เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: suttinun05 ที่ พฤษภาคม 08, 2010, 06:17:27 PM



หัวข้อ: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: suttinun05 ที่ พฤษภาคม 08, 2010, 06:17:27 PM
ผมได้อ่านคอลัมน์นี้แล้วผมว่าไม่ดีเลย ทำให้สังคมคนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวกับปืนเข้าใจผิดกันไปใหญ่ ผมอ่านแล้วมันเคืองๆในความรู้สึกนะครับ
(http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=337&contentID=64330 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=337&contentID=64330))
วันเสาร์ ที่ 08 พฤษภาคม 2553 เวลา 0:00 น
   เนื้อหาข่าว

ปืนกับพระเครื่องว่ากันว่ามีแต่ราคามูลค่าที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
   
ดีกว่าหุ้น ดีกว่าทองคำ
   
พระเครื่องยิ่งเก่ายิ่งมีราคา อาวุธปืนยิ่งมีราคาแพงขึ้นตลอดเวลา
   
ปืนแพงเพราะทางการควบคุมจำนวนอย่างเคร่งครัด จำกัดโควตา  ขอมีปืนสักกระบอกกับนายทะเบียนสมัยนี้ยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่าขออนุญาตมีเมียสองคนพร้อมกัน
   
หลบเลี่ยงไปซื้อปืนสวัสดิการของมหาดไทยบ้าง ตำรวจบ้าง ก็เจอเงื่อนไขสารพัด
     
ปืนพกสั้นราคาสองสามหมื่นเมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อน วันนี้ห้าหมื่น อัพ ของเก่าก็ประมาณนั้น
   
ไปขอใบอนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืนสมัยนี้ท่านก็แสนจู้จี้จุกจิกยังกะคนแก่วัยเลือดจะไปลมจะมา
   
แต่ก็นั่นแหละพูดถึงนักเลงพระเครื่อง นักเลงปืน แพงและยากยังไงก็ต้องหามาสะสมให้ได้
   
พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ บัญญัติหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนว่าให้ออกแก่บุคคลสำหรับใช้ในการป้องกันตัวหรือทรัพย์สิน หรือในกีฬาหรือยิงสัตว์
   
ส่วนจะมีสักกี่กระบอกมี หนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท ๐๕๐๑/ว ๘๘๖ ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๒๑ กำหนดว่าบุคคลควรมีอาวุธปืนได้เพียงคนละ ๒ กระบอก   
ท่านนายอำเภอกำลังดูกฎหมายและระเบียบดังกล่าวอย่างหนักเนื่องจากเจ้าหน้าที่ยื่นเรื่องคำร้องขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืนขนาด .๔๐ นิ้วของผู้ยื่นคำขอรายหนึ่ง
   
ต้องเปิดตำรากฎหมายกันพัลวันเพราะนอกจากเป็นปืนรุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว  ผู้ขอรายนี้ยังมีอาวุธปืนอยู่ในครอบครองถึง ๑๕ กระบอก
   
ปกติจะพิจารณาอนุญาตให้บุคคลทั่วไปมีปืนยาว ๑ กระบอก ปืนสั้น ๑ กระบอกเท่านั้น
   
และจะพิจารณาให้เฉพาะผู้ที่มีเหตุผลและความจำเป็นไม่เกินขนาด .๓๘ นิ้ว
   
อันนี้เล่นขนาด .๔๐ นิ้วเชียวเรอะ 
   
จึงสั่งไม่อนุญาตตามคำร้องดังกล่าว
   
แหม แค่อีกกระบอกเดียวสิริรวมแล้วสิบหกกระบอกเท่านั้นเอง  คิดเล็กคิดน้อยไปได้ท่าน ผู้ยื่นคำขอจึงอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งไม่อนุญาต ว่าปืนรุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการกีฬาและการแข่งขันโดยเฉพาะเท่านั้น
   
