เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

พอดีมีสมาชิกถามผมมา ก็ขอตอบตามนี้ครับ

ถ้าจะดูจากสถิติในการแข่งขันทั่วไปแล้ว Steyr-LG 110 FT จะกินขาด แต่อาจจะมีบางชมรมในประเทศอังกฤษที่ใช้ EV2 MK 4 มากกว่า ออสเตรียทำปืนลมแบบอุตสาหกรรม คือมีโรงงานเป็นเรื่องเป็นราว ในขณะที่อังกฤษนั้น มักจะเป็นแบบครัวเรือน ทำจากห้องเล็ก ๆ หลังบ้านเสียส่วนใหญ่  ปัญหาก็คือ การออกแบบของอังกฤษ จึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของอุปกรณ์ที่จะใช้ทำอันมีจำกัด ในขณะที่ออสเตรียสามารถออกแบบได้ตามใจฉัน เพราะมีเครื่องมือพร้อม ต่อมาการควบคุมคุณภาพสำหรับงานเล็ก ๆ จำนวนน้อย ๆ แบบ hand made ของอังกฤษ จึงไม่มีประสิทธิภาพพอ  Air Arms ได้พยายามคิดนอกกรอบ โดยทำ EV2 ขึ้นมาพร้อมด้วยของเล่นต่าง  ๆ อาทิ ป้ายตั้งระยะกล้อง, แกนผูกสายวัดทิศทางลม, มาตรน้ำ เป็นต้น  นอกจากนี้ รุ่นแรกยังใช้ด้ามไม้พ่นสีเทาให้เข้ากับส่วนอื่นของตัวปืน  ตอนผมได้มาเป็นแบบ 12 ft-lb ผมทดสอบดูพบว่า balance ไม่ดี และผมเองจะใช้แต่ปืนแรงสูงเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นผมเกิดอยากท้าทายตัวเองว่า จะทำได้ดีขนาดไหนในการแข่งขัน FT โดยใช้ปืนกำลังต่ำ ผมพบว่า ผมมีปัญหาในการปรับกล้องสำหรับระยะต่าง ๆ มาก  จึงตัดสินใจ เปลี่ยนถังลมเป็น ไทเทเนี่ยมขนาดยาวขึ้นและ regulator ใหม่ โดยเอาของ Joe Korrick (คน ๆ นี้ทำ regulator ให้กับปืนต่าง ๆ มากมาย แต่หลายท่านอาจไม่รู้ ถือได้ว่า เขาคือ เจ้าพ่อ reg เลยก็ว่าได้)  ผมและโจได้คุยกันถึงเรื่องว่าจะเปลี่ยนลำกล้องให้ยาวขึ้น  แต่สรุปออกมาว่า ไม่เหมาะ ด้วยเหตุผลที่ว่าลำกล้อง EV2 เป็นระบบ free floating แต่ บริเวณฐานหรือโคนลำกล้อง ตัวยึดมีความลึกน้อยเกินไป ถ้าใส่ลำกล้องยาวจะไม่มั่นคง  จากนั้นผมก็ยังพบว่า ปืนกระบอกนี้ยัง "หน้าเบา" จึงให้ AZ ทำน้ำหนักถ่วงด้านหน้า โดยผมเป็นคนออกแบบแกนยึดกับฝาครอบถังลมและกำหนด ขนาดและน้ำหนักของตุ้มทั้ง 3  
สำหรับเจ้า Steyr-LG 100 นั้น ตอนผมซื้อมาเป็นแบบ 10 เมตร ผมจึงต้องเปลี่ยน regulator และก็เลยเปลี่ยนลำกล้องด้วย ตามที่เคยเล่าให้ฟังกันแล้ว  ผมพบว่า Steyr-LG 100 นั้น ยิงง่าย ใช้สะดวก balance ดี น้ำหนักพอเหมาะ ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ก็ทำคะแนนได้ดี สร้างความมั่นใจให้กับคนยิงได้สูง  

