|
หัวข้อ: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: -M-O-N-G- ที่ มิถุนายน 30, 2010, 03:24:09 PM 10 วิธีเริ่มต้นครับ = เครดิตจากเวป .superfour-club.com ครับ ;D
วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด ปัจจุบันรถยนต์ที่เป็นเกียร์ออโตเมติกเป็น ที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากขับขี่สบายไม่ต้องเมื่อยเปลี่ยนเกียร์และเหยียบคลัตช์ (Clutch) ตลอดเวลายามรถติด แต่อาจมีบางท่านเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้เกียร์ออโต ส่งผลให้ทอนอายุการใช้งานของรถโดยไม่รู้ตัว... การเปลี่ยนเกียร์จาก D ไป N ในเวลาที่รถติดไฟแดงบ่อยๆ นั้นหลายคนคงเคยปฏิบัติกันอยู่ เนื่องจากเวลารถติดขี้เกียจเหยียบเบรกก็เข้าเกียร์ N ไว้ เมื่อรถเคลื่อนก็เปลี่ยนเป็น D ถ้าช่วงรถติดแล้วขยับเคลื่อนทีละนิดทีละหน่อย ทำให้ต้องเปลี่ยน D-N-D-N-D-N อยู่อย่างนี้เท่ากับคุณกำลังทำร้ายระบบเกียร์ของคุณอยู่ ระบบ เกียร์ออโตเมติกนั้นจะประกอบด้วยชุดเกียร์ที่ขบกันตลอดเวลา การส่งแรงจาก N ไป Dจะต้องมีการสึกหรอของเฟืองนั้นต้องมีการปล่อยและจับอยู่ตลอดเวลา อายุการใช้งานก็จะสั้นลง เพราะถ้าเบรกอยู่เฉยๆ ระบบเบรกก็ไม่ได้ร้อนขึ้นเพราะว่าจานดิสเบรกหรือดุมเบรกไม่ได้หมุน ผ้าเบรกก็ไม่สึกหรอเพราะว่าล้อไม่หมุน แรงที่ใช้ในการเหยียบก็ไม่มากขนาดจะทำให้ชุมแม่ปั๊มเบรกพังหรือทำให้อายุการ ใช้งานน้อยลง หลายคนที่เปลี่ยนเกียร์ D-N-D-N-D-N อ่านถึงบรรทัดนี้แล้วก็อยากจะเถียงว่าไม่เห็นมีการเปลี่ยนแปลงเลย รถยังคงสามารถขับได้ตามปกติ ระบบเกียร์ก็ยังปกติดอยู่ แต่พฤติกรรมอย่างนี้จะส่งผลแก่รถคุณในระยะยาว เปรียบเหมือนกับการสูบบุหรี่นั่นแหละ ระบบคลัตช์ของคุณจะลื่น ทำให้เวลาออกตัวคุณจะต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้นทำให้รอบสูงขึ้น น้ำมันก็เปลืองขึ้น แต่รถกลับไม่ได้วิ่งอย่างนั้นเลยสูงขึ้น น้ำมันก็เปลืองขึ้น แต่รถกลับไม่ได้วิ่งอย่างนั้นเลย *************************************************************************** หน ทางที่จะนำเราไปสู่อายุขัยยืนนานของการใช้เกียร์ออโตเมติกง่ายๆ ให้มีไว้สัก 10 เถอะนะครับ จำง่ายดี เริ่มกันที่ 1. ควรเปลี่ยนถ่าย ATF ให้ได้อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง แม้ ตามกำหนดที่โรงงานได้กำหนดไว้ในสมุดคู่มือถึง 40,000-45,000 km หรือราว 2-2 1/2 ปี ก็อย่าได้วางใจตามนั้น ด้วยว่าการจราจรของกรุงเทพฯ เรา ติดๆ ขัดๆ ความร้อนสะสมสูงเกือบตลอดการใช้งาน เดี๋ยว ON Gear หรือ OFF Gear อยู่โดยตลอดทั้งวัน นานๆ ทีถึงได้มีโอกาสยืดเส้นยืดสายออกทางไกลหรือขึ้นทางด่วนวันหยุดกับเขาหน่อย นึง ความร้อนสะสมจากอุณหภูมิเฉลี่ยที่สูง และการใช้งานวิ่งๆ หยุดๆ ทำให้แรงดันน้ำมัน ATF สูง-ต่ำไม่คงที่ อุณหภูมิมักสูงตลอดเวลาจากแรงดันที่สูงๆ ต่ำๆ ดังนั้นการให้โอกาส AT (เกียร์ออโตเมติก) ได้ดื่มด่ำกับ ATF ใหม่ๆ สดๆ จึงเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราปฏิบัติได้ไม่ยากครับ อย่าถือว่าสิ้นเปลืองเลยนะ 2. ไม่ควรโยกตำแหน่งเกียร์บ่อย ควร ให้โอกาสมันได้ทำ "หน้าที่อัตโนมัติ" ด้วยตัวของมันเองมากๆ หน่อย เพราะมันถูกออกแบบให้ทำงานตามลำดับขั้นตอนโดยใช้ความเร็วเป็นตัวกำหนดจังหวะ การเปลี่ยนเกียร์อยู่แล้วเป็นปกติวิสัย มีเจ้าของรถบางท่านที่เชื่อ คำโฆษณาว่าเกียร์ออโต้สมัยใหม่สามารถโยกเปลี่ยนได้ตามใจชอบ ก็เลยเอานิสัยเดิมที่เคยใช้รถเกียร์ธรรมดามาใช้กับ AT คือเชนจ์ขึ้น-ลง ปรากฏว่า อายุเกียร์ไม่ข้ามปีที่ 2 หรือไม่เกิน 40,000 กม. ด้วยซ้ำครับ พัง! สาเหตุก็มาจากการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ทั้งวันจนเป็นนิสัย ชิ้นส่วนภายในเครียดตลอดเวลา ความร้อนสูงจากแรงดัน ATF ที่สูงเกินไป ทำให้สึกหรอสูง จนแรงดัน ATF ไม่คงที่ ทุกอย่างพังหมดครับ และพังอย่างเร็วซะด้วยครับ! บางท่านที่ไม่มากประสบการณ์ก็อาจเผลอกด Overdrive (เกียร์สำหรับลดรอบเครื่องยนต์) ไว้ทั้งวัน โดยมิได้สังเกตอาการก็มีครับ 3. ยุคหนึ่งเชื่อกันว่า ถ้าติดไฟแดงก็ควร "พักเกียร์" ใช่ ครับ ผมเองในอดีต 10 ปีก่อนก็ทำเช่นนี้บ่อยๆ คือเต็มใจปลดเกียร์เป็น N ทุกครั้งที่ติดไฟแดง โดยหวังว่าจะช่วยเป็นการพักเกียร์! แต่ความจริงกลับไม่ต้องทำเช่นนั้น การ ใช้งาน AT ให้ยืนนาน ควรเข้าใจว่าทุกครั้งที่เรา "OFF Gear" น้ำมัน ATF จะหยุดแรงดันของมันทันทีครับ จำ "หลุมฉิ่ง" Orifice Valve ที่มีลูกปืนเม็ดเล็กๆ ทนๆ กลิ้งอุดและเปิดวาล์ว ATF ได้ไหมครับ ยามใดที่ ON Gear ลูกปืนในหลุมฉิ่งเหล่านี้จะเปิดให้ ATF ผ่านด้วยแรงดันน้ำมัน ATF ที่อัดอยู่เต็ม VB ( Valve body สมองเกียร์) เพื่อ hold ตำแหน่งเกียร์ D อยู่ แต่หากเราเข้าตำแหน่ง N เจ้า ATF ก็หยุดเดิน และไม่ "Standby" ลูกปืนเปิด-ปิด Orifice Valve ก็ปิดตัวลงนอนแอ้งแม้งใน "หลุมฉิ่ง" พอเราเข้าเกียร์ D เพื่อออกตัวในจังหวะไฟเขียว ...เท่านั้นละครับ ATF มันก็แย่งกันสูบฉีดด้วยแรงดันให้ไหลวกวนใน VB สมองเกียร์ จงคิดเอาเถิดครับว่า วันหนึ่งๆ หรือครั้งหนึ่งที่คุณได้ทำเช่นนี้ แรงดัน ATF มันจะขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา ไม่ Constant สักที ของเหลว (ATF) เมื่อเคลื่อนตัวไหลไป-มาด้วยแรงดันบ่อยๆ ความร้อนก็ไม่คลายแต่กลับเพิ่มขึ้นๆ สี่แยกแล้วสี่แยกเล่า หยุดแล้วหยุดเล่า Orifice Valve ต้องทำงานตลอดเวลา เดี๋ยวไหลเดี๋ยวหยุดกะปริบกะปรอย มันจะทนไหวหรือครับ ต่อไปนี้ให้ทำอย่างนี้ครับ หากหยุดในชั่วแค่ 2-3 นาที ก็ควร "Hold D" เอาไว้ โดยเหยียบแป้นเบรกแทน แต่หากหยุดนานเกินกว่านี้ค่อยเข้า OFF Gear เป็น N อย่างน้อยก็ช่วยยืดอายุเกียร์ได้อีกโขเลยละครับ ด้วยวิธีง่ายๆนี้ จำไว้ต่อไปนี้หยุดแป๊บเดียวไม่ต้องปลดเกียร์ 4. อย่าปลดให้เป็น N (ว่าง) เพื่อให้รถไหล เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันก่อนหยุดไฟแดง วิธี ช่วยประหยัดน้ำมันเช่นนี้ไม่ดีแน่ แม้จะดีบ้างกับความประหยัดเชื้อเพลิงลิตรละ 10-15 บาท แต่เกียร์ออโต้มันไม่ชอบ ควรปล่อยให้มัน ON Gear ไปจนถึงไฟแดงดีกว่าครับ แล้วแตะเบรกหยุดมันจะทนกว่ามากเลยครับ อีกอย่าง ความประหยัดเชื้อเพลิงด้วยวิธีไหลในตำแหน่ง N ก็ช่วยประหยัดแค่ 2-3% เท่านั้นเอง พูดถึงค่าซ่อมเกียร์ราว 2-3 หมื่น จะคุ้มหรือครับ!? 5. การ Take Off แบบในหนัง คือออกรถให้ล้อเอี๊ยดโชว์นั่นน่ะ อย่าทำเป็นอันขาด สิ่ง ที่จะพังเร็วคือ FP (Friction Plate) ที่เรียงเป็นตับอยู่ในเรือนเกียร์ไงครับ มันจะสึกจากความร้อนที่เสียดสีฉับพลัน น้ำมัน ATF ก็ร้อนสูง (ฮีต) บ่อยๆ เข้า เจ้า