หัวข้อ: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: พญาจงอาง +รักในหลวง+ ที่ กันยายน 01, 2009, 02:46:23 PM ..จอมยุทธท่านใดโดนพิษ(รัก)ถอนพิษไม่ได้ทรมานทุรนทุราย อย่างนี้ต้องไปเอาบัวหิมะตัวนี้มาถอนพิษ(รัก)ซะ อยู่ไม่ไกลแค่เทือกเขาเหลียงซานอะไรประมาณนี้แหละ อิอิ.. ::005:: ::002::
หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 01, 2009, 02:55:11 PM เอามากินอย่างไรหรือครับ...
ถ้าให้นายสมชายทำกิน สงสัยเอามาหั่นแล้วผัดกับไข่+ใส่น้ำปลา+ใส่กระเทียมทุบ แหงๆ... จะเสียของไหมหนอ... เย้ หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ กันยายน 01, 2009, 02:59:11 PM เหมือนกระหล่ำปลีเลยครับ ;D
หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ กันยายน 01, 2009, 03:02:48 PM :) โดนพิษรักบัวหิมะพันปี หรือหมื่นปีก็แก้ไม่ได้หรอกครับ มันต้องหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 01, 2009, 03:03:27 PM กะหล่ำปลีที่ภูทับเบิกหรือเปล่า .... อิ อิ หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ กันยายน 01, 2009, 03:41:37 PM http://www.chinesemuslimthailand.com/printable.php?id=490 (http://www.chinesemuslimthailand.com/printable.php?id=490)
บัวหิมะ ซินเจียง Medicinal Herbs - Snow Lotus แปลโดย อัล-ฮิลาล http://www.chinesemuslimthailand.com/ (http://www.chinesemuslimthailand.com/) บัวหิมะ (Snow lotus = Saussurea involucrata) อาจเรียกว่า บัวหิมะพันปี, บัวหิมะหมื่นปี เป็นสมุนไพรชนิดพิเศษของจีน สูงค่า และหายากยิ่ง บัวหิมะเติบโตในร่องหิน โขดหิน และไหล่ภูเขาสูงที่มีอากาศเย็นจัดหรือบริเวณที่ราบสูงมีหิมะปกคลุมทั้งปี เช่น บริเวณเทือกเขาเทียนซาน (เทียนซัน Tianshan) เทือกเขาคุนหลุน (คุนลุน, คุนลุ้น) และเทือกเขาอัลไต ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร ซึ่งเรียกว่า บัวหิมะซินเจียง (Xinjiang Snow Lotus หรือ Xuehehua) ในหนังจีนกำลังภายในหลายเรื่อง บัวหิมะถือเป็นยาวิเศษช่วยสลายสารพิษ จอมยุทธ์ต้องดั้นด้นไปหาด้วยความลำบากลำบน บัวหิมะเติบโตในบริเวณที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3000 - 4000 เมตรขึ้นไปซึ่งแม้ในฤดูร้อนภูเขาก็ยังมีหิมะปกคลุม บัวหิมะเติบโตอย่างช้าๆ แต่ทนทานมาก โดยปกติเมล็ดของบัวหิมะเพียง 5% เท่านั้นที่เติบโตจนออกดอกได้ และใช้เวลา 3 ปีกว่าจะเก็บเกี่ยว ดอกบัวหิมะบานช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมของทุกปี ดอกเป็นสีขาวหรือเขียวอ่อน ดูคล้ายดอกบัวขนาดใหญ่ เบ่งบานท้าทายลมและหิมะ ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว คนเลี้ยงสัตว์แถบภูเขาถือว่าดอกบัวหิมะเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ เป็นดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ หากใครได้เห็นถือเป็นบุญตา มีตำนานเล่าขานว่า เมื่อราชินีสวรรค์แห่งทะเลสาบหยก (Jade Lake) เสด็จลงมาอาบน้ำยังทะเลสาบเทียนชี หรือทะเลสาบสวรรค์ (Tianchi หรือ Heavenly Lake) ที่ซินเจียง เหล่านางฟ้าจะโปรยดอกบัวหิมะลงมา ทำให้ยอดเขาสูงชันกว่า 5,000 เมตรปกคลุมด้วยหิมะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทะเลสาบสะท้อนความงามของเทพธิดาเป็นที่จับตาน่าหลงใหลยิ่ง