เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: วัฒน์ ที่ ธันวาคม 04, 2010, 04:04:16 PM



หัวข้อ: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ ธันวาคม 04, 2010, 04:04:16 PM
หญิงชรา ไปพบหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง พร้อมสารภาพกับหมออย่างอายๆ ว่า
"คุณหมอค่ะ คือ อิฉัน เอ่อ ตดตลอดเวลาเลยค่ะ แต่โชคดีที่เสียงมันค่อย แล้วก็ไม่เหม็นด้วยค่ะ"

หญิงชราก้มหน้าเขินๆแล้วพูดต่ออีกว่า
"แต่อิ ฉันตดถี่มาก มาที่นี่ก็หลายสิบหนแล้วละค่ะ"

คุณหมอ หยุดคิด เขียนใบสั่งยาให้
"ป้ารับยา ข้างนอกนะ กินให้ครบ แล้วอาทิตย์หน้ามาหาผมอีกที"

ยังไม่ทันถึงอาทิตย์ คุณป้าเดินหน้ามุ่ยกลับมา ถามหมอว่า
"อิฉันไ ม่ทราบว่าคุณหมอให้ยาอะไรมา แต่ว่ามันหนักกว่าเดิมอีกค่ะอิฉันยังคงตดเหมือนเดิม เสียงเบาเหมือนเดิม แต่เหม็นมากเลยค่ะ"

คุณหมอยิ้ม "ใจเย็นๆนะคุณป้า อาการจมูกไม่ได้กลิ่นของคุณป้าหายแล้ว เดี๋ยว เรามารักษาหูกันต่อดีกว่า


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อค้าภูธร- รักในหลวง ที่ ธันวาคม 04, 2010, 04:19:46 PM
หญิงชรา ไปพบหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง พร้อมสารภาพกับหมออย่างอายๆ ว่า
"คุณหมอค่ะ คือ อิฉัน เอ่อ ตดตลอดเวลาเลยค่ะ แต่โชคดีที่เสียงมันค่อย แล้วก็ไม่เหม็นด้วยค่ะ"

หญิงชราก้มหน้าเขินๆแล้วพูดต่ออีกว่า
"แต่อิ ฉันตดถี่มาก มาที่นี่ก็หลายสิบหนแล้วละค่ะ"

คุณหมอ หยุดคิด เขียนใบสั่งยาให้
"ป้ารับยา ข้างนอกนะ กินให้ครบ แล้วอาทิตย์หน้ามาหาผมอีกที"

ยังไม่ทันถึงอาทิตย์ คุณป้าเดินหน้ามุ่ยกลับมา ถามหมอว่า
"อิฉันไ ม่ทราบว่าคุณหมอให้ยาอะไรมา แต่ว่ามันหนักกว่าเดิมอีกค่ะอิฉันยังคงตดเหมือนเดิม เสียงเบาเหมือนเดิม แต่เหม็นมากเลยค่ะ"

คุณหมอยิ้ม "ใจเย็นๆนะคุณป้า อาการจมูกไม่ได้กลิ่นของคุณป้าหายแล้ว เดี๋ยว เรามารักษาหูกันต่อดีกว่า

::007:: ::007:: ขอบคุณครับ...... ::005::


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: M 60 - 7 รักในหลวง ที่ ธันวาคม 04, 2010, 04:22:38 PM
วันนี้คุณวัฒน์มาในแนวสุขภาพ ::007::


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: Audy452 ♥ รักในหลวง ที่ ธันวาคม 04, 2010, 04:28:43 PM
 ::007::


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฏฐ์ ที่ ธันวาคม 04, 2010, 04:42:38 PM
คุณหมอรักษาหูแล้วควรให้ยาถ่ายไปด้วยเลยนะครับจะได้หมดกลิ่นหมดเสียง ::005:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ ธันวาคม 04, 2010, 04:43:29 PM
คู่รักเกย์ คู่หนึ่ง ตัดสินใจ ที่จะมีลูกด้วยกัน
ทั้งคู่ตกลง ผสมน้ำเชื้อเข้าด้วยกัน แล้วไปทำผสมเทียมเด็กหลอดแก้ว ฝากเข้าผู้หญิงคนหนึ่ง

เมื่อได้ข่าวว่าเด็กเกิด ทั้งคู่รีบแจ้นไปที่โรงพยาบาลมีเด็กอ่อนแรกเกิด 24 คนใน วอร์ด
แต่เด็กทั้ง 23 คน ทั้งแหกปากร้องไห้ อย่างโวยวาย

