เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: วัฒน์ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 12:55:27 PM



หัวข้อ: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 12:55:27 PM
 ::014:: วันสิ้นโลกไม่ใช่แค่....


อิทธิพลของภาพยนตร์ที่ว่าด้วยวันสิ้นโลกในปี 2012 ชวนให้หลายคนพูดถึงหายนะของมนุษยชาติ ที่จะจบสิ้นในอีก 3 ปีข้างหน้าอย่างออกรสออกชาติ แต่นอกจากคำทำนายถึงวันสุดท้ายของโลกจากชนเผ่ามายาแล้ว ยังมีอีกหลายคำพยากรณ์ก่อนหน้านี้ซึ่งไม่เกิดขึ้นจริง
     
      - ปี 1806 สัญญาณสิ้นโลกจากแม่ไก่
     
      ในประวัติศาสตร์มีผู้คนจำนวนมากที่อ้างว่า พระเยซูคริสต์กำลังจะกลับคืนสู่โลกอีกครั้ง และเหตุการณ์ที่ถือเป็นการส่งสัญญาณของการกลับคืนคือ ที่เมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษมีแม่ไก่ออกไข่ที่เรียงเป็นประโยคว่า “พระคริสต์กำลังจะปรากฏ” และเมื่อข่าวเกี่ยวกับความน่าอัศจรรย์นี้แพร่กระจายออกไป ผู้คนจำนวนมากก็เริ่มเชื่อว่า วาระสุดท้ายของโลกกำลังใกล้เข้ามา จนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งเกิดกังขา ได้สังเกตดูการวางไข่ จนพบว่ามีบางคนที่พยายามสร้างเรื่องหลอกลวงนี้ขึ้น
     
      - 23 เม.ย.1843 กำหนดวันพระเจ้าทำลายโลก
     
      ชาวนาผู้หนึ่งที่นิวอิงแลนด์นามว่า วิลเลียม มิลเลอร์ (William Miller) ได้ใช้เวลาศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างจริงจัง และได้สรุปว่าพระเจ้าทรงเลือกวันที่จะทำลายล้างโลกว่า อยู่ระหว่างวันที่ 21 มี.ค.1843 -31 มี.ค. 1844
     
      เขาสั่งสอนผู้คนมากมายพร้อมๆ กับการตีพิมพ์สิ่งที่เขาสอนเพื่อเผยแพร่ จนมีสาวกที่รู้จักกันในนาม “มิลเลอไรท์ส” (Millerites) อยู่หลายพันคน และเหล่าสาวกนี้ก็ตัดสินให้วันที่ 23 เม.ย.1843 เป็นวันสิ้นโลก หลายคนขายและมอบสิ่งของที่พวกเขาครอบครองด้วยคิดว่าไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่เมื่อวันที่กำหนดมาถึงแล้วพระเยซูก็ไม่ได้กลับมา คนเหล่านี้ก็สลายกลุ่มกันไป แต่บางคนก็ออกไปตั้งกลุ่มใหม่ “เซเวนธ์ เดย์ แอดเวนทิสต์” (Seventh Day Adventists) ที่ยังคงรอคอยการกลับมาของพระเยซูอีกครั้ง
     
      - ปี 1891 วันสิ้นโลกของชาวมอร์มอน
     
      โจเซฟ สมิธ (Joseph Smith) ผู้ก่อตั้งนิกายมอร์มอน (Mormon church) ได้เรียกประชุมผู้นำนิกายของเขาในปี 1835 เพื่อบอกว่า เขาเพิ่งสนทนากับพระผู้เป็นเจ้า และระหว่างการสนทนานั้นเขาได้รับรู้ว่า พระคริสต์จะกลับมาในอีก 56 ปีนับจากนั้น ซึ่งเป็นการเริ่มต้นจาก “วันสุดท้าย”
     
