เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

เป็นเกษตรกรมืออ่อนหัดครับ ปลูกปาล์มน้ำมันมาได้ปีกว่าแล้ว....แต่ ::013:: ::013::

ตอนนี้เลยคิดว่าจะทำปุ๋ยหมักไว้ใช้ในสวนฯอีกทาง

ไปดูที่เขาทำมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่....เลยจะมาขอคำปรึกษาครับ

ตอนนี้ก็ว่าจะลองหัดทำไปพลางๆก่อน หากได้เรื่องคืบหน้ายังไงจะมารายงานให้ทราบครับ

ขอบคุณครับ(http://img291.imageshack.us/img291/9595/iconrazzs.gif) (http://img291.imageshack.us/i/iconrazzs.gif/)

http://kasetlungkim.forumb.biz/ (http://kasetlungkim.forumb.biz/)
ตามนี้เลยครับ โจ้ ผมเคยฟังแกออกรายการวิทยุได้ความรู้ดีเลยไปเปิดเวปดู ยิ่งมีสาระเข้าไปใหญ่ ::002::

เข้าไปค้นดูในเวปรักบ้านเกิดสิครับ

ผมใช้หัวปลา/ไส้ปลา 5 กก.ขอมาจากตลาด,จุลินทรีย์ EM.1/2 ลิตร (ขวดละ 1 ลิตร 100 บาท),กากน้ำตาล 5 ลิตร,ใส่น้ำเปล่าให้ได้ค่อนไห(ไห 20 ลิตร) เอาถุงพลาสติกผูกปากไหมัดให้แน่น หมักไว้ 1 เดือนก็ใช้ได้ ปล่อยให้ไหมีที่ว่างบ้างเพราะหัวปลาจะขยายตัว(ขึ้นอืด)ขึ้นมาด้วยอาจล้นไหเหม็นอบอวล เมื่อเป็นปุ๋ยน้ำสำเร็จจะเป็นน้ำหมักเข้มข้นสีน้ำตาลเข้มมีฝ้าลอยตามผิวหน้า มีกลิ่นเหม็นเฉพาะตัว บอกไม่ถูก ที่มีคนบอกว่าไม่เหม็นอย่าเพิ่งเชื่อ เวลาใช้ให้ตัก 1 กระป๋องนมผสมน้ำ 1 ปี๊บ ผมผสมขนาดนี้นึกว่าเจือจางแล้ว เอาไปสาดให้มะพร้าวน้ำหอม และกล้วย..ใบเหลืองหมดเลย มันไม่ชอบ แต่ต้นไม้อื่นไม่เป็นไร   

http://www.ldd.go.th/menu_5wonder/index.html (http://www.ldd.go.th/menu_5wonder/index.html)


ติดต่อรับสารเร่งชีวภาพได้ที่ สถานีพัฒนาที่ดิน ในจังหวัดท่านได้เลยครับ  :D

ที่บ้านลุงผม  มีร้านอาหารเขาอยู่ใกล้ ๆ   ติดสินบนคนงานในครัวเขาเอาไว้ เขาเอาหัวกุ้งสด  เปลือกกุ้งสดมาให้ทุกวัน วันละร่วมกิโล....

เริ่มแรก ก็หมักหัวเชื้อ พด.2 ธรรมดา กับกากน้ำตาล น้ำพอประมาณ(ไม่ได้ตวง  :~) ) หมักไว้ได้สัก 2 อาทิตย์ได้มั๊ง  แกก็เอาหัวกุ้งมาให้

เปิดพลาสติกคลุมฝาโอ่งก็ ใส่เลย .... (ตอนนั้น ไม่เหม็น แต่มีกลิ่นเล้ว)

สองเดือนผ่านไป  มันก็ถึงปากโอ่ง  เปิดดู กลิ่นไม่ดุอย่างที่คิด แต่ความเข้มข้น อื้อหือ แตะ ๆ โดนมือนี่ ล้างสิบน้ำก็ยังมีกลิ่น