แต่ที่มุมห้อง มีเด็กชายคนหนึ่ง นอนอมยิ้มอยู่อย่างมีความสุข
ซึ่งนางพยาบาล ก็ได้บอกว่า เด็กชายที่อมยิ้มอยู่นั่นแหละ ลูกของเกย์ทั้งคู่

คู่เกย์      : สุดยอดจริงๆเลยลูกเรา ทั้งที่ลูกคนอื่นร้องไห้เอ็ดตะโร มีเพียงแต่ลูกชายของพวกเราที่นอนยิ้มร่าเลย!~

พยาบาล  : มีความสุขสิคะ?  ...ก็อีชั้นเพิ่งเอาปรอทวัดไข้ เสียบตูดเค้าเมื่อกี้เอง

คู่เกย์      :  :o


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: Audy452 ♥ รักในหลวง ที่ ธันวาคม 04, 2010, 04:50:00 PM
คู่รักเกย์ คู่หนึ่ง ตัดสินใจ ที่จะมีลูกด้วยกัน
ทั้งคู่ตกลง ผสมน้ำเชื้อเข้าด้วยกัน แล้วไปทำผสมเทียมเด็กหลอดแก้ว ฝากเข้าผู้หญิงคนหนึ่ง

เมื่อได้ข่าวว่าเด็กเกิด ทั้งคู่รีบแจ้นไปที่โรงพยาบาลมีเด็กอ่อนแรกเกิด 24 คนใน วอร์ด
แต่เด็กทั้ง 23 คน ทั้งแหกปากร้องไห้ อย่างโวยวาย

แต่ที่มุมห้อง มีเด็กชายคนหนึ่ง นอนอมยิ้มอยู่อย่างมีความสุข
ซึ่งนางพยาบาล ก็ได้บอกว่า เด็กชายที่อมยิ้มอยู่นั่นแหละ ลูกของเกย์ทั้งคู่

คู่เกย์      : สุดยอดจริงๆเลยลูกเรา ทั้งที่ลูกคนอื่นร้องไห้เอ็ดตะโร มีเพียงแต่ลูกชายของพวกเราที่นอนยิ้มร่าเลย!~

พยาบาล  : มีความสุขสิคะ?  ...ก็อีชั้นเพิ่งเอาปรอทวัดไข้ เสียบตูดเค้าเมื่อกี้เอง

คู่เกย์      :  :o

 ::007::


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฏฐ์ ที่ ธันวาคม 04, 2010, 04:55:08 PM
คู่รักเกย์ คู่หนึ่ง ตัดสินใจ ที่จะมีลูกด้วยกัน
ทั้งคู่ตกลง ผสมน้ำเชื้อเข้าด้วยกัน แล้วไปทำผสมเทียมเด็กหลอดแก้ว ฝากเข้าผู้หญิงคนหนึ่ง

เมื่อได้ข่าวว่าเด็กเกิด ทั้งคู่รีบแจ้นไปที่โรงพยาบาลมีเด็กอ่อนแรกเกิด 24 คนใน วอร์ด
แต่เด็กทั้ง 23 คน ทั้งแหกปากร้องไห้ อย่างโวยวาย

แต่ที่มุมห้อง มีเด็กชายคนหนึ่ง นอนอมยิ้มอยู่อย่างมีความสุข
ซึ่งนางพยาบาล ก็ได้บอกว่า เด็กชายที่อมยิ้มอยู่นั่นแหละ ลูกของเกย์ทั้งคู่

คู่เกย์      : สุดยอดจริงๆเลยลูกเรา ทั้งที่ลูกคนอื่นร้องไห้เอ็ดตะโร มีเพียงแต่ลูกชายของพวกเราที่นอนยิ้มร่าเลย!~

พยาบาล  : มีความสุขสิคะ?  ...ก็อีชั้นเพิ่งเอาปรอทวัดไข้ เสียบตูดเค้าเมื่อกี้เอง

คู่เกย์      :  :o
เชื้อเขาแรงจริงๆ ::005:: ::005:: ::007::


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ ธันวาคม 04, 2010, 04:58:56 PM
พอเห็นหน้าลูกที่เกิดใหม่ ตุ๊ดตู่ ผู้เป็นพ่อก็หน้าซีด ขอพบสูตินารีแพทย์ทันที

