกับ 2C และ 3C คือการเพิ่มระดับกระแสเข้าไปมากขึ้นให้ใช้เวลาในการชาร์ทที่น้อยลง

(http://www.khonkaenlink.info/share/thumb.php?id=52F5_4A72B060) (http://www.khonkaenlink.info/share/share.php?id=52F5_4A72B060)
ภาพที่ 2 แสดงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ชาร์ทด้วยกระแสระดับต่างๆ

- แต่จากภาพจะเห็นได้ว่าเมื่อชาร์ที่ระดับ 2C และ 3C นั้น จะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าแบบ 1C ดังนั้นเมื่อเรานำภาพที่ 1 และ 2 มาพิจารณาร่วมกัน ก็จะเห็นได้ว่า หากเราใช้งาน Notebook โดยเริ่มชาร์ทกันที่ Stage 2 ขึ้นไป(จากภาพที่ 1)ก็น่าจะยืดอายุการใช้งานของ แบตเตอรี่ออกไปได้นานกว่าการชาร์ที่ระดับ 1 เสมอๆครับๆ เพราะมีการใช้กระแสในการชาร์ทที่ต่ำกว่า ซึ่งแบตเตอรี่แต่ละยี่ห้อก็จะมีการแบ่งระดับการชาร์ทที่แตกต่างออกไป แต่ผมแนะนำว่าควรจะชาร์ทเมื่อแบตเตอรี่มีระดับพลังงาน 60% ขึ้นไป น่าจะอยู่ใน Stage 2 หรือ Stage 3 ในบางยี่ห้อครับ

- สำหรับทฤษฏี นี้อาจจะยังไม่มีการยืนยันโดยตรงแต่ก็ไม่เสียหายอะไรที่จะดูแลโดยขั้นตอนนี้ครับ เพราะตัวแบตเตอรี่แบบ Li-on นั้นไม่มี Memory Effect อยู่แล้ว ฉะนั้นจะชาร์ทกันซักกี่พันรอบก็ไม่มีปัญหาอะไร นอกจากนี้ยังมีคำเตือนในเรื่องของการอย่าใช้แบตเตอรี่จนหมดในแบตเตอรี่ชนิด Li-on

การนับรอบการชาร์จ (Cycle)
การนับรอบการชาร์จของแบตเตอรี่รุ่น Li-Ion และ Li-Polymer จะนับจากการชาร์จไฟรวมที่ประมาณ 85 – 95 %(ขึ้นอยู่กับสถานะสูงสุดของแบตเตอรี่ที่สามารถรับไฟได้) ของแบตเตอรี่ โดยจะเริ่มนับเป็น 1 รอบ ยกตัวอย่างเช่น ที่แบตเตอรี่ประสิทธิภาพ 100% ท่านใช้เหลือ 80% ก็คือใช้ไปแล้ว 20% คุณก็สามารถที่จะทำแบบนี้ได้อีก 5 ครั้ง ถึงจะเป็น 100% ของการชาร์จรวมทั้งหมด นี่คือการนับเป็น 1 รอบของการชาร์จแบตเตอรี่นั่นเอง ซึ่งสองรุ่นนี้จะต่างจากรุ่น Ni-Cd และรุ่น NiMH ซึ่งนับรอบการชาร์จจากจำนวนครั้งในการชาร์จไฟ ซึ่งให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่สั้นมาก

โดยทั่วไปแล้ว เราส่วนใหญ่ก็คงรู้กันดีว่าถ้าหากไม่ได้มีการใช้ Notebook เป็นเวลานานก็ควรถอดแบตเตอรี่ออกจาก Notebook เนื่องจากเมื่ออุปกรณ์ไฟฟ้าครบวงจรยังไงก็ต้องมีกระแสไฟฟ้าไหลอย่างแน่นอน ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่สูญเสียพลังงานโดยใช่เหตุ และอาจเป็นการลดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ไปในตัว แต่ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าถ้าถอดแบตเตอรี่ออกมาแล้วเราควรจะเอามันไปเก็บไว้ ที่ไหนดี หรือเก็บยังไงดี? ถึงจะปลอดภัยและมีอายุการใช้งานสูงสุด

(http://www.khonkaenlink.info/share/thumb.php?id=3C8E_4A72B18C) (http://www.khonkaenlink.info/share/share.php?id=3C8E_4A72B18C)
ตารางแสดงการสูญเสียพลังงานอัตราการชาร์จของแบตเตอรี่ต่อระดับอุณหภูมิ


