หัวข้อ: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ กันยายน 10, 2010, 10:24:26 AM เหตุการณ์ตามข่าวนี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุไหมครับ
ขอบคุณครับ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000126798 (http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000126798) แขกขาวชะตาขาด ลอบปีนเข้าบ้าน ผอ.บริษัทประกัน หวังงัดแงะเอาทรัพย์สินมีค่า แต่สัญญาณกันขโมยดังขึ้น เป็นจังหวะที่พี่ชายเจ้าของบ้านมาพบ และเรียกให้คนร้ายหยุด แต่กลับคว้าไขควงมาทำร้าย เลยถูกยิงสวนเป็นผีเฝ้าบ้าน ตร.สันนิษฐานคนร้ายเป็นแก๊งแขกขาว ที่เช่ารถเก๋งตระเวนลักทรัพย์ตามบ้าน ขณะที่พี่ชายเจ้าของบ้านถูกแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นไว้ก่อน ก่อนสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป วันนี้ (9 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.ประเสริฐ สีตลาศัย พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.ตลิ่งชัน รับแจ้งเหตุคนร้ายแก๊งลักทรัพย์ตามบ้านเรือนถูกเจ้าของบ้านยิงเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 77/20 ซอยฉิมพลี 24 ถนนฉิมพลี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.พงษ์อานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สน.ตลิ่งชัน พ.ต.ท.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รอง ผกก.สส.สน.ตลิ่งชัน พ.ต.ท.ศุภกิจ ต่อบุญ รอง ผกก.ปป.สน.ตลิ่งชัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ปลูกในเนื้อที่ 50 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด เจ้าหน้าที่พบศพชายชาวต่างชาติ ลักษณะคล้ายแขกขาว อายุประมาณ 50 ปี สภาพศพนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตจมกองเลือด อยู่บริเวณสวมหย่อมหน้าบ้าน ใกล้เทอเรสประตูหน้าบ้าน สวมเสื้อกีฬาสีดำ นุ่งกางเกงขาสี่ส่วนสีเขียว สวมรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงิน ใส่ถุงมือสีเทาดำเพื่อปกปิดรอยนิ้วมือ ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกโม่ .38 เข้าที่ไหล่ซ้ายทะลุสะบักขวา จำนวน 1 นัด โดยมีหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน และไขควงปลายแหลมสีแดงตกอยู่ข้างศพ โดยมี นายไพรัช หุ่นนอก อายุ 56 ปี นักออกแบบผลิตภัณฑ์อิสระ ซึ่งเป็นพี่ชายเจ้าของบ้าน ยืนรอให้การเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ยิงใส่คนร้ายจนเสียชีวิต จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้านหลังดังกล่าว ก็พบว่า มีร่องรอยคนร้ายใช้คีมงัดประตูรั้วสเตนเลสหน้าบ้าน ทำให้ประตูได้รับความเสียหาย หน้าต่างบานเลื่อนข้างบ้านถูกคนร้ายถอดยกออก และห้องนอนชั้นบนซึ่งเป็นห้องนอนของ นายธวัชชัย หุ่นนอก อายุ 53 ปี ผอ.