หัวข้อ: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: kengx (นิยมความรุนแรงชั่วคราว) ที่ สิงหาคม 15, 2010, 07:39:34 PM อยากเก็บสะสม อาริซากะ ครับ
มีข้อแนะนำทางด้านกฎหมายไหมครับ โปรดแนะนำด้วยครับ หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ สิงหาคม 15, 2010, 07:42:36 PM ผมก็อยากได้ครับ...มากๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ สิงหาคม 15, 2010, 07:44:56 PM ง่ายๆ ครับ ก็หาปืนอาริซากะที่มีทะเบียนถูกต้อง ผมเคยเห็น และจับเล่นครับ กระบอกที่เคยลงภาพใน อวป. นี่แหละ
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ สิงหาคม 15, 2010, 07:50:53 PM ง่ายๆ ครับ ก็หาปืนอาริซากะที่มีทะเบียนถูกต้อง ผมเคยเห็น และจับเล่นครับ กระบอกที่เคยลงภาพใน อวป. นี่แหละ ผมเคยเห็นเหมือนกันครับ ท่าจะกระบอกเดียวกัน เมาเซอร์ด้วย ;D แต่เมืองไทยจะมีทะเบียนกี่กระบอกหนอ เคยจับอยู่ห้าปีตอนเรียน นศท.ครับ :D หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: kilin ที่ สิงหาคม 15, 2010, 08:16:10 PM :OO ขอถามว่า ปืน อาริซากะ คืออะไรครับ ขอทราบเป็นวิทยาทานครับ ::014::
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ สิงหาคม 15, 2010, 08:20:34 PM อาริซากะ ปืนไรเฟิลประจำกายของทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ (ขออภัยใส่ชื่อรุ่นผิดครับ) ::014::
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ สิงหาคม 15, 2010, 08:22:53 PM http://world.guns.ru/rifle/rfl22-e.htm (http://world.guns.ru/rifle/rfl22-e.htm)
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: kengx (นิยมความรุนแรงชั่วคราว) ที่ สิงหาคม 15, 2010, 08:27:40 PM ถ้า ... เป็น อาริซากะ ที่ไม่มีทะเบียน แล้วจะมีความเป็นไปได้ในการสะสมไหมครับ
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: kilin ที่ สิงหาคม 15, 2010, 08:30:42 PM ::014:: ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: kengx (นิยมความรุนแรงชั่วคราว) ที่ สิงหาคม 15, 2010, 08:31:54 PM http://www.tanarmy.com/index/weapons/ww2wep/gun/japgun.html (http://www.tanarmy.com/index/weapons/ww2wep/gun/japgun.html)
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: A B A C U S รั ก ใ น ห ล ว ง ที่ สิงหาคม 15, 2010, 08:33:13 PM :VOV:
ครับ ส่วนผมอยากได้ ปืนกลแบบหนังดังสมัยผมเป็นวัยรุ่นครับ เรื่องสิ่งทะเลทราย เป็นแบบทอมสัน น่ารักมากกกกกกก :VOV: หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 15, 2010, 09:23:02 PM อาริซากะ ปืนไรเฟิลประจำกายของทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ (ขออภัยใส่ชื่อรุ่นผิดครับ) ::014:: ทหารไทยด้วยครับ สมัยสงครามเกาหลี อเมริกันหาปืนไม่ทัน ก็เอาอาริซากะขนาด 7.7 มม.จำนวนหนึ่งแสนสามหมื่นกระบอกมาคว้านรังเพลิงเป็น.30-06 ให้ทหารเกาหลีใต้รบกับเกาหลีเหนือ หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: Tanate(รักในหลวง) ที่ สิงหาคม 15, 2010, 09:32:03 PM สมัยก่อนๆตอนเรียนนศท. ก็ได้ถือครับ
แต่บางกระบอกที่ศูนย์หลังมีเลขไทยนี่ ไม่แน่ใจว่าเป็นสยามเมาเซอร์หรือเปล่าน่ะครับ หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 15, 2010, 10:24:46 PM สมัยก่อนๆตอนเรียนนศท. ก็ได้ถือครับ แต่บางกระบอกที่ศูนย์หลังมีเลขไทยนี่ ไม่แน่ใจว่าเป็นสยามเมาเซอร์หรือเปล่าน่ะครับ สยามเมาเซอร์ คือ ปลย.45 รูปร่างเหมือนเมาเซอร์ G98 ฝาครอบกันฝุ่นเลื่อนไปข้างหน้า ส่วนอาริซากะคือ ปลย.66 และปลย.83 (ฝาครอบลูกเลื่อนเข้าออกมาข้างหลังตามลูกเลื่อน) และภายหลังเรายังนำ ปลย.83 ขนาด 6.5 มม.มาคว้านลำกล้อง คว้านรังเพลิงเป็น.30-06 (ปลย.83/88) ไว้ฝึก รด. หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: Tanate(รักในหลวง) ที่ สิงหาคม 15, 2010, 10:35:06 PM สมัยก่อนๆตอนเรียนนศท. ก็ได้ถือครับ แต่บางกระบอกที่ศูนย์หลังมีเลขไทยนี่ ไม่แน่ใจว่าเป็นสยามเมาเซอร์หรือเปล่าน่ะครับ สยามเมาเซอร์ คือ ปลย.45 รูปร่างเหมือนเมาเซอร์ G98 ฝาครอบกันฝุ่นเลื่อนไปข้างหน้า ส่วนอาริซากะคือ ปลย.66 และปลย.83 (ฝาครอบลูกเลื่อนเข้าออกมาข้างหลังตามลูกเลื่อน) และภายหลังเรายังนำ ปลย.83 ขนาด 6.5 มม.มาคว้านลำกล้อง คว้านรังเพลิงเป็น.30-06 (ปลย.83/88) ไว้ฝึก รด. ขอบคุณครับท่านผู้การ ::014:: ถ้างั้นคงเป็นอาริซากะแล้วครับ เพราะว่าฝาครอบจะเลื่อนตามลูกเลื่อน แต่ก็มีบางกระบอกที่ไม่มีฝาครอบครับ ผมก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง เลยไม่แน่ใจว่าฝาครอบหาย หรือว่าฝาครอบถูกเลื่อนไปข้างหน้าครับ ::014:: (ผมฝึกที่ค่าย มทบ.22 จ.อุบลฯครับ) เพิ่มเติมครับ ผมลองดูเว็บ http://www.angelfire.com/realm/cruffler/Pages/type-66_siamese_mauser.htm (http://www.angelfire.com/realm/cruffler/Pages/type-66_siamese_mauser.htm) ผมจำศูนย์หลังได้แบบนี้เป๊ะ แสดงว่าที่ผมได้ถือคงเป็น สยามเมาเซอร์แน่ๆครับ ::014:: หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ สิงหาคม 16, 2010, 09:48:28 AM ถ้า ... เป็น อาริซากะ ที่ไม่มีทะเบียน แล้วจะมีความเป็นไปได้ในการสะสมไหมครับ เป็นไปได้ในแง่ที่หาปืนเถื่อนมาครอบครองครับ .................... ถ้าหาได้ แต่โทษหนักนะครับ และไม่น่าจะทำด้วย มีน้องๆผม เขาสะสมปืน BB Gun แทนครับ ............. พวกปืน WW II เห็นซื้อกันเป็นล่ำเป็นสัน ราคาก็ไม่ถูกด้วย แต่สวยและเลียนแบบได้ละเอียดมาก ..................... Ariska Type 38 ขนาด 6.5 มม. แท้ๆ ที่มีทะเบียน............ ถ้าหาจริงๆ ไม่ยาก ที่ยากคือ สภาพดีๆ เจออยู่กระบอกหนึ่ง ได้รับโอนต่อจากรุ่นหลาน .................. ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง พื้นที่จังหวัดราชบุรี ปู่อยู่ในบ้านสวน มีทหารญี่ปุ่นโซซัดโซเซ เข้ามาขอข้าวกิน(เหมือนในหนังเลย) .............แล้วขาย Arisaka Type 38 พร้อมกระสุน 25 นัด ให้ปู่ แล้วจากไป .................ปู่เอาเก็บซ่อนไว้อย่างดี ........... ในปี 2510 เปิดขึ้นทะเบียนปืนเถื่อน ...............ปู่ก็นำไปขึ้นทะเบียน ได้ทะเบียนราชบุรี ระบุ เล็กยาวแบบญี่ปุ่น (แค่นี้) ที่มาคือ ปืนจดใหม่ตาม พ.ร.ก.ฯ ..............ต่อมาปู่เสีย พ่อรับโอนมรดกมา ............. สุดท้ายถึงรุ่นลูก ปัจจุบัน Arisaka Type38 กระบอกนี้เปลี่ยนมือจากหลาน(ปู่) เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯเรียบร้อยแล้ว.............. (http://img59.imageshack.us/img59/6920/img0899fc.jpg) (http://img59.imageshack.us/i/img0899fc.jpg/) (http://img814.imageshack.us/img814/7618/img0905m.jpg) (http://img814.imageshack.us/i/img0905m.jpg/) กระบอกขวาสุดครับ ............ถ่ายรูปคู่กับพันธมิตร(อักษะเยอรมัน)ด้านซ้าย ขนาบคู่ประกบคู่สงคราม(อเมริกา)ที่อยู่ตรงกลาง หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: soveat ชุมไพร ที่ สิงหาคม 16, 2010, 01:11:44 PM อาริซากะ ปืนไรเฟิลประจำกายของทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ (ขออภัยใส่ชื่อรุ่นผิดครับ) ::014:: ทหารไทยด้วยครับ สมัยสงครามเกาหลี อเมริกันหาปืนไม่ทัน ก็เอาอาริซากะขนาด 7.7 มม.