โดยจากตารางสรุปได้ว่าหากทำการเก็บแบตเตอรี่ที่อุณหภูมิปกติ (ประมาณ 25 องศา) แบตเตอรี่ที่มีความจุ 40% จะคลายประจุออกมา 4% ในระยะเวลาผ่านไป 1 ปี และยิ่งถ้าเก็บแบตเตอรี่ในที่ๆมีอุณหภูมิสูง อัตราการคลายประจุก็จะเพิ่มมากขึ้น

ในขณะที่แบตเตอรี่ที่มีความจุเต็ม 100% ก็จะคลายประจุออกมาถึง 20% หลังจากผ่านไป 1 ปี และหากอุณหภูมิ การเก็บสูงขึ้นอัตราการคลายประจุก็จะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน จึงสรุปได้ว่าหากต้องการถอดและเก็บแบตเตอรี่นั้นควรให้แบตเตอรี่มีพลังงาน ที่ 40% และควรเก็บในสถานที่ๆมีอากาศเย็น โดยปราศจากความชื้น (40% Charge นี้เป็นค่าที่เหมาะสมที่สุดจากผลการทดลองทางแบตเตอรี่) แต่ในกรณีที่มีการใช้งาน Notebook แบบปกติแล้ว ก็ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มความจุทุกครั้ง โดยประมาณ 4 – 8 ชั่วโมง

แล้วถ้าเราเสียบปลั๊กใช้งานควรจะใส่หรือจะถอดแบตเตอรี่ดี ?
ภายในแบตเตอรี่ของ Notebook นั้นจะมีวงจรไว้สำหรับควบคุมการชาร์จ โดยลักษณะของวงจรการชาร์จแบตเตอรี่ที่พบใน Notebook สามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
แบบที่ 1 คือวงจรที่ทำการชาร์จพลังงานให้แก่แบตเตอรี่ตลอดเวลาแม้ระดับพลังงานของ แบตเตอรี่ที่มี จะสูงกว่า 90% วงจรแบบนี้จะพบได้ใน Notebook รุ่นเก่าๆ

แบบที่ 2 คือวงจรชาร์จแบตเตอรี่จะเริ่มต้นทำงาน เมื่อระดับพลังงานของแบตเตอรี่ต่ำกว่า 90 – 95% (แล้วแต่ยี่ห้อ) โดย Notebook ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะใช้วงจรแบบที่ 2 นี้ เกือบทั้งหมด

ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากวงจรการชาร์จทั้ง 2 แบบ แล้วสรุปได้ว่า หาก Notebook เป็นรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ที่มีวงจรการชาร์จแบบที่ 2 การเสียบปลั๊กเล่นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถอดแบตเตอรี่ออก เนื่องจากจะไม่มีผลกระทบใดๆต่อแบตเตอรี่เพราะวงจรการชาร์จของแบตเตอรี่ ยังไม่ได้ทำงาน (ในกรณีที่แบตเตอรี่มีความจุมากกว่า 90 – 95%) แต่หากแบตเตอรี่มีความจุไม่ถึงระดับ 90 – 95% ผมแนะนำให้ทำการใช้งานไปจนกว่าความจุของแบตเตอรี่จะลดลงถึงระดับ 2C หรือ 1C แล้วจึงค่อยเสียบปลั๊ก แต่ถ้ากรณีที่ Notebook ของท่านเป็นรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ที่มีวงจรการชาร์จแบบที่ 1 (ไม่ตัดการทำงาน) ลองพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียต่างๆ ดังต่อไปนี้

(http://www.khonkaenlink.info/share/thumb.php?id=EE41_4A72B248) (http://www.khonkaenlink.info/share/share.php?id=EE41_4A72B248)


เทคนิคง่ายๆ ยืดอายุแบตเตอรี่
1. เราควรจะปรับความสว่างของหน้าจอไม่ให้สว่างมากเกินไป เพื่อลดการใช้พลังงาน ทางที่ดีปรับให้สว่างน้อยที่สุด เอาเท่าที่เรามองเห็นก็พอครับ ที่ต้องบอกแบบนี้ก็เพราะว่า จอแอลซีดีของโน้ตบุ๊กจะใช้ไฟแบลคไลท์ให้ความสว่างแก่ผลึกเหลวคริสตัลที่อยู่ในจอแอลซีดี และไฟแบคไลท์นี้เองที่กินพลังงานเป็นจำนวนมากในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่เราต้องปรับความสว่างให้น้อยลง เพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่นั่นเอง

