เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: วัฒน์ ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 04:55:28 PM



หัวข้อ: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 04:55:28 PM
ในระหว่างทานข้าวกลางวัน วนิดาซึ่งเป็นซีอีโอ ถามกิตติผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งที่รายงานตรงต่อเธอว่า
“ กิตติ พี่สังเกตว่าคุณไม่เคยปิดมือถือเลย แม้กระทั่งเวลาประชุม แล้วพี่ก็เห็นคุณขอตัวออกไปจากที่ประชุมกลางคันเพื่อรับโทรศัพท์ พี่อยากรู้ว่าเป็นโทรศัพท์ของใครหรือ ทำไมมันสำคัญขนาดรอจนจบประชุมไม่ได้ พี่เห็นเป็นประจำเลยนะ ”

กิตติมีท่าทีอึดอัด เขาตอบว่า
“ ไม่มีอะไรหรอกครับ เรื่องส่วนตัวนะครับ ผมขอโทษ ”

วนิดายิ้มแบบผู้ใหญ่ใจดี เธอเงียบไปสักครู่จึงพูดต่อ
“ กิตติ เราสองคนทำงานด้วยกันมาพอสมควร คิดว่าพี่เป็นพี่สาวของคุณก็ละกัน เพราะพี่อายุมากกว่าคุณสองสามปี มีอะไรก็เล่าสู่กันฟังซิคะ เผื่อว่าพี่อาจจะแนะนำอะไรให้ได้บ้าง ”

วนิดาเลือกใช้แนวทางพี่น้อง แทนที่เธอจะตำหนิเขาโดยตรง ในเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในที่ประชุมแบบเจ้านายกับลูกน้อง

วิธีนี้ได้ผล! กิตติสารภาพออกมาแบบกระอักกระอ่วน
“ ก็....คือว่า...พี่อย่าโกรธผมนะครับ มันเป็นโทรศัพท์มาจากลูกสาวผมเอง เธอเพิ่งไปเรียนไฮสคูลที่ออสเตรเลียเมื่อไม่กี่เดือน โรงเรียนที่ลูกสาวผมเรียนนี้ค่อนข้างจะเข้มงวด แถมมีการบ้านจมเลย ตอนลูกสาวผมเรียนที่นี่ ผมช่วยติวและทำการบ้านร่วมกับเธอบ่อยๆ ลูกคนเดียวเธอคือดวงใจของผมเลยครับ ผมบอกเธอว่าไปอยู่นั่น ติดขัดเรื่องการบ้านละก็โทรมาหาผมได้ทุกเมื่อไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ผมจะคอยช่วยเหลือเธอผมไม่ต้องการเห็นเธอล้มเหลว ตอนค่ำเมื่อกลับบ้านผมก็แทบจะไม่ได้พักผ่อน แต่จะไปช่วยเธอทำการบ้านแล้วก็แฟ็กซ์ส่งไปเรื่องคณิตศาสตร์บ้าง ภาษาอังกฤษบ้าง ผมอยากให้เธอประสบความสำเร็จ ผมต้องขอโทษที่บริหารเวลาไม่ค่อยได้เรื่อง ”

กิตติจบเรื่องลงด้วยท่าทีละอายใจ วนิดาแสดงความเห็นใจ

“ เรื่องของคุณมันฟังแล้วคุ้นๆมากเลย พี่พอจะจินตนาการออก ถึงความลำบากใจของเธอ พี่เองก็มีลูกสาวเรียนปริญญาโทอยู่ที่อเมริกา พี่เคยทำแบบคุณเหมือนกัน เพราะลูกสาวพี่จบตรี แล้วไปต่อโทเลย จึงไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน ดังนั้นพอทำกรณีศึกษาก็มักจะ ไม่ทันเพื่อนเขา หรือไม่เข้าใจ แถมยังไม่กล้าถามอาจารย์อีก พี่เลยต้องช่วยทำเคส แล้วก็อีเมล์ไปให้เธอ แต่ว่าตอนนี้พี่หยุดช่วยเธอแบบนั้นแล้วล่ะค่ะ ”

กิตติถามด้วยความประหลาดใจ
“ ทำไมล่ะครับ พี่ไม่รักเธอแล้วหรือ หรือว่าพี่เห็นว่างานมีความสำคัญกว่าครอบครัวครับ ”

วนิดาตอบพร้อมกับยิ้มอย่างอารมณ์ดีว่า
“ พี่ยังรักลูก และเห็นคุณค่าของครอบครัวและงานเหมือนเดิม พี่โชคดีที่มีเพื่อนชาวอเมริกันคนหนึ่ง เขาสังเกตเห็นวิธีที่พี่ช่วยลูกสาว แล้ววันหนึ่งเขาก็ให้หนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Power of Failure โดย Charles C. Manz และมีการแปลเป็นไทยในชื่อ วิกฤติ คือ โอกาส โดยพสุมดี กุลมา เรียบเรียงโดย นราธิป นัยนา เพื่อนอเมริกันเขาคั่นเรื่องๆหนึ่งให้พี่อ่านโดยเฉพาะเลย พี่จะเล่าให้เธอฟัง ”

........

