เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: Major ที่ กันยายน 29, 2009, 09:48:06 AM



หัวข้อ: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: Major ที่ กันยายน 29, 2009, 09:48:06 AM
เป็นบทความที่ผมได้รับมาทาง E-mail ครับ เห็นว่าดีเลยนำมาฝากกัน

แง่คิดดีๆ จากชายชราผู้จากไป
   
พิษณุ นิลกลัด
   
สัปดาห์สุดท้ายของปี ๒๕๔๘ ผมไปงานสวดและงานเผาศพผู้ชายวัย ๘๑ ปี ที่ผมรู้จักเขามายาวนาน ๓๐ ปี ไม่ใช่ญาติ แต่สนิทนักรักใคร่เสมือนญาติ ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วันเขาสั่งลูกและภรรยาแบบคนไม่ครั่นคร้ามความตายว่าสวดสามวันแล้วเผา ไม่ต้องบอกใครให้วุ่นวาย อย่าเศร้า อย่าร้องไห้ทุกคนต้องมีวันนี้เพียงแต่เขาอยู่หัวแถวเลยต้องไปก่อน แล้วลูกเมียก็ทำตามคำสั่ง สวดสามวันเผางานสวด ๓ คืนมีคนฟังพระสวดคืนละ ๑๔ คนคือเมีย ลูก หลานเขย สะใภ้และผมซึ่งเป็นคนนอกเป็นงานศพที่มีคนไปร่วมงานน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยไปฟังสวด
   
วันเผามีเพิ่มเป็น ๑๗ คน สามคนที่เพิ่มเป็นเพื่อนบ้านที่เคยคุยด้วยเกือบทุกเย็นคนหนึ่งเป็นแม่ค้าล็อตเตอรี่ที่เคยยืมเงินแล้วไม่มีสตังค์จ่ายเลยเอาล็อตเตอรี่ทยอยผ่อนใช้หนี้แทนเงินงวดละสองใบคนหนึ่งและคนสุดท้ายเป็นหญิงที่ผู้ตายเคยผูกปิ่นโตทุกมื้อเย็น ทั้งสามคนบอกว่าเกือบมาไม่ทันเผา เคราะห์ดีที่แวะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลเจ้าหน้าที่บอกว่าเสียชีวิตไปแล้ว ๓ วัน หลังฌาปนกิจพระกระซิบถามเจ้าหน้าที่วัดว่าเจ้าของงานจ่ายเงินค่าศาลาสวดพระอภิธรรมแล้วหรือยัง
   
   พระท่านคงไม่เคยเห็นงานศพที่มีคนน้อยแบบที่ผมก็รู้สึกตั้งแต่สวดคืนแรกจริงๆ แล้วผู้ตายเป็นคนค่อนข้างมีสตังค์ ทำงานธนาคารแห่งประเทศไทยจนเกษียณอายุที่ตำแหน่งหัวหน้าหน่วย แต่ด้วยความที่รักและศรัทธา อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์อดีตผู้ว่าการแบงค์ชาติจึงดำเนินชีวิตแบบไม่ปรารถนาให้ใครเดือนร้อน-แม้กระทั่งวันตาย ผมสนิทกับเขาเพราะเขามีความฝันในวัยเด็กอยากเป็นนักประพันธ์แบบไม้เมืองเดิม ที่เขาเคยนั่งเหลาดินสอและวิ่งซื้อโอเลี้ยงให้เมื่อตัวเองเป็นนักเขียนไม่ได้ พอมาเจอะผมที่เป็นนักข่าวก็เลยถูกชะตาและให้ความเมตตา การมีโอกาสได้พูดได้คุยกับเขาตามวาระโอกาสตลอด ๓๐ ปีทำให้ได้แง่คิดดีๆ มาใช้ในการดำรงชีวิต
   
