เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ลูกปืนหาย  (ขอเตือน  อ่าน ช้า ๆ น ะ ค รั บ  )

ผมขอแก้ไขเรื่องราวเดิมเกี่ยวกับลูกปืนข้างล่างเสียใหม่เผื่อว่าบางท่านอาจจะกระจ่างใจมากขึ้น
นานมาแล้วชายสามคนทานอาหารเสร็จก็เรียกบ๋อยมาเก็บเงิน บ๋อยบอกว่า 30 บาท  ดังนั้นชายแต่ละคนก็ควักเงินออกมาคนละ 10 บาทและส่งให้บ๋อยไป  บ๋อยนำเงินไปให้ผู้จัดการ  แต่ผู้จัดการบอกว่าเขารู้จักชายคนหนึ่งในสามคนนั้น จึงลดให้ 5 บาท โดยส่งแบ็งค์บาทคืนให้บ๋อยไป 5 ใบ  แต่บ๋อยรู้ว่าชายสามคนแชร์กัน และคิดว่า 5 หาร 3 ไม่ลงตัว จึงแอบขโมยไปเสีย 2 บาทและนำไปคืนเพียง 3 บาท เมื่อได้รับเงินคืน ชายสามคนต่างก็แบ่งกันคนละ 1 บาท

คำถาม...ถ้าบังเอิญคุณเป็นลูกค้าที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ และรู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง  และลองคิดไปว่าถ้าคุณเป็นหนึ่งในชายสามคน ตอนแรกคุณเอาเงินออกมาจ่าย 10 บาท ต่อมาคุณได้คืน 1 บาท ก็เท่ากับว่าคุณออกเงินไป 9 บาท ชายอีกสองคนก็ออกคนละ 9 บาทเท่า ๆ กัน  9 x 3 = 27 รวมกับที่บ๋อยขโมยไปอีก 2 บาท เป็น 29 บาท เช่นนี้แล้วเงินหายไปไหน 1 บาท ???
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ครั้งหนึ่งตอนที่ผมไปชมรมปืนเตรียมเข้าแถวรอการตรวจกระสุนก็ได้เห็นเรื่องราวดังต่อไปนี้  มีสมาชิก 3 คนเข้ามาคอยการตรวจกระสุน แต่ละคนนำมาคนละ 10 ลูก รวมเป็น 30 ลูก และยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่คอยรับ นำไปให้พนักงานตรวจในห้องตรวจสอบ  ซึ่งเมื่อได้มา 30 ลูก พนักงานตรวจก็เข้าใจว่ามาจากสมาชิกคนเดียว ก็เลยส่งคืนให้กับเจ้าหน้าที่ไป 5 ลูก โดยบอกว่าถ้ามาคนเดียวให้ยิงได้เพียง 25 นัดเท่านั้น ระหว่างที่เจ้าหน้าที่คนแรกเดินนำลูกกระสุน 5 ลูกไปคืนให้กับชาย 3 คน เขาก็จำได้ว่าชาย 3 คนนั้นจะแชร์กันยิง ก็เลยเกิดไอเดียบรรเจิดว่าถ้าเอาไปคืน 5 ลูก เขาก็หารกันไม่ลงตัว เลยงุบงิบใส่กระเป๋าเก็บเอาไว้เองเสีย 2 ลูก และนำไปคืนแค่ 3 ลูก สมาชิก 3 ท่านรับคืนคนละลูก ก็เป็นอันว่าจะได้ยิงกันคนละ 9 นัด
ผมก็มาคิดดูว่า ถ้าผมเป็นหนึ่งในสมาชิก ตอนแรกเอาลูกไปให้ 10 นัด ได้คืนมา 1 นัด ก็เท่ากับว่าผมได้ยิงแค่ 9 นัด สามคนรวมก็ได้เป็น 27 นัด แต่เจ้าหน้าที่คนนั้นอมไป 2 นัด กลับรวมเป็น 29 นัด???  ก็เลยงองู 4 ตัว  คิดอยู่เป็นนาน  ก็คิดได้ว่า สูตรคูณคงผิด เพราะ 9 คูณ 3 น่าจะได้ 28 รวมกับอีก 2 ที่ถูกขโมยไปถึงเป็น 30 ครบพอดี

คำถามคือ ลูกปืนหายไปไหน  1 ลูก?