ก็คนมันรักปืนนะ จะเข้าใจบ้างมั้ยนี่
   
ท่านนายอำเภอยังไงก็ไม่อนุญาต รุ่นน้องที่โรงเรียนนายอำเภอกำลังพัลวันพัลเกอยู่กับ ป.ป.ช.เห็น ๆ
   
ต้องฟ้องต่อศาลปกครองขอให้นายอำเภอออกใบอนุญาตซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล (ป.๓) มาให้เสียโดยดี 
   
ไม่ได้ขอพี่เอ็ม ๗๙ ที่กำลังนิยมสักหน่อยทำเป็นหวงไปได้
   
ศาลปกครองชั้นต้นเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งปฏิเสธไม่ออกใบอนุญาต ให้มีและใช้อาวุธปืนให้แก่ผู้ฟ้องคดี เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง
   
ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์ว่า ดุลพินิจในการจำกัดจำนวนอาวุธปืนของนายทะเบียนทั้งที่ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ไม่ได้กำหนดจำนวนอาวุธปืนที่ประชาชนครอบครองได้ไว้จึงขัดต่อมาตรา ๓๐ แห่ง รัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ (ขณะนั้น)
   
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ฝ่ายปกครองกระทำการใด ๆ ที่อาจมีผลกระทบสิทธิเสรีภาพ หรือประโยชน์อันชอบธรรมของเอกชนได้ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจและจะต้องกระทำการดังกล่าวในกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น
   
ผู้ถูกฟ้องคดีเป็นนายทะเบียนท้องที่ประจำอำเภอมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาเพื่อออกใบอนุญาตให้บุคคลมีและใช้อาวุธปืน ตามมาตรา ๗  แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ
   
อีกทั้งมาตรา ๙ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติเดียวกันกำหนด  ให้ออกแก่บุคคลสำหรับใช้ป้องกันตัวหรือทรัพย์สินหรือในการกีฬาหรือ  ยิงสัตว์
   
เมื่อผู้ฟ้องคดียื่นคำขอมีและใช้อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ .๔๐ นิ้วโดยแจ้งว่าเพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สินและเพื่อใช้สำหรับการกีฬา ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีเห็นว่าผู้ฟ้องคดีมีอาวุธปืนอยู่ในครอบครองแล้ว ๑๕ กระบอก จึงน่าจะเพียงพอแล้วตามหนังสือกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวจึงมีคำสั่งไม่อนุญาต
   
หนังสือกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ออกโดยหน่วยงานที่กำกับดูแล เป็นการวางแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติเป็นแบบเดียวกันทุกจังหวัด  จึงมิได้เป็นการเลือกปฏิบัติ
   
อีกทั้ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่งประกอบกับมาตรา ๑๓ กำหนดให้บุคคลมีและใช้อาวุธได้เท่าที่จำเป็น การที่ผู้ฟ้องคดีมีอาวุธปืนรวมอยู่แล้ว ๑๕ กระบอกในขณะที่ยื่นคำร้องเห็นว่าเพียงพอกับกรณีแห่งความจำเป็นในการป้องกันตัวหรือทรัพย์สิน หรือในการกีฬาหรือยิงสัตว์
   
หนังสือกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวข้างต้นเป็น กฎมีผลบังคับเป็นการทั่วไปเพื่อให้นายทะเบียนยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการพิจารณา ไม่ได้วางหลักเกณฑ์เพื่อมาจำกัดสิทธิบุคคล จึงไม่ขัดกับมาตรา ๓๐ แห่งรัฐธรรมนูญดังกล่าว 
   
พิพากษายืน (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๑๖/๒๕๕๐)
   
ใช้สิ่งเทียมอาวุธปืนรุ่นใหม่จำพวก อุจจาระ ปลาร้า ปลาแดก ไข่ไก่ แก้ขัดไปก่อน.