      - ปี 1910ดาวหางฮัลเลย์พาหายนะสู่โลก
     
      ในปี 1881 นักดาราศาสตร์คนหนึ่งวิเคราะห์สเปกตรัมแล้วพบว่า หางของดาวหางนั้นมีก๊าซพิษนำความตายที่เรียกว่า “ไซยาโนเจน” (cyanogen) สิ่งที่เขาค้นพบนั้นไม่ได้รับความสนใจนัก จนกระทั่งบางคนตระหนักขึ้นได้ว่า โลกกำลังจะผ่านหางของดาวหางฮัลเลย์ในปี 1910 จึงเกิดคำถามว่าทุกๆ คนบนโลกจะถูกอาบด้วยก๊าซพิษดังกล่าวหรือไม่? จากนั้นมีการใคร่ครวญถึงเรื่องดังกล่าวซ้ำๆ บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ “เดอะ นิวยอร์กไทม์” และหนังสือพิมพ์อื่นๆ ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกไปทั่ว สุดท้ายนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำได้ออกมาอธิบายว่า “ไม่มีอะไรต้องกลัว”
     
      - ปี 1982 วันพิพากษา
     
      ในเดือน พ.ค.ของปี 1980 แพท โรเบิร์ทสัน (Pat Robertson) ผู้สอนศาสนาคริสต์ที่ให้บริการทางสถานีโทรทัศน์และเป็นผู้ก่อตั้งพันธมิตร คริสเตียน (Christian Coalition) ได้ทำให้ผู้คนตื่นตกใจเมื่อเขาให้ข้อมูลแก่ผู้ชมรายการทีวี “700 คลับ” (700 Club) ทั่วโลกว่า เขารู้ว่าเมื่อใดที่โลกจะสิ้นสุด โดยประกาศก้องว่า “ผมรับรองได้ว่าพวกคุณจะจากไปก่อนสิ้นปี 1982 ซึ่งจะมีการพิพากษาโลก” แต่คำประกาศดังกล่าวก็ขัดแย้งกับคำสอนในพระคัมภีร์ที่ระบุว่า ไม่มีใครรู้ถึงวันเวลาที่โลกจะสิ้นสุด แม้แต่เหล่าเทวดาบนสวรรค์
     
      - ปี 1997ประตูสวรรค์เปิด
     
      เมื่อดาวหางเฮล์-บอพพ์ (Hale-Bopp) ปรากฏในปี 1997 ก็มีข่าวลือว่ายานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวจะติดตามดาวหางมาด้วย แต่ข้อมูลดังกล่าวถูกปิดบังไว้ แน่นอนว่าองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) และเหล่านักดาราศาสตร์ตกเป็นจำเลยของข้อกล่าวหาว่าปกปิดข้อมูลนี้
     
      แม้ข่าวลือดังกล่าวจะถูกปฏิเสธจากนักดาราศาสตร์และใครก็ตามที่มี กล้องโทรทรรศน์ที่มีความละเอียดพอ แต่ข่าวลือนั้นก็ยังถูกเผยแพร่ผ่านสื่อวิทยุอยู่ดี และยังทำให้เกิดลัทธิ “ซานดิเอโกยูเอฟโอ” (San Diego UFO) ซึ่งระบุว่าประตูสวรรค์จะเปิดออก และกำหนดวันสิ้นโลกที่จะกำลังใกล้เข้ามา และสมาชิกของลัทธิ 39 คนก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายในวันที่ 26 มี.ค.1997
     