มีชายคนหนึ่งนั่งมองผีเสื้อที่กำลังดิ้นรนจะออกจากรังไหม เจ้าผีเสื้อดิ้นรนไปซักพัก จนกระทั่งใยรังไหมเริ่มขาดเป็นรูเล็กๆ ชายคนนั้นมองด้วยความสนใจ เจ้าผีเสื้อดูเหมือนจะหยุดไป ที่จริงผีเสื้อมันพักเพื่อที่จะดิ้นรนต่อไป แต่ว่าชายคนนั้นคิดไปเองว่าผีเสื้อคงติดใยรังไหม ไม่สามารถจะออกมาได้ด้วยตนเอง

ด้วยความหวังดี เขาจึงนำกรรไกรขนาดเล็กมาตัดใยรังไหมนั้น ทำให้รูมันขยายใหญ่ขึ้น เจ้าผีเสื้อเห็นรูขยายใหญ่ขึ้นมันก็คลานต้วมเตี้ยมออกมา แต่เขาสังเกตว่าตัวมันมีขนาดเล็กกว่าปกติ ปีกเหี่ยวย่น แถมลำตัวของเจ้าผีเสื้อก็มีลักษณะบวมผิดปกติ

กลายเป็นว่าในขณะที่ผีเสื้อต้องดิ้นรนออกแรงตะเกียกตะกาย เพื่อพยายามจะดันตัวมันออกจากรังไหมนั้น เป็นกระบวนการธรรมชาติที่จะกระตุ้นให้ของเหลวชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในลำตัวผีเสื้อเคลื่อนที่มาสู่ปีก เพื่อทำให้ปีกแข็งแรงเพียงพอจะบินได้ ด้วยความปรารถนาดีของชายคนนั้น ผีเสื้อตัวนี้ปีกจึงเหี่ยวย่นไม่แข็งแรงเพียงพอจะบินได้

แถมยังมีรูปร่างพิกลพิการ เพราะของเหลวที่ควรจะอยู่ที่ปีก ดันไปติดคั่งค้างอยู่ที่ลำตัว เจ้าผีเสื้อตัวนี้ออกจากใยมาได้ด้วยความสบาย
แต่ต้องพิกลพิการ และบินไม่ได้ไปชั่วชีวิตของมัน
.....

อุปสรรคและความล้มเหลวในชีวิตของคน ก็คล้ายๆกันกับสิ่งที่เจ้าผีเสื้อเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ ความก้าวหน้าในชีวิต การพัฒนาทักษะ ความกล้าหาญ
ความมุ่งมั่น ล้วนแล้วแต่น่าสงสารและน่าเห็นใจ แต่จะได้คุณค่ามาก็ด้วยการล้มเหลวอย่างถูกวิธี เราจะคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต โดยไม่มีความล้มเหลวนั้นเป็นไปไม่ได้

เมื่อเราเผชิญอุปสรรค แล้วเราหลีกเลี่ยงที่จะแก้ไขหรือต่อสู้กับมัน เท่ากับว่าเรากำลังเสียโอกาสสำคัญในการเรียนรู้บทเรียนที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในชีวิตของคน

กิตติฟังด้วยความสนใจ

“ โอ้โฮ เรื่องนี้จุดประกายน่าดูครับ แต่ผมกลัวว่าลูกผมจะเกลียดผมนะซีครับ ”

วนิดาเสริมต่อ
“ มีคำพูดที่ว่า 'No pain No gain' "ไม่เจ็บ ไม่ได้เรียนรู้"

" ที่จริงพวกเรานะผิดเองที่ป้อนลูกๆ เรามากไป สำหรับกรณีของพี่ พี่อธิบายให้ลูกเขาเข้าใจด้วยการเล่าเรื่องนี้แหละ หลังจากนั้น พี่ก็ขอโทษสำหรับการให้ความช่วยเหลือลูกแบบผิดๆในอดีต ลูกๆ ของเราเขาฉลาดพอจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้นะ ...