พิสิษฐ์ พลรักษ์เขตต์
praepim@yahoo.com


     

 


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ พฤษภาคม 08, 2010, 07:52:41 PM
เนื้อหากระทู้น่าสนใจ แต่ จขกท. ตั้งชื่อกระทู้ไม่น่าสนใจเลย เพราะไม่รู้ว่าในกระทู้มีอะไรเลยครับ...

นายสมชายเสนอว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อกระทู้เป็น "คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เรื่องหนึ่งสั้นหนึ่งยาว" นะครับ...


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Ultraman Taro #รักในหลวง# ที่ พฤษภาคม 08, 2010, 08:09:10 PM
ช่วยสรุปข่าวนี้ให้เด็กอย่างผมฟังรู้เรื่องหน่อยครับ  ::014:: ฟังพวกคำเกี่ยวกฎกับหมายแล้วงงมาก
แล้วข่างนี้ ทาง+ หรือทาง-


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: RTCO ที่ พฤษภาคม 08, 2010, 08:18:24 PM

   
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ฝ่ายปกครองกระทำการใด ๆ ที่อาจมีผลกระทบสิทธิเสรีภาพ หรือประโยชน์อันชอบธรรมของเอกชนได้ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจและจะต้องกระทำการดังกล่าวในกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น
   
ผู้ถูกฟ้องคดีเป็นนายทะเบียนท้องที่ประจำอำเภอมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาเพื่อออกใบอนุญาตให้บุคคลมีและใช้อาวุธปืน ตามมาตรา ๗  แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ
   
อีกทั้งมาตรา ๙ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติเดียวกันกำหนด  ให้ออกแก่บุคคลสำหรับใช้ป้องกันตัวหรือทรัพย์สินหรือในการกีฬาหรือ  ยิงสัตว์
   
เมื่อผู้ฟ้องคดียื่นคำขอมีและใช้อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ .๔๐ นิ้วโดยแจ้งว่าเพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สินและเพื่อใช้สำหรับการกีฬา ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีเห็นว่าผู้ฟ้องคดีมีอาวุธปืนอยู่ในครอบครองแล้ว ๑๕ กระบอก จึงน่าจะเพียงพอแล้วตามหนังสือกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวจึงมีคำสั่งไม่อนุญาต
   
หนังสือกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ออกโดยหน่วยงานที่กำกับดูแล เป็นการวางแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติเป็นแบบเดียวกันทุกจังหวัด  จึงมิได้เป็นการเลือกปฏิบัติ
   
อีกทั้ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่งประกอบกับมาตรา ๑๓ กำหนดให้บุคคลมีและใช้อาวุธได้เท่าที่จำเป็น การที่ผู้ฟ้องคดีมีอาวุธปืนรวมอยู่แล้ว ๑๕ กระบอกในขณะที่ยื่นคำร้องเห็นว่าเพียงพอกับกรณีแห่งความจำเป็นในการป้องกันตัวหรือทรัพย์สิน หรือในการกีฬาหรือยิงสัตว์
   
หนังสือกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวข้างต้นเป็น กฎมีผลบังคับเป็นการทั่วไปเพื่อให้นายทะเบียนยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการพิจารณา ไม่ได้วางหลักเกณฑ์เพื่อมาจำกัดสิทธิบุคคล จึงไม่ขัดกับมาตรา ๓๐ แห่งรัฐธรรมนูญดังกล่าว 
   
พิพากษายืน (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๑๖/๒๕๕๐)
   
 

ดูจากท่อนนี้แล้วน่าจะเป็นทางลบกับผู้ชอบสะสมปืน


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 08, 2010, 08:37:56 PM
คำพิพากษาศาลอุทรณ์

ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์ว่า ดุลพินิจในการจำกัดจำนวนอาวุธปืนของนายทะเบียนทั้งที่ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ไม่ได้กำหนดจำนวนอาวุธปืนที่ประชาชนครอบครองได้ไว้จึงขัดต่อมาตรา ๓๐ แห่ง รัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ (ขณะนั้น)
 