ตุ๊ดตู่  :  คุณหมอครับอย่าว่าอย่างโง้นอย่างี้เลย แต่ผมข้องใจจริงๆที่ลูกสาวมีผมสีแดง แกอาจไม่ใช่ลูกของผมก็ได้

หมอ  :  อย่ากังวลเลยน่า...ถึงคุณกับภรรยาจะผมดำทั้งคู่แต่อาจมีบรรพบุรุษผมแดงแล้วตกทอดมาถึง

ตุ๊ดตู่  :  เป็นไปไม่ได้ครับ...ตระกูลของเราล้วนผมดำกันมาหลายชั่วคนแล้ว

หมอ  : เอาล่ะ งั้นถามหน่อยคุณร่วมรักกับภรรยาบ่อยแค่ไหน

ตุ๊ดตู่  : เอ่อ....คือว่า....ผมทำงานหนักมาก
          ...ในระยะหลังๆนี้เราจึงมีโอกาสนอนด้วยกันแค่.... 2-3 เดือนครั้งเท่านั้นเองครับ

หมอ  : บ๊ะ!!!  ...นึกแล้วเชียว!!! (หมอบอกอย่างมั่นใจ)
         ....เพราะของแม่มันขึ้นสนิมนี่เอง ลูกถึงผมสีแดง!!!

ตุ๊ดตู่ :   :o



หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ ธันวาคม 04, 2010, 05:12:17 PM
อาวัฒน์ครับ  หายใจไม่ทัน  แน่นหน้าอก   ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007::

 แบบนี้ต้องบวก ให้ด่วนครับ  +1   โลด  ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฏฐ์ ที่ ธันวาคม 04, 2010, 05:13:41 PM
+ ครับพี่วัฒน์ที่เอาเรื่องเบาๆมาคลายสมอง เอาอีกครับ ;D


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: Audy452 ♥ รักในหลวง ที่ ธันวาคม 04, 2010, 06:17:11 PM
พอเห็นหน้าลูกที่เกิดใหม่ ตุ๊ดตู่ ผู้เป็นพ่อก็หน้าซีด ขอพบสูตินารีแพทย์ทันที

ตุ๊ดตู่  :  คุณหมอครับอย่าว่าอย่างโง้นอย่างี้เลย แต่ผมข้องใจจริงๆที่ลูกสาวมีผมสีแดง แกอาจไม่ใช่ลูกของผมก็ได้

หมอ  :  อย่ากังวลเลยน่า...ถึงคุณกับภรรยาจะผมดำทั้งคู่แต่อาจมีบรรพบุรุษผมแดงแล้วตกทอดมาถึง

ตุ๊ดตู่  :  เป็นไปไม่ได้ครับ...ตระกูลของเราล้วนผมดำกันมาหลายชั่วคนแล้ว

หมอ  : เอาล่ะ งั้นถามหน่อยคุณร่วมรักกับภรรยาบ่อยแค่ไหน

ตุ๊ดตู่  : เอ่อ....คือว่า....ผมทำงานหนักมาก
          ...ในระยะหลังๆนี้เราจึงมีโอกาสนอนด้วยกันแค่.... 2-3 เดือนครั้งเท่านั้นเองครับ

หมอ  : บ๊ะ!!!  ...นึกแล้วเชียว!!! (หมอบอกอย่างมั่นใจ)
         ....เพราะของแม่มันขึ้นสนิมนี่เอง ลูกถึงผมสีแดง!!!

ตุ๊ดตู่ :   :o



 ::007::  ::007::  ::007::


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 04, 2010, 06:35:43 PM

                                       ::007::  ::007::  ::007::



หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ ธันวาคม 04, 2010, 06:37:19 PM
 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: วุธ อุดร -รักในหลวง~ ที่ ธันวาคม 04, 2010, 06:44:37 PM
 ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::014::


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 04, 2010, 06:48:44 PM
ขอบคุณครับ อย่างฮาเลยครับ


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ ธันวาคม 04, 2010, 07:00:06 PM
 :) สาระบ้าง...

