เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

(http://image.ohozaa.com/iw/17ncats.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=bddcbbf736cda79a58a700e952b41ed9)

'เป้า'อดีตมือกลองวงคาราบาว ถูกฟ้องล้มละลาย เป็นหนี้แบงก์กรุงเทพ กว่า 2 ล้านบาท ศาลเลื่อนพิพากษา เป็น 10 พ.ค. ปีหน้า เจ้าตัวนั่งรถเข็น ร้องขอความเห็นใจ ...

ที่ห้องพิจารณาคดี 1 ศาลล้มละลายกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (22 ต.ค.) ศาลนัดพร้อมคู่ความในคดีหมายเลขดำที่ ล.12722/2552 ที่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โดยนายอมร จันทรสมบูรณ์ กรรมการผู้มีอำนาจ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง จ่าเอกอำนาจ ลูกจันทร์ หรือเป้า คาราบาว อดีตมือกลองวงดนตรีเพื่อชีวิต “คาราบาว” และ นางพึงพิศ ลูกจันทร์ ภรรยา เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 เรื่องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้ทั้งสอง ที่เป็นจำเลยในคดีนี้ ตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง ในคดีแดงที่ ธ.5643/2544 ที่ศาลมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 44 ให้ลูกหนี้ทั้งสองชดใช้เงินจำนวน 2,221,397 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14.5 ต่อปี ของจำนวนเงินต้น 1,668,959.64 บาท นับจากวันที่ยื่นฟ้อง วันที่ 22 มี.ค. 44 จนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 69550 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เพื่อขายทอดตลาด หากทรัพย์ไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นบังคับชำระให้ครบ และให้ชำระค่าทนายความ จำนวน 2,000 บาท ลูกหนี้ทั้งสองไม่อุทธรณ์คดีจึงถึงที่สุด

ฟ้องโจทก์บรรยายต่อไปว่า เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ลูกหนี้ทั้งสองไม่ชำระหนี้แต่อย่างใด โจทก์จึงได้ดำเนินการบังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์จำนองโฉนดที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวขายทอดตลาด เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 47 ได้เงิน จำนวน 1,660,000 บาท และนำเงินมาจ่ายแก่โจทก์จำนวน 1,566,245 บาท เมื่อไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด อีกทั้งลูกหนี้ทั้งสองไม่มีทรัพย์สินอื่นที่พึงยึดมาชำระหนี้ได้อีก ลูกหนี้ทั้งสองยังค้างชำระเป็นเงินจำนวน 1,401,492.38 บาท รวมดอกเบี้ยอัตรา 14.5 ต่อปี ของเงินต้นจำนวน 1,668,959.64 บาท นับตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.47 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 5 ปี 221 วัน คิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน 1,356,013.62 บาท รวม 2,758,013.62 บาท เมื่อลูกหนี้ทั้งสองมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน แสดงว่าลูกหนี้ทั้งสองเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว

โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด และพิพากษาให้ลูกหนี้ทั้งสอง เป็นบุคคลล้มละลายต่อไป นัดนี้ จ่าเอกอำนาจ หรือ เป้า คาราบาว อดีตมือกลองในตำนานวงการเพลงเพื่อชีวิตเมืองไทย เดินทางมาศาลในสภาพ นั่งรถเข็น มีเฝือกอ่อนดามที่ลำคอ ซึ่งเป็นผลจากการผ่าตัดหมอนรองกระดูกเคลื่อน เดินทางมาศาลพร้อมด้วย นางพึงพิศ ภรรยา โดยศาลเห็นว่าทั้งสองฝ่ายยังมีหนทางเจรจาไกล่เกลี่ยกันได้ ศาลจึงมีคำสั่งเลื่อนนัดพร้อมคู่ความออกไปเป็นวันที่ 10 พ.ค.53 เวลา 09.30 น.

