หัวข้อ: ขอสอบถาม อนุเคราะห์ข้อมูลทางกฏหมายประกันภัยรถยนต์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ พฤษภาคม 24, 2010, 03:52:14 PM ขอสอบถามสมาชิกนักกฏหมายในเว็บนี้ดังนี้ครับ
กรณีเช่าซื้อรถยนต์จากธนาคาร ในสัญญาเช่าซื้อไม่ได้ระบุให้ผู้เช่าซื้อหรือครอบครองทำประกันภัยทรัพย์ที่เช่าซื้อและระบุให้ธนาคารเป็นผู้รับผลประโยชน์ เมื่อผู้เช่าซื้อนำรถไปทำประกันภัยชั้นหนึ่งกับบริษัทรับประกันภัย ผู้เช่าซื้อระบุชื่อตนเองเป็นผู้รับผลประโยชน์ แต่ต่อมาบริษัทประกันภัยตรวจสอบพบว่ารถอยู่ระหว่างการเช่าซื้อ จึงดำเนินการระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นธนาคารผู้ให้บริการเช่าซื่อตามสัญญา โดยพลการ คำถามคือ ๑.ผู้เช่าซื้อเป็นผู้ชำระเบี้ยฯ และได้ระบุผู้รับผลประโยชน์เป็นชื่อตนเองซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งสัญญาประกันภัยนี้ การเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นธนาคารโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เช่าซื้อซึ่งเป็นผู้ชำระเบี้ย เป็นการทำให้วัตถุประสงค์แห่งสัญญาเปลี่ยนไปหรือไม่ ๒.ผู้เช่าซื้อสามารถยกกฏหมายใดมาเป็นข้อต่อสู้ได้หรือไม่ เพราะสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าว กับสัญญาประกันภัย เป็นสัญญาคนละฉบับซึ่งไม่มีผลผูกพันกัน ๓.ธนาคารผู้ให้การเช่าซื้อแม้เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นแต่ไม่ใช่คู่สัญญาประกันภัย สามารถมีอำนาจระบุให้มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของสัญญาประกันภัยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ชำระเบี้ยซึ่งเป็นคู่สัญญาตัวจริง ได้หรือไม่ ผมลองโทรปรึกษาฝ่ายกฏหมาย คปภ. ได้คำตอบว่า "ใครๆเขาก็ทำกันแบบนี้ ผู้ให้บริการเช่าซื้อย่อมต้องปกป้องผลประโยชน์ในทรัพย์ซึ่งตนเองถือกรรมสิทธิ์" ผมว่ามันฟังดูเอื้อประโยชน์ให้ธนาคารกับบริษัทฯประกันภัยฮั้วกันเองได้โดยผู้เช่าซื้อจ่ายตังค์อย่างเดียว หัวข้อ: Re: ขอสอบถาม อนุเคราะห์ข้อมูลทางกฏหมายประกันภัยรถยนต์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ พฤษภาคม 25, 2010, 08:34:24 AM ดันขึ้นมาให้อ่านหน่อยครับ
หัวข้อ: Re: ขอสอบถาม อนุเคราะห์ข้อมูลทางกฏหมายประกันภัยรถยนต์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ พฤษภาคม 25, 2010, 09:49:45 AM จิงจร้า พี่ออยขร๊าาาา..........เพราะสถาบันการเงินมันบังคับเอากับคนเช่าซื้อและคนค้ำประกันได้เต็มวงเงินอยู่แล้วอ่ะค่ะ