ระบบไกของทั้งคู่นั้น ผมคิดว่าของ Steyr คมกว่า ณ.จุดปล่อย และมี log time ต่ำกว่า (คือเวลานับจากจุดปล่อยของไก ถึงจุดที่วาล์วปล่อยลม หรือกระสุนเริ่มออกตัว หรือจะเปรียบได้กับ shutter lag  ของกล้องถ่ายรูป คือนับจากเรากดชัตเต้อร์จนถึงจุดที่กล้องจับภาพนะครับ) ผลก็คือ movement ตอนกระสุนออกจากลำกล้องของ Steyr จะน้อยกว่า ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง  ผมได้ทำการ modify flip compensator ของ EV2 และใส่ตุ้มถ่วงหน้าแล้ว แต่ผมยังรู้สึกการกระตุกอยู่

พานท้ายและประทับแก้ม ถ้าปรับจนเข้าที่แล้ว ผมก็พบว่า Steyr รู้สึกเป็นธรรมชาติกว่า ถึงแม้ว่าด้ามจับของ EV2 จะมี palm shelf แต่ก็ไม่ช่วยได้มาก ไม่เหมือนกับในปืนสั้น  EV2 MK IV ได้ปรับปรุงใหม่เฉพาะภายนอก โดยการใช้ laminated stock และ ball joint ทั้งของ cheek piece และ butt hook ซึ่งโดยส่วนตัว ผมพบว่ามีส่วนน้อยกับการเพิ่มความแม่นยำ

ปืนทั้งคู่ต่างพบปัญหาความแม่นยำ หลังจากใช้ไปได้สักระยะ อันเกิดจากสาเหตุ 2 ประการคือ ตัว regulator มีปัญหา หรือลำกล้องเริ่มสกปรก ประการหลังแก้ไขได้ไม่ยาก แต่ประการแรกนั้น ก็ยังมีสาเหตุหลายประการ คือ การเก็บปืน บางท่านเก็บไว้ท้ายรถ เจออากาศร้อนบ้าง หนาวบ้าง ลูกยางไม่ชอบ เหตุผลต่อมาคือ อากาศที่ใช้เติม (อันนี้ผมไม่ได้หมายถึงว่า อากาศไม่ไดี ต้องขับรถไปเติมลมที่ชายหาดนะครับ) คือความชื้น โดยเฉพาะท่านที่ใช้ปั้มมือและไม่ได้เช็คตัวดูดความชื้น  ส่วนถังดำน้ำก็เป็นไปได้ที่ อุปกรณ์ที่ร้านใช้เติม ตัวกันชื้นเก่าหรือทำงานไม่ดี

พออ่านมาถึงตรงนี้ ท่านที่ใจแอบรักเจ้า EV2 อาจจะเกิดแหยง ๆ ผมก็ขอยืนยันว่า ปืนระดับนี้แล้ว ถ้าเราทำความคุ้นเคยกับมัน ปรับแต่ง ดูแลอย่างถูกต้อง เราก็จะใช้มันได้อย่างมีความสุข  ส่วนการที่จะใช้ในการแข่งขันโดยเฉพาะ ผมก็ยืนยันว่า Steyr จะพาท่านไปหยิบฉวยถ้วยรางวัลได้เร็วกว่าเจ้า EV2 เพราะเขาจะให้ความมั่นใจกับเราได้ดีกว่า  แต่เชื่อหรือไม่ว่า เจ้าอุปกรณ์ภายนอกสารพัดที่ EV2 เสนอให้นั้น ทำให้เจ้าของบางคนรู็สึกภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ และได้ใช้มันเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเองได้เช่นกัน

ท้ายนี้ผมขอสรุปว่า in stock form หรือ ถ้าจะเปรียบกันโดยไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใด ๆ กับปืน 2 กระบอกนี้ Steyr ก็ยังมีภาษีกว่า เพราะพูดได้ว่า ไม่มีจุดด้อยเลยครับ

 ::014:: ขอบคุณมากๆครับอาจารย์ที่ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอีกมากเลย...
เพราะเมืองไทยตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะขอยืมพี่ๆท่านใดได้ลองจับลองยิงรุ่น  EV2 MK4 ครับ

ขอบคุณมากครับอาจารย์ ::014:: ผมเกือบได้เป็นเจ้าของ EV 2 และเคยอยากได้ STYER มาก แต่ติดอยู่ที่ความลังเล ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกตัวไหนดี จนถึงตอนนี้ความอยากได้หมดไปแล้ว อีกอย่างคงจะเป็นเพราะ CZ 200 S ที่มีอยู่แล้ว ทำหน้าที่ของมันได้ไม่บกพร่อง เลยยังไม่ต้องหาเพิ่มครับ ::014::