เป้า คาราบาว กล่าวว่า หนี้สิ้นที่เกิดขึ้นมาจากการกู้ยืมมาเพื่อซื้อบ้าน แต่เมื่อทำธุรกิจร้านอาหารขาดทุนจึงไม่มีเงินมาชำระคืนเจ้าหนี้ได้ ต้องยอมรับว่าด้วยความไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย เพราะคิดว่าเมื่อทางธนาคารนำบ้านไปขายทอดตลาดแล้วนำเงินไปชำระหนี้ที่ค้างไว้ ก็เข้าใจว่าเรื่องจะจบ แต่ปรากฏว่าตนยังมีหนี้สิ้นค้างอยู่ เมื่อรวมกับดอกเบี้ยเลยกลายเป็นเงินจำนวนมากขึ้น ทั้งนี้อยากฝากไปถึงผู้บริหารธนาคารเพื่อขอความเห็นใจด้วย เพราะในอดีตก่อนเป็นมือกลองวงคาราบาว ตนเคยร่วมงานอัดเพลง “เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน” ให้แก่ธนาคารกรุงเทพ ที่มีอาจารย์แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ เป็นหัวหน้าวง ปัจจุบันนี้สภาพร่างกายก็ไม่เหมือนอดีต ต้องผ่าตัดหมอนรองกระดูกเคลื่อน และผ่านการทำการขยายเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ (บอลลูนหัวใจ) มาแล้ว 3 เส้น ยังดีที่ได้ นายแพทย์พิชญา นาควัชระ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลาง ให้ความอนุเคราะห์เรื่องค่าใช้จ่ายในการทำกายภาพบำบัด ที่ต้องทำอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ทุกวันนี้ไม่มีรายได้ เนื่องจาก ไม่สามารถสอนตีกลองได้อีก ซึ่งเพื่อนพ้องในวงการเพลงเพื่อชีวิตที่มาเยี่ยมเยียนต่าง บอกกับตนว่า จะช่วยจัดคอนเสิร์ตหารายได้มาช่วยเหลือตน แต่ติดตรงที่แต่ละวงต่างมีความคิดเห็นทางการเมืองที่ต่างกัน จึงเป็นอุปสรรคที่ไม่สามารถร่วมกันจัดงานได้ แต่ตนก็ไม่เคยไปเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากใคร

http://www.thairath.co.th/content/region/41466 (http://www.thairath.co.th/content/region/41466)

แม้ไม่เคยร้องเพลงหรือร้องประสานเสียงเลยแม้แต่เพลงเดียว แต่ ''เป้า คาราบาว'' หรือ จ่าเอก อำนาจ ลูกจันทร์ ก็นับว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ในบทบาทมือกลองและเพอร์คัสชั่นที่ทำให้วงดนตรีหัวควายอย่าง ''คาราบาว'' ได้รับการยกย่องให้เป็นตำนานวงดนตรีเพื่อชีวิต


แต่วันนี้ของ ''เป้า คาราบาว'' ในวัย 62 ปี กับมีชีวิตอันสุดแสนรันทด  มีอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท และเป็นโรคหัวใจเคลื่อนไหวลำบาก ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านไม้ชั้นเดียว ทรุดโทรม มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเลขที่ 118 หมู่ 8 หมู่บ้านโสภณ ซ.สังคมสงเคราะห์ 28  แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยเพียงลำพัง กับสุนัขอีก 3 ตัว รอบบ้าน

 ย้อนกลับไปก่อนเข้าวงการ ''เป้า'' เกิดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. พ.ศ. 2549 ที่กรุงเทพมหานคร  เป็นคนที่มีรูปร่างเล็ก มีส่วนสูงไม่ถึง 160 เซนติเมตรด้วยซ้ำเริ่มต้นชีวิตนักดนตรีครั้งแรกด้วยการรับราชการในกองดุริยางค์ทหารเรือ ด้วยความเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนดุริยางค์ทหารเรือ และเป็นนักดนตรีที่เล่นเป็นแบ็กอัพตามห้องอัดต่างๆ โดยเริ่มเล่นในแนวป็อปแจ๊ส และฟิวชั่นแจ๊สมาก่อน ซึ่งนับว่าเป็นนักดนตรีคนหนึ่งในแนวฟิวชั่นแจ๊สรุ่นบุกเบิกของไทย

