เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 28, 2005, 05:16:02 PM



หัวข้อ: เนื่องในวันปิยมหาราช
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 28, 2005, 05:16:02 PM
ขออภัยครับที่โพสช้า...ไปต่างจังหวัดมา
เนื่องในวันปิยมหาราช
100 ปีแห่งการเลิกทาสของพระพุทธเจ้าหลวง
…ธรรมเนียมการมีทาสเป็นลักษณะการจัดโครงสร้างของสังคมอย่างหนึ่ง  ซึ่งมีมาแต่โบราณกาล  แม้ในพระวินัยปฏิกก็มีพุทธบัญญัติห้ามพระอุปัชฌาย์บวชให้แก่ทาส  และในอรรถกถาคือคัมภีร์อธิบายความในพระไตรปิฏกยังมีการจำแนกทาสออกเป็นประเภทต่างๆ 4 ประเภท รวมทั้งการกำหนดหน้าที่ทางทาสและนายเงินว่าจะต้องปฏิบัติต่อกันอย่างไรบ้าง  ทาสและการค้าขายทาสมีทั่วไปในโลกสมัยโบราณไม่ว่าจะเป็นซีกโลกใด เช่น กรีก โรมัน สปาตาร์ อียิปต์  แอฟริกา  ประเทศในทวีปยุโรป และอเมริกา
…ทาสของสยามประเทศตามกฎหมายลักษระทาสมีทั้งสิ้น  7  ประการ ประกอบด้วย
1. ทาสสินไถ่ หมายถึงทาสที่นายเงินซื้อไว้ด้วนการที่มีคนนำทาสมาขายจะเป็นนายเงินขายให้แก่นายเงิน ขายตัวเองให้ลงเป็นทาส พ่อแม่นำลูกมาขายเป็นทาส หรือบางกรณีที่บุคคลแพ้คดีความแล้วไม่มีทางใช้หนี้หรือค่าปรับต้องยอมขายตัวลงเป็นทาส กฎหมายให้อำนาจพ่อ แม่ สามี ญาติผู้ใหญ่ที่เลี้ยงดูมาและนายเงินสามารถขายภรรยาและลูกของตนเองได้ การขายบุคคลในครอบครัวให้เป็นทาสมี 2 ลักษณะคือ ขายขาด และขายฝาก
…ขายขาด ผู้ชายพ้นจากภาระผูกพันในตัวทาสและจะไถ่คืนไม่ได้
…ขายฝากเป็นการขายอย่างมีเงื่อนไข ซึ่งกฎหมายลักษณะทาสมีบทบัญญัติเงื่อนไขการไถ่คืนไว้หลายประการ
2. ทาสในเรือนเบี้ย หมายถึงลูกทาสที่เกิดในเรือนเบี้ย กฎหมายลักษณะทาสบัญญัติไว้ดังต่อไปนี้
…หญิงทาส ชายทาส อยู่ใต้นายเงินคนเดียวกัน มีลูกออกมา ลูกเป็นทาสตั้งแต่กำเนิดและเป็นทาสของนายเงิน เรียกว่า “ลูกทาสในเรือนเบี้ย”
…หญิงทาส ชายทาส อยู่ต่างนายเงินกัน ลูกออกมา ลูกต้องเป็นของนายเงินฝ่ายหญิง อุปมาดังแม่โคอันปล่อยและเกิดลูกเท่าใดๆ ย่อมได้สิทธิแก่นายโคตัวเมียนั้น
…ชายไท (คืออิสระแก่ตนเอง) หญิงทาส ลูกต้องเป็นทาสของนายเงินฝ่ายหญิง แต่ให้แบ่งค่าตัวออกเป็น 3 ส่วน ลดเสียส่วนหนึ่งในฐานที่พ่อเป็นไท
…ถ้าพ่อไม่อยากให้ลูกเป็นทาสก็หาเงินมาไถ่ไปได้ตามราคาค่าตัวที่กฎหมายกำหนดไว้
…ชายไท หญิงทาส ถ้าชายไม่รักษาท้องปล่อยให้ลูกตาย ต้องใช้ค่าตัว 2 ส่วนให้แก่นายเงินทาสหญิง
…ทาสในเรือนเบี้ยนี้เป็นสิ่งอยุติธรรมสำหรับเด็กมาก เพราะเกิดมาก็ต้องตกเป็นทาสเพราะพ่อแม่เป็นทาสอยู่แล้ว เรียกว่าเป็นทาสโดยกำเนิด
3. ทาสที่ได้ด้วยจากการรับมรดก ด้วยถือกันว่าทาสนั้นคือทรัพย์อย่างหนึ่งคือวิญญาณกทรัพย์ ทาสจึงเป็นมรดกตกทอดแก่กันได้