FP ซึ่งหนาแค่ 2-3 มิลลิเมตร ก็ไหม้ได้ครับ นึกถึงภาพเบิ้ลคันเร่ง บรื้นๆๆ... ในขณะที่ AT อยู่ในตำแหน่ง N วัดรอบขึ้นไปตั้ง 3,000-5,000 rpm แล้วโยกมาที่ N ทันที "จ๊ากโชว์" ได้แน่ครับ แต่ตับไตไส้พุงของ AT มันจะพังคาที่ ในการทำเช่นนี้ไม่ถึง 10 ที ลำพังเจ้าของแบบเราๆ คงไม่ทำเช่นนี้ แต่กล่าวเผื่อไว้สำหรับวัยรุ่นรถซิ่งนะครับ แอบเอารถคุณพ่อคุณแม่ หรือเด็กอู่บางคนแอบเอารถลูกค้าไปซิ่งเล่น ปรากฏว่าพังครับ พังชั่วไม่ข้ามคืนนี้แหละครับ ฉะนั้น อย่า Take Off เพื่อ Show Off เป็นอันขาดครับ! 6. ขณะลากจูง หรือใช้ระบบ "Fly in Four" หรือ "Shift on the Fly" ควรศึกษาคู่มือให้ดี ก่อนอื่นให้ทราบจากผู้ขาย หรือคำโฆษณา หรือคู่มือประจำรถก่อนว่าเขากำหนดความเร็วในการเล่นฟังก์ชันไว้เท่าใด ใน เกียร์ AT ยุคก่อน ในกรณีต้องลากจูงรถ เขาจะกำหนดความเร็วมักไม่เกิน 40 กม./ชม. ซึ่งเร็วแค่นี้จะไม่เป็นการทำลายเกียร์ ในรถรุ่นใหม่ เกียร์ CPU อาจลากได้เร็วขึ้นถึง 60-80 กม./ชม. แต่หากไม่แน่ใจ ควรลากไปเรื่อยๆ ที่ความเร็ว 40-50 กม./ชม. แค่นี้ดีมากครับ ไม่ว่าเกียร์ออโต้ของเราจะเป็นยุคไหนๆ ปลอดภัย ถนอมมันเอาไว้ก่อนจะดีกว่าครับ ส่วนรถ OFF Road 4x4 ประดามีที่โฆษณากันว่าเปลี่ยนเป็นขับ 4 ล้อได้ ในขณะที่วิ่งเร็วๆ เราเจ้าของรถก็ควรเข้าใจให้ถ่องแท้ว่า ในคู่มือกำหนดไว้เช่นไร ที่ความเร็วไม่เกินเท่าไร ก็สมควรปฏิบัติตามนั้นครับ ฟังก์ชัน เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจาก 2 ล้อ มาเป็น 4 ล้อ ขณะรถวิ่งถูกเรียกว่า "Fly in Four" หรือ "Shift on the Fly" จะกำหนดไว้เฉพาะการขับเคลื่อนจาก 2H มาเป็น 4H หรือจากขับเคลื่อนปกติ 2 High เป็น 4 High เท่านั้น ความเร็วที่โฆษณาไว้ก็แถวๆ 60-80 กม./ชม. ไม่ถึง 100 กม./ชม. เพราะอัตราทดเกียร์ของแต่ละยี่ห้อที่โฆษณา รวมถึงเส้นรอบวงจากขนาดของวงล้อก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงและถูกหลงลืม ดังนั้นควร "เมคชัวร์" ในการ Shift on the Fly หรือเปลี่ยนเกียร์จาก 2H มาเป็น 4H ด้วยการใช้ความเร็วต่ำๆ เข้าไว้จะชัวร์กว่า อย่าเปลี่ยนที่ความเร็วระดับ 100 เลยครับ เขาโฆษณาว่าทำได้จริงอยู่ แต่จะทำได้แค่ไหน หรืออายุเกียร์ AT จะทนในอายุการใช้งานเท่าใด เราผู้เป็นเจ้าของรถเท่านั้นที่รับผิดชอบ หากทำอะไรในความเร็วที่ เกินเลยไป บางทีรถอาจพลิกคว่ำในความเร็วขณะที่เปลี่ยน 2H เป็น 4H หรือไม่ก็เกียร์ AT อาจพังเร็วขึ้น ที่ แน่ๆ หากจะใช้ Shift on the Fly (เปลี่ยนจาก 2H เป็น 4H) ขณะรถวิ่ง ควรให้ตำแหน่งเกียร์อยู่ที่ D (อย่าไปที่ D อื่นๆ) และความเร็วแถวๆ 40-50 กม./ชม. ก็จะดี อย่าเชื่อโฆษณาอย่างเดียว ควรใช้หลักความจริงของเกียร์ AT เข้าไว้ครับ 7. ไม่ควรใส่อะไรผสมลงไปใน ATF ..หัวเชื้อน้ำมันเกียร์ AT ?! เพราะ เกียร์ AT ต่างกับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด (Manaul 5 Speed) ที่เราเคยใช้ เจ้าอย่างหลังนี่มีหัวเชื้อดีๆ (Additive Fluid) ก็จะช่วยให้ชุดเกียร์หมุนลื่น หมุนเงียบขึ้น แน่นอนครับ เกียร์ธรรมดาถ้าหมุนคล่อง ลื่นดี เกียร์เข้าง่าย เชนจ์เกียร์ได้ฉับไว ขับได้สนุก แต่เกียร์ AT มันไม่สนครับ เพราะ FP Friction Plate ทำหน้าที่ตามชื่อของมันอยู่แล้ว ความลื่นเหลือล้นในน้ำมัน ATF จึงห้ามเด็ดขาด