 ปีพ.ศ. 2526 เข้าร่วมวงคาราบาวในฐานะมือกลองและเพอร์คัสชั่นในปี พ.ศ. 2526 พร้อมกับ เทียรี่ เมฆวัฒนา และ อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี และ ไพรัช เพิ่มฉลาด ซึ่งเป็นเพื่อนนักดนตรีร่วมห้องอัดเดียวกัน ได้ร่วมงานกับคาราบาวครั้งแรกกับชุด ''ท.ทหารอดทน'' อันเป็นอัลบั้มชุดที่ 4 ของคาราบาว และได้ออกจากราชการทหารเรืออย่างเต็มตัว

 ในปี พ.ศ. 2533 เป้า พร้อม เทียรี่ และ อ.ธนิสร์ ได้แยกออกมาจากวงหลังอัลบั้มชุด ''ทับหลัง'' และออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกในชีวิตของพวกตน ชื่อชุด ''ขอเดี่ยวด้วยคนนะ'' ซึ่งเป้าก็ทำหน้าที่ตีกลองและเพอร์คัสชั่นโดยไม่ได้ส่งเสียงร้องอีกเช่นเคย แต่ได้แต่งเพลงไว้หนึ่งเพลงในอัลบั้มคือเพลง ศึกบางระจัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 ก็มีผลงานเดี่ยวของตัวเองครั้งแรก ชื่อชุด ''นักร้องจำเป็น''

 จากนั้นทั้งเป้า เทียรี่ และ อ.ธนิสร์ ก็ได้แยกย้ายกันไปตามเส้นทางชีวิตของแต่ละคน ปัจจุบันเป้ามีกิจการส่วนตัวคือ ผลิตเพอร์คัสชั่นจำหน่าย ในยี่ห้อ ''Pearl'' และเปิดโรงเรียนสอนดนตรีที่บ้านของตนเอง เน้นในเครื่องดนตรีประเภทตีและประกอบจังหวะ และยังมาร่วมงานกับคาราบาวเป็นประจำเมื่อมีคอนเสิร์ตครั้งสำคัญๆ 

 กับชีวิตวันนี้อันแสนรันทด อดีตมือกลองคาราบาวเล่าให้ฟังว่า ตนได้มีอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ที่บริเวณคอทำให้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย มาตั้งแต่มกราคมปี พ.ศ. 2551 จนต้องเข้ารับการผ่าตัด สลับกับการผ่าตัดหัวใจทำบอลลูนเนื่องจากเส้นเลือดอุดตัน

 ''เริ่มแรกเลยมีอาการชา และปวดเมื่อยตามข้อต่างๆ ของร่างกาย ได้ตัดสินใจไปตรวจร่างกาย ที่โรงพยาบาลศรีสยาม แต่แพทย์ตรวจไม่พบสาเหตุ จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลพญาไท 2 อีกครั้ง โดยได้รับการตรวจด้วยเครื่อง MRI ซึ่งเป็นการตรวจร่างกายด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างละเอียด พบว่าหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ที่บริเวณคอ กระดูกข้อที่ 3 และ 4  แพทย์ได้ระบุสาเหตุว่า น่าจะเกิดจากการใช้มือตีกลองเป็นเวลานาน ประกอบกับเวลาตีจะต้องใช้แรงมาก จากนั้นได้เข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาลตากสิน นอกจากนี้แพทย์โรงพยาบาลตากสินยังได้ตรวจพบว่าเส้นเลือดหัวใจอุดตัน อยู่ 2 เส้น ได้ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล เพื่อทำบอลลูนขยายหลอดเลือด และพักรักษาตัวนาน 6 เดือน ก่อนที่จะย้ายกลับมาผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทอีกครั้ง เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ปีนี้ และแพทย์ได้นัดไปตรวจในวันที่ 22 ก.ค.นี้ หมดเงินค่ารักษาพยาบาลกว่า 4 แสนบาท แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น''