4. ทาสที่มีผู้ให้ ได้แก่การที่นายเงินยกทาสให้แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง เพราะทาสเป็นทรัพย์อย่างหนึ่ง
5. ทาสที่ช่วยไว้จากทัณฑ์โทษ ชายหญิงที่เป็นไทแก่ตัวเอง บางครั้งต้องโทษปรับสินไหม แล้วมีผู้นำเงินมาใช้แทนแล้วนำคนคนนั้นไปเป็นทาส
6. ทาสที่ช่วยไว้จากทุพภิกขภัย ในยามที่ข้าวยากหมากแพง หรือเกิดภัยพิบัติต่างๆ ราษฎรย่อมเข้าอาศัยพึ่งพิงกับเจ้านายผู้มีอันจะกิน ครั้นนานเข้าก็ขายตัวลงเป็นทาส
7. ทาสเชลย เกิดจากสงคราม ผู้ชนะ “บ่ฆ่าบ่ตี ย่อมนำมาเลี้ยงมาขุนไว้มิให้ถึงที่ฉิบที่หาย” ผู้ชนะจะกวาดต้อนผู้แพ่ให้ตกเป็นเชลย และต่อมาก็เป็นทาสของแม่ทัพนายกองที่ได้รับพระราชทานเชลยจากพระมหากษัตริย์
…เมื่อต้องตกเป็นทาสไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม ทาสมีพันธะและหน้าที่ที่จะต้องทำงานให้แก่นายเงินหรือเจ้านานของตนเอง นายเงินมีอำนาจเบ็ดเสร็จ เด็ดขาดเหนือทาส เมื่อทาสทำผิดนายเงินมีสิทธิจะลงโทษทัณฑ์ให้จำโซ่ตรวนใส่ขื่อคาทาส แต่จะทำทารุณกรรมให้ทาสถึงตายไม่ได้ นายเงินมีสิทธิส่งทาสไปรับโทษแทนนายเงินหรือบุตรภรรยาของนายเงินได้ นายเงินสามารถให้ทาสไปรับราชการทัพแทนตนเองได้ แต่ระหว่างที่ไปราชการทัพแทนนายเงินถ้าถูกจับเป็นเชลย เมื่อทาสหลุดรอดมาจากกองทัพข้าศึกได้ ทาสนั้นก็หลุดจากความเป็นทาสทันที ทาสมีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินสิ่งของของนายเงิน ถ้าทรัพย์สินสิ่งของของนายเงินชำรุดสูญหาย ทาสต้องชดใช้ให้แก่นายเงินตามมูลค่าราคาของทรัพย์สินนั้น นายเงินสามารถขับทาสออกจากความปกครองของตนเองได้ ถ้าไม่สามารถเลี้ยงดูทาสต่อไปได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ขับ แต่จะขายให้แก่นายเงินเจ้าอื่นต่อไป
…จากที่กล่าวข้างต้นจะพบว่าทาสเป็นชนชั้นที่ขาดอิสรเสรีภาพในชีวิตของตนเอง ถ้ากล่าวอย่างยุคสมัยปัจจุบันจะเรียกว่า ขาดสิทธิมนุษยชน ทาสชายหญิงบางคนอาจหลุดพ้นจากความเป็นทาสด้วยเหตุบางประการ กล่าวคือเมื่อนายเงินอนุญาตให้ทาสชายอุปสมบทเป็นพระภิกษุหรือสามเณรในพระพุทธศาสนา หรือให้ทาสหญิงบวชเป็นรูปชี ถือว่าหลุดจากความเป็นทาส แม้ภายหลังจะลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์ นายเงินก็ไม่สามารถเอาตัวมาเป็นทาสได้อีก ทาสฟ้องนายว่าเป็น กบฎ เมื่อสอบสวนได้ความจริงเป็นสัตย์ ทาสนั้นพ้นจากความเป็นทาสได้ นายเงิน พ่อ พี่น้อง หรือลูกหลานของนายเงินเอาทาสหญิงเป็นภรรยา ให้ทาสนั้นพ้นจากความเป็นทาส ลูกที่เกิดมาก็ให้เป็นไทด้วย หรืออาจมการไถ่ตัวจากผู้มีอันจะกินที่ไถ่ตัวทาสไปให้เป็นไท หรือทาสไถ่ตัวเองให้เป็นไท