ควรยืนยันใช้เบอร์เดียว มาตรฐานเดียวกับที่สมุดคู่มือประจำรถกำหนดไว้เท่านั้น อย่างยิ่ง หรือหย่อนจากที่กำหนดในคู่มือโดยเด็ดขาด อ้อ คำถามที่ว่าน้ำมัน ATF แบบสังเคราะห์สมัยใหม่ที่เหนือมาตรฐานกำหนด ใช้ได้หรือไม่นั้น ควรสอบถามศูนย์บริการหรือผู้ชำนาญดูก่อนครับ แต่หากเป็นผม ผมยังคงยืนยันใช้ตาม spec เดิมครับ เพียงแต่ขยันเปลี่ยนหน่อยเท่านั้นเอง 8. ก่อนเข้า D ควรเหยียบแป้นเบรกไว้ก่อนหรือไม่? ก็ ได้ครับ จะเหยียบก็ได้ หรือไม่ต้องก็ได้ ในกรณีที่เหยียบแป้นเบรกไว้ก็เพื่อไม่ให้รถกระตุกในขณะที่เข้า D เท่านั้นเอง หากเป็นรถเก่า เกียร์รุ่นเก่าๆ เวลา On gear จะกระตุกจนตกใจ ก็ควรเหยียบแป้นเบรกให้เป็นนิสัยก่อนเข้า D เพราะเกียร์ AT รุ่นเก่าจะกระตุกมากจนน่ารำคาญ รวมไปถึงเกียร์ AT ที่มีอายุการใช้งานมานมนานหลายปีอาจมีอาการสึกหรอให้เห็นชัดด้วยอาการกระตุก อย่างแรง น่ารำคาญ การเหยียบแป้นเบรกเพื่อช่วย On gear ด้วยความนุ่มนวลไว้ก่อนเข้า D ก็เป็นสิ่งที่น่าทำ ส่วนจำเป็นมากน้อยอย่างไรก็แล้วแต่กรณีครับ แต่ผมเหยียบแป้นเบรกจนเป็นนิสัยก็ไม่ลำบากแต่อย่างใดครับ 9. หมั่นสังเกตอาการกระตุกของ AT ยาม ใดที่เรารู้สึกว่าเกียร์ AT ที่เราใช้อยู่ทุกวันมันเกิดกระตุกยิ่งกว่าเดิม อย่าวางใจนะครับ ควรพบช่างเพื่อปรับตั้ง "Vacuum Control : VC" ทันที อย่าแกล้งเมิน บางทีอาการกระตุกของ AT จะหายได้ง่ายๆ ด้วยการปรับตั้ง VC เท่านั้นเอง แป๊บเดียวก็เสร็จ แต่ถ้าหาก VC ถูกใช้มานานหลายปีดีดักแล้วละก็ สมควรสั่งอะไหล่มาเปลี่ยนใหม่ครับ ไม่ควรซ่อม เพราะชื่อมันก็บอกครับว่าเป็น Vacuum ซึ่งความหมายก็คือ มันทำงานด้วยสุญญากาศเท่านั้น เสียแล้ว เสื่อมแล้ว รั่วแล้วซ่อมไม่ได้ ต้องเปลี่ยนยกชุดของแท้ครับ แต่หาก เปลี่ยน VC ใหม่ยกชุดแล้ว ยังมีอาการ คราวนี้ก็ควรล้างสมองเกียร์ VB ด้วยน้ำยา Flush & Fill สักที หากไม่ปล่อยให้อาการนี้เกิดขึ้นนานจนลำบากยุ่งยากละก็ แค่ล้างด้วยน้ำมัน Flush & Fill เดี๋ยวเดียว ชุด VB สมองเกียร์ ก็สะอาดเอี่ยมอีกครั้ง ไม่กระตุกอีกต่อไปชั่วระยะเวลาอีกนานปี 10. หลังจากสตาร์ทรถเกียร์ AT แล้ว อย่าผละออกจากรถไปที่อื่น ! บาง ครั้งเจ้าของรถอาจเผลอเข้าตำแหน่ง D เอาไว้โดยไม่รู้ตัว ลำพังเมื่อเปิด แอร์ เอาไว้ เจ้าอุปกรณ์ Idle UP Speed หรือเรียกกันว่า "Vacuum Air" อาจตัดเอาดื้อๆ เพราะอุณหภูมิความเย็นหนาวของแอร์แต่ละเวลา เย็นเร็วเย็นช้าไม่เท่ากัน ที่ตำแหน่งเกียร์ D บางครั้งเมื่อมีโหลดแอร์ รถเราถูกโหลดด้วยการเปิดแอร์ รถก็อาจจะหยุดนิ่งได้ แต่พอ Vacuum Air ตัด เครื่องยนต์ก็ปลดโหลดแอร์ไปอีกหน่อย รอบเครื่องยนต์เร่งขึ้นเอง ราว 500-700 rpm ก็อาจจะส่งผลโดยตรงให้เกียร์ ON D ทันที รถอาจวิ่งออกไปได้ดื้อๆ ขอบคุณเวปซุปเปอร์โฟร์คลับดอทคอม ครับ สำหรับข้อมูลดีๆ ::014:: หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ มิถุนายน 30, 2010, 03:29:02 PM ขอบคุณครับ ผมใช้ผิดมาตลอดเลยครับ :~)
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: ชัยบึงกาฬ รักในหลวง ที่ มิถุนายน 30, 2010, 03:30:23 PM ::014:: ;D
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ มิถุนายน 30, 2010, 03:32:15 PM รถผมไม่ใช่เกียร์ออโต้