วินทร์ เลียววาริณ
4 ธันวาคม 2553

ปอดแหก

ในตำนาน สามก๊ก บทการรบระหว่างทัพฝ่ายเล่าปี่กับโจโฉที่เมืองอ้วนเซียซึ่งโจหยินรักษาอยู่ กวนอูพลาดพลั้งต้องเกาทัณฑ์อาบยาพิษที่หัวไหล่ซ้าย จำต้องถอยทัพ ลูกน้องจึงเชิญหมอฮัวโต๋มารักษากวนอู

หนอนนิยายจีนกำลังภายในย่อมคุ้นกับชื่อหมอเทวดาผู้นี้ดี หมอฮัวโต๋เป็นซูเปอร์หมอ เก่งที่สุดในเมืองจีน หมอผู้นี้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์

หมอฮัวโต๋บอกกวนอูว่า วิธีรักษามีทางเดียวคือต้องเฉือนเนื้อร้ายที่ต้องพิษออกมา แต่การผ่าแบบนี้เจ็บปวดมาก

น่าจะเจ็บแน่ๆ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีบริการยาชาหรือยาสลบแบบปัจจุบัน

กวนอูตอบตกลงอย่างง่ายๆ ฮัวโต๋จึงเสนอความคิดให้รัดร่างของกวนอูแน่นกับเสา จะได้ไม่ดิ้นเวลาผ่าตัด

กวนอูหัวเราะว่า มิต้องวุ่นวายเช่นนั้น ว่าแล้วก็กวักมือเรียกนายทหารคนหนึ่งมาตั้งโต๊ะเล่นหมากรุกกัน โขกหมากแล้วก็ยกจอกเหล้าดื่มอย่างสบายอารมณ์ พลางเอียงไหล่ให้หมอฮัวโต๋ทำการเฉือนเนื้อออกไป ใส่ยาแล้วใช้เข็มเย็บแผลเข้าด้วยกัน โดยที่กวนอูไม่ร้องเลยสักแอะ

ฮัวโต๋กล่าวว่า เรารักษาคนป่วยมาก็มาก ไม่เคยพบใครที่กล้าหาญเหมือนท่านกวนอูเลย

ในจำนวนมนุษย์หลายพันล้านคนในโลก ยากนักจะพบคนแบบกวนอูสักคน

กรณีของกวนอูเป็นตำนานเสริมแต่งเกินจริงหรือไม่เราไม่รู้ แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกเรามีคนที่ไม่เคยกลัวอะไรจริงๆ



อเลน รอเบิร์ต (Alain Robert) ชาวฝรั่งเศส มีงานอดิเรกที่น่าขนหัวลุกที่สุดคนหนึ่งในโลก เขาชอบปีนตึกสูง อเลนปีนตึกระฟ้าในโลกมาแล้วร่วมร้อยตึกด้วยสองมือเปล่า ไม่มีร่มชูชีพ ล้วนเป็นอาคารที่สูงติดอันดับโลก เช่น ตึกฉางเจียงเซ็นเตอร์ ฮ่องกง (62 ชั้น), ตึกจินเม่า เซี่ยงไฮ้ (88 ชั้น), พีโทรนาส ทาวเออร์ กัวลาลัมเปอร์ (88 ชั้น), เซียร์ส ทาวเออร์ ชิคาโก (110 ชั้น)

การตกตึกสูงขนาดนี้ไม่ต้องเสียเวลาเข้าโรงพยาบาล เพราะต่อให้หมอฮัวโต๋ก็รักษาไม่ได้

อเลนเริ่มปีนตึกมาตั้งแต่อายุสิบสองขวบ เมื่อครั้งหนึ่งเขาลืมกุญแจในห้องพัก จึงตัดสินใจปีนอพาร์ตเมนต์สูงแปดชั้นเข้าไปเอากุญแจ หลังจากนั้นก็ตะกายตึกมาจนได้รับฉายา สไปเดอร์-แมน

เขาปีนโดยใช้มือและเท้าเสียบตามช่องของตึก ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักสักหน่อย แล้วปีนต่อจนถึงยอด บ่อยครั้งมีตำรวจรอจับกุมอยู่

ประวัติศาสตร์โลกจารึกเรื่องทหารกล้าที่ไม่กลัวตาย นักโทษประหารชีวิตหลายคนยืนหยัดยิ้มรับความตาย นักปีนเขา นักดิ่งพสุธาซึ่งกระโจนออกจากเครื่องบิน แหวกว่ายอากาศเล่นนานกว่าจะกางร่มชูชีพ

ทำไมคนเหล่านี้ไม่กลัวตาย ขณะที่คนบางคนยืนบนดาดฟ้าตึกแถวสามชั้นก็ใจสั่นจะเป็นลม บางคนปอดแหกจนไม่ทำอะไรเลย?