…ทาสแต่ละคนมีค่าตัวของตนเองขึ้นอยู่กับว่าเป็นทาสหญิงหรือทาสชาย และขึ้นอยู่กับอายุทาสด้วย ค่าตัวของทาสเรียกตามกฎหมายลักษณะทาสว่า “เกษียณอายุทาส” คือถ้าทาสจะไถ่ตัวเองให้เป็นไท หรือพ่อแม่จะไถ่ลูกชายลูกสาวให้เป็นไท หรือการขายทาสระหว่างนายเงิน จำนวนเงินที่จะไถ่หรือจะซื้อขายก็จะเป็นไปตามเกษียณอายุทาส ตามกฎหมายลักษณะทาสซึ่งใช้มาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และตกทอดมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ได้กำหนดพิกัดเกษียณอายุทาสไว้ดังต่อไปนี้
…ทาสอายุตั้งแต่เดือนหนึ่ง 2 เดือน 3 เดือน ทาสชาย 6 บาท ทาสหญิง 1 ตำลึง (1 ตำลึง มี 4 บาท)
..จนชายอายุ 26 ปีถึง 40 ปี ค่าตัวเต็มค่า 14 ตำลึง หญิงอายุ 21 ปี ถึง 31 ปีเต็มค่า 12 ตำลึง
..ถ้าชายอายุเกิน 40 ปี หญิงอายุเกิน 30 ปี จึงได้ลดถอยค่าตัวลง
..จนอายุถึง 100 ปี ชายมีค่าตัว 1 ตำลึง หญิงมีค่าตัว 3 บาท ยังหาขาดค่าตัวไม่
…จากการประมาณการของสังฆราชปาเลอกัวส์ ประชากรของสยามประเทศในขณะนั้นประมาณ 5 ล้านคน และมีทาสประมาณ 2 ล้านคน และนักการทูตบางทานได้บันทึกไว้ว่าจำนวนทาสน่าจะมากกว่า 2 ล้านคน
…พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่าการที่จะปฏิรูปการปกครองประเทศให้เจริญก้าวหน้าเท่าเทียมอารยประเทศ ประเทศชาติมีความมั่นคงสามารถรักษาอธิปไตยของประเทศไว้ได้ และสามารถสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับสังคม สิ่งหนึ่งที่จะต้องขจัดให้หมดไปคือ “ระบบทาส” เพราะการมีทาสเป็นการกดขี่มนุษย์ให้มีฐานะเยี่ยงสัตว์เดียรัจฉาน สามารถซื้อขายกันได้ ทาสขาดสิทธิเสรีภาพของตัวเอง ระบบทาสเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความเจริญด้านเศรษฐกิจ แต่การที่จะยกเลิกระบบทาสให้หมดไปเป็นเรื่องยาก เพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของคนหมู่มาก เกี่ยวข้องกับโครงสร้างทางอำนาจของคหบดี ขุนนาง และเจ้าขุนมูลนายในขณะนั้น
…วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2417 (นับทางจันทรคติคือวันพุธ ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดฯให้เรียกประชุมสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ณ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ มีผู้เข้าประชุม 11 ท่าน ประกอบด้วย
…พระยาราชสุภาวดี (เพ็ง เพ็ญกุล  ต่อมาเป็นเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง) พระยาศรีพิพัฒน์ (แพ บุนนาค ต่อมาเป็นเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์)  พระยาราชวรานุกูล (บุญรอด กัลยาณมิตร ต่อมาเป็นเจ้าพระยารัตนบดินทร์) พระยากสาปน์กิจโกศล (โหมด อมาตยกุล) พระยาภาสกรวงศ์  (พร  บุนนาค ต่อมาเป็นเจ้าพระยาภาสกรวงศ์) พระยามหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยาณมิตร)  พระยาอภัยรณฤทธิ์ (แย้ม บุณยรัตพันธุ์)  พระยาราไชย (เจริญ บุรณศิริ) พระยาเจริญราชไมตรี (ตาด อมาตยกุล) พระยาพิพิธโภไคย (ทองคำ สุวรรณทัต)  พระยาราชโยธา (เนียม  สิงหเสนี)