   วันหนึ่งเขารู้ว่าขโมยยกชุดกอล์ฟของผมไปสองชุดราคา ๔ แสนกว่าบาท เขาปลอบใจผมว่า 'ของที่หายเป็นของฟุ่มเฟือยของเรา แต่มันอาจเป็นของจำเป็นสำหรับลูกเมียครอบครัวเขาคิดซะว่าได้ทำบุญ จะได้ไม่ทุกข์ ' เขามีวิธีคิด 'เท่ๆ' แบบผมคิดไม่ได้มากมายเป็นต้นว่าสุขและทุกข์อยู่รอบตัวเราอยู่ที่ว่าเราจะเลือกหยิบเลือกคว้าอะไร คงเป็นเพราะเขาเลือกคว้าแต่ความสุข ช่วงปีสุดท้ายของชีวิตเขาต่อสู้กับโรคชรา เบาหวาน หัวใจ ความดัน เกาต์ และไตทำงานเพียง ๕ เปอร์เซ็นต์โดยไม่ปริปากบ่นแถมยังสามารถให้ลูกชายขับรถพาเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์โดยที่ตัวเองต้องหิ้วถุงปัสสาวะไปด้วยตลอดเวลาเนื่องจากไตไม่ทำงาน ปัสสาวะเองไม่ได้ ๖ เดือนสุดท้ายของชีวิตต้องนอนโรงพยาบาลสามวันนอนบ้านสี่วันสลับกันไปเวลาลูกหลาน หรือเพื่อนของลูกรวมทั้งผมด้วยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เขามีแรงพูดติดต่อกันไม่เกิน ๑๐ นาที แต่ ๑๐ นาทีที่พูดมีแต่เรื่องสนุกสนานเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนไปเยี่ยมไข้ ทุกคนพูดตรงกันว่า‘คุณตาไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลย ตลกเหมือนเดิม'พอแขกกลับ ลูกหลานถามว่าทำไมคุยแต่เรื่องตลก
   
   เขาตอบว่า 'ถ้าคุยแต่เรื่องเจ็บป่วย วันหลังใครเขาจะอยากมาเยี่ยมอีก'เขาเป็นคนชอบคุยกับผู้คนไม่ว่าจะอยู่บนเตียงคนไข้หรืออยู่บนรถแท็กซี่บ่อยครั้งที่นั่งรถถึงหน้าบ้านแล้วแต่สั่งให้โชเฟอร์ขับวนรอบหมู่บ้านเพราะยังคุยไม่จบเรื่อง แล้วจ่ายเงินตามมิเตอร์ ! ๔ เดือนสุดท้ายของชีวิตแพทย์ที่รักษาโรคไตมาตั้งแต่สมัยเป็นแพทย์อินเทิร์น จนกระทั่งเป็นหัวหน้าแผนกแนะนำให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลให้แข็งแรงแล้วค่อยกลับบ้าน แต่อยู่ได้ ๔ วันเขาวิงวอนหมอว่าขอกลับบ้าน หมอซึ่งรักษากันมา ๑๖ ปีไม่ยอม เขาพูดกับหมอด้วยความสุภาพว่า 'ขอให้ผมกลับบ้านเถอะ ผมอยากฟังเสียงนกร้อง คุณหมอไม่รู้หรอกว่าคนคิดถึงบ้านมันเป็นอย่างไรเพราะพอเสร็จงานหมอก็กลับบ้าน '
   
   หมอได้ฟังแล้วหมดทางสู้ ยอมให้คนไข้กลับบ้าน แต่กำชับให้มาตรวจตรงตามเวลานัดทุกครั้ง ๑ เดือนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เขาสูญเสียการควบคุมอวัยวะของร่างกายเกือบทั้งหมด เคลื่อนไหวได้อย่างเดียวคือกะพริบตา แต่แพทย์บอกว่าสมองของเขายังดีมากเวลาลูกเมียพูดคุยด้วยต้องบอกว่า 'ถ้าได้ยินพ่อกะพริบตาสองที' เขากะพริบตาสองทีทุกครั้ง !
เห็นแล้วทั้งดีใจและใจหาย เขายังรับรู้ แต่พูดไม่ได้ นี่กระมังที่เรียกว่าถูกขังในร่างของตนเอง สิบวันก่อนพลัดพราก ภรรยากระซิบข้างหูว่า'พ่อสู้นะ' เขาไม่กะพริบตาซะแล้วทั้งๆที่ก่อนหน้านี้สองเดือนเคยตอบว่า' สู้ ' เขาสู้กับสารพัดโรคด้วยความเข้าใจโรคสู้ชนิดที่หมอออกปากว่า ‘คุณลุงแกสู้จริงๆ'
   
   ตอนที่วางดอกไม้จันทน์ ผมนึกถึงประโยคที่แกพูดกับลูกเมื่อสี่เดือนก่อนว่า ‘โรคภัยมันเอาร่างกายของพ่อไปแล้ว อย่าให้มันเอาใจของเราไปด้วย ' 
   'แง่คิดดีๆ จากชายชราที่จากไป' สอนให้เรารู้ว่า...
   