      - เดือน 7 ปี 1999 คำทำนายแห่งนอสตราดามุส
     
      ข้อความที่เขียนขึ้นด้วยภาษายากๆ และใช้การเปรียบเทียบของ มิเชล เดอ นอสตราดาม (Michel de Nostrdame) หรือนอสตราดามุส ก่อให้เกิดความสนใจจากผู้คนเป็นเวลากว่า 400 ปี โดยงานเขียนของเขาที่ตีความได้หลากหลายนั้น ถูกนำไปแปลแล้วแปลอีก ในรูปแบบที่แตกต่างกันหลายสิบรูปแบบ และหนึ่งในการตีความที่โด่งดังที่สุดคือ “ปี 1999 เดือนที่ 7 เจ้าแห่งความสยองขวัญจะมาจากฟ้า” และผู้ที่ศรัทธาในนอสตราดามุสได้ขยายความตื่นตระหนกนี้ออกไปว่า เป็นวันสิ้นสุดของโลก
     
      - “วายทูเค” โลกป่วน-คอมพ์รวนรับสหัสวรรษใหม่
     
      ในช่วงที่ปลายศตวรรษก่อนใกล้จะสิ้นสุดลง ผู้คนจำนวนมากเริ่มวิตกกังวลว่า คอมพิวเตอร์อาจนำหายนะมาสู่โลก เป็นหายนะที่ทุกคนเรียกกันว่า “วายทูเค” (Y2K) ซึ่ง Y เป็นคำย่อมาจาก “Year” และ 2K เป็นสัญลักษณ์ของปี 2000 ที่ K หมายถึง “กิโล” (Kilo) ในภาษากรีกที่มีค่าเท่ากับ 1,000
     
      ปัญหาของวายทูเค ถูกตั้งข้อสังเกตครั้งแรกเมื่อต้นทศวรรษ 1970 ว่า คอมพิวเตอร์จำนวนมากอาจไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างปี 2000 และ 1900 ได้ ไม่มีใครแน่ใจเลยว่านั่นจะเกิดอะไรขึ้น แต่หลายคนก็ชี้ให้เห็นหายนะใหญ่หลวงที่อาจจะเป็นได้ทั้งไฟดับครั้งใหญ่ ไปจนถึงหายนะทำลายโลกจากนิวเคลียร์ แต่สหัสวรรษใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นด้วยความขลุกขลักเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
     
      - 5 พ.ค.2000 น้ำแข็งแอนตาร์กติกถล่มโลก
     
      แม้กรณี “วายทูเค” ไม่ได้แผลงฤทธิ์มากนัก แต่หนังสือ “น้ำแข็ง 5/5/2000 : ภัยพิบัติขั้นสูงสุด” (5/5/2000 Ice: the Ultimate Disaster) ที่เขียนขึ้นโดย ริชาร์ด นูน (Richard Noone) เมื่อปี 1997 ก็สร้างความตื่นตระหนกได้อีกครั้ง ซึ่งเขาระบุว่า น้ำแข็งจากทวีปแอนตาร์กติกปริมาณมหาศาลที่มีความหนาถึง 5 กิโลเมตรนั้น จะทำให้โลกถึงหายนะไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตามก่อนวันที่ 5 พ.ค.2000
     
      - ปี 2008 ผู้หยั่งรู้ทำนายโลกสิ้นสุดก่อนฤดูใบไม้ร่วง
     
      จากหนังสือ “2008: พยานรู้เห็นคนสุดท้ายของพระเจ้า” (2008: God's Final Witness) ของ โรนัลด์ ไวน์แลนด์ (Ronald Weinland) ผู้นำนิกายคริสตจักรแห่งพระผู้เป็นเจ้า (God's Church) ที่เขียนเมื่อปี 2006 ว่า วันสุดท้ายของโลกมาถึงเราอีกครั้ง โดยหนังสือดังกล่าวประกาศว่า ผู้คนหลายร้อยล้านคนจะต้องเสียชีวิตก่อนสิ้นปี 2006 ทั้งนี้ผู้คนมีเวลามากสุดเพียง 2 ปีที่เหลืออยู่ ก่อนที่โลกจะเปลี่ยนไปสู่ช่วงเวลาอันเลวร้ายที่สุดของประวัติศาสตร์มนุษย์
     