จำนวนหนึ่งแสนสามหมื่นกระบอกมาคว้านรังเพลิงเป็น.30-06 ให้ทหารเกาหลีใต้รบกับเกาหลีเหนือ ขอบพระคุณครับผู้การ ::014:: :D หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 16, 2010, 01:39:51 PM สมัยก่อนๆตอนเรียนนศท. ก็ได้ถือครับ แต่บางกระบอกที่ศูนย์หลังมีเลขไทยนี่ ไม่แน่ใจว่าเป็นสยามเมาเซอร์หรือเปล่าน่ะครับ สยามเมาเซอร์ คือ ปลย.45 รูปร่างเหมือนเมาเซอร์ G98 ฝาครอบกันฝุ่นเลื่อนไปข้างหน้า ส่วนอาริซากะคือ ปลย.66 และปลย.83 (ฝาครอบลูกเลื่อนเข้าออกมาข้างหลังตามลูกเลื่อน) และภายหลังเรายังนำ ปลย.83 ขนาด 6.5 มม.มาคว้านลำกล้อง คว้านรังเพลิงเป็น.30-06 (ปลย.83/88) ไว้ฝึก รด. ขอบคุณครับท่านผู้การ ::014:: ถ้างั้นคงเป็นอาริซากะแล้วครับ เพราะว่าฝาครอบจะเลื่อนตามลูกเลื่อน แต่ก็มีบางกระบอกที่ไม่มีฝาครอบครับ ผมก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง เลยไม่แน่ใจว่าฝาครอบหาย หรือว่าฝาครอบถูกเลื่อนไปข้างหน้าครับ ::014:: (ผมฝึกที่ค่าย มทบ.22 จ.อุบลฯครับ) เพิ่มเติมครับ ผมลองดูเว็บ http://www.angelfire.com/realm/cruffler/Pages/type-66_siamese_mauser.htm (http://www.angelfire.com/realm/cruffler/Pages/type-66_siamese_mauser.htm) ผมจำศูนย์หลังได้แบบนี้เป๊ะ แสดงว่าที่ผมได้ถือคงเป็น สยามเมาเซอร์แน่ๆครับ ::014:: ไม่น่าจะเป็นไปได้ ปลย.45 มีอยู่น้อยมาก และไม่มีการจ่ายออกไปฝึก นศท. มีแต่ ปลย.66 หรืออาริซากะ และ ปลย.83/88 ถ้าจ่าย ปลย.45 ออกไปด้วย จะสับสนมาก เพราะระบบห้ามไกไม่เหมือนกัน ศูนย์หลังของปืนทุกรุ่นเหมือนกัน ต่างกันเฉพาะลูกเลื่อน กับโกร่งไก หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 16, 2010, 01:43:56 PM ถ้า ... เป็น อาริซากะ ที่ไม่มีทะเบียน แล้วจะมีความเป็นไปได้ในการสะสมไหมครับ เป็นไปได้ในแง่ที่หาปืนเถื่อนมาครอบครองครับ .................... ถ้าหาได้ แต่โทษหนักนะครับ และไม่น่าจะทำด้วย มีน้องๆผม เขาสะสมปืน BB Gun แทนครับ ............. พวกปืน WW II เห็นซื้อกันเป็นล่ำเป็นสัน ราคาก็ไม่ถูกด้วย แต่สวยและเลียนแบบได้ละเอียดมาก ..................... Ariska Type 38 ขนาด 6.5 มม. แท้ๆ ที่มีทะเบียน............ ถ้าหาจริงๆ ไม่ยาก ที่ยากคือ สภาพดีๆ เจออยู่กระบอกหนึ่ง ได้รับโอนต่อจากรุ่นหลาน .................. ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง พื้นที่จังหวัดราชบุรี ปู่อยู่ในบ้านสวน มีทหารญี่ปุ่นโซซัดโซเซ เข้ามาขอข้าวกิน(เหมือนในหนังเลย) .............แล้วขาย Arisaka Type 38 พร้อมกระสุน 25 นัด ให้ปู่ แล้วจากไป .................ปู่เอาเก็บซ่อนไว้อย่างดี ........... ในปี 2510 เปิดขึ้นทะเบียนปืนเถื่อน ...............ปู่ก็นำไปขึ้นทะเบียน ได้ทะเบียนราชบุรี ระบุ เล็กยาวแบบญี่ปุ่น (แค่นี้) ที่มาคือ ปืนจดใหม่ตาม พ.ร.ก.ฯ ..............ต่อมาปู่เสีย พ่อรับโอนมรดกมา ............. สุดท้ายถึงรุ่นลูก ปัจจุบัน Arisaka Type38 กระบอกนี้เปลี่ยนมือจากหลาน(ปู่) เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯเรียบร้อยแล้ว.............. อยู่นี่ จะออก อวป.ฉบับปลายเดือนนี้ URL=http://img251.imageshack.us/i/arisaka.jpg/](http://img251.imageshack.us/img251/8020/arisaka.jpg)[/URL] Uploaded with ImageShack.us (http://imageshack.us) หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: ปาล์มๆ...ซุ่มโป่ง ที่ สิงหาคม 16, 2010, 01:50:00 PM สำหรับฝึกนักศึกษาวิชาทหารที่จำได้มี ปลย.88 หนักก็หนักแบกแทบไม่ไหวครับ
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: at75 ที่ สิงหาคม 16, 2010, 02:22:21 PM สมัยก่อนๆตอนเรียนนศท. ก็ได้ถือครับ แต่บางกระบอกที่ศูนย์หลังมีเลขไทยนี่ ไม่แน่ใจว่าเป็นสยามเมาเซอร์หรือเปล่าน่ะครับ สยามเมาเซอร์ คือ ปลย.45 รูปร่างเหมือนเมาเซอร์ G98 ฝาครอบกันฝุ่นเลื่อนไปข้างหน้า ส่วนอาริซากะคือ ปลย.66 และปลย.83 (ฝาครอบลูกเลื่อนเข้าออกมาข้างหลังตามลูกเลื่อน) และภายหลังเรายังนำ ปลย.83 ขนาด 6.5 มม.มาคว้านลำกล้อง คว้านรังเพลิงเป็น.30-06 (ปลย.83/88) ไว้ฝึก รด. ขอบคุณครับท่านผู้การ ::014:: ถ้างั้นคงเป็นอาริซากะแล้วครับ เพราะว่าฝาครอบจะเลื่อนตามลูกเลื่อน แต่ก็มีบางกระบอกที่ไม่มีฝาครอบครับ ผมก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง เลยไม่แน่ใจว่าฝาครอบหาย หรือว่าฝาครอบถูกเลื่อนไปข้างหน้าครับ ::014:: (ผมฝึกที่ค่าย มทบ.22 จ.อุบลฯครับ) เพิ่มเติมครับ ผมลองดูเว็บ http://www.angelfire.com/realm/cruffler/Pages/type-66_siamese_mauser.htm (http://www.angelfire.com/realm/cruffler/Pages/type-66_siamese_mauser.htm) ผมจำศูนย์หลังได้แบบนี้เป๊ะ แสดงว่าที่ผมได้ถือคงเป็น สยามเมาเซอร์แน่ๆครับ ::014:: ไม่น่าจะเป็นไปได้ ปลย.45 มีอยู่น้อยมาก และไม่มีการจ่ายออกไปฝึก นศท. มีแต่ ปลย.66 หรืออาริซากะ และ ปลย.83/88 ถ้าจ่าย ปลย.45 ออกไปด้วย จะสับสนมาก เพราะระบบห้ามไกไม่เหมือนกัน ศูนย์หลังของปืนทุกรุ่นเหมือนกัน ต่างกันเฉพาะลูกเลื่อน กับโกร่งไก ท่านผู้การครับ มีจริงๆครับ คลังเก่าๆแถบอิสาน มีรุ่นนี้ติดอยุ่พอสมควร และสภาพดีมากด้วยครับ ที่ผมเคยเจอ ก็มี จทบ ที่23 ที่ขอนแก่นเมื่อ 20บีที่แล้วครับ คือ ทางคลังเก็บรักษาอย่างดีมากๆครับ หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ สิงหาคม 16, 2010, 03:19:43 PM ถ้า ... เป็น อาริซากะ ที่ไม่มีทะเบียน แล้วจะมีความเป็นไปได้ในการสะสมไหมครับ เป็นไปได้ในแง่ที่หาปืนเถื่อนมาครอบครองครับ .................... ถ้าหาได้ แต่โทษหนักนะครับ และไม่น่าจะทำด้วย มีน้องๆผม เขาสะสมปืน BB Gun แทนครับ ............. พวกปืน WW II เห็นซื้อกันเป็นล่ำเป็นสัน ราคาก็ไม่ถูกด้วย แต่สวยและเลียนแบบได้ละเอียดมาก ..................... Ariska Type 38 ขนาด 6.5 มม. แท้ๆ ที่มีทะเบียน............ ถ้าหาจริงๆ ไม่ยาก ที่ยากคือ สภาพดีๆ เจออยู่กระบอกหนึ่ง ได้รับโอนต่อจากรุ่นหลาน .................. ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง พื้นที่จังหวัดราชบุรี ปู่อยู่ในบ้านสวน มีทหารญี่ปุ่นโซซัดโซเซ เข้ามาขอข้าวกิน(เหมือนในหนังเลย) .............แล้วขาย Arisaka Type 38 พร้อมกระสุน 25 นัด ให้ปู่ แล้วจากไป .................ปู่เอาเก็บซ่อนไว้อย่างดี ........... ในปี 2510 เปิดขึ้นทะเบียนปืนเถื่อน ...............ปู่ก็นำไปขึ้นทะเบียน ได้ทะเบียนราชบุรี ระบุ เล็กยาวแบบญี่ปุ่น (แค่นี้) ที่มาคือ ปืนจดใหม่ตาม พ.ร.ก.ฯ ..............ต่อมาปู่เสีย พ่อรับโอนมรดกมา ............. สุดท้ายถึงรุ่นลูก ปัจจุบัน Arisaka Type38 กระบอกนี้เปลี่ยนมือจากหลาน(ปู่) เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯเรียบร้อยแล้ว.............. อยู่นี่ จะออก อวป.ฉบับปลายเดือนนี้ (http://img251.imageshack.us/img251/8020/arisaka.jpg)[/URL] ขออนุญาตขยับรูปให้ชัดๆครับ ::005:: หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ สิงหาคม 16, 2010, 03:51:15 PM ถ้า ... เป็น อาริซากะ ที่ไม่มีทะเบียน แล้วจะมีความเป็นไปได้ในการสะสมไหมครับ เป็นไปได้ในแง่ที่หาปืนเถื่อนมาครอบครองครับ .................... ถ้าหาได้ แต่โทษหนักนะครับ และไม่น่าจะทำด้วย มีน้องๆผม เขาสะสมปืน BB Gun แทนครับ ............. พวกปืน WW II เห็นซื้อกันเป็นล่ำเป็นสัน ราคาก็ไม่ถูกด้วย แต่สวยและเลียนแบบได้ละเอียดมาก ..................... Ariska Type 38 ขนาด 6.5 มม. แท้ๆ ที่มีทะเบียน............ ถ้าหาจริงๆ ไม่ยาก ที่ยากคือ สภาพดีๆ เจออยู่กระบอกหนึ่ง ได้รับโอนต่อจากรุ่นหลาน .................. ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง พื้นที่จังหวัดราชบุรี ปู่อยู่ในบ้านสวน มีทหารญี่ปุ่นโซซัดโซเซ เข้ามาขอข้าวกิน(เหมือนในหนังเลย) .............แล้วขาย Arisaka Type 38 พร้อมกระสุน 25 นัด ให้ปู่ แล้วจากไป .................ปู่เอาเก็บซ่อนไว้อย่างดี ........... ในปี 2510 เปิดขึ้นทะเบียนปืนเถื่อน ...............ปู่ก็นำไปขึ้นทะเบียน ได้ทะเบียนราชบุรี ระบุ เล็กยาวแบบญี่ปุ่น (แค่นี้) ที่มาคือ ปืนจดใหม่ตาม พ.ร.ก.ฯ ..............ต่อมาปู่เสีย พ่อรับโอนมรดกมา ............. สุดท้ายถึงรุ่นลูก ปัจจุบัน Arisaka Type38 กระบอกนี้เปลี่ยนมือจากหลาน(ปู่) เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯเรียบร้อยแล้ว.............. อยู่นี่ จะออก อวป.ฉบับปลายเดือนนี้ (http://img251.imageshack.us/img251/8020/arisaka.jpg)[/URL] ขออนุญาตขยับรูปให้ชัดๆครับ ::005:: หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ สิงหาคม 17, 2010, 02:53:32 AM Arisaka กระบออกนี้ศูนย์หลัง ไม่มีก้านเล็งนำหน้าเผื่อหรือครับ
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: keawoh ที่ กันยายน 03, 2010, 07:35:08 PM ผมมีอยู่ ของก๋งตกทอดมาครับ
แต่ไม่เหมือน กับทีลงกันครับ มันไม่มี ศูนย์หลัง ปลายโดนตัดไป ครับ มันคือรุ่น อะไรครับ ใครรู้ ขอรายละเอยีด หน่อยครับ หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: keawoh ที่ กันยายน 03, 2010, 07:36:49 PM ผมมีอยู่ ของก๋งตกทอดมาครับ
แต่ไม่เหมือน กับทีลงกันครับ มันไม่มี ศูนย์หลัง ปลายโดนตัดไป ครับ มันคือรุ่น อะไรครับ ใครรู้ ขอรายละเอยีด หน่อยครับ หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: pom pom ที่ มกราคม 16, 2011, 01:28:55 PM ผมมีแต่ดาบปลายปืน
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มกราคม 16, 2011, 01:36:17 PM เป็นรุ่นคาร์ไบน์ของทหารญี่ปุ่นเอง ขนาด 6.5 มม.ครับ
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: tanommu ที่ มิถุนายน 04, 2012, 12:03:42 AM ตาม กฏกระทรวงฉบับที่ 3(พ.ศ.2491) ข้อ (๗) ปืนเล็กยาวแบบ ๘๓ ใช้กระสุนหัวแหลมขนาด ๖.๕ ม.ม. เป็น ปืน ห้ามมิให้ออกใบอนุญาตสำหรับให้ทำหรือสั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืน หรือ เครื่องกระสุนปืน สำหรับอาวุธปืนดังต่อไปนี้เพื่อการค้าหรือ เพื่อใช้ส่วนตัว จึงเป็นปืนที่อยู่นอกเหนือที่ กฏกระทรวงฉบับที่ 11 กำหนด ใครมีไว้อยู่ในครอบครอง ถือว่า ผิดกฏหมาย ไม่ต่างกับกับมีปืน m16 อยู่ในครอบครองครอง กฏกระทรวงออกฉบับนี้ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2491 ตามใบ ป.4 ลงวันที่ 26 ส.ค.2491 ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม ถ้าออกใบ ป.4 ผิด ก็จะต้องถูกเพิกถอน ผู้ออกใบป.4 จะต้องถูกดำเนิน คดี ตาม ป.อาญา 157 ปืนคงถูกยึดในที่สุด ในแง่ของกฏหมายลองไปศึกษาดูนะครับ ว่ามีไว้ผิดกฏหมายหรือไม่ แต่แน่ๆ โอน :VOV: ::010::ไม่ได้แน่นอน
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มิถุนายน 04, 2012, 10:05:41 AM ตาม กฏกระทรวงฉบับที่ 3(พ.ศ.2491) ข้อ (๗) ปืนเล็กยาวแบบ ๘๓ ใช้กระสุนหัวแหลมขนาด ๖.๕ ม.ม. เป็น ปืน ห้ามมิให้ออกใบอนุญาตสำหรับให้ทำหรือสั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืน หรือ เครื่องกระสุนปืน สำหรับอาวุธปืนดังต่อไปนี้เพื่อการค้าหรือ เพื่อใช้ส่วนตัว จึงเป็นปืนที่อยู่นอกเหนือที่ กฏกระทรวงฉบับที่ 11 กำหนด ใครมีไว้อยู่ในครอบครอง ถือว่า ผิดกฏหมาย ไม่ต่างกับกับมีปืน m16 อยู่ในครอบครองครอง กฏกระทรวงออกฉบับนี้ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2491 ตามใบ ป.4 ลงวันที่ 26 ส.ค.2491 ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม ถ้าออกใบ ป.4 ผิด ก็จะต้องถูกเพิกถอน ผู้ออกใบป.4 จะต้องถูกดำเนิน คดี ตาม ป.อาญา 157 ปืนคงถูกยึดในที่สุด ในแง่ของกฏหมายลองไปศึกษาดูนะครับ ว่ามีไว้ผิดกฏหมายหรือไม่ แต่แน่ๆ โอน :VOV: ::010::ไม่ได้แน่นอน กฎกระทรวงฉบับที่ 11 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง กลาโหม ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๐๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ข้อ ๒ อาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตามมาตรา ๗ หรือ มาตรา ๒๔ ต้องเป็นอาวุธปืน ชนิดและขนาด ดังต่อไปนี้ (๑) อาวุธปืนชนิดลำกล้องมีเกลียวที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่เกิน ๑๑.๔๕ มม. (๒) อาวุธปืนชนิดลำกล้องไม่มีเกลียว ดังต่อไปนี้ (ก) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่ถึง ๒๐ มม. (ข) ปืนบรรจุปาก ปืนลูกซอง และปืนพลุสัญญาณ (๓) อาวุธปืนชนิดที่มีเครื่องกลไกสำหรับบรรจุกระสุนเองให้สามารถยิงซ้ำได้ ดังต่อไปนี้ (ก) ขนาดความยาวของลำกล้องไม่ถึง ๑๖๐ มม. (ข) ปืนลูกซอง (ค) ปืนลูกกรดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้อง ไม่เกิน ๕.๖ มม. (๔) อาวุธปืนชนิดไม่มีเครื่องบังคับเสียงให้เบาผิดปกติ (๕) อาวุธปืนชนิดที่ไม่ใช้กระสุนเป็นที่บรรจุวัตถุเคมีที่ทำให้เกิดอันตรายหรือ เป็นพิษหรือไม่ใช้เครื่องกระสุนปืนที่บรรจุเชื้อโรค เชื้อเพลิง หรือวัตถุกัมมันตภาพรังสี ข้อ ๓ เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตามมาตรา ๗ หรือมาตรา ๒๔ ต้องเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนตามข้อ ๒ ที่ได้รับอนุญาต แต่ต้อง ไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนชนิดเจาะเกราะหรือชนิดกระสุนเพลิง ข้อ ๔ วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตามมาตรา ๓๘ ต้องเป็นวัตถุระเบิดประเภท ชนิด และขนาดที่ใช้เฉพาะในกิจการก่อสร้างหรือกิจการอุตสาหกรรม และได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นต้นไป ให้ไว้ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ พลเอก เล็ก แนวมาลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก ป. ติณสูลานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๕๕ แห่งพระราช บัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ บัญญัติว่า ประเภท ชนิด และขนาดของอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ ตามมาตรา ๗ มาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๓๘ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎ กระทรวงนี้ [รก. ๒๕๒๒/๑๔๐/๑พ./๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๒] เอามาให้ดูครับ เพื่อประเทืองสติปัญญา .......................และให้รับทราบไว้ด้วยว่า ปืนกระบอกในรูปที่ลงทดสอบในหนังสือ อวป. ตัดยอดมาจากต่างจังหวัด ทำการตรวจและรับโอนเข้ามือเจ้าของปัจจุบัน ที่ภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ ที่วังไชยาเรียบร้อยแล้ว หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: Daimyo ที่ มิถุนายน 04, 2012, 01:05:26 PM ตาม กฏกระทรวงฉบับที่ 3(พ.ศ.2491) ข้อ (๗) ปืนเล็กยาวแบบ ๘๓ ใช้กระสุนหัวแหลมขนาด ๖.๕ ม.ม. เป็น ปืน ห้ามมิให้ออกใบอนุญาตสำหรับให้ทำหรือสั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืน หรือ เครื่องกระสุนปืน สำหรับอาวุธปืนดังต่อไปนี้เพื่อการค้าหรือ เพื่อใช้ส่วนตัว จึงเป็นปืนที่อยู่นอกเหนือที่ กฏกระทรวงฉบับที่ 11 กำหนด ใครมีไว้อยู่ในครอบครอง ถือว่า ผิดกฏหมาย ไม่ต่างกับกับมีปืน m16 อยู่ในครอบครองครอง กฏกระทรวงออกฉบับนี้ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2491 ตามใบ ป.4 ลงวันที่ 26 ส.ค.2491 ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม ถ้าออกใบ ป.4 ผิด ก็จะต้องถูกเพิกถอน ผู้ออกใบป.4 จะต้องถูกดำเนิน คดี ตาม ป.อาญา 157 ปืนคงถูกยึดในที่สุด ในแง่ของกฏหมายลองไปศึกษาดูนะครับ ว่ามีไว้ผิดกฏหมายหรือไม่ แต่แน่ๆ โอน :VOV: ::010::ไม่ได้แน่นอน ไปทะเลาะอะไรกับปืนยี่ห้อนี้มาเหรอครับ.......เห็นตามยกทุกกระทู้เลย หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: SigPro-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 04, 2012, 01:58:39 PM ผมว่าคงไม่ได้ทะเลาะอะไรกับใครหรอกครับ แค่พวกอยากลองของ