   เราเกิดมาพร้อมกับจิตใจบริสุทธิ์ และมันสมองมหัศจรรย์ที่จะสามารถเรียนรู้ แยกแยะเรื่องดีๆและสิ่งร้ายๆในชีวิต
   
   จงใช้โอกาสดีๆที่ร่างกายและจิตใจของเรายังทำอะไรๆได้อย่างที่สมองสั่ง
   
   จงเรียนรู้ และสร้างประโยชน์สุขให้กับตนเองและผู้อื่นอย่างพอเพียงและดำรงชีวิตอย่างพอเพียงทางเศรษฐกิจ
   
   หากทุกๆครั้งที่เรียนรู้ เราล้ม เราพลาด... อาจจะรู้สึกท้อบ้างในบางที แม้ไม่มีกำลังกายที่จะลุกในทันที..... แต่ข้อให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป
   
   ถ้าเราเรียนรู้...ก็จะทำให้เราพบว่าการล้มหรือพลาดครั้งต่อไป เราจะไม่เจ็บเท่าเดิม :-)


ขอขอบพระคุณเจ้าของบทความ

และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้จากไปด้วยครับ

ด้วยความเคารพ


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: THAEWA ที่ กันยายน 29, 2009, 11:10:07 AM
 ::002:: ::002:: ::002::ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียวครับ ::002:: ::002:: ::002::ขอเป็นกำลงใจให้กับตัวเองและผู้ที่กำลังหมดกำลังใจให้สู้ต่อไปครับ


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: indojeen@รักในหลวง ที่ กันยายน 29, 2009, 11:22:37 AM
 ::002::

ตามนั้นครับ

ตัวผมก็พยาามทำตามบทความนี้   ปล่อยวาง  แต่อย่าปล่อยว่าง

ร่างกายเป็นของธรรมชาติ  ต้องคืนธรรมชาติเมื่อหมดอายุขัย

 ::004::


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: tinnakorn 0101 ที่ กันยายน 29, 2009, 11:55:19 AM
 ::014::ขอบคุณครับที่เอามาฝาก เป็นบทความที่มีแง่คิดดีๆ ::014::
            +1 ให้ครับ


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: Nat_usp ที่ กันยายน 29, 2009, 12:30:37 PM


 ชอบบมากครับ ขอบคุณครับผม


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ กันยายน 29, 2009, 12:59:43 PM


ขอบคุณครับ..........

อยู่ที่กำลังใจ จริง ๆ  


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: EAK1980 รักในหลวง ที่ กันยายน 29, 2009, 01:37:43 PM
 ::014::ขอบคุณมากครับ ::014::


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: visith ที่ กันยายน 29, 2009, 01:43:47 PM
...ขอบคุณครับ..
...หากคิดในทางบวกได้ ชีวิตก็จะทุกข์น้อยลง..


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: pglove ที่ กันยายน 29, 2009, 02:02:40 PM
 ::002:: ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่เอามาให้อ่านนะคะ


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: PsanP_IT.31(ไพศาล ๓) ที่ กันยายน 29, 2009, 02:18:02 PM
ขอบคุณครับ...


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: MR.BEEN รักในหลวง ที่ กันยายน 29, 2009, 02:25:34 PM

 ขอคุณครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 29, 2009, 02:58:48 PM

           ชอบแนวทางนี้เช่นกันครับ .....



หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ กันยายน 29, 2009, 04:20:20 PM
 ::014:: ขอบคุณครับอ่านแล้วรู้สึกดีมากๆ +1 ให้สำหรับ จขกท. ครับ


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: korpat ที่ กันยายน 29, 2009, 11:08:03 PM
ขอบคุณมาก ๆ ครับ


หัวข้อ: Re: แง่คิดดี ๆ ของชายชราผู้จากไป
เริ่มหัวข้อโดย: day<รักในหลวง> ที่ กันยายน 30, 2009, 12:08:55 AM
ขอบคุณครับ