 จากโรคร้ายที่เข้ามารุกราม ทำให้ ''เป้า'' ต้องใช้เงินที่สะสมมา จนหมดตัว จนต้องแบกหน้าไปทวงถามเงินค่าตัวขึ้นคอนเสิร์ตครบรอบ 20 ปี เมื่อวันที่ 21 - 22 ก.พ. 2546 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จากบริษัทที่จัดคอนเสิร์ต และยังติดค่าตัวอยู่เพื่อนำมาใช้รักษาตัว

 ''ตอนนี้ตนทำงานไม่ได้ ทำให้ต้องใช้เงินที่สะสมไว้หมด  ก่อนหน้านี้ได้ขึ้นคอนเสิร์ตครบรอบ 20 ปี คาราบาว ซึ่งตั้งแต่วันนั้นยังไม่ได้รับค่าตัว เป็นเงิน 7 หลัก ตอนที่ยังไม่ป่วย ตั้งใจจะนำเงินก้อนนี้ไปโปะบ้าน แต่เมื่อบริษัทไม่จ่าย ทำให้ธนาคารยึดบ้านไปแล้ว ก่อนหน้านี้เคยทวงถามกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทอยู่หลายครั้ง ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ที่ไปทวงกับทางบริษัท ก็รู้สึกอายเหมือนกัน แต่ก็ต้องทำ เพราะว่าเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่จะนำมารักษาตัว''

 ลมหายใจวันนี้ที่มีเพียงสุนัข 3 ตัว เป็นเพื่อน ''เป้า คาราบาว'' บอกว่า มีเพียงลูกเมียมาเยี่ยมอยู่บ่อยๆ ส่วนเพื่อนวงคาราบาวโทร.มาสอบถามไถ่เป็นระยะ ซึ่งตนก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจใคร เพราะเข้าใจดีว่าทุกคนมีภาระของตนเอง

 ''เพื่อนทุกคนในรู้เรื่องแต่ไม่ได้มาเยี่ยม มีเพียงโทร.มาสอบถามอาการเท่านั้น ก็ไม่ได้น้อยใจอะไรนะ เพราะเราก็เข้าใจว่าทุกคนอาจมีภาระเล่นคอนเสิร์ต ลูกเมียเคยมาเยี่ยมอยู่บ่อยๆ แต่ได้ย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังย่านอินทรารักษ์ ทุกวันนี้ก็ได้เงินจากข้าราชการบำนาญ เพียงไม่กี่พันบาท นำมาใช้จ่ายประทังชีวิตไปวันๆ''

 ท้ายที่สุด ''เป้า คาราบาว'' ยังมีความหวังว่า จะหายจากโรคร้ายกลับมามีเรี่ยวมีแรง ทำงานหาเลี้ยงชีพตามปกติที่เคยเป็นก่อนหน้านี้

 และหวังว่าบริษัทที่ยังติดค่าตัวขึ้นคอนเสิร์ตครบรอบ 20 ปี คาราบาว จะเห็นใจ จ่ายเงินให้มาเพื่อนำไปเป็นค่ารักษาลมหายใจให้อยู่ต่อไปได้!!

http://webboard.star.sanook.com/forum/?topic=2943325.msg14801986#msg14801986

   ชีวิตไม่ต่างจากอดีตแชมป์โลกผู้ล่วงลับอย่างแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ไม่ผิดเพี้ยนเลย ยามมี พรรคพวกเยอะ ยามหมดเงิน
เพื่อนก็หนีหาย แถมเคราะห์ซ้ำกรรมซัด มาเป็นโรคร้ายเข้าไปอีก เฮ้อ...ชีวิตหนอชีวิต