…ส่วนพระยากลาโหมราชเสนา (กรับ บุณยรัตพันธุ์) ไม่ได้เข้าประชุมเนื่องด้วยเดินทางไปราชการที่เมืองตาก
…พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับเป็นประธานการประชุม พระองค์ได้ทรงแสดงพระราชปรารภในการเลิกทาส ใจความสำคัญบางประการคือ
1. การสิ่งไรซึ่งเป็นการเจริญมีคุณแก่ราษฎร ควรจะเป็นไปให้ทีละเล็กทีละน้อยตามการตามเวลา การสิ่งไรซึ่งเป็นธรรมเนียมบ้านมาแต่โบราณ แต่ไม่สู้เป็นที่ยุติธรรมก็อยากจะเลิกถอนเสีย  แต่จะจู่โจมหักเอาทีเดียวนั้นไม่ได้ จะต้องค่อยตัดรอนไปได้ทีละเล็กละน้อยพอให้เบาบางเข้าทุกที เมื่อเป็นอยู่ดังนี้การก็คงจะเป็นไปทีละน้อยๆ เรียบร้อยไปตามเวลาตามการ โดยสรุปคือ พระองค์มีพระบรมราโชบายที่จะเลิกทาสแบบค่อยเป็นค่อยไป มิให้กระทบกระเทือนผลประโยชน์ของนายเงินและเป็นที่เดือดร้อนของทาส
2. ทรงพระราชปรารภว่าพิกัดอัตราเกษียณอายุลูกทาสตามกฎหมายลักษณะทาสนั้นไม่เป็นธรรมแก่ลูกทาส ลูกทาสเกิดในเรือนเบี้ยต้องมีค่าตัวติดไปจนถึงอายุ 100 ปีก็ยังไม่หมดค่าตัว โดยทาสชายมีค่าตัว 1 ตำลึง ทาสหญิงมีค่าตัว 3 บาท ลูกทาสเกิดมาไม่รู้ความต้องมาเป็นทาส พระองค์ทรงเสนอพิกัดอัตราเกษียณอายุลูกทาสในเรือนเบี้ยใหม่ ดังต่อไปนี้
…ถ้าเป็นชายให้มีค่าตัวเต็มค่าสูงสุด 8 ตำลึง ถ้าเป็นหญิงให้มีค่าตัวเต็มค่าสูงสุด 7 ตำลึง แล้วให้มีการลดค่าตัวทาสโดยถือว่านายเงินได้ใช้สอยมาแล้ว เริ่มแต่เด็กนั้นมีอายุ 9 ปีขึ้นไปให้ลูกทาสในเรือนเบี้ยมีอัตราค่าตัว ดังต่อไปนี้
…ระหว่างอายุ 9-10-11 ปี ชาย 7 ตำลึง หญิง 6 ตำลึง
…ระหว่างอายุ 12-13-14 ปี ชาย 5 ตำลึง หญิง 4 ตำลึง 3 บาท
…ระหว่างอายุ 15-16-17 ปี ชาย 3 ตำลึง 2 บาท หญิง 3 ตำลึง
…ระหว่างอายุ 18-19-20 ปี ชาย 3 ตำลึง หญิง 3 บาท
…เมื่ออายุครบ 21 ปีให้ขาดจากทาสทั้งหญิงและชาย
พิกัดอัตราเกษียณอายุลูกทาสตามที่กำหนดข้างต้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะให้ใช้ย้อนหลังไปยังเด็กที่เกิดในปีมะโรง สัมฤทธิ์ศก ซึ่งเป็นปีที่พระองค์เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติซึ่งถือเป็นปีมหามงคลสำหรับพระองค์ ซึ่งเป็นพระราชดำริที่แยบคาย  เนื่องจากเป็นพิกัดอัตราเกษียณอายุลูกทาสที่เพิ่งเกิดมีอายุได้เพียง 7 ปี จึงยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อนายเงินและทาส นายเงินที่มีทาสเป็นผู้ใหญ่มีอายุก็ยังคงมีทาสใช้ทาสทำงานได้ต่อไป ยังไม่ต้องดิ้นรนพึ่งตนเองในเรื่องปากท้องและที่อยู่อาศัย