ฝ่าย บริหารหนี้สินบริษัท เมืองไทยประกันภัย เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ และเป็นน้องชายนายไพรัช ถูกรื้อค้นจนข้าวของภายในห้องกระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่จึงตรวจเก็บรายละเอียดที่พบทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน จากการสอบสวน นายไพรัช ให้การว่า ตนกับพี่น้องได้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ติดกันทั้งหมด 3 หลัง โดยมีบ้านของ นายธวัชชัย น้องชายอยู่เป็นหลังแรก บ้านของตนอยู่หลังที่ 3 ซึ่งทุกหลังจะติดสัญญาณกันโขมยไว้ทั้งหมด จึงจะไม่มีการติดเหล็กดัดกันโขมย ทั้งนี้ บ้านหลังเกิดเหตุจะพักกันอยู่แค่ 3 คน คือ น้องชาย น้องสะใภ้ และลูก แต่ช่วงเกิดเหตุนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน และตนได้ยินเสียงสัญญาณกันโขมยดังขึ้น จึงรีบหยิบปืนลูกโม่ .38 แล้วเดินออกมาดูทันที นายไพรัช ให้การต่อว่า ขณะนั้นตนสังเกตเห็นรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ จอดติดเครื่องยนต์อยู่บริเวณหน้าบ้านน้องชาย หันหัวรถเตรียมออกด้านปากซอย เปิดแง้มกระจกทำให้เห็นภายในมีคนนั่งอยู่ลักษณะคล้ายแขกขาว จำนวน 3 คน เมื่อทั้งหมดเห็นตนเอง ก็รีบขับรถออกไปทันที เมื่อตนหันมาเห็นประตูรั้วมีร่องรอยถูกงัด จึงรีบเข้าไปเดินดูภายในบริเวณรอบๆ บ้าน ก็ได้ยินเสียงคนร้ายกระโดดออกมาจากหน้าต่างข้างบ้าน นายไพรัช กล่าวต่อว่า ตนพยายามบอกให้คนร้ายหยุดแล้ว แต่เจ้าตัวกลับพยายามใช้ไขควงปลายแหลมเข้ามาทำร้ายตน เลยใช้ปืนที่นำมาด้วย ยิงคนร้ายเข้าไป 1 นัด ก่อนล้มคว่ำแน่นิ่งไป ก่อนจะรีบโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา เคยมีคนร้ายขับขี่รถ จยย.พยายามจะปีนเข้ามาลักทรัพย์ภายในบ้านน้องชายแล้วครั้งหนึ่งแต่สัญญาณกันขโมยดังขึ้น คนร้ายจึงรีบหลบหนีไปทันที ด้าน พ.ต.ท.ประเสริฐ กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นแก๊งแขกขาวที่เช่ารถเก๋งมาสวมทะเบียนปลอม แล้วออกตระเวนลักทรัพย์ตามบ้านเรือนที่ไม่มีคนอยู่ภายในบ้าน แต่ครั้งนี้สัญญาณกันขโมยของบ้านหลังเกิดเหตุดังขึ้น จึงทำให้พี่ชายเจ้าของบ้านซึ่งอยู่ใกล้เคียงได้ยิน จึงรีบวิ่งมาดูก่อนจะพบคนร้ายกระโดดออก และพยายามจะเข้าทำร้าย จึงใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่จนเสียชีวิต ซึ่งเบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นกับนายไพรัชไว้ก่อน ก่อนสืบสวนเรื่องราวข้อเท็จจริง และติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายที่เหลือที่หลบหนีต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ เมื่อช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 2 วัน ได้มีแก๊งแขกขาวจำนวนประมาณ 5 คน ออกอาละวาดในย่านตลิ่งชัน โดยเช่ารถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าแจ๊ซ สีขาว สวมทะเบียน จ.ภูเก็ต เข้าก่อเหตุไปลักทรัพย์ภายในหมู่บ้านริมธาร ริมถนนบรมราชชนนีฝั่งขาออก จนถูกมีรปภ.หมู่บ้านจับกุมตัวไว้ได้ แต่ระหว่างที่ รปภ.พยายามยื้อเวลาให้ตำรวจมาจับกุมนั้น ปรากฏว่า คนร้ายได้ไหวตัวรีบขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว และก่อนเกิดเหตุที่บ้านหลังนี้ 1 วัน ก็มีชาวบ้านภายในซอย พบว่า มี จยย.