หมักต่อไปอีกเดือน  แล้วเอาไปใช้  แจกกันซะทั่วหมู่บ้านเลย  มาตัก(ตักเอาเองนะ ทำหกถูกด่า...)ไป คนละขวดขาว เอาไปใช้

ผสมน้ำ 1 ต่อ 200 เลย  ไม่งั้นเข้มเกิน    ฉีดใบและโคนต้นทุก 15 วัน (ใช้ไม่เข้ม แต่ต้องขยันซ้ำ)  พืชเจริญดีมาก ดึงยอดได้ดีมากเลย

 กับน้ำหมักสูตรหัวกุ้ง.... ปูแดงก็ปูแดงเหอะ

๒  เว็บนี้เลยครับ  สูตรเด็ดหาจุลินทรีย์จากธรรมชาติ  ต้นทุนถูก  ::002:: 

http://tawatchainakabut.multiply.com/journal/item/212 (http://tawatchainakabut.multiply.com/journal/item/212)

http://www.pooyatayai.com/mag.htm (http://www.pooyatayai.com/mag.htm)

ขอบคุณมากๆครับสำหรับทุกๆข้อมูล ::014::......เจาะเวบไม่ค่อยถูกอยู่พอดี หากได้เรื่องยังไงจะมารายงานผลให้ทราบครับ ;D

ได้หัวเชื้อจุลินทรีย์ชนิดแห้งตามเว็บนี้ http://tawatchainakabut.multiply.com/journal/item/212 (http://tawatchainakabut.multiply.com/journal/item/212)  มาแล้วแบ่งกันบ้างนะครับ  ;)

ผมว่าจะลองทำดูแต่หาแกลบไม่ได้เลยครับ  ไม่รู้ว่าใช้อะไรแทนได้บ้าง  ::014::

ที่ผมลองทำ ใช้ขุยมะพร้าว3 ส่วน ขี้ไก่ไข่  1 ส่วน  ปุ๋ยยูเรียนิดหน่อย   ใช้ พด รดครับ  ใช้กับสวนปาล์มไปครั้งนึงแล้วครับ  ไม่รู้ว่าดีรึเปล่า แต่เอาบางส่วนมาทำแปลงผักกวางตุ้ง พริกขี้หนู   กินผักไปสองรอบแล้วครับ

พี่โจ้ครับ

ลงมือทำเลยครับ เดี๋ยวจะมีทริป คอปืนด้ามขวานชมสวน ครับ จัดโดยน้าฉ๊องครับ

ขอบคุณครับ

ใส่ต้นปาล์มน้ำมัน  แนะนำขี้เค้กปาล์มครับ  ซื้อเป็นรถ  ๖-๑๐ ล้อ  ใส่แล้วดินร่วนซุ่ยดี  ::002::

เหรอ ... ::006::

วิธีนี้ หากเปลือกกุ้งเปลือกปู ดองปลาหมึก ได้สับย่อยให้ชิ้นเล็กลงมั่ง จะทำให้ให้เวลาหมักน้อยลงครับ ได้ไคโตซานแบบที่
จะช่วยให้พืชดูดซึมอาหารดีขึ้น

อย่าลืมว่าไคโตซานไม่ใช่ปุ๋ย  ดินต้องมีธาตุอาหารที่พืชต้องการอยู่แล้ว ไคโตซานจะช่วยให้รากของพืชดูดซึมธาตุเหล่านั้นมากขึ้น

อีกอย่างการหมักแบบนี้ หากจะเอาไคโตซานจริงๆ ต้องล้างเปลือกกุ้งเปลือกปู ดองปลาหมึกให้สะอาดอย่าให้มีเนื้อติดมา
ไม่งั้นไคโตซานจะไม่บริสุทธิ์

ว่ากันว่าไคตินหรือไคโตซานจากดองปลาหมึก จะมีความหนืดมากกว่าไคโตซานจากเปลือกกุ้ง และกระดองปู
ที่ความเข้มข้นเดียวกัน จึงเหมาะที่จะใช้เป็นสารเพิ่มความข้น (thickener) ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง การแพทย์
และอาหารด้วยครับ