3. ควบคู่กับการเลิกทาส พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราโชบายที่จะริเริ่มจัดการศึกษาแก่ทวยราษฎร์เพื่อให้ทาสที่หลุดพ้นเป็นไทแก่ตัวเองจะได้มีวิชาทำมาหากินในภายภาคหน้า ทั้งมีพระราชดำริที่จะเลิกบ่อนเบี้ย เพราะบ่อนเบี้ยหรือการพนันเป็นอบายมุข เมื่อราษฎรติดการพนันและเสียพนันจนไม่มีเงินจะใช้หนี้พนันก็ขายตัวลงเป็นทาส การเลิกทาสที่พระองค์ทรงกำหนดขึ้นก็จะล้มเหลว แต่การที่จะเลิกบ่อนเบี้ยในทันทีทันใดย่อมกระทบกระเทือนต่อฐานะทางการเงินของรัฐบาล เพราะในระยะนั้นรัฐบาลได้อากรบ่อนเบี้ยปีละประมาณ 11,000 ชั่ง หรือ 880,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนมาก
…ที่ประชุมสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินต่างเห็นด้วยกับพระราชปรารภในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  จากนั้นในวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม ปีเดียวกัน ได้ทรงตราพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาสลูกไท รัตนโกสินทรศก 93 ซึ่งมีทั้งหมด 21 มาตรา สาระสำคัญจะเหมือนกับพระราชปรารภที่ทรงนำเข้าที่ประชุมสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน เช่นการกำหนดพิกัดอัตราเกษียณอายุลูกทาส นอกจากนั้นยังมีบทบัญญัติลูกทาสที่อายุ 21 ปีหมดค่าตัวหลุดพ้นจากความเป็นทาสแล้วพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย จะนำมาขายเป็นทาสอีกไม่ได้ หรือเจ้าตัวจะขายตัวเองลงเป็นทาสก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
…เมื่อพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาสลูกไท รัตนโกสินทรศก 93 มีผลบังคับใช้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ซึ่งพระองค์ได้นำเรื่องนี้เข้าประชุมในสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ความว่า
…คนพวกหนึ่งซึ่งมีสันดานอันหาแน่นอยู่ด้วยธรรมเนียมเดิม ซึ่งเป็นการชั่วกดขี่กันและกันคนมีเงินข่มเหงคนจนคนมีวาสนามากกดขี่คนมีวาสนาน้อย คนเหล่านี้ย่อมไม่ชอบใจ และพูดกันว่าเจ้านาย ข้าราชการ และผู้มีทรัพย์ทั้งปวงที่ไม่เคยทำกิจการงานด้วยแรงตนจะต้องมาทนทุกข์ลำบากในครั้งนี้เพราะไม่มีทาสและลูกทาสจะใช้สอยเป็นพาหนะ ก็คงจะได้รับความลำบากยากเย็นเป็นอันมาก ฝ่ายพลเรือนที่ขัดสนยากจนลงจะเอาลูกหลานไปขายผ่อนจนก็ไม่ได้   ส่วนคนอีกพวกหนึ่งที่มีความคิดในทางก้าวหน้ามากก็ตำหนินโยบายอันนี้ว่าจะเลิกทาสได้สำเร็จช้าเกินไป ควรจะทำได้เร็วกว่านี้ อีกประการหนึ่ง บ่อนเบี้ยการพนันเป็นมูลเหตุอันสำคัญที่ทำให้คนต้องขายลูกขายตัวลงเป็นทาส ควรจะเลิกบ่อนเบี้ยการพนันเสียในทันทีทันใด
…พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนหลวงพระไกรสีห์ เลขานุการสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินออกประกาศ “เรื่องเกษียณอายุลูกทาสลูกไท” เพื่อชี้แจงให้เสนาบดี ข้าราชการ นายเงิน และทาส เข้าใจถึงพระกุศโลบายของพระองค์ที่จะเลิกทาสให้หมดไปจากสยามประเทศในชั่วรัชกาลของพระองค์