ต้องสงสัย ขับขี่มาวนเวียนดูลาดเลา มีท่าทีผิดสังเกตอีกด้วย หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 10, 2010, 10:26:53 AM ข่าวเดียวกันหรือเปล่าครับ http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=90636.0 (http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=90636.0) หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: โจ ™ ที่ กันยายน 10, 2010, 10:32:28 AM ข่าวเดียวกันครับ
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ กันยายน 10, 2010, 11:26:19 AM ขอโทษครับ ข่าวเดียวกัน พอได้ข้อสรุปแล้ว
ขอบคุณครับ รบกวน วมต ปิดหรือลบ กท ด้วยครับ หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: jirawat ruangwong ที่ กันยายน 10, 2010, 11:52:27 AM ได้อ่านข่าวเมื่อเช้า ถ้าเป็นผมก็ยิงสวนไปครับ อายุ 56 ปี โดนเเทงมาบาดเจ็บ ถูกเเย่งปืน ยิงซ้ำเราตาย เอาปืนไปด้วย
เรื่องคดีค่อยว่ากันไป สำหรับผมคิดว่าไม่น่าเกินกว่าเหตุ หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Thanapong รักในหลวง ที่ กันยายน 10, 2010, 12:06:04 PM ดูในข่าวเมื่อเช้า คนร้ายอยู่ห่างจากคนยิงประมาณ 7 - 10 เมตร ครับ ระยะขนาดนี้ ต้องยิงครับ เพราะไม่น่าเกิน 4 ก้าว คงถึงตัวครับ และ เขาไม่ได้เดินแบบช๊อบปิ้งเข้าหาเราครับ
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: akalakna ที่ กันยายน 10, 2010, 12:49:06 PM สมัยนี้โจรเยอะขึ้นมากครับ มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ก่อนขึ้นรถและเข้าบ้านโปรด มองซ้ายแลขวาด้วยนะครับอย่าประมาณและไว้ใจ บางครั้งอาจไม่มีโอกาศได้แก้ตัวอีกครั้งครับ ::002:: ::002:: ::002::
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: darkangel09 ที่ กันยายน 10, 2010, 05:02:00 PM ป้องกันตัวก็ต้องกลัวคุก เฮ้อ คนไทย ถ้า .32 จะอยู่มั้ยครับ ของผมมีแค่นี้เอง
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: ไก่เฮง รักในหลวง ที่ กันยายน 10, 2010, 05:06:51 PM ...ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์..แต่ถ้าเป็นผมผมก็ยิงก่อนครับ..เรื่องอื่นว่ากันทีหลัง
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: thanyakon ที่ กันยายน 10, 2010, 05:52:03 PM เป็นผม ก็คงยิงเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Thanapong รักในหลวง ที่ กันยายน 10, 2010, 10:39:07 PM ป้องกันตัวก็ต้องกลัวคุก เฮ้อ คนไทย ถ้า .32 จะอยู่มั้ยครับ ของผมมีแค่นี้เอง .32 ลูกโม่ หรือครับ อยู่ครับ แต่ต้อง 2 - 3 นัด ครับ จุดยิง บริเวณอกครับ แนะนำ ให้ยิงไปถอยไป เพื่อคงระยะห่างจากผู้ร้าย กับ ตัวเราครับ หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: ณัฏฐ์ ที่ กันยายน 10, 2010, 10:57:10 PM สมควรครับ..สมควรโดนยิงเมื่อหมายเข้ามาทำร้าย มันเป็นโจรคนไม่ดีทำความเดือดร้อนทำผิดกฎหมายไม่มีใครเข้าข้างมันหรอกครับ...