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: Footballmania ที่ มิถุนายน 04, 2012, 05:08:57 PM ตาม กฏกระทรวงฉบับที่ 3(พ.ศ.2491) ข้อ (๗) ปืนเล็กยาวแบบ ๘๓ ใช้กระสุนหัวแหลมขนาด ๖.๕ ม.ม. เป็น ปืน ห้ามมิให้ออกใบอนุญาตสำหรับให้ทำหรือสั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืน หรือ เครื่องกระสุนปืน สำหรับอาวุธปืนดังต่อไปนี้เพื่อการค้าหรือ เพื่อใช้ส่วนตัว จึงเป็นปืนที่อยู่นอกเหนือที่ กฏกระทรวงฉบับที่ 11 กำหนด ใครมีไว้อยู่ในครอบครอง ถือว่า ผิดกฏหมาย ไม่ต่างกับกับมีปืน m16 อยู่ในครอบครองครอง กฏกระทรวงออกฉบับนี้ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2491 ตามใบ ป.4 ลงวันที่ 26 ส.ค.2491 ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม ถ้าออกใบ ป.4 ผิด ก็จะต้องถูกเพิกถอน ผู้ออกใบป.4 จะต้องถูกดำเนิน คดี ตาม ป.อาญา 157 ปืนคงถูกยึดในที่สุด ในแง่ของกฏหมายลองไปศึกษาดูนะครับ ว่ามีไว้ผิดกฏหมายหรือไม่ แต่แน่ๆ โอน :VOV: ::010::ไม่ได้แน่นอน ถ้าจะ copy มาแปะ ... แนะนำให้อ่านทุกข้ออย่างถ่องแท้ค่อยตอบ ดีกว่าครับ ;D หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: konklong ที่ มิถุนายน 04, 2012, 06:16:22 PM อาริซากะ ปืนไรเฟิลประจำกายของทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ (ขออภัยใส่ชื่อรุ่นผิดครับ) ::014:: http://world.guns.ru/rifle/rfl22-e.htm (http://world.guns.ru/rifle/rfl22-e.htm) ขอบคุณทั้งสองท่านครับ ::014:: ดูจากชื่อแล้ว คงเป็นญี่ปุ่นผลิตเองใช่ไหมครับ หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: circle ที่ มิถุนายน 04, 2012, 06:24:49 PM ว่าแต่.... ลูกปืนมันยังพอจะหาได้อยู่หรือเปล่าครับ 6.5 มม. เนี่ย ไม่ค่อยคุ้นเลยครับ
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: konklong ที่ มิถุนายน 04, 2012, 06:30:10 PM ตาม กฏกระทรวงฉบับที่ 3(พ.ศ.2491) ข้อ (๗) ปืนเล็กยาวแบบ ๘๓ ใช้กระสุนหัวแหลมขนาด ๖.๕ ม.ม. เป็น ปืน ห้ามมิให้ออกใบอนุญาตสำหรับให้ทำหรือสั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืน หรือ เครื่องกระสุนปืน สำหรับอาวุธปืนดังต่อไปนี้เพื่อการค้าหรือ เพื่อใช้ส่วนตัว จึงเป็นปืนที่อยู่นอกเหนือที่ กฏกระทรวงฉบับที่ 11 กำหนด ใครมีไว้อยู่ในครอบครอง ถือว่า ผิดกฏหมาย ไม่ต่างกับกับมีปืน m16 อยู่ในครอบครองครอง กฏกระทรวงออกฉบับนี้ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2491 ตามใบ ป.4 ลงวันที่ 26 ส.ค.2491 ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม ถ้าออกใบ ป.4 ผิด ก็จะต้องถูกเพิกถอน ผู้ออกใบป.4 จะต้องถูกดำเนิน คดี ตาม ป.อาญา 157 ปืนคงถูกยึดในที่สุด ในแง่ของกฏหมายลองไปศึกษาดูนะครับ ว่ามีไว้ผิดกฏหมายหรือไม่ แต่แน่ๆ โอน :VOV: ::010::ไม่ได้แน่นอน กฎกระทรวงฉบับที่ 11 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง กลาโหม ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๐๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ข้อ ๒ อาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตามมาตรา ๗ หรือ มาตรา ๒๔ ต้องเป็นอาวุธปืน ชนิดและขนาด ดังต่อไปนี้ (๑) อาวุธปืนชนิดลำกล้องมีเกลียวที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่เกิน ๑๑.๔๕ มม. (๒) อาวุธปืนชนิดลำกล้องไม่มีเกลียว ดังต่อไปนี้ (ก) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่ถึง ๒๐ มม. (ข) ปืนบรรจุปาก ปืนลูกซอง และปืนพลุสัญญาณ (๓) อาวุธปืนชนิดที่มีเครื่องกลไกสำหรับบรรจุกระสุนเองให้สามารถยิงซ้ำได้ ดังต่อไปนี้ (ก) ขนาดความยาวของลำกล้องไม่ถึง ๑๖๐ มม. (ข) ปืนลูกซอง (ค) ปืนลูกกรดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้อง ไม่เกิน ๕.๖ มม. (๔) อาวุธปืนชนิดไม่มีเครื่องบังคับเสียงให้เบาผิดปกติ (๕) อาวุธปืนชนิดที่ไม่ใช้กระสุนเป็นที่บรรจุวัตถุเคมีที่ทำให้เกิดอันตรายหรือ เป็นพิษหรือไม่ใช้เครื่องกระสุนปืนที่บรรจุเชื้อโรค เชื้อเพลิง หรือวัตถุกัมมันตภาพรังสี ข้อ ๓ เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตามมาตรา ๗ หรือมาตรา ๒๔ ต้องเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนตามข้อ ๒ ที่ได้รับอนุญาต แต่ต้อง ไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนชนิดเจาะเกราะหรือชนิดกระสุนเพลิง ข้อ ๔ วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตามมาตรา ๓๘ ต้องเป็นวัตถุระเบิดประเภท ชนิด และขนาดที่ใช้เฉพาะในกิจการก่อสร้างหรือกิจการอุตสาหกรรม และได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นต้นไป ให้ไว้ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ พลเอก เล็ก แนวมาลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก ป. ติณสูลานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๕๕ แห่งพระราช บัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ บัญญัติว่า ประเภท ชนิด และขนาดของอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ ตามมาตรา ๗ มาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๓๘ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎ กระทรวงนี้ [รก. ๒๕๒๒/๑๔๐/๑พ./๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๒] เอามาให้ดูครับ เพื่อประเทืองสติปัญญา .......................และให้รับทราบไว้ด้วยว่า ปืนกระบอกในรูปที่ลงทดสอบในหนังสือ อวป. ตัดยอดมาจากต่างจังหวัด ทำการตรวจและรับโอนเข้ามือเจ้าของปัจจุบัน ที่ภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ ที่วังไชยาเรียบร้อยแล้ว หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มิถุนายน 05, 2012, 01:05:43 PM (http://img814.imageshack.us/img814/7618/img0905m.jpg)
พี่โหน่งครับ ::014::สมมุติว่าถ้าย้อนเวลากลับไปยุคสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วได้รับคำสั่งให้ออกไปรบ โดยมีปืนให้เลือกแค่สามกระบอกนี้ พี่โหน่งจะเลือกอันไหนครับ :D ปล. สมมุติอีกนะครับว่าถ้าผมเกิดมีบุญวาสนาได้ครอบครองอาริซากะสักกระบอก ผมยังจะหากระสุน 6.5 ได้ไหมครับพี่ ::014:: หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: คนตัวอ้วน+ผมรักในหลวง ที่ มิถุนายน 05, 2012, 01:40:38 PM ตอนเรียน นศท. มันเป็นอะไรที่ไม่อยากแบกเลยครับ...หนักมาก...