  สาวก Steyr และท่านที่กำลังลังเล  คงภูมิใจและตัดสินใจได้ไม่ยากแล้วครับ :VOV: ::002:: ::014::
                        ขอบคุณอาจารย์มากครับ ::014::

เรียนถาม ดร.ครับ
         ในกรณี LG110 FT  12 ft-lb  ถ้าเราต้องใช้ลำกล้องเดิม แต่ต้องการใช้กระสุน JSB Diabolo Heavy 0.670 g และเมื่อเปลี่ยน  regulator เป็นรุ่น  18 ft-lb  เราควรปรับความเร็วกระสุนที่เหมาะสมกับเกม FT อยู่ที่ประมาณเท่าใดครับ.

::008:: ::008:: ::008:: ::014::

 ;D ;D แฮ่ะๆ  คุณตุ๊....ผมจะไปทางลัดครับ...งมเองถ้าจะนานโข...............อยู่ใกล้ๆจะขอตีซักที...คนรู้ทันเนี่ย.   ::008::

ถ้าท่าน airlove  เปลี่ยนไปใช้เรกฯ 18 ปอนด์ ก็อย่าลืมมากระซิบบอกผมด้วย จะได้ตามไปติดๆ

ไปกันเป็นทีมเลยนะครับพี่ๆ...ทิ้งน้องงมเข็มอยู่คนเดียวเลย....
ยังไงเดี๋ยวขอยืมเร้คของ styer มาลองกับน้องดำของผมหน่อยได้ไหมคร้าบ.... ::008:: ::008::

อาจารย์ ดร.ธนาสิทธิ์  ครับ

     ผมต้องขอขอบคุณ อาจารย์ เป็นอย่างมากที่ตอบข้อสงสัยต่างๆของผม ทำให้ผมและเพื่อนๆสมาชิกฯได้รับความรู้และความเข้าใจกันอย่างมากมาย
อันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ Steyr-LG 110 FTกับ EV2 MK 4 ไม่มาก..ก็น้อย ครับ ::014::

เกือบไปแล้วนะครับพี่ศักดา   :OO :OO

ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับพี่ airlove   :VOV: :VOV:

แล้วพี่อู๋จะเอาเข้าบ้านเมื่อไหร่ดีครับ..... ::005:: ::005::

ูููู^^
^^
^^
 :<< :<<

งานหนักครับคุณหน่องเรื่องนี้   ::013:: ::013::

อ้างถึง........ เรียนถาม ดร.ครับ
         ในกรณี LG110 FT  12 ft-lb  ถ้าเราต้องใช้ลำกล้องเดิม แต่ต้องการใช้กระสุน JSB Diabolo Heavy 0.670 g และเมื่อเปลี่ยน  regulator เป็นรุ่น  18 ft-lb  เราควรปรับความเร็วกระสุนที่เหมาะสมกับเกม FT อยู่ที่ประมาณเท่าใดครับ.

ผมไม่มีสูตรสำเร็จให้หรอกครับ  แต่มีก้าวแรก ๆ ให้ดังนี้  เมื่อเราเพิ่มพลังงานอีก 50% ผมก็ขอแนะนำว่า เริ่มจากการตรวจวัดความเร็วของลูกกระสุนที่จะใช้เสียก่อน  สำหรับ FT แล้ว sweet spot จะตกอยู่ในช่วง 850 - 900 fps ถ้าเร็วกว่านี้ ผมว่าควรใช้กระสุนที่หนักกว่านี้ เช่น Crosman Premier ที่นิยมกันมากและมักเข้าได้กับลำกล้องส่วนใหญ่ในท้องตลาด  

แต่ด้วยคำถามที่ว่า "ควรปรับความเร็วกระสุน" นั้น ไม่ถูกต้อง ก็ในเมื่อคุณเพิ่มแรงดันขึนไป เราก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์ จะไปปรับความเร็วกระสุนทำไม  ผมถึงแนะนำให้เช็คความเร็ว และถ้าจำเป็นก็ "เปลี่ยน" กระสุน  ลำกล้องเดิม ถ้าเป็น 17-18 นิ้ว ก็จะรองรับความเร็วได้มากถึงราว 875 fps แต่ถ้าจะเร็วกว่านี้ ก็ต้องใช้ลำกล้อง 20 นิ้ว  แต่ผมคิดว่าแค่ 18 ft-lb น่าจะใช้ 810-840 fps ก็พอ