แต่เวลาขับเกียร์ออโต้ ผมจะปฏิบัติ ตามที่ว่า มา ครับ หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: แสนสุข ที่ มิถุนายน 30, 2010, 03:32:38 PM ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ :D
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: steam.รักในหลวง ที่ มิถุนายน 30, 2010, 03:32:52 PM ผมคนนึ่งที่ไม่เคยขับรถเกียร์ออโต้เลย เรื่องจริงครับ ;D
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: สามก๊ง รักในหลวง ที่ มิถุนายน 30, 2010, 03:41:55 PM ::014::ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบ on N เวลาติดไฟแดง ::008::
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: thitipun-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 30, 2010, 03:42:37 PM อ้าว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!รถติดเปลี่ยน D มา N ตลอด เพื่อความปลอดภัยและกลัวผ้าเบรคสึก :OO :OO โอ้..............หลงผิดไปตั้งนาน ขอบพระคุณมากครับ ::014:: ::014:: +1 ครับ
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: บาร์ท รักในหลวง ที่ มิถุนายน 30, 2010, 03:46:22 PM ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ::014::
ผมทำผิดไปบ้างแฮะ :~) ติดไฟแดง ถ้านานเกิน 1 นาที ผมเข้า N ประจำ เนื่องจากคิดว่าถ้าติดนานๆแล้วคาไว้ที่ D แต่เหยียบเบรค ระบบขับเคลื่อนยังคงทำงาน แต่เราดันไปห้ามล้อไม่ให้หมุน มันจะเป็นการฝืนเกียร์ให้พังง่าย เปลี่ยนระหว่าง N กับ D บางทีก็ไม่เหยียบเบรค บางทีก็เหยียบ :~) หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: Wachira1973 ที่ มิถุนายน 30, 2010, 04:07:10 PM ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีครับ... ::002::
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: chiba1- รักในหลวง ที่ มิถุนายน 30, 2010, 04:08:03 PM ติดไฟแดงผมนึกว่าเข้าตำแหน่ง P ครับอิอิ
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: พ่อค้าภูธร- รักในหลวง ที่ มิถุนายน 30, 2010, 04:38:27 PM ขอบคุณครับ... ::014::
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ มิถุนายน 30, 2010, 04:39:37 PM ขอบคุณมากค่ะ.... ::014::
ใช้แบบเรื่อยเปื่อยมาตลอดเลย..... ::013:: หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มิถุนายน 30, 2010, 04:41:01 PM ผมมักจะผลัก D ไป N เมื่อใกล้ไฟแดงทุกครั้งปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ มิถุนายน 30, 2010, 05:40:31 PM ผมมักจะผลัก D ไป N เมื่อใกล้ไฟแดงทุกครั้งปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ ไม่พุ่งแล้ว ::005:: ::005:: ::005:: หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มิถุนายน 30, 2010, 06:09:58 PM :OO :DD จ๊ากกกกกกกกซ์ซ์ซ์ ....... อีตาอูฐเอ็ม ::006:: หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ มิถุนายน 30, 2010, 06:29:28 PM ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: pee308+รักในหลวง+ ที่ มิถุนายน 30, 2010, 08:29:32 PM ขอบคุณครับ ::014::
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ มิถุนายน 30, 2010, 09:12:44 PM ด้วยความเคารพคุณ>>-M-O-N-G-<< ท่านจขกท.