จำได้ว่าเขาเป็นนักยิงปืน(ระบบต่อสู้)ฝีมือดีคนหนึ่ง ขอให้จงพบทางออกที่ดีนะครับ

             แล้วเพื่อนฝูงในวงฯให้การช่วยเหลือกันเองหรือเปล่า  แต่ละคนฐานะไม่ธรรมดาทั้งนั้น

คิดว่าคาราบาวยุคก่อตั้งกับยุคปัจจุบันอุดมการณ์คงเปลี่ยนไปแล้ว
จากการทำเพลงแนวเพื่อชีวิตในยุคก่อตั้ง มาเป็นเพื่อชีวิตกรูเองในยุคปัจจุบัน ::006::

อันดับสำคัญให้พวกคาราบาวช่วยเหลือกันเองเสียก่อน

..พี่แอ๊ด..ไปไหนล่ะ....

เมื่อวานเล่นอยู่หนหนองบัวลำภูครับ งานลอยกระทง ;D

ผมว่าถ้าเพื่อนฝูงครั้งอดีตตอนร้องเพลงช่วย  คงไม่ต้องตกอับถึงขนาดนี้ครับ   ::014::

พิษการเมือง.......

ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเป็นประเภทลูกโม่ครับ ::002::

 ::004:: ::006::เอาใจช่วยให้น้าเป้าพ้นจากมรสุมลูกนี้ไปโดยเร็วด้วยครับ

แล้วตอนนี้ ใครจะช่วยล่ะ  ขนาดคาราบาวด้วยกันยังเมิน

หากคาราบาวออกโรงขยับตัวซักหน่อย  รับรองแฟนๆแห่เข้ามาช่วยตรึม

ตอนนี้ดูใจวงคาราบาวอย่างเดียวครับ

เมื่อดวงตาของฉัน  มันมืดมิด......... ::006::

จัดคอนเสริตรอบใหญ่ เดี๋ยวนี้รอบนึงรายได้น่าจะหลักสิบล้านมั้งครับ รวมการขายซีดีคอนเสริต  :-\

...เห็นใจพี่เขาครับ  :-\


...เห็นด้วยครับ อยู่ที่ว่าจะจัดหรือเปล่า  ???

โดนกระแสสังคมด่ามากๆเข้าเดี๋ยวก็จัดครับ  แถมอาจได้ตังค์ไปใช้อีกต่างหาก  ::010::

... ::008::

                  คิดอีกทางก็น่าจะเป็นแผนการทำการตลาดล่วงหน้าก็ได้ ใช้ความสงสารเรียกร้อง ....... คงถล่มทลาย เดี๋ยวนี้ใช้แผนนี้กันเยอะ

มีสารคดี ๒-๓ ตอน ของเป้า คาราบาว  คาราวานทาง tv..  ด้วยความเห็นใจครับ .  แต่เพิ่งจะเริ่มต้น เกมยังไม่จบ

เป้าฯ เป็นคนปากหนัก ไม่เคยขอใครกิน ลูกศิษย์ก็มีมาก และคนรักก็มีมาก ..

เมื่อความปรากฎต่อสาธารณะ จึงเป็นคัลลองของสังคม จักต้องช่วยกันดูแล ศิลปินของประชาชน ..
การช่วยคน อย่าหวังโยนไปให้คนใดคนหนึ่งรับไปคนเดียว..  เป็นเรื่องของสังคม กลุ่มคน ที่มีความคิดเหมือนกัน..  ที่จักช่วยกันดูแล  

เริ่มมีไม้หนึ่ง ก็จักต้องมีไม้สอง  ที่จะไม่ทอดทิ้งกัน..