พูดถึงไคโตซานแล้ว  ข้อมูลเยอะ บางทีชวนมึนๆ ขอจบแค่นี้ดีกว่า ใครอยากรู้เพิ่มเอาคำ Chitosan เข้ากูเกิ้ลเอาเองครับ
อาจจะต้องจำแนกแยกแยะเอาเอง ว่าอันไหนเชื่อถือได้ หรือไม่ได้  ;D ;D ;D

เอามาให้ ศึกษาพลางๆ


ภูมิปัญญาไฮเทค
ไตโคซานพื้นบ้าน
วัตถุดิบ- หัวกุ้ง เปลือกกุ้ง    200  กรัม
- ขี้เถ้า   1 กก.
- น้ำ     10  ลิตร
- น้ำส้มสายชู  5 %
วิธีทำ
  ตักขี้เถ้าใส่ถังน้ำพลาสติกเติมน้ำ 10 ลิตร แล้วกวนให้ขุ่น จากนั้นปล่อยไว้ให้ตกตะกอนใช้กระชอนช้อนฝ้าขี้เถ้า
กับฝุ่นบนผิวน้ำออกน้ำใสส่วนนี้จะมีสภาพเป็นน้ำด่าง นำหัวกุ้ง เปลือกกุ้งแช่ในน้ำด่างขี้เถ้าประมาณ 12 ชม.หลัง
จากนั้นรินน้ำออกแล้วนำหัวกุ้ง เปลือกกุ้งล้างน้ำใส่ขวดโหลเทน้ำส้มสายชูเข้าไปแช่ไว้ประมาณ 45 วัน จนหัวกุ้ง
เปลือกกุ้ง ละลายกลายเป็นไตโคซานนำมาใช้ประโยชน์หลายอย่างในการป้องกันเชื้อราอื่นๆ

ใช้ในอัตรา  30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 15 วัน
ที่มาข้อมูลดีๆจาก หนังสือ 100 สูตรมหัศจรรย์ ปุ๋ยชีวภาพ ของ อาจารย์ บุญลือ สุขเกษม  หน้า18ครับ

ไคติน (Chitin) เป็นสารอินทรียที่เกิดตามธรรมชาติ มีปริ มาณมากเป็นอันดับสองของโลกรองจาก เซลลูโลส
พบในผนังเซลล์ของพืชบางชนิด สัตว์ และจุลินทรีย์ เช่น ในไดอะตอม ในยีสต์ ที่ ใช้ทํ าเบียร์ และในสัตว์ ที่ ไม่มี
กระดูกสันหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัตว์ที่มีเปลือกและ กระดอง เช่น หอย กุ้ง ปู และแกนปลาหมึก เป็นต้น
ไคโตซาน (Chitosan) คือโมเลกุลโพลิเมอร์ของ น้ําตาลกลู โคสที่มีหมู่ อะมิโน (NH2) มาประกอบ เรียกว่า
Poly amino glucose หรือ Poly (D-glucosamine) สูตร โมเลกุล [C6H12O4N]n น้ําหนักโมเลกุล [162.17]n
ไคโตซานเป็นอนุพันธ์ (Derivative) ชนิดหนึ่งของไคติน ที่ได้จากปฏิกิริยาการกําจัดหมู่อะเซทิล (CH3CO) ของ
ไคติน ด้วยสารละะลายด่างเข้มข้น เรียกว่า ปฏิกิริยาดีอะเซทิเลชัน (Deacetylation) ทําให้ โครงสร้างของไคติน
บางส่วนเปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะหมู่ฟังก์ชันที่ มี ธาตุไนโตรเจน ในรูปของหมู่อะเซตามิโด (NH-CO-CH3)
เปลี่ยนไปเป็นหมู่อะมิโน (NH2) ที่คาร์บอนตําแหน่งที่ 2 ไคโตซานมีคุณสมบัติ เป็น Cationic polyelectrolyte
เนื่องจากไคโตซานมีหมู่อะมิโนอิสระ (NH2) ที่คาร์บอน ตําแหน่งที่ 2 ซึ่งมี ประจุบวกบนหมู่อะมิโนอิสระ และไค
โตซานสามารถจับกับสารที่มีประจุลบ จึงทําให้ละลายได้ใน สารละลายหลายชนิดที่ มีควาความเป็นกรด-ด่างใน
ช่วงที่เป็นกรด คือ pH น้อยกว่า 5.5 ไคโตซานจึงมีศักยภาพ ในการใช้ประโยชน์สูง