ม่ายควรจะมาบังคับให้ยินยอมยกประโยชน์ในส่วนอื่นอีก ที่สำคัญน่าจะมาจากค่าหัวคิว..(ย) ค่าคอมมิสชั่นจากโบกเกอร์ประกันภัยที่มีส่วนลดหลายสิบเปอร์เซ็นต์อ่ะค่ะ หลายรายก็เงินมาโข และที่สำคัญอยู่ในกลุ่มทุนเดียวกันอ่ะค่ะ พี่ออยคร๊าาาา ลองไปยื่นฟ้องศาลไคฟงดูสิคร๊าาาาา เพราะสาระสำคัญมันอยู่ตรงที่คนทำประกัน ทำเพื่อให้มีหลักประกันสำหรับตนเอง เผื่อตอนเกิดเรื่องจะได้มีเงินไปจ่ายสถาบันการเงินตะหากนะ หัวข้อ: Re: ขอสอบถาม อนุเคราะห์ข้อมูลทางกฏหมายประกันภัยรถยนต์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: noomrider ที่ พฤษภาคม 26, 2010, 06:30:05 AM ผมมีข้อสงสัยครับ
ด้วยความเคารพครับ ท่านจขกท.เป็นห่วงเรื่องใด เอาตามความเข้าใจของผมละกันนะไม่เกี่ยวกับท่านoil นะครับ ถ้ากลัวรถหายเเล้วเราไม่ได้เงินคืน ถ้าเราได้เงินจากประกันเราก็ยังต้องผ่อนรถกับไฟแนนซ์ต่ออยู่ดี หรือไฟแนนซ์ได้เงินจากประกันท่านก็ยังต้องผ่อนส่วนที่ยังขาดอยู่ดี โดนทั้งขึ้นทั้งล่องครับ หรือกลัวเรื่องอุบัติเหตุ ก็เอารถเข้าเคลมในอู่ประกันก็หมดปัญหานะครับ หัวข้อ: Re: ขอสอบถาม อนุเคราะห์ข้อมูลทางกฏหมายประกันภัยรถยนต์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ พฤษภาคม 26, 2010, 08:13:22 AM ปกติไม่เคยเจอนะครับ ที่ธนาคารจะไม่ระบุเรื่องนี้ไว้ในสัญญาเช่าซื้อ
ส่วนใหญ่จะมีตัวแทนประกันมานั่งรอบริการด้วยซ้ำ สิทธิตามสัญญาประกันภัย เป็นเรื่องที่คู่สัญญาระหว่างผู้เอาประกันภัย และผู้รับประกันภ้ยจะตกลงกันครับว่าจะให้ผู้ใดเป็นผู้รับประโยชน์ และกฎหมายไม่ได้ห้ามให้ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์จะเป็นคนเดียวกัน เมื่อขณะที่ไปทำสัญญา ผู้เอาประกันภัยตกลงสาระสำคัญในเรื่องผู้รับประโยชน์ว่าเป็นตัวผู้เอาประกันแล้วและผู้รับประกันภัยตกลงตามนั้น ผู้รับประกันภัยจะทำการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในสัญญาภายหลังไม่ได้ครับ ความเห็นส่วนตัวครับ ๑. เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการทำให้วัตถุประสงค์ในสัญญาเปลี่ยนแปลงครับ แต่การที่บริษัทประกันกลับระบุธนาคารให้เป็นผู้รับประโยชน์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะสัญญาเดิมที่คู่สัญญาตกลงทำขึ้น โดยเปลี่ยนจากสัญญาประกันภัยที่ผู้เอาประกันและผู้รับประโยชน์เป็นคนๆเดียวกัน เรียกว่า เป็นสัญญาสองฝ่าย กลับกลายเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก ซึ่งมีบุคคลที่เป็นคู่สัญญาฝ่ายที่สามเข้ามาในสัญญาโดยไม่ชอบครับ ๒.ตามข้างต้นครับ เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งคือผู้รับประกันภัย กลับเปลี่ยนแปลงลักษณะของสัญญาที่ตกลงไว้เดิม ถือว่าคำเสนอคำสนองไม่ตรงกัน ไม่ก่อให้เกิดสัญญาและสิทธิตามสัญญาทั้งสิ้น แม้สัญญาพิมพ์มาแล้ว เราสามารถบอกกล่าวยกเลิกการทำสัญญาดังกล่าวได้ครับ ๓. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัย ไม่ได้ระบุว่าผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ประกัน เพียงแต่กำหนดว่าผู้เอาประกันภัยจะต้องมีส่วน ได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้ด้วย ในกรณีนี้คือความรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อ ดังนั้น ไม่ว่าบริษัทประกันจะมีข้อตกลงอย่างไรกับธนาคาร ก็จะนำมาเป็นเหตุในการเปลี่ยนแปลงสัญญาไม่ได้ เพราะข้อตกลงระหว่างบริษัทประกันกับธนาคาร เราไม่รู้เห็นหรือตกลงด้วย ป.ล. เมื่อพบว่า บริษัทประกันทำการเปลี่ยนแปลงสัญญาแล้ว เราต้องดำเนินการยกเลิกทันที อย่าส่งเบี้ยประกันไปพลางๆจนเกิดเรื่อง เพราะอาจจะมองได้ว่า เราตกลงหรือยินยอมรับเงื่อนไขในสัญญาที่ทางบริษัทประกันเปลี่ยนแปลงไปโดยปริยายได้ครับ ;D ;D ถูกผิดชี้แนะด้วยครับ :D หัวข้อ: Re: ขอสอบถาม อนุเคราะห์ข้อมูลทางกฏหมายประกันภัยรถยนต์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ พฤษภาคม 26, 2010, 10:51:37 AM ขอบคุณ คุณทนายสิงห์ครับ
ประเด็นชัดเจนว่าบริษัทฯผู้รับประกันภัยได้รับคำสั่งจากธนาคารผู้ให้บริการเช่าซื้อ ให้ระบุผู้รับผลประโยชน์เป็นธนาคาร สอบถามจนพบสาเหตุว่า สัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันนี้ถูกระบุให้ผู้เช่าซื้อ(คนแรก)ต้องทำประกันภัยรถยนต์และระบุผู้รับผลประโยชน์เป็นธนาคาร ต่อมาผมเป็นผู้มาสวมสิทธิ์สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวข้างต้น เป็นการเปลี่ยนคู่สัญญาจากผู้ซื้อคนแรก กับธนาคาร มาเป็นผม(ผู้เช้าซื้อ)กับธนาคาร ความผูกพันในสาระแห่งสัญญาจึงตกเป็นพับแก่ผู้เช่าซื้อรายใหม่ด้วย สรุปว่าผมไม่ระมัดระวังเอง ปล่อยให้ธนาคาร"แนะนำ"ประกันภัยให้ ในวันข้างหน้าถ้าจะทำประกันภัย ควรจะเลือกผู้รับประกันภัยเองและพิจารณาถี่ถ้วนก่อนชำระเบี้ย กรณีของผม ชำระเบี้ยครบแล้ว บริษัทฯประกันภัย ปฎิเสธการแก้ไขสัญญาสลักหลังประกันภัย ปล. ผมคิดไม่ผิดที่เลือกเรียนกฏหมายเพิ่มเติม เพราะเวลามีปัญหาข้อกฏหมายแบบนี้ เจอแต่ทะแนะ ชอบเอาแต่ความเห็นความรู้สึกส่วนตัวโดยไม่ยกเอาข้อกฏหมายมาปรับใช้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันมากมายและเสียสิทธิ์อันพึงมีของตนไป ต้องขอบคุณ คุณสิงห์กลิ้งมากที่สละเวลามาให้ความรู้เป็นวิทยาทาน หัวข้อ: Re: ขอสอบถาม อนุเคราะห์ข้อมูลทางกฏหมายประกันภัยรถยนต์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ พฤษภาคม 26, 2010, 11:47:40 AM ว่าแล้วก็ขอต่อยอดนิดหน่อยจากเรื่องนี้ครับเพื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ::014::