กติกาครับ...ท่านที่ทราบแล้ว ก็อย่าเพิ่งมาเฉลยละกัน ขอร้องกันไว้ตรงนี้ เพื่อความหนุกหนาน
ส่วนท่านที่จะตอบหรือมีความคิดอย่างไร ก็อย่าได้ไปอ่านคำตอบผู้อื่น เดี๋ยวจะงองู 2 ตัวไปใหญ่

[color=red]อนึ่งท่านที่ทราบคำตอบจริง ๆ แต่ยังลงอีก (ซึ่งเคยมีมาแล้ว) ผมจะ hack ที่อยู่และส่งไวรัสมะเร็งไปให้ รับรองว่า ไม่รอดภายใน 7 วัน.....[/color]
ธนาสิทธิ์  ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๓

ปล. ท่านที่อ่านคำถามมากกว่า 1 ครั้ง เอ่ม...ถือว่าสอบ "ตก"

ผมงงกับคำถาม และคำตอบในคำถามแล้วละครับ
30-5=25
5-2=3
25+3=28
มันจะเท่ากับ27ได้อย่างไรละครับ อาจารย์ 25 หาร 3 ยังไงก็ไม่ลงตัวแต่แรกแล้วครับ
มีแต่ยิงจนครบทุกคนแล้ว มันจะเหลือ 1 ลูกเท่านั้นละครับ

ผมถึงได้กล่าวแต่แรกแล้วว่า ผมเป็นคนนอก แต่คิดว่าถ้าผมเป็นหนึ่งในสาม ผมมีกระสุนมาสิบ ได้คืนหนึ่ง ก็เท่ากับผมให้กระสุนเขาไป 9 และอีกสองคนก็คนละ 9 เท่ากับว่าเราสามคนให้กระสุนเขาไปทั้งหมด 27 รวมกับที่ถูกขโมยไปอีก 2 ก็เป็น 29 ดังกล่าว

ง งู 8ตัวเลยครับ
สมัยตอนผมเป็นเด็กเด็กนั้น ผมไม่มีโอกาสเข้าเรียนชั้นอนุบาล 1 2 3 คือผมเข้าป.1เลย
จึงไม่สามารถ คิดไม่เป็น และไปไม่เป็นครับอาจารย์
 ::014:: ::014:: ::014:: ::014::
ผมฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ลูกเดียวครับ

เอาเป็นว่าผมรอคำตอบแบบ ง.งู 10ตัวละกันครับ ???

ผมว่าคงจะต่างกันตรง นัด กับ ลูก  นี่ละมั้งครับทุกท่านแต่ผมก็ยังไม่รู้คำตอบนะครับลองช่วยกันหาคำตอบกันดูครับ ;D

อาจารณ์ครับ ไอ้เจ้าไวรัส มะเล็ง มันยี่ฮ้ออะไรครับ เป็นซองหรือเปล่าครับ (ขอซักซองนะครับ)

ส่วนคำตอบพอจะเดาได้แล้วครับ ต้องอ่านสอง สามครั้งแนะ

แต่ก็ไม่แน่นว่าจะถืก ::008::

สรรพนามทั้งสองนี้ ผมตั้งใจใส่ให้เป็น งองูอีก 2 ตัวนะครับ... ถ้าผมถามว่า สมาชิก 3 คน ให้ลูกปืนไปรวม 30 ได้กลับมา 3 เท่ากับว่าให้ไป 27 รวมกับอีก 2 ที่ถูกอมไป ก็เป็น 29 แล้วหายไปไหนอีก 1 ก็ไม่ต้องใช้สรรพนามใด ๆ