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มิถุนายน 05, 2012, 09:02:37 PM (http://img814.imageshack.us/img814/7618/img0905m.jpg) พี่โหน่งครับ ::014::สมมุติว่าถ้าย้อนเวลากลับไปยุคสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วได้รับคำสั่งให้ออกไปรบ โดยมีปืนให้เลือกแค่สามกระบอกนี้ พี่โหน่งจะเลือกอันไหนครับ :D ปล. สมมุติอีกนะครับว่าถ้าผมเกิดมีบุญวาสนาได้ครอบครองอาริซากะสักกระบอก ผมยังจะหากระสุน 6.5 ได้ไหมครับพี่ ::014:: ผมเลือก Springfilde 1903 ครับ .......................เพราะในสามกระบอกนี้ 1903 แม่นที่สุด กระสุน 6.5 มม. อาริสซากะ ต้องสั่งครับ .................. บริษัทที่ผลิตอยู่คือ นอม่า สวีเดน ร้านปืนทางบ้านเราสั่งให้ได้จากทางอเมริกา ปล. ไม่ต้อง WW II หรอกครับ เร็วๆนี้ถ้าจะมีกีฬาสีอีกรอบ ผมก็เลือก 1903 หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: jabpo ที่ มิถุนายน 05, 2012, 09:20:39 PM ตาม กฏกระทรวงฉบับที่ 3(พ.ศ.2491) ข้อ (๗) ปืนเล็กยาวแบบ ๘๓ ใช้กระสุนหัวแหลมขนาด ๖.๕ ม.ม. เป็น ปืน ห้ามมิให้ออกใบอนุญาตสำหรับให้ทำหรือสั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืน หรือ เครื่องกระสุนปืน สำหรับอาวุธปืนดังต่อไปนี้เพื่อการค้าหรือ เพื่อใช้ส่วนตัว จึงเป็นปืนที่อยู่นอกเหนือที่ กฏกระทรวงฉบับที่ 11 กำหนด ใครมีไว้อยู่ในครอบครอง ถือว่า ผิดกฏหมาย ไม่ต่างกับกับมีปืน m16 อยู่ในครอบครองครอง กฏกระทรวงออกฉบับนี้ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2491 ตามใบ ป.4 ลงวันที่ 26 ส.ค.2491 ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม ถ้าออกใบ ป.4 ผิด ก็จะต้องถูกเพิกถอน ผู้ออกใบป.4 จะต้องถูกดำเนิน คดี ตาม ป.อาญา 157 ปืนคงถูกยึดในที่สุด ในแง่ของกฏหมายลองไปศึกษาดูนะครับ ว่ามีไว้ผิดกฏหมายหรือไม่ แต่แน่ๆ โอน :VOV: ::010::ไม่ได้แน่นอน ไปทะเลาะอะไรกับปืนยี่ห้อนี้มาเหรอครับ.......เห็นตามยกทุกกระทู้เลย หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 05, 2012, 09:45:40 PM (http://img814.imageshack.us/img814/7618/img0905m.jpg) พี่โหน่งครับ ::014::สมมุติว่าถ้าย้อนเวลากลับไปยุคสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วได้รับคำสั่งให้ออกไปรบ โดยมีปืนให้เลือกแค่สามกระบอกนี้ พี่โหน่งจะเลือกอันไหนครับ :D ปล. สมมุติอีกนะครับว่าถ้าผมเกิดมีบุญวาสนาได้ครอบครองอาริซากะสักกระบอก ผมยังจะหากระสุน 6.5 ได้ไหมครับพี่ ::014:: ผมเลือก Springfilde 1903 ครับ .......................เพราะในสามกระบอกนี้ 1903 แม่นที่สุด กระสุน 6.5 มม. อาริสซากะ ต้องสั่งครับ .................. บริษัทที่ผลิตอยู่คือ นอม่า สวีเดน ร้านปืนทางบ้านเราสั่งให้ได้จากทางอเมริกา ปล. ไม่ต้อง WW II หรอกครับ เร็วๆนี้ถ้าจะมีกีฬาสีอีกรอบ ผมก็เลือก 1903 ^^!! หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: npk223 ที่ มิถุนายน 05, 2012, 10:14:09 PM Springfilde 1903 ถ้าติดกล้องความแม้นสู้พวก 308 ได้ไหมครับ ปืนพวกนี้ที่เป็นปืนพานิชย์มีเข้ามาบ้านเราบ้างหรือเปล่าครับ ::014:: ::014:: ::014::
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มิถุนายน 05, 2012, 11:01:45 PM ตาม กฏกระทรวงฉบับที่ 3(พ.ศ.2491) ข้อ (๗) ปืนเล็กยาวแบบ ๘๓ ใช้กระสุนหัวแหลมขนาด ๖.๕ ม.ม. เป็น ปืน ห้ามมิให้ออกใบอนุญาตสำหรับให้ทำหรือสั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืน หรือ เครื่องกระสุนปืน สำหรับอาวุธปืนดังต่อไปนี้เพื่อการค้าหรือ เพื่อใช้ส่วนตัว จึงเป็นปืนที่อยู่นอกเหนือที่ กฏกระทรวงฉบับที่ 11 กำหนด ใครมีไว้อยู่ในครอบครอง ถือว่า ผิดกฏหมาย ไม่ต่างกับกับมีปืน m16 อยู่ในครอบครองครอง กฏกระทรวงออกฉบับนี้ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2491 ตามใบ ป.4 ลงวันที่ 26 ส.ค.2491 ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม ถ้าออกใบ ป.4 ผิด ก็จะต้องถูกเพิกถอน ผู้ออกใบป.4 จะต้องถูกดำเนิน คดี ตาม ป.อาญา 157 ปืนคงถูกยึดในที่สุด ในแง่ของกฏหมายลองไปศึกษาดูนะครับ ว่ามีไว้ผิดกฏหมายหรือไม่ แต่แน่ๆ โอน :VOV: ::010::ไม่ได้แน่นอน ไปทะเลาะอะไรกับปืนยี่ห้อนี้มาเหรอครับ.......เห็นตามยกทุกกระทู้เลย หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มิถุนายน 05, 2012, 11:50:53 PM Springfilde 1903 ถ้าติดกล้องความแม้นสู้พวก 308 ได้ไหมครับ ปืนพวกนี้ที่เป็นปืนพานิชย์มีเข้ามาบ้านเราบ้างหรือเปล่าครับ ::014:: ::014:: ::014:: ถ้ากระบอกนี้ ผมว่าแม่นใกล้เคียงกันนะครับ ................... 1903 ที่เคยเจอในรูปปืนพาณิชย์ คือเปลี่ยนสต็อคปืนเป็นแบบทั่วๆไป ยังไม่เห็นมีเข้ามาขายบ้านเรานะครับ ....................... นอกจากให้ร้านปืนสั่งให้เป็นกรณีพิเศษ หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 06, 2012, 12:12:43 AM Springfilde 1903 ถ้าติดกล้องความแม้นสู้พวก 308 ได้ไหมครับ ปืนพวกนี้ที่เป็นปืนพานิชย์มีเข้ามาบ้านเราบ้างหรือเปล่าครับ ::014:: ::014:: ::014:: ปลอก.308 สั้นกว่า จุดระเบิดได้ความเร็วสม่ำเสมอดีกว่าครับ หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ มิถุนายน 06, 2012, 12:40:32 AM ตาม กฏกระทรวงฉบับที่ 3(พ.ศ.2491) ข้อ (๗) ปืนเล็กยาวแบบ ๘๓ ใช้กระสุนหัวแหลมขนาด ๖.๕ ม.ม. เป็น ปืน ห้ามมิให้ออกใบอนุญาตสำหรับให้ทำหรือสั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืน หรือ เครื่องกระสุนปืน สำหรับอาวุธปืนดังต่อไปนี้เพื่อการค้าหรือ เพื่อใช้ส่วนตัว จึงเป็นปืนที่อยู่นอกเหนือที่ กฏกระทรวงฉบับที่ 11 กำหนด ใครมีไว้อยู่ในครอบครอง ถือว่า ผิดกฏหมาย ไม่ต่างกับกับมีปืน m16 อยู่ในครอบครองครอง กฏกระทรวงออกฉบับนี้ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2491 ตามใบ ป.4 ลงวันที่ 26 ส.ค.2491 ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม ถ้าออกใบ ป.4 ผิด ก็จะต้องถูกเพิกถอน ผู้ออกใบป.4 จะต้องถูกดำเนิน คดี ตาม ป.อาญา 157 ปืนคงถูกยึดในที่สุด ในแง่ของกฏหมายลองไปศึกษาดูนะครับ ว่ามีไว้ผิดกฏหมายหรือไม่ แต่แน่ๆ โอน :VOV: ::010::ไม่ได้แน่นอน ไปทะเลาะอะไรกับปืนยี่ห้อนี้มาเหรอครับ.......เห็นตามยกทุกกระทู้เลย หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: npk223 ที่ มิถุนายน 06, 2012, 10:38:17 AM Springfilde 1903 ถ้าติดกล้องความแม้นสู้พวก 308 ได้ไหมครับ ปืนพวกนี้ที่เป็นปืนพานิชย์มีเข้ามาบ้านเราบ้างหรือเปล่าครับ ::014:: ::014:: ::014:: ถ้ากระบอกนี้ ผมว่าแม่นใกล้เคียงกันนะครับ ................... 1903 ที่เคยเจอในรูปปืนพาณิชย์ คือเปลี่ยนสต็อคปืนเป็นแบบทั่วๆไป ยังไม่เห็นมีเข้ามาขายบ้านเรานะครับ ....................... นอกจากให้ร้านปืนสั่งให้เป็นกรณีพิเศษ หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มิถุนายน 06, 2012, 10:43:13 AM Springfilde 1903 ถ้าติดกล้องความแม้นสู้พวก 308 ได้ไหมครับ ปืนพวกนี้ที่เป็นปืนพานิชย์มีเข้ามาบ้านเราบ้างหรือเปล่าครับ ::014:: ::014:: ::014:: ถ้ากระบอกนี้ ผมว่าแม่นใกล้เคียงกันนะครับ ................... 1903 ที่เคยเจอในรูปปืนพาณิชย์ คือเปลี่ยนสต็อคปืนเป็นแบบทั่วๆไป ยังไม่เห็นมีเข้ามาขายบ้านเรานะครับ ....................... นอกจากให้ร้านปืนสั่งให้เป็นกรณีพิเศษ ใช่ครับ ............................ ที่เมืองนอก เท่าที่ทราบไม่มีการผลิตใหม่มานานมากแล้วครับ ตั้งแต่ปลดประจำการจากกองทัพสหรัฐ ..................... ที่มีขายในตลาดจะเป็นปืนเก่า ราคาตามสภาพ ซึ่งราคายังสูงเนื่องจากขึ้นชั้นปืนแอนติค ................ มีหลายๆกระบอกที่ราคาแพงกว่าปืนพกใหม่ ยิ่งถ้าเป็นกระบอกที่มีบันทึกประวัติ สภาพดี ราคายิ่งสูงมาก 1903 ในอเมริกามีคลับ 1903 ครับ จัดแข่งขันทุกปีทั้งแบบศูนย์เปิดและติดกล้อง ...................... http://www.youtube.com/watch?v=ncBPtChn4ME&feature=endscreen หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มิถุนายน 06, 2012, 05:01:29 PM (http://img814.imageshack.us/img814/7618/img0905m.jpg) พี่โหน่งครับ ::014::สมมุติว่าถ้าย้อนเวลากลับไปยุคสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วได้รับคำสั่งให้ออกไปรบ โดยมีปืนให้เลือกแค่สามกระบอกนี้ พี่โหน่งจะเลือกอันไหนครับ :D ปล. สมมุติอีกนะครับว่าถ้าผมเกิดมีบุญวาสนาได้ครอบครองอาริซากะสักกระบอก ผมยังจะหากระสุน 6.5 ได้ไหมครับพี่ ::014:: ผมเลือก Springfilde 1903 ครับ .......................เพราะในสามกระบอกนี้ 1903 แม่นที่สุด กระสุน 6.5 มม. อาริสซากะ ต้องสั่งครับ .................. บริษัทที่ผลิตอยู่คือ นอม่า สวีเดน ร้านปืนทางบ้านเราสั่งให้ได้จากทางอเมริกา ปล. ไม่ต้อง WW II หรอกครับ เร็วๆนี้ถ้าจะมีกีฬาสีอีกรอบ ผมก็เลือก 1903 ขอบคุณมากครับพี่โหน่งที่ให้ความกระจ่าง ::014::ข้อมูลเหล่านี้หาอ่านไม่ได้ง่ายๆเสียด้วย :D--ผมหลงเข้าใจผิดมานานว่าปืนญี่ปุ่นแม่นที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะเคยอ่านเจอในเวปนอกนานมาแล้วว่ากระสุนหน้าตัดเล็กของอาริซากะยิงวิถีราบกว่าหวังผลไกลกว่า ในเวปนั้นว่าทหารญี่ปุ่นจะพกศูนย์เล็งไว้ติดตัวพร้อมทั้งดาบปลายปืน เป็นปืนที่ประกอบศูนย์เล็งได้ง่าย ผมเลยเข้าใจผิดคิดเอาว่าปืนมันดีถึงขนาดเป็นปืนสไนเปอร์ได้เลย ::014:: หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ มิถุนายน 07, 2012, 12:26:21 AM นี่ถ้าอาโหน่งไม่กล่าวมา ผมยังหลงคิดมานานว่า ปลย. Mauser Kar98K เป็นปืนที่แม่นยำที่สุดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วนะครับเนี่ย เพราะเห็นว่าผลิตโดยเยอรมัน
ส่วนตำแหน่งกระสุนปืนเล็กยาวที่แม่นยำและรุนแรงที่สุดในยุคนั้นคือกระสุน .30-06 Springfield ใช่ไหมครับ ::014:: หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มิถุนายน 07, 2012, 09:32:59 AM นี่ถ้าอาโหน่งไม่กล่าวมา ผมยังหลงคิดมานานว่า ปลย. Mauser Kar98K เป็นปืนที่แม่นยำที่สุดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วนะครับเนี่ย เพราะเห็นว่าผลิตโดยเยอรมัน ส่วนตำแหน่งกระสุนปืนเล็กยาวที่แม่นยำและรุนแรงที่สุดในยุคนั้นคือกระสุน .30-06 Springfield ใช่ไหมครับ ::014:: ไม่ชัวร์นะครับ แต่ผมเข้าใจว่าเป็นอย่างนั้น .................... แต่ความแรง .30-06 สู้ 7.62x54 รัสเซี่ยน ที่ใช้ในปืนโมแซง-นากังไม่ได้ครับ เจ้านั้นแรงกว่าในเรื่องอานุภาพกระสุน ....................... ส่วน 8 มม. เมาเซอร์(7.92) ก็แม่นครับในชั้นของเขา .............กระสุน 8 มม. เมาเซอร์ เกิดช่วงปี 1898 ครับ ส่วน .30-06 เกิดปี 1906 ห่างกัน 8 ปี โดย .30-06 เอาปลอกของ 8 มม. เมาเซอร์มายืดให้ยาว63 มม. แล้วบีบคอใส่หัว.30(7.62มม.) (ดังนั้นกระสุนสองขนาดนี้ จานท้ายเท่ากัน)................. ความเร็วสูงกว่า 8 มม. แต่ 8มม.ได้เรื่องแรงปะทะด้วยความที่หน้าตัดใหญ่กว่า ...................... กระสุนทั้งสามแบบที่ผมยกมา.................... จริงๆสู้ .303 บริติช ของอังกฤษที่ใช้ในปืนลีเอนฟิลด์ไม่ได้ในเรื่องความแรง เจ้านั้นแรงที่สุดในยุคนั้น สำหรับกระสุนหน้าตัดประมาณนี้........................... เรื่องความแม่นยำในระดับสไนเปอร์ ..................ถ้านำกระสุนเหล่านี้มาใช้จริง การปรับแต่งทั้งปืนและกระสุนต้องพิเศษกว่าปืนที่ทหารราบทั่วๆไปถือครับ เทียบกันจริงๆยากครับ ................. เพราะใช้งานแม่นพอๆกัน หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: npk223 ที่ มิถุนายน 07, 2012, 02:10:08 PM ผมสงสัยว่าทำไมกระสุนพวกนี้ถึงถูกปลดประจำการครับ ผมว่ามันมีอำนาจสังหารสูงกว่าพวกหน้าตัดเล็ก ระยะการยิงก็มากกว่า แล้วที่แปลกก็คือระยะการปะทะในปัจจุบันน่าจะไกลกว่าเมื่อสมัยสงครามโลก เพราะเครื่องมือในการตรวจการก็ทันสมัยมากกว่า ยิ่งในทางอเมริกาและยุโรป ภูมิประเทศเป็นทุ่งโลงเสียเป็นส่วนใหญ่ ::014:: ::014::
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มิถุนายน 07, 2012, 02:55:31 PM ผมสงสัยว่าทำไมกระสุนพวกนี้ถึงถูกปลดประจำการครับ ผมว่ามันมีอำนาจสังหารสูงกว่าพวกหน้าตัดเล็ก ระยะการยิงก็มากกว่า แล้วที่แปลกก็คือระยะการปะทะในปัจจุบันน่าจะไกลกว่าเมื่อสมัยสงครามโลก เพราะเครื่องมือในการตรวจการก็ทันสมัยมากกว่า ยิ่งในทางอเมริกาและยุโรป ภูมิประเทศเป็นทุ่งโลงเสียเป็นส่วนใหญ่ ::014:: ::014:: เพราะการพัฒนาเทคโนโลยี่เรื่องดินขับไงครับ ..................... เมื่อสามารถลดปริมาณดินขับได้ ลดห้องเผาไหม้ได้(ปลอกเล็ก/สั้นลง) โดยที่ขีปนวิธีของกระสุนไม่ลดลงหรือลดลงไม่มาก(ยอมรับได้) .................. ขนาดของปลอกกระสุน ปริมาณดินขับที่ใช้ ...............ก็สามารถลดขนาดลงได้ การผลิตที่ผลิตแบบมากๆก็จะประหยัดทรัพยากรได้เป็นจำนวนมาก..................... และเมื่อทำการวิจัยต่อไป ก็จะเห็นว่า สำหรับสัตว์หนังบางแบบมนุษย์ ที่ร่างกายไม่ได้มีความทรหดอดทนเหมือนสัตว์วงศ์อื่น ................. ขนาดหน้าตัดของกระสุนก็ลดลง .................ก็ประหยัดทรัพยากรไปได้อีก เช่น ..........ในกระสุน .30-06 Singfield หัวหนัก 168 เกรน ปลอกยาว 63 มม. ชาร์ตดิน 50 กว่าเกรน(ผมจำไม่ได้ ขี้เกียจเปิดตำรา) ความเร็วต้นกระสุน 2600-2700 ฟุต/วิ กว่าๆ ........................... เอาปลอกมาตัดเหลือ 51 มม. ใส่หัว 147 เกรน ชาร์ทดิน 43 เกรนกว่าๆ ได้ความเร็วที่ 2600 -2800 ฟุต/วิ กลายเป็นกระสุน .308 Win ....................... ถ้าผลิตเป็นล้านๆนัด ประหยัด ตะกั่ว ทองแดง ทองเหลืองและดินปืนไปเยอะ................. ............. กระสุน 7.62x54 มม. รัสเซียน ที่ใช้ในปืนเล็กยาวโมแซง-นากัง กับปืนกลขนาดต่างๆของค่ายโซเวียต หัวกระสุนถ้าจำไม่ผิดประมาณ 130+- เกรน ปลอกยาว 54 มม. ให้ความเร็วต้นที่ 2700-2800 กว่าๆ ...............พอผลิตปืนเล็กยาวโจมตี AK 47 กับ ปืนเล็กยาว SKS สำหรับทหารราบ ยิงระยะไม่เกิน 400 เมตร ก็ตัดปลอกเหลือ 39 มม. หัวเหลือ 110-120 เกรน เป็นขนาด 7.62x39 มม. รัสเซียน ความเร็วต้นกระสุนก็ไม่ตก อยู่ที่2700 +- ..................ก็เอามาใช้กับปืนประจำกาย ส่วนกระสุน 7.62x54 มม.รัสเซียน ยังคงใช้ในปืนพวกปืนกล เพราะยิงได่้ในระยะไกลๆ เป็นพันหลา.................. มีกระสุนในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบันนะครับ .................. แต่ใช้ในปืนที่เหมาะสมกับภารกิจ เช่น .50 7.62x54 หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ มิถุนายน 07, 2012, 03:40:18 PM สัตว์หนังบางอย่างมนุษย์โดนยิงด้วยกระสุน .22 LR ยังมีอาการสาหัสจนถึงตาย ถ้าถูกยิงด้วยกระสุนหน้าตัดเล็กความเร็วสูงตั้งแต่ 3,000 ฟุต/วินาทีอย่างกระสุน 5.56x45 มม. หรือ 5.45x39 มม. บริเวณตั้งแต่ท้องน้อยขึ้นไป มีสิทธิ์ไปยมโลกเกือบ 100% แล้วครับ ::012::
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มิถุนายน 07, 2012, 03:44:04 PM อย่างนี้ญี่ปุ่นก็เก่งกว่าเขาสิครับพี่โหน่ง :D ทำลูกเล็กมาตั้งแต่สงครามครั้งที่หนึ่งเลย--เขียมไปหลายตังค์ :D +1