บัวหิมะจึงถูกนับถือเป็นดอกไม้ล้ำค่า ชาวบ้านเชื่อกันว่าหากได้ดื่มน้ำค้างจากกลีบดอกบัวหิมะแล้ว อาการป่วยไข้จะปลาสนาการ และมีชีวิตยืนยาวยิ่งขึ้น ประเทศจีนได้บันทึกความสำคัญของบัวหิมะไว้ตั้งแต่โบราณ เช่นในหนังสือ The New Edition of Chinese Medicine เขียนสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907) ระบุไว้ว่า แถบตะวันตกของจีนมีตัวยามีค่ากว่า 140 ชนิด และหนึ่งในนั้นคือ บัวหิมะ ส่วนหนังสือ The Appendix to Compendium of Materia Medica สมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ.1644-1911) บันทึกว่า "ในแถบหนาวเย็นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และหิมะไม่ละลายแม้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิหรือหน้าร้อน มีพันธุ์ไม้มีค่าเติบโตขึ้นมา แลดูเหมือนดอกบัวใหญ่ดอกหนึ่ง สวยงาม น่ารัก และงามสง่าท่ามกลางสีขาวโพลนของหิมะ ดอกบัวหิมะบนยอดสูงสุดของเทือกเขานั้นนับเป็นยอดของบัวหิมะ ส่วนดอกที่เติบโตบริเวณถัดมาก็จะด้อยค่าลงตามลำดับ หากเจ้ามีโอกาสได้เห็นดอกบัวหิมะ นับเป็นบุญของเจ้าที่จะได้เชยชม แต่หากเจ้าบอกความนี้กับผู้ใด ดอกบัวหิมะจะหลบลี้และหายไปจากสายตาเจ้าทันที" ข้อความดังกล่าวราวกับจะบอกว่า บัวหิมะเป็นดอกไม้ที่มีวิญญาณเช่นเดียวกับโสม ที่หากรู้ว่ามีผู้ใดเปิดเผยความลับเรื่องหางของเธอแล้ว เธอจะหายวับไปกับดงหิมะทันทีเช่นกัน เนื่องจากเติบโตในบริเวณอากาศหนาวเย็นมาก ดอกบัวหิมะจึงมีรสขมเล็กน้อย ในปัจจุบันบัวหิมะใช้ทำยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และผลิตภัณฑ์เสริมความงามกว่า 50 ชนิด มีสรรพคุณหลายประการเช่น ช่วยป้องกันอาการไข้ ขับสารพิษ ลดอาการเจ็บปวดจากสาเหตุการเป็นโรครูมาตอยด์ บำรุงเลือด ฟื้นฟูสภาพไต และ เป็นยาอายุวัฒนะ ปรับความสมดุลย์หยิน-หยางของร่างกาย บำรุงเลือด โดยเฉพาะสตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือปวดประจำเดือนบ่อย รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ตามร่างกาย ฝ้า ตกกระ กลาก เกลื้อน แมลงสัตว์กัดต่อย รวมไปถึง ฮ่องกงฟุต และริดสีดวงทวาร อีกทั้งช่วยบำรุงผิวพรรณ โดยมีผลิตภัณฑ์ทั้งที่เป็นแบบบริสุทธิ์ 100% หรือนำไปผสมกับตัวยาอื่นๆ จีนส่งออกบัวหิมะมากกว่าปีละ 5 ล้านดอก มีบริษัทในซินเจียงทำธุรกิจเกี่ยวกับบัวหิมะกว่า 100 แห่งซึ่งทุกแห่งต้องมีใบอนุญาตจากรัฐบาล และเนื่องจากความต้องการสูงมาก แต่ปริมาณบัวหิมะเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ รัฐบาลจีนจึงควบคุมการเก็บดอกบัวหิมะอย่างเข้มงวด รวมทั้งพยายามหาวิธีอนุรักษ์และขยายพื้นที่การปลูกมากขึ้น โดยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐเริ่มเพาะบัวหิมะในห้องแล็บก่อนจะนำไปปลูกในร่องหิน อัตราการรอดของบัวหิมะแบบนี้สูงกว่า 90% ซึ่งในอนาคตอาจทำให้จีนสามารถผลิตบัวหิมะได้มากกว่าในปัจจุบัน ที่มา: http://www.chinaembassy.org.ro/rom/kjwh/t222498.htm (http://www.chinaembassy.org.ro/rom/kjwh/t222498.htm) http://www.chinaculture.org/gb/en_focus/2005-09/13/content_72761.htm (http://www.chinaculture.org/gb/en_focus/2005-09/13/content_72761.htm) http://english.peopledaily.com.cn/english/200106/13/eng20010613_72510.html (http://english.peopledaily.com.cn/english/200106/13/eng20010613_72510.html) http://www.chinataiwan.org/web/webportal/W5180047/Uadmin/A5614792.html (http://www.chinataiwan.org/web/webportal/W5180047/Uadmin/A5614792.html) http://www.china.org.cn/english/2001/Mar/9288.htm (http://www.china.org.cn/english/2001/Mar/9288.htm) หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 01, 2009, 04:06:41 PM ในบันมึกของ มาร์โค โปโล ก็กล่าวถึงบัวหิมะครับ