ปัจจัยต่อมาคือ ระยะห่างจากแกนของกล้อง (scope) ถึงแกนลำกล้อง (barrel) โดยเฉพาะกล้องที่มีกำลังขยายสูง จะมีเลนส์ตัวหน้าใหญ่ และถ้าเป็นขนาด 56 - 60 มม. ละก็ เราก็อาจต้องเลือกความเร็วที่ต่างจากข้างบน  เพราะอะไรนั้น ไว้ผมขอนำรายละเอียดมาแจ้งในกระทู้ การตั้งกล้องสำหรับ FT โดยเฉพาะ


อีกปัจจัยหนึ่งคือ ลักษณะการจัดเป้าที่ชมรม ซึ่งเราต้องศึกษา เช่น ถ้าเป้าส่วนใหญ่มีระยะใกล้ ๆ ต่ำกว่า 40 หลา เราก็อาจเลือกความเร็วที่ต่ำกว่าสูงสุด เพื่อความแม่นยำและคงที่ในระยะใกล้ และตั้งกล้องให้มี sweet spot ที่ตกอยู่ในเป้าหมู่มาก

ปัจจัยสุดท้าย คือจำนวนครั้งที่เราสามารถยิงได้ ต่อการเติมลมหนึ่งครั้ง  โดยที่จำนวนครั้งที่ว่า คือจำนวนที่มีค่าความแตกต่างของความเร็วน้อยที่สุด แต่ยังพอเพียงต่อการยิงครบทุกเป้า

ท้ายนี้ผมขอเพิ่มเติมสำหรับเจ้า EV2 อีกว่า ลูกเลื่อน เป็นระบบซ้ำซ้อนมีลูกยางหลายตัว และแถมเป็นแบบเปลือย คือไม่มีอะไรปกคลุม อาจถูกกระทบกระแทกได้ง่าย  ผมถือว่าเป็นจุดด้อยนะครับ

 ::014::  ขอขอบคุณ ดร. ครับ    มีคุณค่ามาก สำหรับการเริ่มต้นของผม และผู้ที่สนใจครับ.  ::014::

...ผมต้องขอขอบคุณ อาจารย์ ดร. ธนาสิทธิ์  อีกครั้งที่ได้นำข้อมูลการ" Modify"ที่ดีให้กับเจ้าปืน"Steyr-LG 110 FT "  เพื่อเพื่อนๆและมวลสมาชิกของชมรมฯ ครับ

หายไปไหนกันโม๊ด ผมเข้ามาไม่เห็นโพสกระทู้สักคน

บอกแล้วว่าต้องเลือก Steyr LG 110 FT  เพราะบ้านเราไม่มีอุปกรณ์ให้โมดิฟายเหมือนเมืองนอกเขานี่นา   :VOV: :VOV:

 
     ;D    มาแล้วครับ!!!!!!!!!!     สำหรับจอมขมังฯขาเดียว..........ซ้ายสุดๆ.. ..:D~

(http://img221.imageshack.us/img221/4992/steyrprolg.png)

Steyr LG 110 FT  สวยมากๆครับ สวยบาดใจ

แต่ทำไมรุ่น hunting ลำกล้องยาวกว่าชาวบ้านเขาครับ????

  สงสัยเป็นเพราะพานท้ายมันถูกกว่าอันอื่นครับ..เค้าเลยเอางบที่เหลือมาต่อลำกล้องให้ยาวขึ้น... นี่ถ้าไม่เอาพานท้าย ลำกล้องจะยาวกว่านี้อีกนะเนี่ย....5555555

^
^
ท่านพ่อเลี้ยงตุ้ย  ตอบได้ชอบใจนัก  :VOV: :VOV:

ไอ้ที่ทำลำกล้องยาวกว่าก็เพราะต้องการความเร็วกระสุนที่มากกว่า  จะทำให้ได้พลังงานที่มากกว่าโดยใช้แรงดันและปริมาณของอากาศที่เท่ากันยังไงหละครับ  ทำให้ยิงกระสุนได้จำนวนเท่าเดิมแต่ให้พลังงานที่มากขึ้น 

ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า

ให้ลองนึกภาพอย่างนี้ครับ ถ้าลำกล้องสั้น ๆ เอาแค่ 6 นิ้ว พอกระสุนออกจากปากลำกล้องไปแล้ว แรงดันลมส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ ที่พวยพุ่งไล่ตามหลังมาติด ๆ ก็จะไม่มีผลใด ๆ  ต่อกระสุนลูกนั้น ได้แต่กระจายออกจากปลายกระบอก ส่งเสียงฟู่ ๆๆ  แต่ถ้าลำกล้องยาวขึ้นมาอีก ตีเสียว่า 16 นิ้ว ด้วยความแรงลมที่เท่าเดิม พอกระสุนผ่านลำกล้องมาได้ 6 นิ้ว (ความยาวของลำกล้องเดิมที่เราสมมุติเอาไว้ตอนแรก) แรงดันลมก็ยังผลักส่งกระสุนได้ต่อไปอีก เพราะไม่มีที่ไปทางอื่น จึงดันลูกกระสุนออกไปอีก 10 นิ้ว แต่เนื่องด้วยความเร็วลมนั้น สูงกว่าความเร็วของลูกกระสุน ณ.จุดระยะ 6 นิ้วแรก กระสุนยังอยู่ในช่วงเร่งความเร็วต่อไปอีก กระสุนก็จะออกจากปลายกระบอกลำกล้อง 16 นิ้วด้วยความเร็วที่สูงกว่าลำกล้อง 6 นิ้ว โดยใช้แรงดันลมเท่าเดิม  มาถึงตรงนี้หลายท่านก็คงจะคิดว่า ถ้างั้น ก็เอาลำกล้องขนาด 3 เมตรซะเลยเป็นไร จะได้ความเร็วกระสุนแบบสุด ๆ ไปเสียเลย  ก็ขอชี้แจงว่า......อ้าว หมึกหมดพอดี   มีใครจะช่วยตอบต่อไหมเอ่ย?????

ขอบคุณ อาจารย์ ดร. ธนาสิทธิ์  มากครับ  พอเข้าใจมากขึ้นครับ ขอบคุณครับ มันเป้นอย่างนี้เอง แล้วทำไม่ไม่เอาลำกล้องยาวๆ แบบท่านอาจารย์ ว่าละครับจะได้แรงๆยิ่งขึ้น แล้วลำกล้องยาวจะแม้นว่าลำกล้องสั้นป่าว หว่าา

ด้วยแรงดันและปริมาณอากาศที่เท่าเดิมสำหรับลำกล้องขนาด 6 นิ้ว ความเร็วกระสุนยังไม่เร็วที่สุดเพราะกระสุนพ้นลำกล้องไปก่อนแต่แรงดันลมยังมีอีกเหลือเฟือ แต่พอความยาวเพิ่มเป็น 16 นิ้ว แรงดันของอากาศยังทำหน้าที่ดันกระสุนต่อไปเพราะไม่รู้จะไปไหน กระสุนยังวิ่งไปอีก 10 นิ้วก่อนจะพ้นลำกล้องจึงทำให้มีความเร็วเพิ่มขึ้น  แต่ถ้าลำกล้องมันยาวมากเกินไปสมมุติว่ายาว 3 เมตรหรือ 120 นิ้ว เมื่อกระสุนวิ่งไปได้ระยะหนึ่งจนถึงจุดที่อากาศขยายตัวจนหมดมีแรงดันเท่ากับอากาศปกติ ก็ไม่มีแรงไปผลักดันกระสุนอีกต่อไป  ความเร็วกระสุนจะลดลงเพราะแรงเสียดทานรอบด้าน  จนอาจทำให้หมดแรงและติดคาอยู่ในลำกล้องได้ หรือถ้าออกมาได้ก็คงจะพ้นปากลำกล้องไปได้ไม่ไกลก็จะร่วงหล่นลงดิน 