…เพื่อเป็นการปลูกฝังพระราชนิยมในการเลิกทาสของพระองค์ถึงปีฉลู พ.ศ. 2420 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 2 รอบนักษัตริย์ ทรงประกอบพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ในพระราชพิธีนี้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เท่าจำนวนวันในพระชนมพรรษา 24 พรรษา วันละ 1 บาท เป็นจำนวนเงิน 4,767 บาท พระราชทานช่วยทาสซึ่งขายตัวอยู่กับนายเงินคนเดียวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2395 ขึ้นไป พร้อมกับลูกหมู่ของทาสนั้นด้วย ด้วยทรงพระราชดำริว่าทาสซึ่งอยู่กับนายคนเดียวเป็นเวลานานถึง 25 ปี คงเป็นคนดีมากกว่าคนชั่ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ช่วยไว้ให้พ้นจากทาส เป็นจำนวนทาสชาย 16 คน ทาสหญิง 20 คน ลูกทาสชาย 5 คน ลูกทาสหญิง 3 คน รวม 44 คน นอกจากนั้นยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานไร่นาและเครื่องใช้สอยที่จำเป็นเพื่อใช้ประกอบอาชีพต่อไป
…ถึงแม้พระองค์จะทรงปลูกพระราชนิยมให้นายเงินและทาสเห็นคุณค่าของการเลิกทาสให้ทาสเป็นไทแก่ตัวเอง เพื่อประกอบสัมมาชีพเป็นพลังขับเคลื่อนการปฏิรูปของพระองค์ ทั้งยังจะแสดงให้ต่างประเทศเห็นว่าสยามประเทศเป็นอารยประเทศ มีความศิวิไลซ์ ไม่กดขี่ข่มเหงมนุษย์ด้วยกัน กระนั้นก็มีนายเงินและคนทั่วไปพยายามหลบเลี่ยง โดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย พ่อแม่บางรายนำลูกสาวลูกชายไปขายให้เป็นทาสแก่นายเงิน แต่ทำสัญญากู้ยิมเงินเป็นสัญญาอำพราง แล้วให้ลูกสาวลูกชายทำงานกับนายเงินคือตกเป็นทาสไปโดยปริยาย ชายวัยฉกรรจ์บางรายหมดหนทางประกอบอาชีพ เห็นแต่หนทางที่จะต้องอาศัยนายเงินเพื่อกินอยู่หลับนอน ก็ทำสัญญาว่าจ้างให้เป็นลูกจ้างและรับเงินค่าตัวล่วงหน้าไปตามพิกัดอัตราเกษียณอายุลูกทาส ดังนี้เป็นต้น
…พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำเนินการเลิกทาสอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อนายเงินและทาส และทรงเริ่มต้นที่ลูกทาสที่เกิดในปีมะโรง สัมฤทธิศก ซึ่งเป็นปีที่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติควบคู่กับการเลิกทาส พระองค์ได้ทรงปฏิรูปการศึกษา เปิดโอกาสให้ทวยราษฎร์ได้รับการศึกษาตามระเบียบโรงเรียน และทรงประกาศเลิกบ่อนเบี้ยอันเป็นแหล่งอบายมุขให้ลดลงเมื่อการเลิกทาสในส่วนกลางเป็นไปอย่างราบรื่น พระองค์จึงทรงดำเนินการเลิกทาสในมณฑลพายัพ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล่าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติลักษณะทาสมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือ รัตนโกสินทรศก 119 หรือ พ.ศ. 2443 ภายหลังจากที่ทรงประกาศเลิกทาสครั้งแรกถึง 26 ปี พระราชบัญญัติฉบับนี้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ร.ศ.119 แต่ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน ร.ศ.119