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: darkangel09 ที่ กันยายน 14, 2010, 09:05:40 AM อ้างจา .32 ลูกโม่ หรือครับ อยู่ครับ แต่ต้อง 2 - 3 นัด ครับ จุดยิง บริเวณอกครับ แนะนำ ให้ยิงไปถอยไป เพื่อคงระยะห่างจากผู้ร้าย กับ ตัวเราครับ
2-3 นัดถือว่าเกินกว่าเหตุหรือเปล่าครับ หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กันยายน 14, 2010, 09:26:27 AM อ้างจา .32 ลูกโม่ หรือครับ อยู่ครับ แต่ต้อง 2 - 3 นัด ครับ จุดยิง บริเวณอกครับ แนะนำ ให้ยิงไปถอยไป เพื่อคงระยะห่างจากผู้ร้าย กับ ตัวเราครับ ถ้าคิดว่าเป็นภัยคุกคามต่อชีวิต ถามว่าจะยิงกี่นัดครับเพื่อให้เข้าไปเป็นอันตรายต่อเรา เกิดมีคนสอนว่ายิงได้แค่นัดเดียวนะถึงจะป้องกันตัวสมควรแก่เหตุ มากกว่านั้นมันเกินกว่าเหตุ แต่ถ้ายิงแล้วต่อให้ใช้ 11 ด้วย ไปโดนติ่งหูคนร้าย คนร้ายไม่หยุดวิ่งชาร์ทมาพร้อมมีด จะยอมเอาพุงเป็นที่พักมีดให้คนร้าย หรือจะยอมเสี่ยงกระทำเกินกว่าเหตุ(ในความคิด) ยิงสวนออกไปจนกว่าคนร้ายจะหยุดครับ :D2-3 นัดถือว่าเกินกว่าเหตุหรือเปล่าครับ หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Mr.MK ที่ กันยายน 14, 2010, 11:04:19 AM เป็นผมก็ยิงครับ ไขควงก็จิ้มเราถึงตายได้นะครับ
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: INFANTY * รักในหลวง* ที่ กันยายน 14, 2010, 11:39:35 AM ผมว่าไม่เกินกว่าเหตุนะครับ เพราะยิงไปแค่นัดเดียวเพื่อป้องกันตัว และคนร้ายหมายเข้ามาจะทำร้ายถึงมีแค่ไขควงแต่คนอายุ 56 ถ้าโดนไปก็อันตรายนะครับหรือถ้าหากคนร้ายแย่งปืนไปได้ พี่ชายเจ้าของบ้านคงไม่มีโอกาสได้ยืนคุยกับตำรวจและคงไม่มีโอกาสมาให้ตำรวจแจ้งข้อหาแน่ครับ.....
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: อาฮุย ที่ กันยายน 14, 2010, 12:53:17 PM ขออนุญาตร่วมแสดงความเห็นเพิ่มเติมนะครับ..
ในเรื่องของแนวทางการป้องกันตัวนั้น ผมคิดว่าในกระทู้ก่อนๆ คงได้อธิบายไว้อย่างละเอียดโดยพี่ๆ กันแล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง (และมีฏีกาอ้างไว้รองรับเสร็จสรรพ) ผมอยากให้ข้อสังเกตเป็นเชิงความคิดเห็นว่า ... "แม้กฎหมายจะไม่มีความรู้สึก ผิดคือผิด ถูกคือถูก"....แต่เมื่อเหตุการณ์จริงๆ มาเกิดกับเรา หรือคนที่เรารัก เช่น ขโมยเข้ามา (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าต้องการทรัพย์สิน หรือชีวิต) ผมจะบอกคนที่ผมรักไว้เสมอว่า กรณีนี้ยิงได้ยิงเลย ไม่ต้องรอปรับข้อเท็จจริงหรอกว่า เข้ากับฎีกาไหน ต้องเข้าใกล้ระยะเท่าไหร่ ต้องยิงตรงนั้นตรงนี้ หรือคนร้ายต้องมีปืนและชักออกมาเพื่อจะทำร้ายเราก่อนหรือไม่ เพราะ...