1. การผลิตไคติน นำเปลือกกุ้งมา
อบที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส จนกระทั่งน้ําหนักของเปลือกกุ้งคงที่
 ทําการกําจัดโปรตีน โดยนําเปลือกกุ้งมาทําปฏิกิริยากับสารละลาย
ด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) เข้มข้น 8 เปอร์เซ็นต์
โดยการรีฟลักซ์ ในอัตราส่วน 1:6 โดยน้ําหนักต่อปริมาตร
ที่อุณหภูมิประมาณ 80-90 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2-3
ชั่วโมง จากนั้นกําจัดเกลือแร่ โดยนําเปลือกกุ้งที่กําจัด
โปรตีนทําปฏิกิริยากับกรดไฮโดรคลอริก (HCl) ความ
เข้มข้น 8 เปอร์เซ็นต์ในอัตราส่วน 1:6 โดยน้ําหนักต่อ
ปริมาตรที่อุณหภูมิห้อง เป็นเวลา 24 ชั่วโมง


 2. การผลิตไคโตซาน
นําไคตินจากขั้นตอนที่1. มาทําปฏิกิริยากําจัดหมู่อะเซทิล โดยทําปฏิกิริยากับ
สาละลายด่างโซเดียมไฮดรอกไซดเข้มข้น 50 เปอร์เซ็นต์
โดยการรีฟลักซ์ ในอัตราส่วน 1:10 โดยน้ําหนักต่อปริมาตร
ที่อุณหภูมิประมาณ 90–120 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 4 -
5 ชั่วโมง

6. ล้างและทำให้แห้งและบดให้ละเอียดจะได้สารไคโตซาน (Chitosan) ในรูปผง


อันหลังนี่เป็นวิชาการกึ่งๆเคมีครับ
อยากบอกเพียงแค่ว่า เดี๋ยวนี้ เคมีและอินทรีย์อยู่ใกล้กันมาก
สารทางอินทรีย์บางอย่างก็ผ่านกระบวนการทางเคมีนะ อย่างเช่นไคโตซาน ที่ผลิตจากเปลือกกุ้งเปลือกปู
จะเรียกว่าเป็นเคมี หรืออินทรีย์ดี  ;D ;D ;D

อย่าคิดมากครับ คิดอย่างเดียวว่าไม่เป็นพิษตกค้างก็พอ  ;D ;D ;D

ยินดีครับ....ได้เรื่องยังไงจะกลับมารายงานครับ ;D



ว่าจะลองอยู่เหมือนกัน....แถวสวนฯผมขาย3,500-(รถสิบล้อ) หากสั่ง3คันขึ้นเขาคิดคันละ3,000- ;D

ขอบคุณครับ....ไม่ทราบพี่ปลูกอยู่แถวไหนครับ ของผมเป็นดินป่าพรุฯ ดินเปรี้ยว

ผักสวนครัวมีปลูกไว้เหมือนกัน แต่ก็ ::013:: ::013::

นี้ก็กะว่าจะยกร่องใหม่....เดี๋ยวไว้ถ่ายรูปที่ปลูกอยู่มาให้ชมครับ ::005:: ;D

ขอบคุณน้าซับมากมายครับ ::014::....มาเที่ยวหน้า รบกวนมาให้ถึงสวนฯผมนะ ไก่บ้าน ปลาดุก กบ(อันนี้ต้องโหล่)พร้อม สำหรับเชพซับ ;D

ราคาสูงอยู่นะครับ  อยู่ำไกลจากโรงงานปาล์มน้ำมันมากเหรอครับ    พังงารถบรรทุก  ๖  ล้อเล็ก  ส่งถึงสวนอยู่ที่ ๘ ร้อย+- นิดหน่อยครับ   ::014:: 