…ทาสในมณฑลพายัพมี 2 ประเภทคือ ทาสเชลย และทาสสินไถ่ ทาสเชลยมีค่าตัวแตกต่างกันไปในแต่ละเมือง ดังต่อไปนี้
นครเชียงใหม่ ชาย 55 บาท หญิง 72 บา
นครน่าน ชายและหญิง เท่ากันคือ 62 บาท
นครลำปาก ชาย 45 บาท หญิง 60 บาท
นครลำพูน ชาย 54 บาท หญิง 72 บาท
เมืองแพร่ ชายและหญิง เท่ากันคือ 48 บาท
เมืองเถิน ชาย 42 บาท หญิง 25 บาท
…สาเหตุที่ค่าตัวทาสของแต่ละเมืองในมณฑลพายัพไม่เท่ากัน เพราะแต่ละเมืองมีความต้องการแรงงานแตกต่างกัน ตามหลักอุปสงค์และอุปทาน เมืองที่มีความเจริญด้านเศรษฐกิจต้องการแรงงานมาก ค่าตัวทาสจะมากตามไปด้วย และในมณฑลพายัพนี้ค่าตัวทาสหญิงจะสูงกว่าค่าตัวทาสชาย เพราะทาสหญิงจะคลอดลูกเป็นทาสสินไถ่ให้แก่นายเงินในอนาคต
…นอกจากทาสสินไถ่และทาสเชลยแล้ว ในมณฑลพายัพยังมีทาสอีกประเภทหนึ่ง คือ “ข้าพระ” ซึ่งหมายถึงทาสที่นายเงินถวายให้แก่พระอารามต่างๆ ที่ตนเองศรัทธา ให้ทาสเหล่านั้นปรนนิบัติพระสงฆ์ในพระอารามแห่งนั้น
…ทาสเชลยในมณฑลพายัพจะพ้นจากทาสได้ก็ด้วยสาเหตุคือ
1. เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์
2. เมื่อนายเงินอนุญาติให้บวชเป็นพระภิกษุ เมื่อลาสิกขาแล้วให้เป็นไทแก่ตัวเอง
3. กรณีที่นายเงินพยายามฆ่าทาส ทาสฟ้องร้องเป็นคดีและทาสชนะความ
4. การไถ่ตัว
5. เมื่อทาสหนีออกจาเมืองพ้นเขตการปกครองได้
…ตามพระราชบัญญัติลักษณะทาส ร.ศ.119 กำหนดวิธีการเลิกทาสเชลยคือให้ทาสมีค่าตัวเท่ากันทุกเมืองคือชาย 25 บาท หญิง 32 บาท เมื่ออายุครบ 60 ปีแล้ว ให้พ้นค่าตัวเป็นไท ส่วนทาสสินไถ่ค่าตัวเป็นไปตามพระราชบัญญัติเดิมแต่โบราณ แต่เมื่ออายุ 60 ปีให้พ้นค่าตัวเป็นไทแก่ตัวเอง ทาสสินไถ่นี้ให้คิดค่าตัวตามรายปีจนอายุครบ 10 ปีแล้วให้ลดค่าตัวลง ส่วนลูกทาสที่เกิดในวันที่ 16 ธันวาคม 2440 หรือหลังวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2440 ซึ่งเป็นวันที่พระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากประพาสยุโรปโดยสวัสดิภาพให้พ้นค่าตัวเป็นไท และห้ามมิให้ขายตัวหรือถูกขายตัวลงเป็นทาสอีกเด็ดขาด
…ส่วนการดำเนินการเลิกทาสในมณฑลบูรพา พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ประกาศลดค่าตัวทาสในมณฑลนี้เมื่อวันที่ 9 มกราคม รัตนโกสินทรศก 123 หรือ พ.ศ.2447 มีผลให้ผ่อนปรนลดจำนวนทาสลงโดยลำดับถึงวันที่ 1 เมษายน 2448 พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติทาส รัตนโกสินทรศก 124 สาระสำคัญของพระราชบัญญัติฉบับนี้คือ