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ฝ่ายปกครองกระทำการใด ๆ ที่อาจมีผลกระทบสิทธิเสรีภาพ หรือประโยชน์อันชอบ
ธรรมของเอกชนได้ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจและจะต้องกระทำการดังกล่าวในกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น

หนังสือกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวข้างต้น  " เป็นกฎ" มีผลบังคับเป็นการทั่วไปเพื่อให้นายทะเบียนยึดถือเป็น
แนวทางปฏิบัติในการพิจารณา ไม่ได้วางหลักเกณฑ์เพื่อมาจำกัดสิทธิบุคคล จึงไม่ขัดกับมาตรา ๓๐ แห่งรัฐธรรมนูญ
ดังกล่าว 

พิพากษายืน

*********************************************************************************

         ผมเข้าใจแบบชาวบ้าน (นอก) ความรู้น้อยนะครับว่า ฝ่ายปกครองเป็นผู้ชนะ เพราะคำสั่งมหาดไทยศาลถือเป็นกฏ
ซึ่งคงหมายถึงเป็นกฏหมายแล้ว  ดังนั้นผู้ฟ้องเป็นผู้แพ้คดีไป

         แต่ที่สับสนไม่เข้าใจและได้ยินบ่อยๆคือคำว่า "พิพากษายืน" ..... อันนี้แปลว่าอะไรครับ

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

         ท่านผู้รู้ด้านกฎหมายช่วยชี้แจงแนะนำด้วยครับ  บอกตรงๆว่าภาษากฎหมายเข้าใจยากมาก ต้องแปลไทยเป็นไทย



หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤษภาคม 08, 2010, 09:11:27 PM
อิ อิ ผมไม่รู้เรื่องกฎหมาย
แต่เห็นว่าการจับประเด็นที่ศาลวินิจฉัย คงต้องดูรายละเอียดคำพิพากษาทั้งฉบับครับลุงปู  ;D

ส่วนที่ศาลสูง"พิพากษายืน" ก็คือว่าตามศาลชั้นต้นครับ


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: sada ที่ พฤษภาคม 08, 2010, 09:29:13 PM
รอฟัง ครับ  น่าสนใจ ครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 08, 2010, 09:55:05 PM

                        ::005::         ขอบคุณครับลุงธำรง          ::002:: ::002::



หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: rithikorn ที่ พฤษภาคม 09, 2010, 09:18:38 AM
ตอนนี้ผมก็เลยสะสมทั้งสองอย่างครับ  ปืนและพระเครื่อง  พระเครื่องเก็บสะสมมาประมาณ 6 ปี ได้ทั้งพระกรุ พระเกจิ รูปหล่อลอยองค์ ดูแล้วมีคุณค่าทางจิตใจครับ ไม่ได้คิดเรื่องราคา ปืนก็มีไว้จับยิงซ้อมมือ สรุปทุกวันนี้ออกจากบ้านคอห้อยพระเครื่อง กระเป๋าใส่ปืนพก แค่นี้ก็อุ่นใจในการเดินทางและทำงานครับ  ส่วนเรื่องกฎหมายต่างๆที่กล่าวว่าและเรื่องนายทะเบียน ล้วนนานาจิตตัง บางที่ก็ขอกันได้อยู่ที่ดุลพินิจ แต่ทุกท่านก็ยึดระเบียบ สั้น1 ยาว 1 เป็นเกณฑ์ครับ


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: วายุ - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 09, 2010, 09:55:24 AM
อ้าว... แล้วกัน  :OO

วันก่อนเพิ่งบอกนายทะเบียนไปว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ใช่กฎ ... ใช้บังคับกับเอกชนไม่ได้ แต่ไหงข่าวของนายพิสิษฐ์ เป็นหยั่งงั้นล่ะครับ แบบนี้ชาวปืนก็แย่ล่ะสิ  ::012::