ผมมีข้อติงเล็กๆ.........ไม่ขอถกเรื่องความสิ้นเปลืองหรืออายุการใช้งานเกียร์ออโต...แต่อยากติงเรื่องความปลอดภัย ::014:: เวลาติดไฟแดงแล้วปล่อยไว้ที่ตำแหน่ง D ....ที่เปลืองคือ กล้ามเนื้อขาในการเหยียบเบรค ....เผลอจู๋จี๋เจ๊าะแจ๊ะคลายแรงขาเมื่อไร ก็จิ้มคันหน้า บางคนไม่ใช้เท้าเหยียบเบรกแต่ดึงเบรกมือแทน ก็ดูเหมือนจะวางใจตัวเองว่าดึงมากพอ และวางใจเบรคว่าดี ไม่ลื่นไถล พลาดก็เป็นเรื่อง ที่ผู้เขียนบทความยกมาในข้อ 10 .... เรื่องรอบเครื่องยนต์ที่ปลดโหลดออกจากแอร์ แล้วทำให้มีกำลังมาขับที่ตัวรถแทน มีโอกาสที่รถเคลื่อนไปได้นั้นถูกต้อง ใครค้างเกียร์ไว้ที่ D จนเป็นนิสัย จะทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุกับผู้นั้นสูงขึ้น เบาๆคือจิ้มคันหน้า หนักคือบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เพราะเกียร์ออโตถ้ารถมีการเคลื่อนที่บ้างแล้วมีแรงต้าน ระบบจะยิ่งเร่งเครื่องเอาชนะแรงต้าน คนใส่เกียร์ D จอดก็ดึงเบรกมือเพราะเคยชินเป็นนิสัย เคยมีที่จ่อหัวรถจอดลงไปเปิดประตูเข้าบ้าน เจอรถตัวเองขยับมาอัดซะบี้แบน... ถ้ายังจำกันได้ จำได้ว่าบางประเทศมีกฎเรื่องให้เข้า P ทันทีที่รถหยุด ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ... ถ้าค้นเจอจะมาเล่าต่อครับ ;D หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 30, 2010, 09:16:38 PM เคยขับเกียร์ออโต้ แค่ครั้งเดียวในชีวิคครับ ที่เหลือโยก ๆ
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ กรกฎาคม 01, 2010, 06:28:11 PM ผมก็ปฎิบัติเหมือน จขกท. แนะนำครับ ติดนานหน่อยดึงเบรคมือช่วยครับ แต่ก็ไม่ได้เกิดผลดีอะไรเพราะช่างเฮงซวยมันไม่เติมน้ำมันเฟืองท้าย(แบบขับ4)ให้ผมขับนานตั้ง6 เดือนครับ มันบอกผมว่ามันเติมแล้ว ???