2. ปกติถ้าเราไม่ได้ใช้งานพวกระบบการเชื่อมต่อไร้สายต่างๆ เช่น Bluetooth , Wi-Fi ควรจะปิด (Disable) เอาไว้ เพราะอุปกรณ์พวกนี้กินไฟใช่ย่อยเลยครับ โดยเฉพาะ Wi-Fi นั้นกินมากเป็นพิเศษ วิธีการปิดก็ง่ายๆ เลย เครื่องไหนที่มีซอฟต์แวร์พวกจัดการระบบการเชื่อมต่อไร้สายก็ทำการ Disable ผ่านซอฟต์แวร์พวกนั้นก็ได้ หรือบางรุ่นมีปุ่มเปิดปิด ก็จัดการเปิดปิดผ่านปุ่มเลยครับ ส่วนเครื่องใครที่ไม่มีอะไรที่ปิดได้ง่ายๆ เลย ให้เขาไปในส่วนของ Network connections เสร็จแล้วจัดการคลิ้กเมาส์ขวาที่ Connection ที่เราจะทำการปิด แล้วเลือกที่คำว่า Disable ดูตามภาพก็ได้ครับ ที่นำมาให้ดูนั้นเป็น Windows XP นะครับ ส่วนใครใช้ Windows Vista ก็ไม่ต่างกันมาก ลองไปทำดูละกัน

เทคนิคง่ายๆ ยืดอายุแบตเตอรี่
1. เราควรจะปรับความสว่างของหน้าจอไม่ให้สว่างมากเกินไป เพื่อลดการใช้พลังงาน ทางที่ดีปรับให้สว่างน้อยที่สุด เอาเท่าที่เรามองเห็นก็พอครับ ที่ต้องบอกแบบนี้ก็เพราะว่า จอแอลซีดีของโน้ตบุ๊กจะใช้ไฟแบลคไลท์ให้ความสว่างแก่ผลึกเหลวคริสตัลที่อยู่ในจอแอลซีดี และไฟแบคไลท์นี้เองที่กินพลังงานเป็นจำนวนมากในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่เราต้องปรับความสว่างให้น้อยลง เพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่นั่นเอง

2. ปกติถ้าเราไม่ได้ใช้งานพวกระบบการเชื่อมต่อไร้สายต่างๆ เช่น Bluetooth , Wi-Fi ควรจะปิด (Disable) เอาไว้ เพราะอุปกรณ์พวกนี้กินไฟใช่ย่อยเลยครับ โดยเฉพาะ Wi-Fi นั้นกินมากเป็นพิเศษ

3. มาต่อกันที่ข้อสามครับ เวลาเราไม่ได้อยู่หน้าเครื่อง หรือไม่ได้ใช้โน้ตบุ๊กเป็นระยะเวลานาน แนะนำให้เข้าสู่โหมด standby หรือ hibernate ไว้ เพราะอุปกรณ์หลักๆ ของเครื่องจะหยุดทำงานทั้งหมด ประหยัดแบตไปได้อีกเยอะ หรือถ้าขี้เกียจมานั่งเข้าโหมด Standby ทุกครั้ง ก็ไปตั้งเวลาในส่วนของ Power Options แทนก็ได้ครับ ส่วนใครไม่อยากตั้ง ก็สามารถเข้าสู่โหมด Standby เองได้เลย วิธีใช้งาน standby แบบแรก คลิ้ก start –>Control Panel—>Performance and Maintenance—>Power Options

4. บางคนก็อาจจะมีการเปิดใช้ screen saver เอาไว้แทนการ standby หรือ hibernate ซึ่งก็ทำได้ครับ แต่แนะนำว่าไม่ควรจะใช้เป็นพวกรูปภาพต่างๆ ควรใช้เป็น blank screen เพราะจะประหยัดพลังงานมากกว่า หรือไม่ใช้เลยจะดีที่สุด

5. ควร copy ไฟล์จากแผ่น cd dvd ต่างๆไว้บน HDD ไม่เปิดจากแผ่นโดยตรง และไม่ใส่แผ่นทิ้งไว้ในเครื่อง สาเหตุเพราะว่าทุกๆ ครั้งที่เราสั่งให้เครื่องอ่านข้อมูลจากแผ่น มอเตอร์ของไดรฟ์ CD หรือ DVD จะทำงาน ซึ่งต้องใช้กำลังไฟจำนวนหนึ่ง ยิ่งอ่านนาน ก็ยิ่งเปลืองแบตเตอรี่

6. ควรทำการ defragment ฮาร์ดดิสก์ เพื่อจัดเรียงไฟล์อย่างมีระบบ ลดภาระการทำงานของหัวอ่านฮาร์ดดิสก์ที่ไม่ต้องวิ่งไปมาหลายตำแหน่ง นอกจากจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ ยังช่วยให้เราเปิดไฟล์ต่างๆ ได้รวดเร็วกว่าเดิมอีกด้วย