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ พฤษภาคม 09, 2010, 10:12:08 AM
    เท่าทีดูๆมาหลายสิบปี ปืนขึ้นราคาเรื่อยๆจริงและแนวโน้มที่ปืนราคาเพิ่มแบบก้าวกระโดดมาจากการที่ความต้องการปืนทางภาคใต้เพิ่มขึ้น

เพื่อการป้องกันตัว แต่ตลาดกลุ่มนี้ก็อิ่มตัวแล้วแต่ราคาที่ปั่นเอาๆขึ้นแล้วไม่ยอมลงง่ายๆ โดยราคาที่ขึ้นเอาๆก็ส่งผลให้ปืนสวัสดิการขายง่ายขึ้น

เพราะเมื่อเทียบราคาปืนตลาดกับราคาสวัสดิการต่างกันถึงสองเท่า ทำให้ผู้ซื้อปืนสวัสดิการเห็นส่วนต่างของราคาสูงบางส่วนก็เลยซื้อมาเพื่อ

เก็งกำไร ทั้งที่ราคาปืนสวัสดิการจริงๆแล้วคือราคาที่ควรขายในตลาดแล้วยังมีกำไรอีกเป็นหลักหมื่น ถามว่ากำไรส่วนนี้ไปไหน


    เมื่อก่อนผมซื้อปืนเรื่อยๆตามงบประมาณที่พอจะเจียดมาซื้อได้ แต่เมื่อราคาปืนและกระสุนขึ้นแบบบ้าเลือดก็หันไปเล่นปืนอัดลม ซึ่งตอนนี้

ราคาลูกปืนอัดลมก็เริ่มขึ้นอีก ทั้งที่เมื่อก่อนคนเล่นกันน้อยๆราคายังไม่แพง ก็เลยมานั่งคิดดูก็ได้ความคิดว่า เอาเงินที่ต้องลงไปกับปืนมา

ทำประโยชน์อย่างอื่นน่าจะดีกว่า เช่น ปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน ซื้อทองไว้สะสม(มีแต่ขึ้นทุกปี เก็บง่าย) ซื้อที่ดิน หรือเก็บตังไว้ซื้อบ้าน ก็น่าจะดี


    ตอนนี้ราคาปืนเห็นมีบางร้านราคาจองเริ่มลดลงบ้างแล้ว แต่ผมก็ยังไม่สนใจครับเบื่อแล้ว เพราะยังไงราคาก็ยังแพงกว่าที่ควรจะเป็นอยู่อีก

เป็นสามหมื่นอยู่ดี  ถ้าจะซื้อต่อไปคงมีกำลังซื้อแค่พวกลูกซองราคาถูกหรือลูกกรด ส่วนปืนอัดลมคิดว่ากระบอกเดียวน่าจะพอแล้ว


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: วายุ - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 09, 2010, 10:42:47 AM
คิดถึงสมัยทักษิณเป็นนายก แล้วบอกว่าอีก 5 ปี จะทำให้ปืนหมดไปจากประเทศไทย ทำเอาร้านปืนหลั่งน้ำตา ซบเซา จนจะต้องหันไปขายก๋วยเตี๋ยว... แต่เดี๋ยวนี้สิครับ โอโห... ขายกันเพลิน


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: กรรมกร ที่ พฤษภาคม 09, 2010, 11:35:06 AM
แล้วคำวินิจฉัยอื่นๆ ที่ผู้ฟ้องคดีเป็นฝ่ายชนะล่ะครับ

เอามาโต้แย้งคำตัดสินนี้ ได้หรือไม่

และเห็นด้วยกับพี่สมชายครับ ... น่าจะเปลี่ยนชื่อหัวข้อกระทู้ น่าจะมีผู้ให้ความเห็นมากกว่านี้