ชีวิตเรา เรารัก คนรักเรา เราก็ห่วง ที่บอกเค้าเช่นนี้เพื่อขอแค่ให้คนที่เรารักมีชีวิตรอดจากเหตุการณ์นั้นก่อนก็พอ ส่วนคดี ผมพร้อมจะสู้ตามขั้นตอนกฎหมาย ตั้งแต่ชั้นตำรวจ อัยการ จนถึงศาล เพราะผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า แม้กฎหมายจะไม่มีความรู้สึก ..แต่คนใช้กฎหมายย่อมมีความรู้สึก คงไม่มีตำรวจ อัยการ และศาล ท่านใดอยากให้ผู้ถูกกระทำก่อนต้องเป็นคนผิด เพราะฝ่ายหนึ่งคือคนธรรมดาที่อยู่ในบ้านของตน กับอีกฝ่ายที่บุกรุกเข้ามาและพร้อมจะทำอันตรายได้เสมอ ผมขอยกตัวอย่างโดยเล่าเหตุการณ์ที่ผมเคยเห็นมา ทนายของคนร้ายที่ถูกยิงเสียชีวิตเอง ก็แทบจะไม่กล้าสู้หน้ากับเจ้าทุกข์ที่ต้องมากลายเป็นจำเลยด้วยซ้ำ...ถามซักก็ทำไปเท่าที่ทำตามหน้าที่ (ซึ่งแสดงว่าทนายท่านนั้นคงพอมโนธรรมเข้าใจความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง) .....ที่ผมพยายามอธิบายมาทั้งหมด มิใช่ต้องการให้ใช้ความรุนแรงโดยปราศจากเหตุผลแต่อย่างใด เพียงแต่อยากแลกเปลี่ยนมุมมองทัศนะคติถ้าเกิดเหตุการณ์ตามกระทู้ขึ้นกับคนในครอบครัวเราบ้างเท่านั้น... ขอย้ำว่าความเห็นผมอาจไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ผมไม่ต้องการเสียคนในครอบครัว และคนที่เรารัก...ผมเลยบอกพวกเค้าไว้อย่างนั้นครับ (หากเห็นต่างเชิญแลกเปลี่ยน หรือตำหนิได้ครับ) หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: ManStopper ที่ กันยายน 14, 2010, 10:19:38 PM ผมว่าไม่เกินกว่าเหตุครับ
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: HS1BTI ที่ กันยายน 15, 2010, 01:13:57 AM ปืนเราซื้อมาเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน....
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: songchai_n ที่ กันยายน 18, 2010, 11:25:31 PM มีปืนมาหลายปี มีคนมาถามเรื่องแบบนี้ บ่อยๆ ก็ตอบไปทุกครั้งว่า "อยากเป็นคนดีที่ตายแล้วรอตำรวจมาชัณสูตร พลิกศพ และตามหาคนร้าย (ซึ่งไม่ค่อยจะเจอ) ให้มาไหว้ขอขมาหน้าศพพ่อคนดีของสังคม หรือเป็นคนไม่ค่อยจะดี ที่ชอบเล่นมีดเล่นปืน (อย่างคนเขาว่ากัน) แต่อาจมีโอกาสให้ปากคำ และให้ตำรวจตั้งข้อหา กระทำเกินกว่าเหตุ หรือฆ่าผู้อื่นตาย แต่ยังรอดมากอดลูก กอดพ่อแม่ ได้ก็เลือกเอาเอง" เพื่อนๆฟังจบแล้วก็ โร่หาซื้อปืนตามกันเป็นแถว ขนาดคุณแม่ค้านเรื่องนี้ หาว่าซื้อมาทำไมเยอะแยะ พอตอนจราจลในกรุงเทพฯ เอาไปให้ใช้ ก็ไม่เห็นว่าอะไร สักคำ ของแบบนี้ต้องเจอกับตัวก่อน แล้วค่อยมาพูด
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Marcuechio ที่ กันยายน 18, 2010, 11:39:39 PM สมควรแก่เหตุครับ ไม่ผิด (ขอยืมมาอ้างหน่อยครับ)