ฝนก็ ลาเม็ดหยุดลงไปแล้ว.. ทำไม เป้า คาราบาว คาราวาน  จะเป็นไม้หนึ่ง ในคัลลอง นี้ ไม่ได้ละครับ.  ::002::

รายได้จากการหักค่าใช้จ่าย จะมอบให้น้าเป้าทั้งหมด   ::008::

ค่าสถานที่สามล้าน
ค่าไฟหนึ่งล้าน
ค่าสต๊าฟห้าแสน
ค่าเครื่องไฟเครื่องเสียงสามล้าน
ค่าทำความสะอาดสามแสน
ค่าเสียหายหนึงล้าน
ค่าบัตรห้าแสน
ค่าโฆษณาห้าล้าน
ค่าเบ็ดเตล็ดสามล้าน

จินตนาการของผมมันเป็นอย่างนี้..................... ::008::

         หมายถึงต้องมีต่อ เวอร์ชั่น ๒.๐ หรือเปล่าครับน้ากวาง

มีแนวโน้มสูงปรี๊ดดดดดดดดดดดครับลุงปู   ::005::

แถมไอ่เรื่องรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมันจะไม่ตรงกับของจริงน่ะสิครับที่ผมว่าไว้นั้นแค่คิดเอาเองครับเพราะไม่เคยจัดคอนเสิรท์   ::005::

คงได้แต่รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตครับ

เดี๋ยวนี้ใครขายแผ่นได้กำไร เป็นของแปลกครับ

น้าแอ๊ดว่าไงครับ

ซื้อไก่ชน กับ มอเตอร์ไซต์ฮาเลย์ ได้แต่ช่วยเพื่อนไม่ได้

        ฮึ ฮึ
ไม่พูดถึง.....กลัวถูกลบ(อีกรอบ)ครับ

ไม่ว่าจะอย่างไรชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าดีหรือร้ายจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ ::014::

ก็แล้วแต่ครับ คนที่ลำบากกว่าน้าเป้าแต่ไม่เป็นข่าวก็เยอะครับ

นี่ละ....เพื่อน  มีหลักทรัพเป็นร้อยล้าน-พันล้าน จากการหลอกขายเดรื่องดื่มชูกำลังให้ผู้ใช้แรงงาน...ที่เคยบอกว่ามันไม่ดี แต่วันนี้ทำมาขายเองเลย ก็มันกำไรดีนี่ครับ....แค่นี้ช่วยเพื่อนไม่ได้ เวลาเปลื่ยน.....อุดมการณ์หลอกแด....ก็เปลื่ยนๆไป  มันก็ไม่ต่างกับนักการเมืองจอมปลอมทั้งหลายที่เคยไปว่าเขา   ที่ได้เป็น ส.ส. แล้วมันก็ลืมชาวบ้าน....(พอได้ดีแลวลืมเพื่อนที่ตกทุกข์ ).....ก็ดี เพื่อนๆทั้งประเทศรู้ว่า แอ๊ดเป็นคนเช่นไร.....แอ๊ดเอย......แอ๊ด (ความจรืงแล้ว...คาราบาวทั้งวงต้องออกมาช่วยกันครับ)

อ่านแล้วเหมือนน้าแอ๊ดไปสร้างความเดือดร้อนโดยตรงกับบางท่าน  เปรียบกับนักการเมืองผมก็ยังไม่เคยน้าแอ็ดว่าจะไปโกงกินหรือหลอกหลวงต้มตุ๋นคนดูยังไง........

ผมแค่คนฟังเพลงมิได้เป็นสาวกไม่เคยรู้สึกว่าโดนหลอกจากการที่น้าแอ๊ดขายบาวเเดง....... :D :D :D

    ไอ้ตัวกระผมเลิกศรัทธาน้าแอ๊ดมาหลายปีแล้วครับ  เพราะดูแกเปลี่ยนไปมาก  แต่เรื่องทำธุรกิจนี่แล้วแต่ครับผมถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลครับ  เห็นด้วยกับพี่นิค เพราะแกก้ไม่ได้ไปบังคับใครเขามาซื้อนิเนาะ  แต่ว่ามีแล้วไม่ลืมเพื่อนจะทำให้ผมมองน้าแอ้ดแกดีขึ้นอีกหน่อย  ::005::