และถ้าหากต้องการจะให้ได้ประโยชน์จากลำกล้องที่ยาวมากๆ ก็ต้องใช้ปริมาณอากาศที่มากตามไปด้วยจนสมดลย์กันจึงจะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และจะทำให้สามารถยิงกระสุนได้จำนวนน้อยลงอาจจะยิงได้แค่ 1 นัด  3 นัด 5 นัดหรือ 10 นัด และจำเป็นต้องสร้างถังเก็บลมขนาดใหญ่และยาวมากตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น ปืนลมอัดอากาศ Big Bore .475 สามารถยิงได้ 1 นัดต่อการเติมลม 1 ครั้ง เป็นต้น

สำหรับผมขอยืมเอาเหตุผลของอาจารย์ที่เคยบอกมาตอบครับ
คิดว่าน่าจะมีแรงส่งลูกกระสุนให้พ้นลำกล้องได้ครับ แต่ปัจัยที่ตามมาคือ ความแม่นยำของวิถีลูกกระสุน เนื่องจากเกิดการสั่นสะท้านของลำกล้องในขณะที่ลูกกระสุนยังวิ่งอยู่ในลำกล้องครับ

ผมเดา...ว่าความยาวถ้ายาวมากไป เลยจุดที่เหมาะสม แรงเสียดทานในลำกล้องจะทำให้กระสุนวิ่งไปได้ไม่ไกล และ เมื่อลำกล้องยาวเกินจุดที่เหมาะสมกระสุนจะเคลื่อนที่อยู่ในลำกล้องนานเกินไป เมื่อลำกล้องสั่นจากการยิง กระสุนก็จะออกจากปากลำกล้อง แบบ ตามมีตามเกิดครับ ขึ้นอยู่กับว่าจังหวะนั้นลำกล้องสั่นไปทางไหน  กลุ่มกระสุนก็จะบานเป็นกระด้งครับ..

...ง่ายนิดเดียว(แบบ ขำ ขำ) ครับ คุณ แซม  ผมไม่อาจเดาได้  ???...รุ่น hunting  นี้ต้องไว้ล่าสัตว์  เป็นแน่ จึงไม่เหมาะกับงานกีฬาในล่ม  :OO ครับ  เมื่อเรานำปืนอัดลม"Steyr LG 110 FT"   :VOV: รุ่น..hunting..ไปล่าสัตว์นั้น เวลาปะทะแล้ว..จวนตัว...เราก็ใช้แทนเป็นกระบอง เพื่อเป็นอาวุธป้องกันตัวได้อีกประเภทหนึ่ง ไงครับ ::007:: ::007:: ::007:: ::014::

ดูรูปนานๆ ชักจะรักเจ้าตัวนี้แล้วซิครับ ยังไงผมก็ยังรักความเป็นไม้อยู่ดี (โดยส่วนตัวนะครับ) เวลาผิวไม้มันสัมผัสแก้มเนี่ย รู้สึกอบอุ่นยังไงไม่รู้ครับ  :VOV:

ผลทดสอบ .17 ที่ระยะ 50 ม. ยิง 10 นัด ครับ (ที่ผู้ขายเขาลงไว้ในwebนะครับ โม้หรือเปล่าก็ไม่รู้  ::005::)  แต่ราคาขายที่เยอรมัน 1499.95 EUR เลยนะครับ

(http://image.ohozaa.com/i/fb7/big_lg110_hp_hunting.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=5544cdf8417722b021e33f1dd7b796da)
(http://image.ohozaa.com/i/60d/big_schussbahn.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=110b7475e07a78614a868cb54fd7c1c6) (http://image.ohozaa.com/i/693/schussbild.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=5c1d2d5db3a11b74761a59c909a8da2d)