7. ปิดการทำงานของโปรแกรมบางตัวที่มันจะรันเมื่อเราเข้าสู่วินโดวส์ ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ลองนึกถึง MSN Messenger ที่โหลดเปิดหน้าจอเองทุกครั้ง หรือไม่ก็เป็นตัว Control ปรับแต่งชิปกราฟิกของ ATI ที่มักจะโหลดเข้าสู่หน่วยความจำทุกครั้ง รวมถึงโปรแกรมบางตัว ที่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องมาโหลดเอาไว้ก่อนเลย
 
8. เมื่อไม่ได้ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อ usb ต่างๆ ควรถอดออก อย่างเช่น mouse ถ้าเป็นไปได้อาจจะใช้ touch pad (แล้วแต่คนถนัด) แทน ใครไม่ถนัดก็ฝึกใช้ครับ ในยามที่แบตจะหมด อะไรถอดได้ก็ถอดให้หมดก็แล้วกัน

9. ไม่ควรเปิดเสียงลำโพง speaker ดังมาก เพราะว่าจะทำให้เปลืองแบตเตอรี่

10. ไม่ควรเปิดใช้งานหลายๆโปรแกรมในเวลาเดียวกัน เนื่องจากทำให้ memory และ cpu ทำงานหนัก

11. ดูแลรักษาแบตเตอรี่ ครั้งแรกที่ซื้อโดยควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม และไม่ค่อยปล่อยให้แบตเตอรี่หมดหรือว่าเหลือ 0% แล้วค่อยชาร์จ จะทำให้แบตเสื่อม ทางที่ดีเห็นว่าเหลือน้อยแล้ว ก็รีบชาร์จจะดีกว่าครับ

12. บางคนอาจจะเจอปัญหาว่า ทำไมใช้โน้ตบุ้คอยู่ดีๆ ก็ดับไป ทั้งๆที่ก่อนเครื่องจะดับ เราก็เห็นว่ายังมีแบตอยู่มากกว่าครึ่ง ปัญหานี้เกิดจาก ประจุค้างอยู่ในแบตเตอรี่ แก้ปัญหาโดยเมื่อเราชาร์จไปทุกๆ 30 ครั้ง ควรจะใช้ให้หมด แล้วชาร์จใหม่ทีเดียว เป็นการเคลียร์ cell battery (ปัญหานี้จะเจอได้ใน แบตเตอรี่พวก ลิเธียมไอออน ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน)


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: CT_Pro4 ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 04:19:01 PM
...ขอบคุณครับ...  ::014::


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 05:36:57 PM
แบบนี้เขาเรียกกันว่า

 Memory effect


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 06:09:10 PM

        โน๊ตบุ๊คผมถอดแบตออก ใช้อะเดปเตอร์ต่อจาก ยูพีเอส โดยตรง นานๆจึงใส่แบตฯเล่นจนหมดแล้วชาร์จต่อ



หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 09:14:24 PM
        โน๊ตบุ๊คผมถอดแบตออก ใช้อะเดปเตอร์ต่อจาก ยูพีเอส โดยตรง นานๆจึงใส่แบตฯเล่นจนหมดแล้วชาร์จต่อ
        ฮ่า...เวิร์ค...เวิร์ค...ขอลอกครับ  ลุงปู
เอ...มีอะไร  ดี ๆ เยอะแฮะ  อยากได้วิชาหกเมีย(แล้วจับไม่ติด)จากลุงจัง ::005:: ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: som36 ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 09:57:09 PM
ขอบคุณครับ ทั้ง จขกท. น้าวัฒน์ และน้าปู ได้ข้อมูล ความรู้อีกแล้ว ครับท่าน


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 10:22:07 PM
ขอบคุณมากครับ คุณ คนบ้านเดียวกัน..    ขอบคุณมากครับ คุณวัฒน์   :D


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: วุธ อุดร -รักในหลวง~ ที่ กรกฎาคม 31, 2009, 11:37:32 PM
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: TOW MATER ที่ สิงหาคม 01, 2009, 11:33:21 AM
ขอบคุณน้าวัฒน์มากครับ(ขออนุญาตเรียกน้าด้วยครับ)


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: ป๊อกแมน ที่ สิงหาคม 01, 2009, 12:57:34 PM
ขอบคุณทั้งสองท่านครับ


หัวข้อ: Re: ชาร์ทแบตโน้ตบุ๊คให้กลับมามีชีวิตชีวา
เริ่มหัวข้อโดย: cybernop -รักในหลวง ที่ สิงหาคม 02, 2009, 10:54:23 PM
ขอบคุณมากครับ จะรีบไปทำตามครับผม