หลายปีมาแล้ว ผมเคยเจอไวรัสหรืออาจเรียกได้ว่า worm ชนิดหนึ่ง แรงมาก คือทุกครั้งที่ผมพิมพ์คำว่า SPY ทุกอย่างบนจอภาพจะหายไปหมด  งานนี้ต้องอาศัยปรมาจารย์จาก 3 มุมโลก ใช้เวลาแก้ไขต่อเนื่องนานถึง 3 สัปดาห์  อีกครั้งเจอไวรัสที่เปลี่ยนชื่อไฟล์รูปภาพในคอมของผม ให้กลายเป็นไฟล์ประเภทอื่น  ทำให้หากลับมาคืนยากมาก เพราะนอกจากเปลี่ยนชื่อแล้ว ยังย้ายที่อยู่ไปทั่วทุกแห่งต่าง ๆ กัน
ส่วนไวรัสมะเร็งที่ผมเตรียมไว้ ชื่อ "เก็งกอง" ครับ...555

คำถามคือ ลูกปืนหายไปไหน  1 ลูก?
ผมขอตอบตามความเข้าใจ  ผิดหรือถูกไม่เป็นไรใช่ไหมครับ  เพื่อความหนุกหนาน
ความผิดอยู่ที่เจ้าหน้าที่ตรวจ เข้าใจผิดว่ากระสุนที่ส่งตรวจเป็นของคน คนเดียว
พอถึงเวลายิงจริง   จะยิงกันได้แค่คนละ 8 ลูก= 8x3=24        เจ้าหน้าที่ตรวจต้องเก็บใว้1 ลูก
ตอนไปให้ตรวจ  30  คืนมา 5  ถ้าเจ้าหน้าที่รู้ที่หลังว่าผิดพลาดต้องแก้ไขสถานกาลณ์  รวมถึงคนที่อมไป2ลูกด้วย
3 คน คนละ10  =30    คืนมา 5  =  ความจริงหลังตรวจ ผู้ส่งตรวจมีตั้ง3คน ถึงเวลายิงจริงคงได้แค่คนละ 8 ลูก
= 8x3= 24       ได้รับคืนคนละ1ลูก =24+3 =27  คนที่อมไปต้องชี้แจงอีก2ลูก  =27+2= 29

คำตอบของผมคือ   1ลูกที่หายไป เจ้าหน้าที่ตรวจจำเป็นต้องเก็บใว้ เพื่อให้ลงตัว
อาจาร์บอก อาจาร์เป็นคนนอก   ถ้าผมเป็นคนใน คงต้องแก้ใขแบบนี้ครับ
ตอบผิดไม่เป็นไรใช่ไหมครับเพื่อความสนุกสนาน     แต่ถ้าตอบถูก    อาจารย์จะยกในตู้ให้ผม 1กระบอก ::007:: ::007:: ::007:: ::014:: ::014:: ::014::      

ที่เขียนไว้ว่า เอาไป30 ได้กลับมา 5  จากนั้นเอาไปเสีย2 สรุปแล้ว ก็ได้ยิงแค่คนละ3นัดสิครับ เพราะไม่ได้คืน อีก 25 มาด้วยนิครับ แสดงว่า 25+2 =27 ครับ แล้ว 27/3=9 ดังนั้น บวก อีกคนละนั้ดที่ได้กลับมา จะเท่ากับ 30 พอดี
แต่ที่คำนวนไปคำนวนมามันหายไป นะ ผมว่า ต้องถามท่านนายกครับ เพราะที่ไทย ใครมีอะไรก็ไปถามท่านนายกตลอด

ที่คืนมาเก็บกลับบ้าน  ส่วนที่เขาเก็บไว้จะใช้ยิงของเราตอนเข้าไปในสนามครับ

  เดาเอานะครับ....เดาว่าน่าจะผิดพลาดตั้งแต่ตรงที่บอกว่าได้ยิงคนละ 9 นัด ครับ  ..เพราะเหลือกระสุนที่จะสามารถยิงได้ เพียง 25 นัด(ก่อนรับคืนคนละ 1 นัด..)เมื่อเอา 25 หาร 3  ตกคนละ 8.333333... นัด เมื่อรับคืนมาอีกคนละนัด ก็เป็น ได้ยิงคนละ 9.333... นัด  (ซึ่งความจริงคงไม่มีกระสุน0.333... นัด ให้ยิงแน่ๆเลย....)
  เมื่อเอา 9.3333... คูณ 3  ก็จะได้ผลลัพท์กลับมาเป็น 28 นัด.. รวมกับที่โดนจิ๊กไปอีก 2 นัด เป็น 30 นัดพอดีเหมือนเดิม...
   ดังนั้น เมื่อเข้าไปยิงจริงๆ คงมีคนนึงได้ยิงมากกว่าเพื่อน 1 นัด ครับ..
   ไม่ทราบว่าผลสุดท้าย ของคนสามคนนี้ ได้ยิงปืนครบจำนวน 10 นัด ที่นำมาหรือเปล่าหนอครับ.....(ถ้าเป็น เมืองไทย แล้วขาใหญ่หน่อย คงมีโวยกันแน่ๆเลย..5555)