ช่วงปลายปี ค.ศ. 2002 มีรายงานการแพทย์โดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ สถาบันการแพทย์ โฮเวิร์ด ฮิวส์ แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นิวยอร์ก พวกเขาพบ ยีนที่สร้างโปรตีนที่ทำให้สมองส่วนหนึ่งเรียนรู้ความกลัว โดยศึกษาจากหนูสองกลุ่ม นี่คือการค้นพบต้นเหตุของความกลัวที่ฝังในพันธุกรรม เรียกว่า Fear gene

ยีนปอดแหกที่มีชื่อเรียกว่า Stathmin เชื่อมโยงกับพื้นที่ในสมองที่เรียกว่า Amygdala มันควบคุมความกลัวในรูปแบบต่างๆ ความกลัวของคนเราทั้งแบบรุนแรงและความกลัวแบบชั่ววูบล้วนเกิดขึ้นที่สมองส่วนนี้

นักวิทยาศาสตร์ทางสมองยังพบความจริงอย่างหนึ่งว่า คนไข้ที่ได้รับการกระทบกระเทือนในสมองที่ Amygdala นี้ จะกลายเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรเลย

โจรเอาปืนมาจี้ก็รู้สึกเฉยๆ

การศึกษาในช่วงหลายปีถัดมายืนยันการพบยีนตัวนี้ หนูที่ไม่มียีน Stathmin ไม่มีปฏิกิริยาสนองตอบสถานการณ์อันตรายซึ่งหนูอื่นๆ กลัว

ความกลัวสามารถลบออกได้โดยการแก้ยีนหรือไม่ เรายังไม่รู้ แต่ในช่วงที่วิทยาการด้านนี้เพิ่งเริ่มต้น เราไม่มีทางเลือกนอกจากจะจัดการกับความกลัวโดยไม่ต้องพึ่งหมอผ่าตัด


ในชีวิตอาจมีสถานการณ์บางอย่างที่แย่กว่าการดิ่งพสุธาหรือนั่งรอเวลารับโทษประหาร สถานการณ์ชีวิตบางช่วงของบางคนแย่เสียจนอยู่มิสู้ตาย การเสียคนรัก การสูญสิ้นทุกอย่างในชีวิต ความผิดหวัง ฯลฯ แต่คุณไม่คนเดียวในโลกที่กลัว ทุกคนกลัวทั้งนั้น อาการปอดแหกเป็นสัญชาตญาณปกติของมนุษย์ กลัวตาย กลัวเป็นโรคร้าย กลัวความล้มเหลว กลัวความสูง กลัวที่แคบ กลัวเรื่องสารพัด กลัวตกงาน กลัวความไม่มั่นคง ฯลฯ แตกต่างที่มากหรือน้อย คุมได้หรือไม่ได้เท่านั้น

บางทีความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่การไต่ตึกสูงมือเปล่าแต่คือการกล้ายอมรับความทุกข์ที่ประดังเข้ามาในชีวิต แล้วเดินหน้าต่อไป

ความกลัวก็เช่นไวรัส ไม่หายไปไหน ทางเดียวที่เราทำได้คืออยู่ร่วมกับมันอย่างสันติ ด้วยสติเท่านั้น

ใช่ คนบางคนกลัวง่ายกว่าคนอื่น บางคนขี้ขลาดมาแต่กำเนิด แต่สิ่งเหล่านี้พอช่วยได้จากการฝึกฝนและเข้าใจ เรากำหนดยีนไม่ได้ แต่เราอาจหันทิศชีวิตที่เหลือของเราให้ไม่จมในเงามืดของความกลัวได้ อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง

ทางพุทธสอนเรื่องการตามจิต ตามมันทัน โอกาสที่ความกลัวจะเล่นงานเราก็ลดลง

ทางกายภาพคือรักษาสภาพร่างกายให้แข็งแรงเสมอ ร่างกายอ่อนแอทำให้จิตใจอ่อนแอ กายภาพที่ดีช่วยทำให้ลดความกลัวลงได้

ทางใจคือเติมน้ำดีเข้าไปในหัวใจเสมอ ผ่อนคลายด้วยอารมณ์ขัน ฯลฯ

หรืออาจถือคติว่า “อย่างมากก็แค่ตายโว้ย!”