คดีนี้ โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์ จากจำเลย ซึ่งเป็นสถาบันการเงิน และโจทก์ได้ทำสัญญาประกันภัย โดยให้จำเลยเป็นผู้รับผลประโยชน์จากสัญญาประกันในกรณีรถหาย หรือเสียหาย โดยในสัญญาเช่าซื้อระบุว่า หากรถยนต์สูญหาย ผู้เช่าซื้อยอมชดใช้ค่ารถยนต์เป็นเงินเท่ากับค่าเช่าซื้อส่วนที่เหลือที่ผู้เช่าจะต้องชำระทั้งหมดตามสัญญาเช่าซื้อทันที และไม่สามารถอ้างว่า จำเลยได้รับเงินค่ารถยนต์จากบริษัทประกันภัยที่โจทก์จ่ายเบี้ยประกันให้ หรือสรุปง่ายๆไม่ว่ากรณีใด โจทก์ ผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดเต็มราคาค่ารถตามสัญญาเช่าซื้อนั้นเอง ปรากฎว่ารถยนต์คันดังกล่าวหายไป จำเลยได้ติดต่อขอรับเงินค่ารถตามสัญญาประกันที่ให้จำเลยเป็นผู้รับประโยชน์ และบริษัทประกันได้จ่ายเงินค่ารถ เต็มตามวงเงินที่โจทก์ยังค้างชำระ ปรากฎว่าโจทก์ลูกหนี้รายนี้ กลับเป็นลูกหนี้ที่ดี ยังคงผ่อนลมให้บริษัทจำเลย หลังจากที่รถหาย จำนวน ๑๐ งวด เป็นเงินทั้งสิน ๒๒๗,๐๓๐ บาท ต่อมากลับมาฟ้องจำเลย เรียกเงินค่ารถที่ผ่อนไปทั้งหมดคืน จำเลยอ้างสัญญาดังกล่าวขึ้นต่อสู้ ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยไว้ยุติธรรมมากๆ คือ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๘๑๙/๒๕๔๙ ดังนี้ครับ จำเลยต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อ ๑๐ งวด เป็นเงิน ๒๒๗,๐๓๐ บาท ให้แก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ ๓ กำหนดว่า "ผู้เช่าสัญญาว่า (ก) ...กรณีที่รถยนต์สูญหาย ผู้เช่ายอมชดใช้ค่ารถยนต์เป็นเงินเท่ากับค่าเช่าซื้อส่วนที่เหลือที่ผู้เช่าจะต้องชำระทั้งหมดตามสัญญาเช่าซื้อทันที โดยผู้เช่าจะไม่ยกเหตุที่เจ้าของมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทผู้รับประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยรายที่ผู้เช่าเป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยตามเงื่อนไขของสัญญาเช่าซื้อ มาปฏิเสธความรับผิดที่จะต้องชำระราคาดังกล่าวข้างต้น และระหว่างอายุสัญญาฉบับนี้จะประกันภัยรถยนต์ไว้ตลอดเวลาโดยใช้กรมธรรม์ชนิดให้ความคุ้มครองเต็มจำนวนราคาค่าเช่าซื้อโดยปราศจากข้อกำหนดความรับผิดอย่างต่ำที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบเองหรือข้อจำกัดสิทธิใด ๆ กับบริษัทประกันภัยที่เจ้าของเชื่อถือ และให้สลักหลังระบุให้เจ้าของเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์เต็มจำนวนและมอบกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวไว้กับเจ้าของ ผู้เช่าในฐานะผู้เอาประกันต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์อย่างเคร่งครัด ถ้าผู้เช่าส่งคืนรถยนต์ให้แก่เจ้าของหรือถ้าเจ้าของกลับเข้าครอบครองรถยนต์นั้น ส่วนได้เสียของผู้เช่าในการประกันภัยใด ๆ ที่ทำไว้ตามสัญญาฉบับนี้ให้ตกเป็นของเจ้าของอย่างสิ้นเชิง