   นี่พยายามเดา แบบวิชาการเต็มที่แล้วนะครับเนี่ย...แต่สงสัย ต้องผิดอีกแน่เลย......

ขอลองคิดดูบ้าง นั่งคนคิดเดียวไม่รู้จะนานไปหรือเปล่านะครับ
เรื่องนี้น่าจะมีการเข้าใจผิดกัน ตรงประเด็นว่า คนสามกลุ่มนี้ ใครเป็นคนคิดว่าลูกปืนหายไปหนึ่งนัด

1. เริ่มจาก 3 คน เอาลูกมาให้ตรวจ 30 นัด ได้คืนมา 3 นัด แสดงว่าส่งไปตรวจทั้งหมดรวม 27 นัด
การที่จะคิดว่าจะได้ยิงคนละ 9 นัดก็ถูกต้อง (แต่อาจจะเข้าใจผิดก็ได้เพราะว่า สนามนี้ให้ยิงได้แค่ 25เป้าอ้างจากคนตรวจลูกบอกว่ามาคนเดียวใช้แค่ 25นัด แต่ไม่บอกว่าเป็นทีมใช้กี่นัด ดังนั้นจะมีหนึ่งคนได้ยิงเก้านัดและอีกสองคนได้ยิงแปดนัด)
2. คนรับลูกใส่ถุงและส่งคืนให้นักกีฬา รับมา 30 นัด ส่งไปตรวจ 25 เก็บไว้ 2 คืนไป 3 นัด หากมองในมุมของเขา
จำนวนลูกก็ครบแล้ว ไม่ได้หายไปไหน

3. ในสวนคนตรวจลูก บอกว่ามาคนเดียวใช้แค่ 25 นัด ก็น่าจะถูกต้องแล้วเพราะ ลูกใส่มาในถุงเดียวกัน
และไม่บอกว่าเป็นส่วนของประเภททีมหรือเดี่ยว รับมา 30 รับไว้ตรวจ 25 คืนไป 5 รวม 30 นัดถูกต้องแล้ว..

ดังนั้น โจทย์ข้อนี้ผิดตรงไหนหรือเปล่านะคับ ที่เอาตัวเลขของกลุ่มที่1,2 ไปปนกัน
คิดออกมาได้เท่านี้หนะคับ
ryujadai

ผมว่าต้องแยกเป็น 3 ประเด็นครับ
1.ลูกมี 30นัด เจ้าหน้าที่อมไว้ 2นัด= 28
2.ได้คืนคนละ1นัด 1x3(-30) = 27 (ที่คิดว่าจะได้ยิงคนละ 9นัดแต่จริงคงไม่ใช่)
3.เมื่อยิงจริงผมคาดว่าเขาจะได้กระสุน 25นัด จากสนาม เพราะ เจ้าหน้าที่เอาไปให้คนตรวจ 30นัด เขาคืนมา 5นัด

ไม่ทราบว่าคิดถูกหรือป่าวครับ ผมว่าเอาปัญหา "ลูกหายไปไหน 1นัด" มาคิดรวมกันไม่ได้เพราะมันคนระเรื่องเดียวกันครับ

ตอบ
ลูกไม่ได้หายไปไหน เป็นเพียงความบกพร้องของเจ้าหน้าที่ ในการสื่อสารระหว่างผู้ยิง และผู้ตรวจกระสุนครับ


ปล.ผมอ่านคำถาม 10ครังได้มั้งครับ
 ::014:: ::014:: ::014::

สงสัยว่าจะหายไปกับสายลมนะครับ  ;D ;D ::014::