เพื่อนผมเคยไปดูโีรงงานที่ทำยาบัวหิมะรักษาไฟไหม้ น้ำร้อนลวก คนโฆษณาเอาไฟแช๊กลนมือตัวเองแล้วเอายาทาครับ โอ้ว รับประกันคุณภาพจริงๆ หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: สหายอ๋อง เซียนปลาซิว ที่ กันยายน 01, 2009, 04:08:23 PM เอามากินอย่างไรหรือครับ... ถ้าให้นายสมชายทำกิน สงสัยเอามาหั่นแล้วผัดกับไข่+ใส่น้ำปลา+ใส่กระเทียมทุบ แหงๆ... จะเสียของไหมหนอ... เย้ ผัด กับ ปลาเค็ม :D~ :D~ :D~ หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: Choro - รักในหลวง ที่ กันยายน 01, 2009, 05:21:48 PM ในบันมึกของ มาร์โค โปโล ก็กล่าวถึงบัวหิมะครับ เพื่อนผมเคยไปดูโีรงงานที่ทำยาบัวหิมะรักษาไฟไหม้ น้ำร้อนลวก คนโฆษณาเอาไฟแช๊กลนมือตัวเองแล้วเอายาทาครับ โอ้ว รับประกันคุณภาพจริงๆ คล้ายกันครับ ที่ผมเห็นคือคนขายเอามือกำโซ่แดงๆ ที่ยกขึ้นมาจากเตา แล้วรูดจากบนลงล้าง แล้วทาด้วยยาที่ทำจากบัวหิมะพันปี ยอมใจเลยครับ ก่อนจากเลยโดนซะ 2 กระปุก ::005:: ::005:: หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: Ruk™-รักในหลวง ที่ กันยายน 01, 2009, 05:39:17 PM มีจริงหรือครับ ผมนึกว่ามีแต่ในหนังซะอีก เป็นบุญตาแท้ๆ ได้เห็นรูปของจริง
หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ กันยายน 01, 2009, 05:42:42 PM ในบันมึกของ มาร์โค โปโล ก็กล่าวถึงบัวหิมะครับ เพื่อนผมเคยไปดูโีรงงานที่ทำยาบัวหิมะรักษาไฟไหม้ น้ำร้อนลวก คนโฆษณาเอาไฟแช๊กลนมือตัวเองแล้วเอายาทาครับ โอ้ว รับประกันคุณภาพจริงๆ คล้ายกันครับ ที่ผมเห็นคือคนขายเอามือกำโซ่แดงๆ ที่ยกขึ้นมาจากเตา แล้วรูดจากบนลงล้าง แล้วทาด้วยยาที่ทำจากบัวหิมะพันปี ยอมใจเลยครับ ก่อนจากเลยโดนซะ 2 กระปุก ::005:: ::005:: ผมมองเฉยๆให้คนอื่นซื้อ นายกเก่าผมซื้อไว้ อบต.กระปุกนึง คนนู้นควักนิดคนนี้ควักหน่อย สามวันหมด กระปุกละสองพันมั้งตอนนั้น วิทยากรเขาพูดไทยชัดเลยล่ะครับ นัยว่าต้อนรับเราโดยเฉพาะ ;D หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: birdwhistle...รักในหลวง ที่ กันยายน 01, 2009, 05:58:22 PM คุณวิลเฮล์ม เทล ครับ มันดีมากเลยครับ เบ่า ฟู หลิง (BAO FU LING) ที่ใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ฯลฯเกี่ยวกับผิวหนัง ผมก็ซื้อมา 1 กระปุก ราคา 1200 บาท ตั้งแต่กลางปี 2549 แต่ตอนนี้ไม่ต้องไปซื้อถึงปักกิ่งแล้วครับ ร้านขายยาแถวลาดพร้าวนำเข้ามาขาย กระปุกละ 1100 บาทเอง
หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: ss_aong ที่ กันยายน 01, 2009, 06:00:31 PM ว๊าว ความรู้ใหม่เลยนะครับ ผมก็นึกว่าหนังจีนสร้างขึ้นมาเอง นับถือๆ
หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ กันยายน 01, 2009, 08:18:14 PM เมืองเขา..บัวหิมะพันปี..vs..สไบตานี..บ้านเรา(ชื่อนี้..ผมตั้งเอง..ไม่ต้อง..งงกันนะครับ..)