โดยให้เจ้าของมีสิทธิได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการประกันภัยดังกล่าว รวมทั้งสิทธิเรียกร้องใด ๆ ตามกรมธรรม์ที่ยังค้างอยู่ ณ เวลาที่ส่งรถยนต์คืน หรือ ณ เวลากลับเข้าครอบครองรถยนต์ และหรือส่วนลดเบี้ยประกันภัยใด ๆ สิทธิที่จะได้รับเงินจำนวนใด ๆ และเงินทั้งหมดที่บริษัทผู้รับประกันภัยจะต้องจ่ายและที่ได้จ่าย ในกรณีรถยนต์ถูกลักหรือเสียหายอย่างสิ้นเชิงตามสัญญาประกันภัยใด ๆ ดังกล่าวแล้ว ให้บริษัทรับประกันภัยจ่ายให้แก่เจ้าของโดยตรงและโดยสัญญานี้ผู้เช่ามอบหมายอำนาจอันจะเพิกถอนมิได้ให้เจ้าของเป็นผู้ออกใบรับเงินให้แก่บริษัทผู้รับประกันภัยสำหรับเงินใด ๆ ที่บริษัทผู้รับประกันภัยจะต้องจ่ายตามสัญญาประกันภัยดังกล่าว" เห็นว่า หากเป็นไปตามสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวแล้ว กรณีรถยนต์ที่เช่าซื้อถูกลักไป จำเลยผู้ให้เช่าซื้อได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ๒ ทาง โดยได้จากโจทก์ผู้เช่าและจากบริษัทประกันภัย อันเป็นการเกินกว่าความเสียหายที่จำเลยได้รับ เมื่อโจทก์เป็นผู้เสียเบี้ยประกันภัยและจำเลยเป็นผู้รับประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันภัย ก็เพื่อโจทก์จะไม่ต้องเป็นภาระใช้ค่ารถให้แก่จำเลยจึงยอมเสียเบี้ยประกันภัย และจำเลยได้แสดงเจตนาขอค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยแล้ว จนบริษัทประกันภัยอนุมัติให้จ่ายเงินให้จำเลย การที่จำเลยรับเงินค่าเช่าซื้อที่เหลือจากโจทก์ หลังจากรถยนต์ที่เช่าซื้อถูกลักไปเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อจำนวน ๒๒๗,๐๓๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ที่จำเลยรับไปหลังจากรถยนต์ที่เช่าซื้อถูกลักไป คืนให้แก่โจทก์ ............................................... กลับกัน หากจำเลยในคดีนี้ กลับมาฟ้องโจทก์ผู้เช่าซื้อให้รับผิดค่าเช่าซื้อทั้งหมดตามสัญญา ทั้งที่ได้รับเงินตามสัญญาประกันภัยที่โจทก์ชำระเบี้ยประกันครบถ้วนแล้ว ข้อต่อสู้ของโจทก์ในคดีนี้ แน่นอนข้อหนึ่งคือ ใช้สิทธิทางศาลนำคดีมาฟ้องโดยไม่สุจริตนั้นเอง เมื่อทางพิจารณาของศาลเห็นว่า มีการนำคดีขึ้นสู่ศาลโดยไม่สุจริตแล้ว ศาลต้องยกฟ้องคดีนี้ครับ ;D หัวข้อ: Re: ขอสอบถาม อนุเคราะห์ข้อมูลทางกฏหมายประกันภัยรถยนต์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ พฤษภาคม 26, 2010, 02:53:39 PM จ๊วบ จ๊วบ เอ้ยไม่ใช่อ่ะค่ะ ต้อง จุ๊บ จุ๊บ สองฟอดอ่ะค่ะพี่สิงห์ขร๊าาาาาา
หัวข้อ: Re: ขอสอบถาม อนุเคราะห์ข้อมูลทางกฏหมายประกันภัยรถยนต์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ พฤษภาคม 26, 2010, 03:28:22 PM ::005:: ::005::
|