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โอ_อุดร - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 09, 2010, 03:10:39 PM
เหอะ ๆ ๆ นี่และครับ กฎหมายไทย อ่านแล้วดูเหมือนดีนะครับ แต่ถ้าเขามีปัญญาซื้อ และ ไม่เคยก่อเหตุ เกี่ยวกับ อาวุธปืนที่ครอบครองอยู่ ไม่น่าที่จะไม่อนุญาตครับ
เพราะไอ้คนเลวที่มีปืน ทั้ง M79 , ไรเฟิล , .45 ACP , .357 , .40 S&W ไม่เห็นต้องขออนุญาตจากนายทะเบียน เพื่อมีและใช้เลย แต่พอเวลาประชาชนขอ อ้างนั่น อ้างนี่
ทั้งที่ก็แสดงเจตนาบริสุทธิ์ เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ขำครับ สั้น 1 ยาว 1 ให้ได้ไม่เกิน 9 mm. กับ .22 LR หรือ ลูกซองเบอร์ 12 
แต่ก็อย่างว่าละครับ " คนเลว " เมื่อคิดไม่ดี มันก็คือไม่ดี ผิดกฎหมายนั่นแหละครับ คนดี อยู่ภายใต้กฎหมาย ครับ จึงเรียกว่า คนดี
เพราะพวกเราอยากเป็นคนดีแหละครับ เลยต้อง เคารพกฎหมาย ไม่ใช่ใช้กฎหมู่ ครับ  ::014:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: rambo1th ที่ พฤษภาคม 09, 2010, 04:34:53 PM
อิ อิ ผมไม่รู้เรื่องกฎหมาย
แต่เห็นว่าการจับประเด็นที่ศาลวินิจฉัย คงต้องดูรายละเอียดคำพิพากษาทั้งฉบับครับลุงปู  ;D

ส่วนที่ศาลสูง"พิพากษายืน" ก็คือว่าตามศาลชั้นต้นครับ



   เหอๆๆๆๆๆ ท่าน ธำรง ไม่รู้กฎหมาย สงสัยผมคงต้องกลับไปเรียน คำว่า เจตนาทุจริต ตาม ปอ. ใหม่แล้วว่า นิยามหมายความว่าอย่างไร ผมอ่านแล้วยังงี้ ผมว่านะสุจริตชนคงไม่มีผลหรอกว่าจะมีได้กี่กระบอกนะ เพราะ ยังไงก็ดุลพินิจกำหนดอยู่แล้วว่า จะมีได้คนละกี่กระบอก แต่ตามคำพากษา มี อยู่ 15 กระบอก แล้ว จะขอกระบอกที่ 16 ไม่ให้ ศาลให้เหตุผลไปแล้ว แต่ผมติดใจตรงนี้นะ "หนังสือกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ออกโดยหน่วยงานที่กำกับดูแล เป็นการวางแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติเป็นแบบเดียวกันทุกจังหวัด  จึงมิได้เป็นการเลือกปฏิบัติ
   
อีกทั้ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่งประกอบกับมาตรา ๑๓ กำหนดให้บุคคลมีและใช้อาวุธได้เท่าที่จำเป็น การที่ผู้ฟ้องคดีมีอาวุธปืนรวมอยู่แล้ว ๑๕ กระบอกในขณะที่ยื่นคำร้องเห็นว่าเพียงพอกับกรณีแห่งความจำเป็นในการป้องกันตัวหรือทรัพย์สิน หรือในการกีฬาหรือยิงสัตว์
   
หนังสือกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวข้างต้นเป็น กฎมีผลบังคับเป็นการทั่วไปเพื่อให้นายทะเบียนยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการพิจารณา ไม่ได้วางหลักเกณฑ์เพื่อมาจำกัดสิทธิบุคคล จึงไม่ขัดกับมาตรา ๓๐ แห่งรัฐธรรมนูญดังกล่าว  "

   แนวทางมหาดไทย ใช้กับทุกจังหวัด แต่ๆๆๆๆๆ แต่ละ จังหวัดกลับใช้ดุลพินิจไม่เหมือนกัน นายทะเบียนต่างคน ต่างใจกัน