http://forum.khonkaenlink.info/index.php?action=printpage;topic=6939.0 (http://forum.khonkaenlink.info/index.php?action=printpage;topic=6939.0) สูงสุดคืนสู่สามัญ...จริงๆ.. ;) หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 01, 2009, 08:59:33 PM เมืองเขา..บัวหิมะพันปี..vs..สไบตานี..บ้านเรา(ชื่อนี้..ผมตั้งเอง..ไม่ต้อง..งงกันนะครับ..) http://forum.khonkaenlink.info/index.php?action=printpage;topic=6939.0 (http://forum.khonkaenlink.info/index.php?action=printpage;topic=6939.0) สูงสุดคืนสู่สามัญ...จริงๆ.. ;) ทึ่งพยาบาลเก่ง ประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น นำใบตองมาปิดแผลแทนผ้าก๊อซ ช่วยผู้ป่วยไม่ต้องเจ็บปวดจากการทำแผลเวลาต้องดึงผ้าก๊อซออก โดยเฉพาะแผลไฟไหม้ เพราะคุณสมบัติเหมาะสม ผิวเป็นมันไม่ติดแผล มีความชุ่มชื้นช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ที่สำคัญผู้ป่วยไม่เจ็บปวด มีความพึงพอใจ 100 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งต้นทุนก็ต่ำกว่าการใช้ผ้าก๊อซ นำเสนอผลงานในที่ประชุมวิชาการสาธารณสุข ในชื่อ "ใบตองวิเศษพิชิตแผล แคร์ความรู้สึก" เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่โรงแรมปรินซ์ พาเลซ มีการประชุมวิชาการสาธารณสุข ในการประชุมดังกล่าว นางอรทัย ไพรบึง พยาบาลวิชาชีพ 7 ศูนย์สุขภาพชุมชนปราสาทเยอ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ นำเสนอผลงานวิชาการ ในสาขานวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์เรื่อง "ใบตองวิเศษพิชิตแผล แคร์ความรู้สึก" นางอรทัยกล่าวถึงสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวว่า ตนได้นำใบตองมาใช้พันแผลให้กับผู้ป่วยที่มีแผลไฟไหม้ ในระดับเบื้องต้นคือระดับ 1 และระดับ 2 ทำให้เวลาล้างแผล ผู้ป่วยจะไม่ทุกข์ทรมานจากการที่ผ้าก๊อซติดกับแผลแล้วต้องดึงออก ใบตองมีคุณสมบัติที่ดีคือผิวมัน ไม่หยาบหรือขรุขระ เหมือนใบไม้ชนิดอื่น จึงไม่ติดแผล ทำให้แผลหายเร็วกว่าปกติ เพราะเมื่อไม่มีการกระชากดึงแผล เซลล์ที่กำลังเติบโต ของแผลก็จะไม่ถูกทำลาย อีกทั้งใบตองมีความชุ่มชื้นที่แผลไฟไหม้ต้องการ นางอรทัยกล่าวอีกว่า ในระดับศูนย์สุขภาพชุมชน ไม่สามารถเบิกผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันไม่ให้ผ้าก๊อซติดแผลได้ จึงได้นำแนวคิดการปิดแผลไหม้จากตึกศัลยกรรมการดูแลไฟไหม้ของร.พ.