มี ไว้ยิงนก คงดี ครับ  ราคา มาถึงบ้าน เรา เกือบ 8 เลย นะนี่

ไม่ได้โม้หรอกครับเขายิงได้จริงๆ  ผมเองก็ยิงได้แบบเดียวกันด้วย LG 110 FT

เทียบกับเหรียญสลึง

น้าทศครับ นี้ พาดยิงหรือว่า ยังงัยครับ

เราสามารถทดสอบดูได้ว่า เราตั้งแรงดันลม ไม่ว่าจะด้วยการปรับตัว regulator หรือปรับเปลี่ยนสปริงฆ้อนวาล์วก็ตาม มากเกินไปหรือไม่  งานนี้ต้องมีอุปกรณ์วัดความเร็วลูกกระสุนด้วยนะครับ เริ่มจากการยิงวัดความเร็วสัก 5-10 นัด แล้วจดบันทึกเอาไว้ ต่อมาหาท่อตรงสัก 10 นิ้ว ที่มีรูตรงกลางใหญ่กว่าขนาดกระสุนเล็กน้อย และท่อนั้นต้องต่อเข้ากับปลายลำกล้องได้ด้วย ก่อนทดสอบต้องตรวจสอบความตรงได้แนวของท่อ โดยการเอากระดาษไปปิดปากท่อ แล้วลองยิงดูว่ากระสุนผ่านตรงกลางรูหรือไม่  จะให้ดีควรใช้กระสุนหน้าตัดแบบยิงเป้า 10 เมตร ถ้าไม่ตรงก็ปรับแต่งจนได้ที่ แล้วลองยิงวัดความเร็วด้วยจำนวนครั้งที่เท่ากับการยิงรอบแรก  เท่าที่ผมเห็นมาส่วนใหญ่มักจะได้ความเร็วเพิ่มถึงราว 5 %  เช่นจาก 800 fps เป็น 840 fps ทีเดียว  ทีนี้ก็แล้วแต่ว่าท่านจะเลือกทำอย่างไร หาลำกล้องที่ยาวกว่ามาใส่ ก็คงไม่สะดวกและง่ายนัก อีกทางเลือกคือปรับความแรงลง เพื่อเพิ่มจำนวนนัด
นอกจากนี้ ได้มีการทดลองแล้วว่า การเอาท่อขนาดยาวมาใส่ปลายลำกล้อง ไม่ได้ทำให้ความแม่นยำเปลี่ยนไปแต่อย่างใด

ความยาวของลำกล้องที่ยังคงความแม่นยำนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ระยะที่จะยิง, ขนาดและรูปร่างลูกกระสุน, ฯลฯ  แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ที่ความยาวของลำกล้องที่เขาผลิตขึ้นมา และความสะดวกในการใช้เป็นปัจจัยร่วม  ส่วนบางท่านที่คิดว่า ลำกล้องถ้ายาวเกินไป เราถือปืนไม่นิ่ง ลูกกระสุนยังอยู่กลางลำกล้อง ปืนขยับเสียก่อน ลูกกระสุนก็จะส่ายมุ่งไปยังทิศทางอื่นนั้น.... ไม่ถูกต้องนะครับ นอกเสียจากว่าลำกล้องจะยาวสัก 10 เมตร  เพราะเวลาที่กระสุนวิ่งผ่านลำกล้องนั้น “สั้นมาก”  กว่าลำกล้องจะขยับลูกกระสุนก็ไปไกลโขแล้วครับ  เรื่องความเสียดทานจนกระสุนติดคาลำกล้องนั้น ก็เป็นไปได้ แต่ไม่ใช่เพราะ “แรงดันลมไม่พอ” มักจะเกิดจาก ลำกล้องภายในขนาดผิดเพี้ยน หรือขนาดลูกกระสุนไม่เหมาะ  ที่ผมเน้นว่าแรงดันลมไม่พอนั้น ก็ขอให้ลองนึกถึงปริมาตรของรูลำกล้อง (ผมว่าลองเอาน้ำใส่หลอดกาแฟ สัก 3 ครั้ง มาดูเป็นตัวอย่างก็คงจะใกล้เคียง...ท่านใดนึกจะทำแบบละเอียด โดยเอาน้ำเติมลำกล้อง ก็ไม่ว่ากันนะครับ???) และนำมาเปรียบกับปริมาตรลมที่ขยายแล้วหลังจากถูกอัดไว้

ท้ายนี้... ขอเล่าให้ฟังว่า มีนักแข่งปืนลมสปริงยิงแข่ง FT โดยใช้ลำกล้องขนาดเพียง 8 นิ้ว แต่แม่นไม่แพ้ลำกล้องยาว ๆ เลยครับ

^
^
ขอบพระคุณครับอาจารย์  ที่ช่วยให้ความกระจ่าง ::014:: ::014::

พาดถุงทราย Hand Made ครับ

เดาผิดหมดเลย..เรา.....

สุดยอดเลยครับ........แจ่มจริงๆๆ