มีคนบอกมาว่าโรงงานขายอยู่ที่จอบเม็ึคโคละ ๕๐  บาท  เมื่อก่อนแจกฟรี  ::012::   เอามาใส่หน้าฝนจะเป็นหนอนเต็มเลยครับ 

เห็นคนรู้จักซื้อมากองใส่ต้นปาล์ม  พอโดนน้ำจะมีหนอนเกิดขึ้น  ไก่ที่เค้าเลี้ยงไว้มากินหนอนกันเต็มเลยครับ  ไม่ต้องให้อาหารไก่เลย  :VOV:

ปุ๋งกี๋แบคโฮมีหลายขนาดครับ คตั้งแต่ต่ำกว่า1คิวจน1คิวกว่าๆ

ปลูกที่สุราษฏร์ครับ    ผมก็เพิ่งจะเริ่มปลูกปาล์มครับ  ปลูกมาสองปี  ปีแรกที่ปลูกลงตอนแรก แล้งมากครับ ต้นโทรมมาก พอหน้าฝน ฝนตกหนักจนน้ำท่วม   ท่วมอยู่หลายเดือนครับ  พอน้ำลด ปาล์มตายไปเยอะเลยครับ  ปลายปีที่แล้วปาล์มเริ่มสวยขึ้นหน่อย เจอแล้งอีก  ตายไปหลายต้นเลยครับ  นี่ก็เพิ่งใส่ปุ๋ยครับ  ใส่ปุ๋ยเสร็จเจอแมลงอีก เหนื่อยเลยครับ

ปกติแล้งมากกับฝนมากไม่น่าจะตายหลายต้นนะ   ที่ตายเพราะหนูกัดมากกว่าครับ   ตัดหญ้าให้เตียน ๆ หน่อย  หนูไม่กล้าออกมากัดต้นปาล์มครับ  ;)

หากต้นเล็กพอ น้ำท่วมนานๆเกินเดือนครึ่งตายครับ บ้านผมตอนปลูกก็เคยตายกะน้ำท่วมหลายต้น
แต่แล้งนานไม่ตาย จะทดคือโตช้า ต้นโตๆจะทนน้ำนานกว่า แต่พอน้ำแห้ง จะซ่อมแซมตัวเองอยู่
นานพอๆกัน กว่าจะโตต่อ

บางทีเห็นน้ำแห้ง แล้งแล้ว พอเข้าไปเดินในสวนปาล์ม กลายเป็นว่าเดินบนดินที่ยังชุ่มน้ำอยู่เลย
กว่าน้ำในดินจะงวดลงก็อีกนาน ขึ้นกะแสงตะวัน และฝนจะลงอีกหรือไม่ หากปาล์มยังเล็กทางปาล์มสั้น
โอกาสที่ตะวันส่องถึงดินมีเยอะ แห้งไว หากเป็นปาล์มโต ทางยาวแล้ว ตะวันส่องไม่ถึงดิน แห้งช้า
แต่ว่าปาล์มโตแล้วทนกว่าปาล์มเล็กเยอะ พูดง่ายๆ หากปาล์มโตแล้วเหมือนว่าวติดลมบน ไม่ท่วมเกิน2-3เดือน
อยู่ได้สบาย แต่ว่าผลผลิตอาจน้อยลงบ้าง ตามอุปสรรคที่เกิดครับ

ปาล์มแถวที่ผมปลูก ส่วนใหญ่อายุยังไม่มากครับ บางสวนเพิ่งเริ่มเก็บผลผลิต  ช่วงน้ำท่วม ท่วมถึงทะลายเน่าคาต้นเยอะเลยครับ   

ขี้ยางกะปุ๋ยสูตรนี้ และ รถบรรทุกปลาเป็ด อันไหนเหม็นกว่ากันครับ ::005:: ::005::

และถ้ารถบรรทุกปลาเป็ด ชนกับ รถบรรทุกขี้ยาง เราจะทำไงดีคนขับก็เจ็บกันอยู่ทั้งสองคัน