ศิริราชมาประยุกต์ใช้ อีกทั้งใบตอง เป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในพื้นที่ ความเสี่ยงติดเชื้อก็ไม่มี "จากการทดลองกับผู้ป่วยทั้งสิ้น 37 คน ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบันพบว่า ผู้ป่วยมีความพึงพอใจ 100 เปอร์เซ็นต์ บอกตรงกันว่าไม่ปวดแสบแผล เย็นสบาย เวลาแกะแผลไม่เจ็บ อย่างผู้ป่วยคนหนึ่งมีแผลไฟไหม้ขาทั้ง 2 ข้าง มีอาการทุกข์ทรมานมากเวลาล้างแผล เพราะแผลติดกับผ้าก๊อซ จนวันที่สาม ที่ล้างแผลเราจึงได้ใช้ใบตอง ทำให้ เขาไม่ต้องเจ็บปวดอีก" นางอรทัย กล่าว ......... อ่านต่อ http://forum.khonkaenlink.info/index.php?action=printpage;topic=6939.0 (http://forum.khonkaenlink.info/index.php?action=printpage;topic=6939.0) หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: ชยันโต ที่ กันยายน 01, 2009, 09:06:00 PM ขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ เหมือนกะหล่ำปลียังไงยังงั้น
หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: sombat_ ที่ กันยายน 01, 2009, 10:44:50 PM เคยมีคนที่ไปเมืองจีนแล้วเขาซื้อมาฝาก 1 กระปุก ก็เก็บไว้ในตู้เย็นร่วม 2 ปี ไม่รู้จะใช้อะไร
พอดีสุนัขที่บ้านเป็นขี้เรื้อนเปียก เลยลองควักมาทาดู ทาวันละครั้ง ไม่ถึงสัปดาห์ รู้สึกผิวของสุนัขจะดูดีขึ้นจริงครับ หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: todsagun ที่ กันยายน 02, 2009, 01:43:23 AM เคยมีคนที่ไปเมืองจีนแล้วเขาซื้อมาฝาก 1 กระปุก ก็เก็บไว้ในตู้เย็นร่วม 2 ปี ไม่รู้จะใช้อะไร บัวหิมะพันปี..นะท่าน.. :OOพอดีสุนัขที่บ้านเป็นขี้เรื้อนเปียก เลยลองควักมาทาดู ทาวันละครั้ง ไม่ถึงสัปดาห์ รู้สึกผิวของสุนัขจะดูดีขึ้นจริงครับ วิธีแก้ขี้เรื้อนสุนัข.....ใช้น้ำผักดอง..(ผักกาดดองที่กินกับขนมจีนน้ำยานั่นแหล่ะ...) ชะโลมให้ทั้วบริเวณที่เป็น..ไม่ต้องล้างออก...ปล่อยไว้อย่างงั้นเลย.. ทำทุกวัน..อาทิตย์เดียวขนจะเริ่มขึ้น..ขี้เรื้อนที่เป็นก็จะหายไปในที่สุด..เหมือนปกติ.. ::002:: สำหรับ..ท่านชายที่มีปัญหาบนหนังศรีษะ..ผมบาง..ผมร่วง..ผมขาว..หนังศรีษะคัน..เป็นสะเก็ด..เป็นแผล.. หลังสระผม..เช็ดผมให้หมาด.. นำเหล้าแม่โขงประมาณสี่ช้อนโต๊ะ..นำมาชะโลมทั่วศรีษะ..(ต้องใช้เหล้าแม่โขงเท่านั้น) อาจจะแสบนิดนึงในช่วงแรก...ทิ้งไว้ห้านาที.. หลังจากนั้น..ล้างออกโดยใช้น้ำเปล่า... แล้วเช็ดผมตามปกติ....ทำอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง... ไม่ต้องเสียเงินเรือนหมื่นรักษาสุขภาพหนังศรีษะจากสถาบันไฮโซ..ได้ผล100%.. ทั้งสองวิธี..ผมมีประสพการณ์มาแล้ว..ได้ผลดีเยี่ยม.. อย่างหลังนี่..ปัจจุบัน..ผมยังทำเป็นประจำ..สองเดือน..สามครั้ง...ครับ.. ;D หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ กันยายน 02, 2009, 05:16:30 AM ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ กันยายน 02, 2009, 07:15:39 AM :D..น่าเอาไปต้มกับ..ซี่โครงหมู.... ;D
หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 02, 2009, 08:23:01 AM ผบ. ที่บ้านผมเขาได้มาเป็นแบบวุ้น ใช้ทาหน้าก่อนนอนทุกวัน เขาบอกว่าแก้สิวแก้ฝ้าครับ ;D
หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 02, 2009, 09:51:11 AM คุณวิลเฮล์ม เทล ครับ มันดีมากเลยครับ เบ่า ฟู หลิง (BAO FU LING) ที่ใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ฯลฯเกี่ยวกับผิวหนัง ผมก็ซื้อมา 1 กระปุก ราคา 1200 บาท ตั้งแต่กลางปี 2549 แต่ตอนนี้ไม่ต้องไปซื้อถึงปักกิ่งแล้วครับ ร้านขายยาแถวลาดพร้าวนำเข้ามาขาย กระปุกละ 1100 บาทเอง คุณวิลเฮล์ม เทล ครับ มันดีมากเลยครับ เบ่า ฟู หลิง (BAO FU LING) ที่ใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ฯลฯเกี่ยวกับผิวหนัง ผมก็ซื้อมา 1 กระปุก ราคา 1200 บาท ตั้งแต่กลางปี 2549 แต่ตอนนี้ไม่ต้องไปซื้อถึงปักกิ่งแล้วครับ ร้านขายยาแถวลาดพร้าวนำเข้ามาขาย กระปุกละ 1100 บาทเอง ขอบคุณมากครับพี่ ผมจะได้สืบหาในเมืองไทยเก็บไว้บ้าง ไม่ต้องฝากพรรคพวกที่ไปจีน ผมไม่ชอบเล่นกับไฟแต่ชอบเล่นไฟ มีเตรียมไว้ท่าจะดีครับ อิ อิ หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กันยายน 02, 2009, 10:48:56 AM เอามากินอย่างไรหรือครับ... พี่สมชาย บรรยายซะได้กลิ่นเลยครับ :D~ถ้าให้นายสมชายทำกิน สงสัยเอามาหั่นแล้วผัดกับไข่+ใส่น้ำปลา+ใส่กระเทียมทุบ แหงๆ... จะเสียของไหมหนอ... เย้ หิวครับ :D~ หัวข้อ: Re: "บัวหิมะพันปี ท่านใดเคยเห็นบ้าง" เริ่มหัวข้อโดย: sombat_ ที่ กันยายน 02, 2009, 05:21:22 PM เคยมีคนที่ไปเมืองจีนแล้วเขาซื้อมาฝาก 1 กระปุก ก็เก็บไว้ในตู้เย็นร่วม 2 ปี ไม่รู้จะใช้อะไร บัวหิมะพันปี..นะท่าน.. :OOพอดีสุนัขที่บ้านเป็นขี้เรื้อนเปียก เลยลองควักมาทาดู ทาวันละครั้ง ไม่ถึงสัปดาห์ รู้สึกผิวของสุนัขจะดูดีขึ้นจริงครับ วิธีแก้ขี้เรื้อนสุนัข.....ใช้น้ำผักดอง..(ผักกาดดองที่กินกับขนมจีนน้ำยานั่นแหล่ะ...) ชะโลมให้ทั้วบริเวณที่เป็น..ไม่ต้องล้างออก...ปล่อยไว้อย่างงั้นเลย.. ทำทุกวัน..อาทิตย์เดียวขนจะเริ่มขึ้น..ขี้เรื้อนที่เป็นก็จะหายไปในที่สุด..เหมือนปกติ.. ::002:: สำหรับ..ท่านชายที่มีปัญหาบนหนังศรีษะ..ผมบาง..ผมร่วง..ผมขาว..หนังศรีษะคัน..เป็นสะเก็ด..เป็นแผล.. หลังสระผม..เช็ดผมให้หมาด.. นำเหล้าแม่โขงประมาณสี่ช้อนโต๊ะ..นำมาชะโลมทั่วศรีษะ..(ต้องใช้เหล้าแม่โขงเท่านั้น) อาจจะแสบนิดนึงในช่วงแรก...ทิ้งไว้ห้านาที.. หลังจากนั้น..ล้างออกโดยใช้น้ำเปล่า... แล้วเช็ดผมตามปกติ....ทำอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง... ไม่ต้องเสียเงินเรือนหมื่นรักษาสุขภาพหนังศรีษะจากสถาบันไฮโซ..ได้ผล100%.. ทั้งสองวิธี..ผมมีประสพการณ์มาแล้ว..ได้ผลดีเยี่ยม.. อย่างหลังนี่..ปัจจุบัน..ผมยังทำเป็นประจำ..สองเดือน..สามครั้ง...ครับ.. ;D สูตรน่าลองครับ ขอบคุณมากครับ ::014:: |