ยุคนี้ยุคทุนนิยมครับ  ต้องทำใจ  ยามมั่งมีต้องรู้จักใช้จ่าย อนาคตอย่าหวังจะมีใครมาช่วย  แม้แต่ลูกหลานยังหวังยากครับ

        คันปาก
เอาสักนิด  คุณแอ๊ดไม่ได้หลอกขาย
เครื่องดื่มชูกำลังหรอกครับ  แต่เคยด่า
พวกที่ทำเครื่องดื่มชูกำลังขาย
        เรื่องล่าสัตว์  เรื่องที่ดินเมืองการ
หรือแม้แต่เขื่อนน้ำโจน(มีที่ดินอยู่ด้วย)
        ขี่ฮาร์เล่ยฯไม่แปลกหรอกครับ
เพียงแต่มันแย้งกับแมดอินไทยแลนด์
        สุดท้าย  ใครรู้จัก  "สหายเชี่ยว"
บ้างครับ  ผมไม่เคยได้ยินใสสารบบ
แถมอ้างอิง  แถบพื้นที่ บ้านผมอีก
        ฯลฯ
        ไม่ได้พูดถึง  เรื่องที่เขาไม่ช่วยน้าเป้านะครับ
ป.ล.ผมไม่เคยมีแผ่นเพลงของเขาสักแผ่น

เคยอ่านเหตุผลของแอ็ด คาราบาว... ทุกคนต้องทำมาหากิน ร้องเพลงอย่างเดียวมันก็ไม่พอกินแผ่นก็ขายไม่ได้เพราะนักฟังเพลงมีช่องทางอื่นมากมาย ทำให้ไม่มีรายได้เหมือนก่อน(รายจ่ายก็เยอะแยะ) มีครอบครัว มีวงดนตรี มีลูกน้องเต็มไปหมดจึงต้องมาขายคาราบาวแดง หารายได้บ้าง

  ก็เพราะเป็นนักร้องดัง จึงสามารถนำมาเป็นตราสินค้าทำให้เครื่องดื่มขายดี คือจุดแข็ง และความได้เปรียบ  เครื่องดื่มก็มีสารอาหาร 10 ชนิด ราคาแค่ 10 บาท ให้นักเที่ยวดึก กับคนใช้แรงงานกิน เพื่อแก้ง่วงมีแรงทำงาน ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุฯลฯ   มันเป็นการขายสินค้าและทำูำธรุกิจ  ไม่พอใจก็ไม่ต้องซื้อก็ได้ครับ เครื่องดื่มชูกำลังไม่ได้ขายกันเจ้าเดียว แต่มีเป็น สิบ ๆ ยี่ห้อ ต้นทุนก็ต่ำมาก ๆ  ผิดที่เมื่อก่อนแอ็ด บอกว่ามันไม่ดี แต่เดี๋ยวนี้มาขายซะเอง แต่เพราะเหตุผลความจำเป็นต่าง ๆ จึงต้องมาขายสังคมก็พอรับได้ครับ เค้าก็คนธรรมดาคนนึง บทเพลงเค้าก็ดีความหมายก็ดี เราก็แยกมันออกจากตัวคนร้องซะ  ช่วงนี้ที่แอ็ดไม่ยุ่งการเมืองก็ดีแล้วครับขนาดเล่นคอนเสริตคนยังตีกันเลย ถ้าไปร้องในม็อบก็จราจลล่ะครับกระแสความขัดแย้งก็ยิ่งรุนแรงขึ้นอีก เห็นแต่เรียกร้องเรื่องไก่ชนเพราะเดือนร้อนโดยตรง

เพื่อนเดือดร้อนก็สมควรช่วย  แต่จะช่วยทุกอย่างคงไม่ได้ ก็ตามสมควรครับ :) :) :)