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มิถุนายน 07, 2012, 03:59:08 PM อย่างนี้ญี่ปุ่นก็เก่งกว่าเขาสิครับพี่โหน่ง :D ทำลูกเล็กมาตั้งแต่สงครามครั้งที่หนึ่งเลย--เขียมไปหลายตังค์ :D +1 กลับกันครับ ............... ตอนแรกญี่ปุ่นคิดดีกว่า ทำกระสุน 6.5 มม. อาริสซากะ ออกมา รีคอยนุ่มนวล แค่นี้ก็ยิงคนตายแหงแก๋แล้ว พอเอาไปใช้กับปืนกลกับปืนกลอากาศติดเครื่องบิน ..................อานุภาพของกระสุนไม่รุนแรงต่อเป้าหมายขนาดใหญ่หรือยานพาหนะ รบกันหนักเข้าๆ กระสุน 6.5 มม. อานุภาพไม่เพียงพอในการรบ ..................... ต้องออกแบบกระสุนใหม่ในขนาด 7.7 มม. แล้วปรับปืนอาริสซากะ Type38 เป็น Type 99 .................. ซึ่งใช้ร่วมกันกับปืนกลและปืนกลอากาศได้ สะดวกในการผลิตและส่งกำลังบำรุง หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มิถุนายน 07, 2012, 04:06:29 PM ผมสงสัยว่าทำไมกระสุนพวกนี้ถึงถูกปลดประจำการครับ ผมว่ามันมีอำนาจสังหารสูงกว่าพวกหน้าตัดเล็ก ระยะการยิงก็มากกว่า แล้วที่แปลกก็คือระยะการปะทะในปัจจุบันน่าจะไกลกว่าเมื่อสมัยสงครามโลก เพราะเครื่องมือในการตรวจการก็ทันสมัยมากกว่า ยิ่งในทางอเมริกาและยุโรป ภูมิประเทศเป็นทุ่งโลงเสียเป็นส่วนใหญ่ ::014:: ::014:: น้ำหนักของกระสุนและปืนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยครับ จะสังเกตุได้ว่าปืนแบบใหม่ๆจะเบาและสั้นลงกระสุนขนาดเล็กและเบาลงเมื่อเทียบกับกระสุนสมัยเก่า อย่าง.223 เบากว่า30-06หรือ308 ทหารก็พากระสุนไปได้มากและคล่องตัวกว่า หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 07, 2012, 05:48:10 PM ผมสงสัยว่าทำไมกระสุนพวกนี้ถึงถูกปลดประจำการครับ ผมว่ามันมีอำนาจสังหารสูงกว่าพวกหน้าตัดเล็ก ระยะการยิงก็มากกว่า แล้วที่แปลกก็คือระยะการปะทะในปัจจุบันน่าจะไกลกว่าเมื่อสมัยสงครามโลก เพราะเครื่องมือในการตรวจการก็ทันสมัยมากกว่า ยิ่งในทางอเมริกาและยุโรป ภูมิประเทศเป็นทุ่งโลงเสียเป็นส่วนใหญ่ ::014:: ::014:: เป็นกระสุนจานท้ายมีขอบ ติดขัดง่าย ระยะยิงของปืนเล็กยาวในปัจจุบันใกล้กว่าเดิมมาก เพราะอาวุธยิงสนับสนุนผลิตได้ง่าย ราคาถูกลง ต้องยิงไกล ก็ใช้ปืนกลหรือเครื่องยิงลูกระเบิด หรือร้องขอ DMR (กึ่ง ๆ สไนเปอร์) ประจำหมู่ได้ เมื่อสิบปีก่อน เกิดปัญหากระสุน 5.56 มม.หยุดคาร์บอมบ์ไม่ได้ ในขั้นตอนแก้ปัญหา มีการทดลองขยายเป็น 6.8 มม. แต่ก็เลิกไป เพราะสามารถผลิตกระสุน 5.56 มม.แบบ M855 A1 หัวกระสุนเป็นทองแดงทั้งแท่ง ที่มีอำนาจสังหารเป้าหมายหลังที่กำบังอย่างเช่นกระจกรถ ตัวถังรถได้ดีกว่าเดิม หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: npk223 ที่ มิถุนายน 07, 2012, 09:30:30 PM ความรู้เพียบ ::014:: ::014:: ::014:: ::014:: ::014::
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มิถุนายน 08, 2012, 12:06:37 PM อย่างนี้ญี่ปุ่นก็เก่งกว่าเขาสิครับพี่โหน่ง :D ทำลูกเล็กมาตั้งแต่สงครามครั้งที่หนึ่งเลย--เขียมไปหลายตังค์ :D +1 กลับกันครับ ............... ตอนแรกญี่ปุ่นคิดดีกว่า ทำกระสุน 6.5 มม. อาริสซากะ ออกมา รีคอยนุ่มนวล แค่นี้ก็ยิงคนตายแหงแก๋แล้ว พอเอาไปใช้กับปืนกลกับปืนกลอากาศติดเครื่องบิน ..................อานุภาพของกระสุนไม่รุนแรงต่อเป้าหมายขนาดใหญ่หรือยานพาหนะ รบกันหนักเข้าๆ กระสุน 6.5 มม. อานุภาพไม่เพียงพอในการรบ ..................... ต้องออกแบบกระสุนใหม่ในขนาด 7.7 มม. แล้วปรับปืนอาริสซากะ Type38 เป็น Type 99 .................. ซึ่งใช้ร่วมกันกับปืนกลและปืนกลอากาศได้ สะดวกในการผลิตและส่งกำลังบำรุง ดูๆไปแล้วสงสารญี่ปุ่นนะครับ :D รบกับเขาแบบจนๆในหนังแปซิฟิคเห็นแล้วอนาถามากอยู่แบบอดๆอยากๆ--มารีนในเรื่องนั้นก็ใช้สปริงฟิลด์แบบพี่โหน่งนะครับ มาท้ายๆเรื่องถีงจะมี ปลยบ.88 ใช้ --คนในตะกูลผมก็ตายกับอาริซากะเป็นสิบๆคนนะครับ :'( :'( ตอนนั้นพ่อผมอายุได้สัก 14-15 ปี ญี่ปุ่นก็บุกมาจนถึงซัวเถา (แน่นอนครับผ่านนานกิงมาเรียบร้อยที่นี่คนจีนตายเป็นแสนๆ) หมู่บ้านไผ่เหลืองของพ่อก็อยู่ที่เมืองซัวเถานี่ด้วย ตอนตีห้าของวันนั้นคนที่ออกไปทำนาก่อนก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในหมู่บ้านบอกว่า มีทหารญี่ปุ่นประมาณสิบคน คงจะหนึ่งหมู่ปืนเล็ก เข้ามาปักธงตั้งเต็นท์ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านหุงหาอาหารกินกัน พอข่าวสะพัดบรรดาดาวบู๊ประจำตำบล (เมืองจีนเวลาสงบนั้นระหว่างหมู่บ้าน ::009::ชอบยกพวกไปรบกันยิงกัน) พ่อผมเรียกพวกนี้ว่า"บรรดาอาเจ็ก"ก็ระดมพลได้ประมาณร่วมๆร้อยคนอาวุธพร้อมทั้งปืน,ดาบ,มีด แล้วยกพลไปตีทหารญี่ปุ่นกะขยี้ให้เละ :D พ่อผมก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์เพราะไม่ได้ไปด้วยได้ยินแต่เสียงปืน รู้แต่ว่าเหลือรอดกลับมาได้ไม่กี่คน :~) :~) ที่กลับมาก็เล่าว่า " พวกมันตัวเล็กๆผอมๆเตี้ยๆ ปืนของมันยาวราวกับหอก พวกมันเคลื่อนไหวเหมือนผียิงอย่างไรก็ไม่ถูก"(คงจะมีการขุดหลุมบุคคลไว้รอตั้งรับไว้แล้วมังครับ)และพวกมันก็ยิงแม่นอย่างที่สุด ตั้งแต่ไกลๆก็โดนมันยิงร่วงเป็นสิบคน ตอนบ่ายของวันนั้นพวกคนแก่ก็ขอญี่ปุ่นไปเก็บศพเพื่อกลับมาฝัง :'( ศพคนนำไปต่อสู้ญี่ปุ่นมันไม่ยอมให้เก็บไปฝังมันหั่นเป็นสี่ท่อน ทิ้งไว้ปากทางแยก---พ่อผมเล่าว่าเสียงปืนของญี่ปุ่นตอนนั้นที่ฟังไกลๆ--เสียงไม่เหมือนปืนของบรรดาอาเจ็กเสียงดังแหลมๆแปลกๆ---พี่โหน่งครับเสียงปืนอาริซากะนี่ไม่เหมือนกระบอกอื่นหรือครับ ::014:: หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ มิถุนายน 08, 2012, 03:27:44 PM ในสมรภูมิแปซฟิก ทหารญี่ปุ่นมาตอนแรกก็รบได้แบบดุดันแข็งขันเพราะขวัญกำลังใจทหารดี รบที่ไหนก็ชนะมาตลอดแม้แต่จีนแผ่นดินใหญ่ เสบียงอาวุธยุทโธปกรณ์ก็มีให้ใช้เพียบ แต่พอโดนฝ่ายสัมพันธมิตรตัดเส้นทางลำเลียงแล้วเริ่มยุทธวิธีปิดล้อมแล้วโจมตี ขวัญกำลังใจทหารญี่ปุ่นที่เคยเข้มแข็งก็ถดถอย บุกไปทางไหนก็โดนโจมตีสวนกลับจนแตกพ่ายทุกครั้ง ทหารนายไหนยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ก็ฆ่าตัวตายไป ส่วนทหารที่เหลืออยู่ก็สู้ไปแบบไม่มีจุดหมาย เพราะถ้ายอมแพ้ก็เสื่อมเสียเกียรติทหารแห่งองค์พระจักรพรรดิ์อีกครับ :'(
ส่วนปืนเล็กยาวที่บรรดาอาเจ๊กใช้น่าจะเป็นปืนเล็กยาวไทป์ 24 (Chiang Kai-shek rifle) ไม่ก็ปืนไทป์ 88 (Hanyang 88 rifle) ที่ประจำการในกองทัพสาธารณรัฐจีนซึ่งเลียนแบบมาจากปืน Mauser Kar98K ของกองทัพเยอรมันและใช้กระสุน 7.92x57 มม. เมาเซอร์เหมือนกัน เนื่องจากในช่วงนั้นรัฐบาลจีนกับรัฐบาลนาซีเยอรมันมีความสัมพันธ์ดีมากโดยเฉพาะทางการทหารซึ่งกองทัพจีนได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพนาซีเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะภายหลังรัฐบาลนาซีเยอรมันจะตัดความช่วยเหลือเนื่องจากมีการร้องขอจากรัฐบาลทหารญี่ปุ่นในขณะนั้นครับ ::014:: ปืนเล็กยาวไทป์ 24 หรือปืน Chiang Kai-shek (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/9c/En-CKS_rifle-1.jpg) ปืนเล็กยาวไทป์ 88 หรือปืน Hanyang 88 (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/3e/Hanyang_88.jpg/799px-Hanyang_88.jpg) หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: ป๊อกแมน ที่ มิถุนายน 08, 2012, 04:40:47 PM ขอลงทะเบียนเพื่อรับความรู้ และบวก 1 ทุกท่านครับ
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มิถุนายน 08, 2012, 04:43:33 PM ขอบคุณมากๆนะครับคุณรพินทร์ ::014::เป็นข้อมูลที่หาที่ไหนไม่ได้ +1 ::014::