      “ก่อนฤดูใบไม้ร่วงในปี 2008 สหรัฐฯ จะพังทลายด้วยอำนาจทำลายล้างของโลก และจะไม่มีชนชาติใดเหลือรอด” ข้อความในหนังสือระบุ โดยที่โรนัลด์ ไวน์แลนด์ ยกตัวเองให้เป็นผู้หยั่งรู้ของพระเจ้า
     
      คำทำนายทั้งหลายเหล่านี้ ซึ่ง livescience.com ได้ รวบรวมและนำเสนอไว้ ก็หาได้เป็นจริงขึ้นมา ซึ่งยังคงเหลือคำทำนายเบื้องหน้าอันใกล้คือในปี 2012 ที่ดูเหมือนว่าจะรุนแรงร้ายกาจกว่าครั้งใดๆ และถ้าหากปี 2012 ผ่านไป โดยไม่เกิดอะไรร้ายแรง คงจะมีคำทำนายใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดตามความเชื่อใน “วันสิ้นโลก”
     
      ทว่าวัฎจักรของดวงอาทิตย์และโลกที่แท้จริงอาจจะยังอีกยาวนานกว่านี้ หรือสั้นกว่าที่คิดนัก ทั้งหมดเกินกว่าที่เครื่องมือวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันจะสามารถคาดคะเนได้อย่าง แม่นยำ.



หัวข้อ: Re: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 01:40:37 PM
อากาศวิปริต ทะเลทรายฝนตกน้ำท่วมครับ

www.thairath.co.th/content/oversea/49575 (http://www.thairath.co.th/content/oversea/49575)


หัวข้อ: Re: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: เมียหลวงสั่งถอย เมียน้อยสั่งลุย ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 01:48:15 PM
เคยอ่านเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมีหลายครั้งนะครับ ที่มีชื่อเสียงก็ของนอสตราดามุสปี1999-2000 นะครับแต่ทุกอย่างก็ผ่านไปไม่มีอะไรเกิด
พุทธพยากรณ์บอกไว้ว่าหลังจากพระพุทธเจ้าเสร็จปรินิพพานไปได้ 5000 ปี ถึงจะมีเหตุการณ์วันสิ้นโลก แล้วพระศรีอริยะเมตตรัยจะเสร็จลงมาเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้าย
(พระพุทธเจ้ามี 5 พระองค์ พระพุทธเจ้าในสมัยเราคือพระสมณะโคดมเป็นองค์ที่4 พระศรีอริยะเมตตรัยเป็นองค์ที่5)


หัวข้อ: Re: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 02:58:37 PM
วันสิ้นโลก... ไม่น่ากลัวเท่า "คนสิ้นคิด" ครับ... และจากข้อมูลที่น้าวัฒน์นำมาฝาก... ก็แสดงให้เห็นว่ามีหลายคนขาดสติ... ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง... หรือไม่ก็ฆ่าตัวตาย... เพื่อเหตุผลบางประการจากลัทธิที่เขาเชื่อ...

...ตอนน้องสาวผมเรียน ม.๓ (ก่อน Y2K ราวๆ หนึ่งปี)ก็มีอาจารย์คนหนึ่งมาเที่ยวบอกกับนักเรียนว่า... พวกเธอไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้... จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่า... เพราะอีกไม่นานโลกก็แตกแล้ว... อย่างนี้เรียกว่าเชื่อโดยไร้สติครับ...



...จงอยู่ด้วยสติ... แล้วหายนะไหนๆ ก็กลายเป็นอุปสรรคเพียงเล็กน้อยของชีวิตครับ...