ฎีกาที่ .๓๘๖๙ / ๒๕๔๖ คนตายปีนเข้าบ้านจำเลยตอนกลางคืนโดยไม่ทราบสาเหตุ ที่ปีนเข้ามา เมื่อจำเลยตื่นมาเห็นย่อมทำให้สำคัญผิดว่าคนตายเป็นคนร้าย และในขณะนั้นจำเลยย่อมไม่อาจรู้ได้ว่าคนตายจะมีอาวุธหรือไม่ เพราะในห้องที่เกิดเหตุ มืดมาก และเป็นเวลากระทันหัน หากจำเลยจะรอให้คนร้ายแสดงกริยาแล้วก็อาจจะถูก ทำร้ายได้ การที่จำเลยใช้ปืนยิงไปเพียง ๑ นัด คนตายร้องและล้มลง และจำเลยมิได้ยิงซ้ำแต่อย่างใด จึงเป็นการป้องกันที่พอสมควรแก่เหตุ หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: sak-s4 ที่ กันยายน 19, 2010, 01:11:32 AM เฮ้อ.....ยิงก็ผิด ไม่ยิงเราก็เจ็บหรือถึงตาย ต้องเลือกเอาครับ ยังไงเสียเงินก็ยังดีกว่าเสียชีวิต (คนดีต้องอยู่ได้ ส่วนคนร้ายขอให้สูญสลายยกแก็งค์)
หัวข้อ: Re: จากเหตุการณ์ข่าวนี้ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุหรือไม่ครับ เริ่มหัวข้อโดย: antman ที่ กันยายน 19, 2010, 01:39:23 AM การที่ผู้ตายงัดแงะเข้าไปในบ้านน้องชายของจำเลย จนทำให้สัญญาณกันขโมยที่ติดตั้งไว้ในบ้านของน้องชายจำเลยมีเสียงดัง เมื่อจำเลยได้ยินเสียงสัญญาณกันขโมยดังมาจากบ้านของน้องชายซึ่งอยู่ติดกัน จำเลยจึงหยิบปืนพกขนาด .38 ซึ่งปืนดังกล่าวจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เมื่อไปถึงบ้านน้องชายจำเลย จำเลยสังเกตเห็นรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ จอดติดเครื่องยนต์อยู่บริเวณหน้าบ้านน้องชายจำเลย หันหัวรถเตรียมออกด้านปากซอย เปิดแง้มกระจกทำให้เห็นภายในมีคนนั่งอยู่ จำนวน 3 คน เมื่อทั้งหมดเห็นจำเลย จึงรีบขับรถออกไปทันที เมื่อจำเลยหันมาเห็นประตูรั้วมีร่องรอยถูกงัด จึงรีบเข้าไปเดินดูภายในบริเวณรอบๆ บ้าน จำเลยได้ยินเสียงผู้ตายกระโดดออกมาจากหน้าต่างข้างบ้าน จำเลยพยายามบอกให้ผู้ตายหยุดแล้ว แต่ผู้ตายกลับใช้ไขควงปลายแหลมเข้ามาจะทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้ปืนที่นำติดตัวมาด้วย ยิงผู้ตายไป 1 นัด การที่ผู้ตายถือไขขวงเข้ามาจะทำร้ายจำเลย ย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ตายมีเจตนาที่จะกระทำการอันเป็นการละเมิดกฎหมาย เมื่อจำเลยเรียกให้ผู้ตายหยุด แล้วผู้ตายไม่ยอมหยุด กลับจะเข้ามาทำร้ายจำเลย ย่อมเป็นภัยอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภัยอันตรายที่ใกล้จะถึง หากจำเลยไม่ยิงปืนไปยังผู้ตาย ผู้ตายอาจใช้ไขขวงเข้ามาทำร้ายจำเลยจำเลยยิงปืนใส่ผู้ตายไป จำนวน 1 นัด หากจำเลยไม่ยิงใส่ผู้ตาย ผู้ตายอาจเอาไขขวงดังกล่าวทำร้ายจำเลย ย่อมเป็นการป้องกันตัวด้วยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 (2) ประกอบมาตรา 68
|