ความไม่กลัวอาจถูกกำหนดโดยยีน แต่กำลังใจเราต้องสร้างขึ้นมาด้วยตัวเราเอง


คมคำคนคม

Give me where to stand, and I will move the earth.
จงให้ที่ข้าฯยืน แล้วข้าฯจักเคลื่อนโลก

Archimedes
อาร์คิมีดิส



หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ ธันวาคม 04, 2010, 07:38:45 PM
มีร้านค้าแห่งหนึ่ง ติดประกาศขายลูกสุนัข 7 ตัว เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็กๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีราคาค่อนข้างแพง

วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่ง ก็มากระตุกชายเสื้อเขา เขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่

" เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขาย ผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ? "  เด็กบอกอย่างสุภาพ

" อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่หลังร้านน่ะ" เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี แล้วผิวปากเรียกสุนัขทั้งเจ็ดออกมา

เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมา ทีละตัว

เขานับ...แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้น " ไหนว่ามีเจ็ดตัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ? " เด็กชายถาม

เจ้าของร้านตอบว่า
" อ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัว เพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี มันก็เลยต้องคลานออกมา วิ่งมาพร้อมกับพี่ๆ ของมันไม่ได้ "

สิ้นคำเจ้าของร้าน ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้านลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ดๆ เห็นได้ชัดว่า มันพยายามคลานมาหาเขา หางของมันกระดิกดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ตลอดเวลา
มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย ท่าทางจะชอบเขามาก

เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า " หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ? "

" ปกติ อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ "  เจ้าของร้านตอบ

เด็กชายนิ่งอึ้งไป ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ เขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้น

" ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้ " เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ

เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า " โอ๊ะ! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะ ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรีๆ ไปเลย "

เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า
" ทำไมครับ ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้? "

" ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะ ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อมๆ พี่ๆ น้องๆ ของมัน และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว เพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้ ความจริง อาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ ลองดูตัวอื่นดีไหม? "

เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า " คุณอาดูอะไรนี่สิครับ "

ว่าแล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น

เจ้าของร้านจึงได้เห็นว่า ขาของเด็กชายคนนี้ เล็กลีบ เช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัข แต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้

" คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกัน ผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้ อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ? "

เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา

เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่า " ผมจะซื้อสุนัขตัวนี้ ในราคาสองพันบาท เท่ากับลูกหมาตัวอื่นๆ แต่ว่าผมมีเงินไม่พอถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอาขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาทคุณอาจะว่าอย่างไรครับ? "

เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน ทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจ พลางกล่าวขอโทษขอโพย ในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป

เขาบอกว่าไม่ขัดข้อง ที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้ และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย พวกมันก็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก.

ที่มา : นิทานสีขาว
เล่าโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา 

 ::014:: พี่ปูเคยโพสใว้เมือ 28 มกราคม  2010 ที่ห้อง เพื่อนคอปืน..ด้ามขวาน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านอีก...ครับ


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ ธันวาคม 04, 2010, 07:51:51 PM

บางทีความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่การไต่ตึกสูงมือเปล่าแต่คือการกล้ายอมรับความทุกข์ที่ประดังเข้ามาในชีวิต แล้วเดินหน้าต่อไป




::002:: ::002:: ::002::

::014::



หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ ธันวาคม 04, 2010, 08:24:23 PM
 :D จะเป็นแบบไหน คุณเลือกได้....

Au Dating Plus Game Clip 1 (http://www.youtube.com/watch?v=LEW9teaQjy4#)


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ ธันวาคม 04, 2010, 08:38:13 PM
คะแนนสวยครับอาวัฒน์...

 ::014::



หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: Pandanus ที่ ธันวาคม 04, 2010, 08:58:47 PM
โลโก้สวยกว่านะ...

รึครูต้นจะเถียง


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ ธันวาคม 04, 2010, 09:04:08 PM
โลโก้สวยกว่านะ...

รึครูต้นจะเถียง

มิกล้าเถียงครับ... ;D ;D ;D



หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: ต.แม่สาย ที่ ธันวาคม 04, 2010, 09:53:55 PM
ฮิ ฮิ ฮิ ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: อรชุน-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 05, 2010, 03:58:51 AM
:D จะเป็นแบบไหน คุณเลือกได้....

Au Dating Plus Game Clip 1 (http://www.youtube.com/watch?v=LEW9teaQjy4#)

ผมจีบน้องทีคครับ แต่............... เราชอบนายอ่ะไม่ได้รักนายแล้วก็............. คร๊อกก  ::005:: ::005::



หัวข้อ: Re: เออ..อย่างนี้ก็มี
เริ่มหัวข้อโดย: Sig228-kolok ที่ ธันวาคม 05, 2010, 08:13:12 AM
 ::005:: ::005:: ::005::