" กิตติ คุณลองมองไปรอบๆตัวเราสิ เรามีพนักงานที่มีความรู้ มาจากครอบครัวที่มีฐานะ หลายคนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ พวกเขาไม่อดทนต่อปัญหาและอุปสรรค
คนที่ควรถูกตำหนิคือ พ่อแม่ของเขา คุณอยากถูกคนอื่นเขาต่อว่าแบบนี้ในอนาคตไหมล่ะ แถมลูกๆ ของเรายังอ่อนแอไม่สามารถจะฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคได้ .....
คุณมีสิทธิ์เลือกนะ … ”

 ::014::


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: samcolt- รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 04:59:37 PM
+1 ครับ คุณวัฒน์  ;D


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 05:02:39 PM
ขอบคุณมากครับท่านวัฒน์...::014::

เรื่องดีครับ...

ต้องอ่านแล้วเก็บมาคิดครับ...::002::


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: VENDY ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 05:10:07 PM
วนิดา.. ::005:: ขอบคุณค่ะอาวัฒน์  ::014::


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: ครูแอม-ทีมซึมเศร้าฯ ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 05:14:23 PM
 :D ขอบคุณพี่วัฒน์ มีเรื่องดีๆ มาแบ่งปันเสมอเลยนะคะ ;)


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: ozero++รักในหลวงมากค่ะ++ ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 06:02:47 PM
 ::014:: ขอบคุณค่ะพี่ วันนี้เพิ่งด่าลูกน้องไปเอง ;D


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 06:21:49 PM
ขอบคุณครับ  คงมีหัวหน้าที่ใจดีอย่างนี้กับลูกน้องไม่มากนัก  ::014::


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: som36 ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 08:14:48 PM
ขอบคุณครับ อาจารย์วัฒน์


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: steam.รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 08:24:36 PM
+หนึ่งครับผม


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 08:31:06 PM
ขอบคุณครับ... ::014::



หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 08:44:05 PM

        ขอบคุณครับอาวัฒน์ ...... ผมว่าผมใช้แนวนี้ดูแลลูกมาตลอดตั้งแต่เด็ก ..... คือสอนให้ลำบาก

        สอนให้อดทน ....... ฝีกให้คิดเองทำเอง   ไม่กลัวว่าเด็กจะมีปมด้อย ..... วันนี้ผมภูมิใจในตัวลูกทั้งสาม

        พวกเขาสามารถดูแลตัวเองได้ในรายได้สำหรับเด็กจบ ป.ตรี ทั่วไป ในขณะที่เพื่อนเขาจำนวนไม่น้อย

        กำลังจะละลายเพราะทางบ้านส่งให้กินให้ใช้ในขณะเรียนในมหาวิทยาลัยบมากกว่าเงินเดือนที่ได้รับ

        จากการทำงานในปัจจุบันหลายเท่านัก ........ พ่อแม่รังแกฉัน (หรือเปล่า)





หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: สมศักดิ์ : รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 09:07:27 PM

  ขอบคุณมากครับ  ::014::

  "กับลูก  เรื่องบางเรื่อง ก็ต้องสอน มิใช่ปล่อยให้เรียนรู้หาประสบการณ์เอง "

                                                                           อาจารย์ผณิศวร   

                                                                            ธันวาคม  ๒๕๕๑

  รับปฏิบัติ และนำไปใช้คู่กันครับ


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: D.A.- รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 09:09:04 PM
ผมตามเข้ามาอ่านทุกครั้งที่ท่านวัฒน์โพส.....ขอบคุณครับ.... ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: ดิ โอลดิ์ สยาม ที่ พฤศจิกายน 05, 2009, 12:04:58 PM
ขอบคุณครับ ::014::...ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ต่อ +1ครับ


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤศจิกายน 05, 2009, 12:22:39 PM
ขอบพระคุณมากค่ะ... ::014::

ทุกวันนี้ยังเห็นเพื่อนที่ช่วยลูกทำการบ้าน ทำรายงานอยู่เลยค่ะ...
บางทีก็เอามาถามเพื่อนที่ทำงานด้วย...

เคยถามว่าทำไมไม่ให้ลูกทำเอง 
เค้าบอกว่ามันยาก ลูกทำไม่ได้หรอก

ก็เลยถามกลับไปว่าแล้วพ่อแม่คนอื่นทำยังไง
เค้าว่า ก็ช่วยทำแบบนี้ทุกคนแหละ... :OO

มีข้อสงสัยว่าครูให้การบ้านยากขนาดนั้นเลยเหรอคะ... ???  ???

หรือว่าเพื่อนเว่อร์ไปเอง...  ::013::


หัวข้อ: Re: Butterfly Story
เริ่มหัวข้อโดย: cobra-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 10:16:54 AM
ขอบคุณครับ เข้ามาดูทีไรพูดได้คำเดียว (+1ด้วยครับ) ::002:: ::007::