อาปาผมแกยังเล่าว่าหลังสงครามหลายคนในหมู่บ้านไปซื้อปืนญี่ปุ่นจากซัวเถาได้ในราคาไม่แพง(แหม..อาปาน่าจะเหมามาลำปางสักห้ากระบอกเนาะ) :D~ ::005::--พออายุได้ 17 -18 ปี พ่อผมก็ทนอดอยากที่โน่นไม่ไหวก็ขึ้นเรือสำเภามาเมืองไทยขึ้นบกที่ท่าเรือคลองเตยสามวันแรกประทังชีวิตด้วยข้าวต้มที่มูลนิธิปอเต๊กตึ้งนำมาแจกวันละสามมื้อ ปล.ปัจจุบันผมซึ่งเป็นลูกยังจ่ายเงินอุดหนุนในเฮียปอทุกปีปีละ 3000 บาท จ่ายให้มูลนิธิเต๊กก่าลำปางอีกเดือนละ 500 และยังร่วมเป็นกรรมการสมาคมเตี๊ยเอี้ยลำปางอีก(หมู่บ้านไผ่เหลืองเราเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่อยู่ในตำบลเตี๊ยเอี้ยครับ) :'( :'(ผมคิดถึงพ่อผมจังครับ หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มิถุนายน 08, 2012, 04:58:58 PM ปืนแต่ละรุ่น เสียงไม่เหมือนกันหรอกครับ ................... ผมอธิบายไม่ถูก แต่ถ้ายิงเทียบกัน แบบเดินไปสัก 50-100 เมตร แล้วยิงปืนต่างกันหรือต่างรุ่น ต่างขนาด สัก 2 กระบอก ............... คนที่อยู่ห่างมา 50-100 เมตร ฟังแยกกันชัดครับว่า ไม่เหมือนกัน
ยิ่งตอนกลางคืน ยิ่งแยกได้ชัด ใครเป็นทหารมาจะพอแยกได้.เพราะ ในวิชาบุคคลทำการรบจะสอนวิธีแยกแยะเสียงปืนด้วยครับ ...................... หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มิถุนายน 08, 2012, 05:23:32 PM +1 ครับพี่โหน่ง --เรื่องหนึ่งที่ผมเสียใจมาจนบัดนี้คือผมไม่ได้เรียน รด.ครับ เสียดายโอกาสจริงๆ
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ มิถุนายน 08, 2012, 11:40:26 PM ผมขอสอบถามเกี่ยวกับกระสุน .30-06 Springfield กับกระสุน .303 British สักนิดนะครับ
ผมเคยอ่านเจอในตำราบางเล่มว่าตอนที่มีการนำกระสุน 8 มม. เมาเซอร์มาออกแบบเป็นกระสุนสำหรับใช้กับปืนเล็กยาว M1903 Springfield นั้น ในตอนแรกออกแบบเป็นกระสุน .30-03 Springfield แบบ Rimmed หัวป้าน ต่อมาภายหลังจึงปรับเปลี่ยนเป็นกระสุน .30-06 Springfield แบบ Rimless หัวแหลม ผมเลยสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่ผลิตเป็นกระสุนแบบ Rimless มาแต่แรกเลยในเมื่อกระสุน 8 มม. เมาเซอร์เองก็เป็นแบบ Rimless อยู่แล้วครับ ส่วนอีกข้อนึงคือ กระสุน .303 British แต่เดิมใช้ดินดำเป็นดินขับกระสุน ภายหลังจึงเปลี่ยนมาใช้ดินขับไร้ควันแบบคอร์ไดต์ ผมเลยสงสัยว่าแล้วไม่ต้องมีการเปลี่ยนชนิดของไพรเมอร์กับลดความยาวปลอกลงหรือครับ ผมขอรบกวนเพียงเท่านี้ก่อนครับ ::014:: หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มิถุนายน 09, 2012, 09:47:25 AM (http://philipbeekley.com/images/ammo7calibers-cropped-numbered.jpg)
เอารูปมาประกอบครับ :D (6)30-06 ลูกเบ้อเริ่มเลยครับ (1) .303ลูกเล็กกว่าแต่แรงกว่า :D หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 09, 2012, 10:21:01 AM ผมขอสอบถามเกี่ยวกับกระสุน .30-06 Springfield กับกระสุน .303 British สักนิดนะครับ ผมเคยอ่านเจอในตำราบางเล่มว่าตอนที่มีการนำกระสุน 8 มม. เมาเซอร์มาออกแบบเป็นกระสุนสำหรับใช้กับปืนเล็กยาว M1903 Springfield นั้น ในตอนแรกออกแบบเป็นกระสุน .30-03 Springfield แบบ Rimmed หัวป้าน ต่อมาภายหลังจึงปรับเปลี่ยนเป็นกระสุน .30-06 Springfield แบบ Rimless หัวแหลม ผมเลยสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่ผลิตเป็นกระสุนแบบ Rimless มาแต่แรกเลยในเมื่อกระสุน 8 มม. เมาเซอร์เองก็เป็นแบบ Rimless อยู่แล้วครับ ส่วนอีกข้อนึงคือ กระสุน .303 British แต่เดิมใช้ดินดำเป็นดินขับกระสุน ภายหลังจึงเปลี่ยนมาใช้ดินขับไร้ควันแบบคอร์ไดต์ ผมเลยสงสัยว่าแล้วไม่ต้องมีการเปลี่ยนชนิดของไพรเมอร์กับลดความยาวปลอกลงหรือครับ ผมขอรบกวนเพียงเท่านี้ก่อนครับ ::014:: ไม่น่าใช่ทั้ง 2 เรื่องครับ - .30-03 ดัดแปลงจาก 8 มม.เมาเซอร์ ลักษณะของจานท้ายปลอก ก็ยังเหมือนกับ 7, 8 และ 9 มม.เมาเซอร์ เพียงแต่ลดมุมไหล่ กับยืดความยาวปลอกเท่านั้น .30-03 ใช้หัวป้าน 220 เกรน ซึ่งรีคอยล์สูง วิถีกระสุนโค้งมากไปหน่อย จึงปรับเป็น.30-06 หัวแหลม 150 เกรน (แก้ที่ปลอกกระสุนเล็กน้อย) - คงจะสับสนกับ.47-70 นะครับ เพราะกระสุน.303 ออกแบบมาใช้กับดินควันน้อยตั้งแต่แรก แต่มีกระสุนฝึกภายในหน่วยที่ตั้งที่ใช้ดินดำด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติในยุคนั้น 8 มม.สยามเมาเซอร์ของเราก็มี ใช้หัวกระสุนเป็นตะกั่วหัวมน กระสุนทหารในยุคดินดำ ไม่มีหน้าตัดเล็กหรอกครับ เล็กที่สุดที่เคยทำก็คือ เมาเซอร์ 9.5 มม.ของตุรกี หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มิถุนายน 14, 2012, 05:17:01 PM (http://img814.imageshack.us/img814/7618/img0905m.jpg)
รูปนี้ดูไม่เบื่อเลยครับพี่โหน่ง :D เมื่อคืนกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกครั้ง ก็รู้สึกอินมากๆจนต้องไปค้นหนังไฮเด็ปที่โหลดนานแล้วมาดู เรื่อง "เดอะแปซิฟิค"ครับ อิอิ ::005::เปิดหนังดูสปริงฟิวชัดๆอีกที ::005:: ว่าไปแล้วญี่ปุ่นมาเจอไทยก็ไม่เห็นจะมีฤทธิ์เดชมากมายอะไร อาริซากะก็อาริซากะเถอะ พอมาเจอสยามเมาเซอร์เข้าก็ไปไม่เป็น---ประจวบ-ชุมพรนี่เจอแค่นักเรียนรด.(ยุวชนทหาร)เองก็เอาอยู่--คงจะเป็นเพราะตอนนั้นไทยยังฟอร์มสดเพิ่งชนะฝรั่งเศสจากสงครามอินโดจีนหมาดๆนะครับ ::014:: หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 14, 2012, 09:23:47 PM แต่ตอนนั้นญี่ปุ่นเอาเรือบรรทุกเครื่องบินมาจ่อที่หน้าหาดเวียดนามแล้วนะพี่... ถ้าไม่เปิดทาง บางกอกหายไปจากแผนที่... ::014::
หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 14, 2012, 09:42:59 PM แต่ตอนนั้นญี่ปุ่นเอาเรือบรรทุกเครื่องบินมาจ่อที่หน้าหาดเวียดนามแล้วนะพี่... ถ้าไม่เปิดทาง บางกอกหายไปจากแผนที่... ::014:: วันที่บุกไทย เรือบรรทุกเครืองบินทั้งหมดของญี่ปุ่นน่าจะอยู่ที่เพิร์ลฮาเบอร์นะครับ หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 14, 2012, 09:58:35 PM แต่ตอนนั้นญี่ปุ่นเอาเรือบรรทุกเครื่องบินมาจ่อที่หน้าหาดเวียดนามแล้วนะพี่... ถ้าไม่เปิดทาง บางกอกหายไปจากแผนที่... ::014:: วันที่บุกไทย เรือบรรทุกเครืองบินทั้งหมดของญี่ปุ่นน่าจะอยู่ที่เพิร์ลฮาเบอร์นะครับ หรือไม่อย่างนั้นกองทัพอากาศของญี่ปุ่นอยู่ที่ฮานอยแล้ว พร้อมโจมตีบางกอกครับ... ::014:: หัวข้อ: Re: เรื่อง อาริซากะ เริ่มหัวข้อโดย: รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ที่ มิถุนายน 21, 2012, 11:32:35 PM ไม่น่าใช่ทั้ง 2 เรื่องครับ ขอบพระคุณท่าน อ.สุพินท์ มากครับ ::014::- .30-03 ดัดแปลงจาก 8 มม.เมาเซอร์ ลักษณะของจานท้ายปลอก ก็ยังเหมือนกับ 7, 8 และ 9 มม.เมาเซอร์ เพียงแต่ลดมุมไหล่ กับยืดความยาวปลอกเท่านั้น .30-03 ใช้หัวป้าน 220 เกรน ซึ่งรีคอยล์สูง วิถีกระสุนโค้งมากไปหน่อย จึงปรับเป็น.30-06 หัวแหลม 150 เกรน (แก้ที่ปลอกกระสุนเล็กน้อย) - คงจะสับสนกับ.47-70 นะครับ เพราะกระสุน.303 ออกแบบมาใช้กับดินควันน้อยตั้งแต่แรก แต่มีกระสุนฝึกภายในหน่วยที่ตั้งที่ใช้ดินดำด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติในยุคนั้น 8 มม.สยามเมาเซอร์ของเราก็มี ใช้หัวกระสุนเป็นตะกั่วหัวมน กระสุนทหารในยุคดินดำ ไม่มีหน้าตัดเล็กหรอกครับ เล็กที่สุดที่เคยทำก็คือ เมาเซอร์ 9.5 มม.ของตุรกี ผมลองตรวจสอบข้อมูลใหม่แล้วเป็นไปตามที่ อ.สุพินท์ กล่าวไว้เลยครับว่า กระสุน .30-03 กับ .30-06 เป็นแบบ Rimless ทั้งคู่ เพียงแต่ .30-03 เป็นแบบหัวป้าน ส่วนกระสุน .30-06 เป็นแบบหัวแหลม และปลอกกระสุนของ .30-03 จะยาวกว่าปลอก .30-06 ประมาณ 2 มิลลิเมตร ตามภาพด้านล่างนี้ครับ ส่วนกระสุน .303 British ออกแบบให้ใช้ดินขับไร้ควันมาแต่แรกแล้ว แต่ใช้ดินขับคอร์ไดต์ (Cordite) แบบแท่งและปรับปรุงเป็นดินขับแบบผงในภายหลังก่อนจะถูกแทนที่ด้วยกระสุน 7.62x51 นาโต้ในที่สุดครับ เรียงจากซ้ายไปขวา: .30-40 Krag, .30-03, .30-06, 7.92X57 J, 7.92X57 JS, 8X57 JR (http://omegacrossroads.com/GunCabinet/8X57/cartridgesL.jpg) |