1. ห้ามมิให้มีทาสขึ้นอีก บรรดาลูกทาสทั้งหลายให้นับเป็นไทมิได้มีพิกัดอัตราเกษียณอายุดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติลูกทาสลูกไท พ.ศ.2417 อีกต่อไป
2. ห้ามคนที่เป็นไท และทาสที่หลุดพ้นค่าตัวแล้วขายตัวหรือถูกขายลงเป็นทาสอีก
3. บรรดาทาสที่มีอยู่ในเวลาที่ออกพระราชบัญญัตินี้ให้นายเงินลดค่าตัวทาสลงทุกเดือนๆ ละ 4 บาท นับตั้งแต่ เดือนเมษายน พ.ศ.2448 เป็นต้นไป ถ้าทาสจะเปลี่ยนนายเงินใหม่ ห้ามทำสารกรมธรรม์ขึ้นค่าตัวให้มากกว่าค่าตัวในเวลานั้น
4. ห้ามมิให้ซื้อขายทาสอีกต่อไป
…จากพระราชบัญญัติทาส ร.ศ.123 นี้มีผลทำให้ทาสรุ่นเก่าที่ยังค้างอยู่ทั่วพระราชอาณาจักรได้รับการปลดปล่อยให้เป็นไปและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้ประมวลกฎหมายลักษณะอาญา รัตนโกสินทรศก 127 ซึ่งมีบทบัญญัติโทษการซื้อขายทาสให้มีระวางโทษจำคุก 7 ปีเท่ากับความผิดฐานปล้นทรัพย์
…สำหรับมณฑลพายัพยังคงมีทาสตกค้างอยู่บ้างแต่จำนวนไม่มากนัก ถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่าจะมีทาสก็แต่คนที่เกิดก่อนวันที่ 16 ธันวาคม ร.ศ.116 (พ.ศ.2440) เท่านั้นที่ยังอนุญาตให้ซื้อขายตัวเป็นทาสได้และคงอีกหลายปีจึงจะพ้นค่าตัวเป็นไท ซึ่งไม่ทันต่อความเจริญของบ้านเมือง ในปี พ.ศ.2455 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้บังคับใช้พระราชบัญญัติลักษณะทาส ร.ศ. 124 ทั่วทั้งมณฑลพายัพ ซึ่งทำให้ทาสในมณฑลพายัพหมดสิ้นไปโดยเร็วเพราะค่าตัวลดลงเดือนละ 4 บาท จนหมดค่าตัวทาส และห้ามมิให้ซื้อขายทาสอีกต่อไป
…ด้วยพระบรมราโชบายและทรงดำเนินการอย่างสุขุมคัมภีรภา ซึ่งทรงใช้เวลาในการเลิกทาสมากกว่า 30 ปีทำให้การเลิกทาสของสยามประเทศดำเนินไปอย่างละมุนละม่อม ขจัดข้อขัดแย้งและความเดือดร้อนกังวลใจของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย พระราชกรณียกิจในการเลิกทาสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงเป็นที่ยอมรับของทั่วโลกว่าทรงดำเนินการโดยสันติวิธี และเป็นที่กล่าวขวัญเทิดทูนมาจนปัจจุบัน ซึ่งนับโดยปีได้ 1 รอบศตวรรษพอดี


หัวข้อ: Re: เนื่องในวันปิยมหาราช
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ตุลาคม 28, 2005, 05:28:06 PM
ขอบคุณมากครับ รวมรวมได้ดีมากเลยครับ

จะได้เอาไว้เล่าเวลาต่างชาติถาม เพราะระบบทาสของไทยไม่เหมือนของฝรั่ง ซึ่งต่างชาติเวลาได้ยินว่าเมืองไทยมีทาสมักคิดถึงทาสแบบ คุนต้าคินเต้ ในเรื่อง Roots หรือ ทาสในเรื่องกระท่อมน้อยของลุงทอม ทั้งนั้น

คำว่า "ไพร่" พอคุยสั้นๆ ได้ว่า "คล้าย" กับ Serf ซึ่งไพร่ก็มีอิสระมากกว่า Serf หลายแบบ พอมาถึงคำว่า "ทาส" พูดสั้นๆ ว่า Slave ต่างชาติก็มักคิดถึงทาสที่ฝรั่งมีเป็นสมบัติเหมือนกับสัตว์เลี้ยงดังกล่าว