ขออนุญาต ตอบ ครับ อาจารย์...
-อาจารย์บอกว่า..."ผมก็มาคิดดูว่า ถ้าผมเป็นหนึ่งในสมาชิก ตอนแรกเอาลูกไปให้ 10 นัด ได้คืนมา 1 นัด"... แสดงว่าตอนแรกอาจารย์ได้รับลูกกระสุนมา 8 นัด+ได้คืนมา 1 นัด= 9นัด แล้ว+1นัด (ที่จ.น.ท.นำมาคืนให้ทีหลังอีกคนละ 1นัดรวม 3นัด) รวมอาจารย์ มีกระสุนทั้งหมด 10นัด ครับ
-อาจารย์บอกว่า..."ก็เท่ากับว่าผมได้ยิงแค่ 9นัด  สามคนรวมก็ได้เป็น 27 นัด แต่เจ้าหน้าที่คนนั้นอมไป 2 นัด "   เมื่อไปรวมกับของเพื่ออีก 2คนๆละๆ 9= 18นัด+2นัด(เจ้าหน้าที่คนนั้นอมไป 2 นัด) รวมเป็น 20 นัด
   รวม 2 รายการมีกระสุนทั้งสิ้น 30นัด
***คำถามคือ ลูกปืนหายไปไหน  1 ลูก?
    ...นั่นแสดงว่า...เมื่ออาจารย์ยิงไปแล้ว 9นัด คงเหลือค้างอยู่ในแม็กหรือที่ตัวของอาจารย์ อีก 1นัด ครับ

อันนี้เป็นไปได้

จำไม่ได้ว่าเคยตอบไปหรือเปล่า แต่อ่านคำถามรอบเดียวก็พอจับใจความได้ว่า
จำนวน 29 นั้นเป็นจำนวนผิด ต่อไปก็คิดต่อกันเอาเองครับ  ผมกลัวไวรัสมะเร็งครับ

ผมเองเคยโดนโทรถามเรื่องมีสัญญานจากคอมของผมไป hack ธนาคารที่ USA
ดังนั้นหากอาจารย์จะส่งไวรัสมะเร็งมาต้องผ่านคอม 2 ชั้น ครับ เพราะผมรีโมท 2 ต่อเข้าเล่นเน็ทครับ

อาจารย์หลอกล่อพวกเราซะ ปวดเฮ้ด เลยครับ
อันที่จริง ค่าอาหาร             30-5(ส่วนลด)= 25
บ๋อยมาคืนให้3บาทเป็น      25+3 =28  บาท(ไม่ใช่ 27 ตามที่ถูกล่อหลอกให้เอาผลจาก 9x3)

เงินก้อไม่ได้หายไปไหนครับ ก้อยังอยู่กะบ๋อยสองบาท ถือว่าเป็นค่าทิปไป(ได้ค่าทิปน้อยมาก...)
ไม่รู้ตอบถูกประเด็นป่าวนะ  อิอิ

สรุป  ซื่อกินไม่หมด คดกินได้ไม่นานครับ

ผมไม่ตอบดีกว่าครับ...ไม่อยากลงโปรแกรมใหม่.... ;D ;D

ขออนุญาต ตอบแบบสั้น ครับ อาจารย์...
...อยู่ที่"ผู้จัดการ" ครับ(หาก"ผู้จัดการ" ลดให้ 6฿ก็ไม่เกิดปัญหาเลย)

 :~) :~) :~) :~)

คำถามบริหารสมอง  :VOV: :VOV: :VOV:

ขอตอบ นะครับ

เงินที่จ่ายออกไป 27 บาท (คนละ 10-1=9 บาท @ 3คน)
เงินที่ จ่ายออกไป อยู่ที่ผู้จัดการ 25 บาท และ ที่บ๋อย 2 บาท รวม 27 บาท
คำตอบ คือ เงินไม่ได้หายไปใหน ครับ

หลายท่าน ให้ความคิดที่ดี ๆ และน่าสนใจ  อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีท่านใดตอบได้ตรงใจผม
ท่านที่อั้นเอาไว้ เชิญได้ครับ  การอธิบายคำตอบมีจุดสำคัญหรือประเด็นหลัก 2 ประการ  ::008::