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: Bird ที่ กรกฎาคม 01, 2010, 06:47:45 PM จอดไม่เกินนาที แช่ D แล้วเหยียบเบรค ... จอดนานปลดไป N แล้วดึงเบรคมือ ผมทำมานานแล้วครับ
ถ้าไม่จำเป็น ผมไม่ค่อยใช้ P .. เพราะรถญาติเคยถูกชนท้าย(ไม่แรง)ขณะติดไฟแดง ผลต้องยกเกียร์เพราะสลักเกียร์แตก ส่วนเพื่อนอีกคนเคยใช้ P จอดบนทางลาดชัน แพร็บเดียวก็ไหลลงมาเพราะสลักเกียร์หัก เลยฟรีทันที รายนี้ก็ยกเกียร์เช่นกัน ถ้าจอดบนทางชัน ผมจึงจะใช้ P คู่กับเบรคมือเสมอครับ หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: birdwhistle...รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 01, 2010, 07:04:53 PM ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล
เอาไว้เมื่อไหร่มีรถเกียร์ AT จะทำตามครับ ตั้งแต่มีรถคันแรก มาจนทุกวันนี้ยังไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของรถเกียร์ AT เลย ซื้อทีไรก็ MT ทุกที เอาไว้ซื้อใหม่คราวหน้าจะเลือก AT ครับ หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: J_D ที่ กรกฎาคม 01, 2010, 10:46:03 PM จอดไม่เกินนาที แช่ D แล้วเหยียบเบรค ... จอดนานปลดไป N แล้วดึงเบรคมือ ผมทำมานานแล้วครับ ถ้าไม่จำเป็น ผมไม่ค่อยใช้ P .. เพราะรถญาติเคยถูกชนท้าย(ไม่แรง)ขณะติดไฟแดง ผลต้องยกเกียร์เพราะสลักเกียร์แตก ส่วนเพื่อนอีกคนเคยใช้ P จอดบนทางลาดชัน แพร็บเดียวก็ไหลลงมาเพราะสลักเกียร์หัก เลยฟรีทันที รายนี้ก็ยกเกียร์เช่นกัน ถ้าจอดบนทางชัน ผมจึงจะใช้ P คู่กับเบรคมือเสมอครับ ตอนนี้รถผมนอนยิ้มอยู่อู่ก็เพราะใส่ p โดนชนท้ายนี่แหละ เกียร์พัง หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: Ruk™-รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 01, 2010, 11:23:07 PM ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆมาฝากครับ แต่บางอย่างอาจไม่เสมอไปสำหรับรถบางรุ่น/บางคัน
ความเก่าใหม่ของระบบเกียร์ แต่โดยรวมถือว่ามีประโยชน์มากสำหรับมือใหม่ครับ หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: Soraphong-รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 02, 2010, 12:43:59 AM +1 ครับ ;D
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: Audy452 ♥ รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 02, 2010, 08:00:43 AM ใช้เกียร์ออโต้อยู่ครับ....ฮอนด้าClick-I :VOV:
หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: kit ๖๗๖๗ รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 02, 2010, 08:58:39 AM ด้วยความเคารพคุณ>>-M-O-N-G-<< ท่านจขกท. ::014::จริงๆ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับ ..กับพี่ธำรง เพราะว่าสำหรับผมเองยังไม่เคยเห็น เกียร์พักเพราะเข้า N เวลาติดไฟแดง แต่เพือนผมเคยชนท้ายรถคันหน้าตอนติดไฟแดง เพราะไม่ปลดเกียร์ว่าง (เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมานี้เอง) ผมมีข้อติงเล็กๆ.........ไม่ขอถกเรื่องความสิ้นเปลืองหรืออายุการใช้งานเกียร์ออโต...แต่อยากติงเรื่องความปลอดภัย ::014:: เวลาติดไฟแดงแล้วปล่อยไว้ที่ตำแหน่ง D ....ที่เปลืองคือ กล้ามเนื้อขาในการเหยียบเบรค ....เผลอจู๋จี๋เจ๊าะแจ๊ะคลายแรงขาเมื่อไร ก็จิ้มคันหน้า บางคนไม่ใช้เท้าเหยียบเบรกแต่ดึงเบรกมือแทน ก็ดูเหมือนจะวางใจตัวเองว่าดึงมากพอ และวางใจเบรคว่าดี ไม่ลื่นไถล พลาดก็เป็นเรื่อง ที่ผู้เขียนบทความยกมาในข้อ 10 .... เรื่องรอบเครื่องยนต์ที่ปลดโหลดออกจากแอร์ แล้วทำให้มีกำลังมาขับที่ตัวรถแทน มีโอกาสที่รถเคลื่อนไปได้นั้นถูกต้อง ใครค้างเกียร์ไว้ที่ D จนเป็นนิสัย จะทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุกับผู้นั้นสูงขึ้น เบาๆคือจิ้มคันหน้า หนักคือบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เพราะเกียร์ออโตถ้ารถมีการเคลื่อนที่บ้างแล้วมีแรงต้าน ระบบจะยิ่งเร่งเครื่องเอาชนะแรงต้าน คนใส่เกียร์ D จอดก็ดึงเบรกมือเพราะเคยชินเป็นนิสัย เคยมีที่จ่อหัวรถจอดลงไปเปิดประตูเข้าบ้าน เจอรถตัวเองขยับมาอัดซะบี้แบน... ถ้ายังจำกันได้ จำได้ว่าบางประเทศมีกฎเรื่องให้เข้า P ทันทีที่รถหยุด ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ... ถ้าค้นเจอจะมาเล่าต่อครับ ;D ประเด็น ให้เลือกระหว่าง ความปลอดภัย กับ อายุการใช้งานของเกียร์ หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: นายโป่งจิงฮง ทะลวงปืน - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 02, 2010, 09:24:52 AM ผมมักจะผลัก D ไป N เมื่อใกล้ไฟแดงทุกครั้งปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ ไม่พุ่งแล้ว ::005:: ::005:: ::005:: สำหรับป๋าปู ผมว่าไม่ใช่ไม่พุ่งแล้ว ไม่รู้จะมีไรมาปล่อยให้มันไหลรึเปล่าอะดิ .... อิๆๆๆๆ อย่าโกรธผมนะป๋าปู คิดถึงครับผม ..... ::014:: ผมใช้ SCOOPY I ครับ ได้แต่บิดอย่างเดียว ประหยัดน้ำมันดีครับ ได้ตั้ง 40-45 โล/ลิตร .... หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 02, 2010, 09:39:02 AM ผมมักจะผลัก D ไป N เมื่อใกล้ไฟแดงทุกครั้งปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ ไม่พุ่งแล้ว ::005:: ::005:: ::005:: สำหรับป๋าปู ผมว่าไม่ใช่ไม่พุ่งแล้ว ไม่รู้จะมีไรมาปล่อยให้มันไหลรึเปล่าอะดิ .... อิๆๆๆๆ อย่าโกรธผมนะป๋าปู คิดถึงครับผม ..... ::014:: ผมใช้ SCOOPY I ครับ ได้แต่บิดอย่างเดียว ประหยัดน้ำมันดีครับ ได้ตั้ง 40-45 โล/ลิตร .... หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: โมเช่ ดายัน ที่ กรกฎาคม 12, 2010, 01:43:12 AM เอาไงดีละทีนี้ อย่างข้างต้นตอนผมเรียนอาจารย์แนะนำว่าให้เปลี่ยนเกียร์d/nเวลาติดไฟแดง
แต่เวลาจอดข้างถนนอย่าใส่เกียร์pเพื่อมีรถมาชนแล้วจะทำให้เกิดความเสียหายกับระบบที่ล๊อกล้ออย่าแรงอะไรประมาณนั้น อย่างไรก็ต้อง ::014:: ::014::จขกท มากครับที่นำความรู้มาให้ ผมขับไออย่างที่อาจารย์สอนมาตั้งนาน ::008:: ::008:: ::008:: ขอผมรื้อฟื้นความจำสักแปปว่าผมจำผิดรึเปล่า หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: Earthworm ที่ กรกฎาคม 12, 2010, 08:47:06 AM ไม่ได้ว่า จขกท. นะครับ หลายข้อนั้นไม่จริงเลย อย่างที่เรื่อง N เรื่อง D มองแต่เรื่องสึกหรอ แต่ถ้าทำอย่างที่ว่าจริงๆ ลองดูเรื่องการบริโภคน้ำมันด้วยครับ ว่าถ้าไม่ปลดเกียร์กับปลดอย่างไหนค่าใช้จ่ายจะเยอะกว่ากัน ช่วงสั้นๆ ก็ไม่ต้องปลดแต่ถ้ามันนานก็ปลดเถอะครับ ไม่อย่างนั้นไม่มีบริษัทรถบางแห่ง ออกแบบให้เกียร์ปลดว่างเองหลังจากรถหยุดแล้ว สามสิบวินาที แต่พอเมื่อไหร่ปล่อยเบรคเกียร์ก็เข้าเองหรอกครับ ยังมีเรื่องการสึกหรอและความร้อนของระบบคลัทช์อีก ไม่พูดถึงพูดถึงแต่เรื่องในสมองเกียร์ ระบบเกียร์อัตโนมัติสมัยใหม่พัฒนาไปมากครับ ::014:: หัวข้อ: Re: วิธีใช้เกียร์ออโต อย่างฉลาด เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 12, 2010, 05:36:38 PM เอาไงดีละทีนี้ อย่างข้างต้นตอนผมเรียนอาจารย์แนะนำว่าให้เปลี่ยนเกียร์d/nเวลาติดไฟแดง แต่เวลาจอดข้างถนนอย่าใส่เกียร์pเพื่อมีรถมาชนแล้วจะทำให้เกิดความเสียหายกับระบบที่ล๊อกล้ออย่าแรงอะไรประมาณนั้น อย่างไรก็ต้อง ::014:: ::014::จขกท มากครับที่นำความรู้มาให้ ผมขับไออย่างที่อาจารย์สอนมาตั้งนาน ::008:: ::008:: ::008:: ขอผมรื้อฟื้นความจำสักแปปว่าผมจำผิดรึเปล่า ::014::ท่านจำไม่ผิดครับ ::014::การเปลี่ยนจาก D เป็น N เมื่อติดไฟแดง เป็นความปลอดภัยครับ...รอไฟแดงนานๆ คนเรามักจะทำกิจกรรมอื่นไปด้วย อาจเผลอปล่อยเบรค รถอาจเลื่อนไป ...ส่วนจะเจออะไรข้างหน้านั้น ก็แล้วแต่สถานการณ์...ที่จริงแล้ว เค้าให้ดึงเบรคมือด้วยครับ |