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ฟลุค รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 09, 2010, 06:00:05 PM
อย่างนี้หมายความว่าแ่ต่นี้ไปเมื่อฟ้องศาลปกครองเกี่ยวกับกรณีสั้น 1 ยาว 1 หรือขอซ้ำขนาด มีมากเกินไป ก็ต้องแพ้คดีทุกรายไปหรือครับ แล้วคดีที่เคยชนะมาล่ะครับ ทำไมศาลเปลี่ยนแนววินิฉัยได้ล่ะครับ หรือเกิดจากการยื่นคำให้การแตกต่างกันครับ


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: rambo1th ที่ พฤษภาคม 09, 2010, 06:23:07 PM
อย่างนี้หมายความว่าแ่ต่นี้ไปเมื่อฟ้องศาลปกครองเกี่ยวกับกรณีสั้น 1 ยาว 1 หรือขอซ้ำขนาด มีมากเกินไป ก็ต้องแพ้คดีทุกรายไปหรือครับ แล้วคดีที่เคยชนะมาล่ะครับ ทำไมศาลเปลี่ยนแนววินิฉัยได้ล่ะครับ หรือเกิดจากการยื่นคำให้การแตกต่างกันครับ


   ถ้านายทะเบียน หรือมหาดไทย ที่เป็นผู้ถูกฟ้องคดี อ้างคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด อันนี้ มาว่ามีข้อกฎหมายวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว ก็เรียบร้อยครับ แต่ข้อเท็จจริงอาจต่างกัน เพราะในคำพิพากษาตามกระทู้นั้น มี 15 กระบอก ขอกระบอกที่ 16 แต่ท่านอาจมีแค่ 2 อยากจะขอกระบอกที่ 3 อะไรแบบนี้ แต่ถ้าพูดถึงข้อกฎหมาย น่าจะพอวางแนวได้นะ


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤษภาคม 09, 2010, 06:46:06 PM
อิ อิ ผมไม่รู้เรื่องกฎหมาย
แต่เห็นว่าการจับประเด็นที่ศาลวินิจฉัย คงต้องดูรายละเอียดคำพิพากษาทั้งฉบับครับลุงปู  ;D

ส่วนที่ศาลสูง"พิพากษายืน" ก็คือว่าตามศาลชั้นต้นครับ



   เหอๆๆๆๆๆ ท่าน ธำรง ไม่รู้กฎหมาย สงสัยผมคงต้องกลับไปเรียน คำว่า เจตนาทุจริต ตาม ปอ. ใหม่แล้วว่า นิยามหมายความว่าอย่างไร ผมอ่านแล้วยังงี้ ผมว่านะสุจริตชนคงไม่มีผลหรอกว่าจะมีได้กี่กระบอกนะ เพราะ ยังไงก็ดุลพินิจกำหนดอยู่แล้วว่า จะมีได้คนละกี่กระบอก แต่ตามคำพากษา มี อยู่ 15 กระบอก แล้ว จะขอกระบอกที่ 16 ไม่ให้ ศาลให้เหตุผลไปแล้ว แต่ผมติดใจตรงนี้นะ "หนังสือกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ออกโดยหน่วยงานที่กำกับดูแล เป็นการวางแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติเป็นแบบเดียวกันทุกจังหวัด  จึงมิได้เป็นการเลือกปฏิบัติ
   
อีกทั้ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่งประกอบกับมาตรา ๑๓ กำหนดให้บุคคลมีและใช้อาวุธได้เท่าที่จำเป็น การที่ผู้ฟ้องคดีมีอาวุธปืนรวมอยู่แล้ว ๑๕ กระบอกในขณะที่ยื่นคำร้องเห็นว่าเพียงพอกับกรณีแห่งความจำเป็นในการป้องกันตัวหรือทรัพย์สิน หรือในการกีฬาหรือยิงสัตว์
   
หนังสือกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวข้างต้นเป็น กฎมีผลบังคับเป็นการทั่วไปเพื่อให้นายทะเบียนยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการพิจารณา ไม่ได้วางหลักเกณฑ์เพื่อมาจำกัดสิทธิบุคคล จึงไม่ขัดกับมาตรา ๓๐ แห่งรัฐธรรมนูญดังกล่าว  "

   แนวทางมหาดไทย ใช้กับทุกจังหวัด แต่ๆๆๆๆๆ แต่ละ จังหวัดกลับใช้ดุลพินิจไม่เหมือนกัน นายทะเบียนต่างคน ต่างใจกัน


5 5 ท่านrambo1thต้องรู้ดีกว่าผมอยู่แล้วในฐานะเนติบัณฑิต......
สู้เรื่องหนังสือมท.ฯขัดรัฐธรรมนูญ ถ้าหนังสือเป็นกฎ และขัดรัฐธรรมนูญ ก็ต้องน่าจะไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ  ;D
สู้เรื่องคำสั่งนายทะเบียนฯ เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ...... มีช่องทางเล่นอีกแยะ ยิ่งมีผู้ฟ้องมากราย ก็ยิ่งมีบรรทัดฐาน มีแนวทางมากขึ้น
มาแจกแจงทางมวยกันซะหมดได้ไง .....

ผมคงต้องไปหาดูคำพิพากษาไว้ขัดเกลาปัญญา แต่คงเอามาวิจารณ์ในบอร์ดสาธารณะไม่ได้อยู่ดีครับ   ;)



หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 09, 2010, 07:02:52 PM
ยังไม่เห็นคำพิพากษาเหมือนกัน
แต่เท่าที่อ่านจากเนื้อข่าว  ดูเหมือนว่าจะต่อสู้กันในเรื่องนายทะเบียนมีดุลพินิจที่เหมาะสมหรือไม่   ศาลท่านก็ต้องวินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริง
ส่วนในคดีของ สพป.ส่วนใหญ่แล้ว เราจะต่อสู้ในข้อกฎหมายว่า  นายทะเบียนไม่สามารถจะหาข้อกฎหมายมาเป็นเหตุผลประกอบการออกคำสั่งทางปกครอง   จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อ พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ มาตรา ๓๗ (๒)


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: thanasin ที่ พฤษภาคม 09, 2010, 10:53:08 PM
ภาษาไทยต้องแปลเป็นไทย ปวดหัวมากเลยกับภาษา กม.ไทย ??? :D


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: จินตา <Jinta> ที่ พฤษภาคม 10, 2010, 05:20:32 PM
ขอบคุณครับ...

 :OO :OO :OO



หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: -จ่าตะพาบน้ำ- * รักในหลวง* ที่ พฤษภาคม 10, 2010, 11:25:32 PM
จากข่าว ถ้าศาล ปกครองสูงสุดยอมรับว่าหนังสือกระทรวงมหาดไทยเป็น "กฎ" จริง

ก็ไม่น่าจะเป็นผลร้ายอย่างเดียวนะครับ เพราะเราย่อมสามารถฟ้อง ให้เพิกถอน กฎ นั้น ต่อศาลปกครองได้

หากศาลเพิกถอนหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ศาลว่าเป็น "กฎ" นี้ ก็ย่อมมีผลเป็นการทั่วไปเลย ไอ้ สั้น 1 ยาว 1 ได้สูญพันไปซะทีครับ

ส่วนเหตุที่จะขอให้เพิกถอน ค่อยดูกันอีกทีครับ  :D :D


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: alexis-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 12, 2010, 03:45:36 PM
ตายละ
วันนี้ผมเพิ่งส่งหนังสือทวงถามความคืบหน้าเื่อง ป.3 .45ไป
 :~)


หัวข้อ: Re: ผมอ่านเจอมาวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Supakij Kaw ที่ พฤษภาคม 12, 2010, 05:09:28 PM
ไม่น่าจะมีปัญหาหรอกมั้งครับ พวกเขียนข่าว ก็เขียนไปเรื่อย