หัวข้อ: Re: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: อ้วน 008 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 06:58:00 PM
ผมเชื่อมั่นตามหลัก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นของธรรมดาครับ
หากดับไปในยุคของเรา เวลาที่พอมี จะทำดีให้มากที่สุดครับ


หัวข้อ: Re: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 07:08:27 PM
ผมเชื่อมั่นตามหลัก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นของธรรมดาครับ
หากดับไปในยุคของเรา เวลาที่พอมี จะทำดีให้มากที่สุดครับ

                 เห็นด้วยครับ ..... อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด  หากโลกถล่มหนีทันก็รอด ไม่ทันก็ตายกันไป   

                 จึงเห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องไปดิ้นรนเตรียมตัวอะไรกันหนักหนา  ทุกอย่างเกิดแล้วก็ดับ



หัวข้อ: Re: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 07:31:23 PM
โลกจะแตกหรือไม่ตอนนี้ผมยังรู้สึกเฉยๆ ครับ
แต่ที่ผมใส่ใจคือ ภัยพิบัติที่กำลังเกิดขึ้นในที่ต่างๆ ทั่วโลก
เหตุการณ์ ที่อากาศแปรปรวน หรือ ฤดูผิดไป
ทำให้เราไม่อาจทราบถึงภาวะอากาศในอนาคตที่แน่นอนได้
ผมคิดในแง่ดีไว้ แค่ว่า คงไม่มีวันเห็นหิมะตกในเมืองไทย
หรืออะไรอีกหลายๆ อย่าง
แต่ถึงกระนั้น ผมก็ไม่เคยที่จะลดการเตรียมพร้อมไว้หากเกิดภัยธรรมชาติขึ้นจริงๆ
ในบ้านผม จะมีอุปกรณ์ยังชีพที่จำเป็น ไม่ว่า ยารักษาโรค อาหาร หรือ อุปกรณ์ให้แสงสว่าง
บรรจุไว้ในกล่องที่สามารถนำขึ้นรถหรือเคลื่อนย้ายได้สะดวกทันที
และผมก็หวังว่า คงจะไม่ได้ใช้มัน เหมือนเครื่องดับเพลิงในบ้าน
ที่ต้องมีไว้แต่หวังว่าจะไม่ได้ใช้ครับ


หัวข้อ: Re: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: Sig228-kolok ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 09:45:28 PM
สัตว์โลก ย่อมต้องเป็นไปตามกรรม  ::014::  ... ส่วนโลกจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันครับ ... โชคดี  8) 8) 8)


หัวข้อ: Re: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: Tืa์M๊ ┇รัnใuxaวJ ที่ พฤศจิกายน 28, 2009, 03:57:12 AM
อนินจัง ทุกขัง อนัตตา


หัวข้อ: Re: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤศจิกายน 28, 2009, 07:43:35 AM
 ::014::วันสิ้นโลก ผมไม่กลัว...ผมกลัว  วันสิ้นทรัพย์ ครับ ::014::


หัวข้อ: Re: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 28, 2009, 07:46:39 AM
 :D..แล้วแต่มันจะเป็นไปครับ...ทำทุกวันนี้ให้มีความสุขพอ.. ;D


หัวข้อ: Re: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: somsakbck ที่ พฤศจิกายน 28, 2009, 11:30:25 AM
อนาคตเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิด จะทุกข์ใจไปก็ป่วยการครับ...มาช่วยกันรักษาความเป็นปกติของโลก คนละนิดละหน่อยน่าจะช่วยโลกได้ยั่งยืนกว่าครับ


หัวข้อ: Re: วันสิ้นโลก
เริ่มหัวข้อโดย: pong2504-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 28, 2009, 04:01:33 PM
โลกจะวิปริต แปรปรวน หรือจะประสบภัยพิบัติอย่างไร ถ้าผ่านพ้นไปแล้ว ถ้าไม่ตายหรือพิการ เราก็ยังสามารถ ขอบคุณธรรมชาติที่ ยังเมตตาปราณีให้เราได้มีชีวิตต่อได้อีก
    แต่กับไอ้พวกวิปปริตที่ เฝ้าเทอดทูนไอ้คนโกงชาติ ขายชาติ ไม่มีสมอง น่ากลัวกว่าเป็นร้อยเท่าครับ!!!