เอามาให้ 30 คืนไป 25 เก็บไว้เอง 5 และเอามาคืนอีก 3 ก็เป็น 25+3=28 จิ๊กไว้ 2 ก็เป็น 28+2=30ก็ครบแล้ว

แบ่งไปยิงสามคน ก็นเป็นอย่างที่อาจารณ์บอก 9x3=28 เอาแบบ ฮาครับ

แบบนี้ถือว่า ไม่ได้ตอบคำถามผมนะครับ เพราะเห็นชัด ๆ ว่าคำอธิบายข้างบน ไม่มีทั้งเลข 27 และเลข 29 ที่ผมอ้างถึงในคำถาม ซึ่งผมถามว่า ในเมื่อตอนแรกออกไป 10 ได้คืนมา 1 เท่ากับออกไป 9 สามคนก็ 27 รวมกับอีก 2 ที่บ๋อยอมไปได้ 29 แล้วหายไปไหน 1 ????

เรื่องของเรื่องคือ  ค่าจำนวนกระสุนที่ต้องจ่ายไป 3 คน คนละ 9 นัดนั้นรวมเป็น  9 X 3 = 27 นัด
จำนวน 27 นี้จะรวมกระสุนจำนวน 2 นัด ที่เจ้าหน้าที่งุบงิบใส่กระเป๋าไว้ด้วยแล้ว
ถ้าแยกให้ละเอียดก็คือ 25 + 2
ดังนั้นเมื่อเอา 27 นัด มาบวกกับ 3 นัดที่ได้รับคืนอยู่ในคน 3 คนที่ยิงปืน ก็จะรวมได้ 30 พอดี

ผมฟังธงเลยว่า ทั้ง 3 คนยิงกระสุนรวมกันแล้วไม่เกิน 25 นัดครับ กระสุนไม่ได้หายไปไหนครับ

ผมคิดว่าในเมื่อรู้ว่าเงินอยู่ที่บ๋อย 2 บาท
และลูกค้า 3 คนจ่ายเงินคนละ 10 บาท ต่อมาได้คืนคนละ 1 บาท
-เท่ากับว่า จ่ายคนละ 10-1=9 บาท
-รวมเงินที่จ่ายทั้งหมด 9x3=27 บาท
-รวมเงินที่อยู่กับบ๋อย 2 บาท จะได้ 27+2=29
เรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้อง 3 กลุ่ม
 1 ลูกค้า =27 บาท
 2 บ๋อย  =   2 บาท
และ 3 เจ้าของร้าน  
ฉะนั้นเงิน 1 บาท อยู่ที่เจ้าของร้านครับ  
(ตอบไปงงไป) ::011:: ::011:: ::014::

ผมตรงนี้ครับ -รวมเงินที่อยู่กับบ๋อย 2 บาท จะได้ 27+2=29
ค่า 27 มันบวก 2 นัดที่บ๋อยอยู่แล้วครับ

ถ้ายังคิดเหมือนเดิม ให้ลองเอา 29 ไปบวกกับ 3 นัดที่มีอยู่ในแต่ละคน จะได้ 32   
คราวนี้มันไม่หายแล้ว มันดันเกินมาอีก
แล้วมันเกินมาจากไหนอีก 2 นัดละหว๋า
งงแต้ ๆ ก่า

ตงลงใครงงกว่ากันเนี่ย   ::007:: ::007::  ::008:: ::014::

คิดไปคิดมาเดียวจะเหมือนตอนเด็กๆ ว่า 1+1=3 งง::007:: ::007::  ::008:: ::014::

  ขอตอบอีกครั้งครับ...หลังจากไปหาคำตอบ มาอีกครั้งนึง.....

   เริ่มจาก...เงินในระบบที่เราพิจารณา มีทั้งหมด 30 บาท  (โดยเป็นเงินจากลูกค้า 3 คน คนละ 10 บาท เป็น 30 บาท)

   ทีนี้....เงินไปอยู่ที่ไหนบ้าง....ไปอยู่ที่เจ้าของร้าน 25 บาท.....อยู่ที่เด็กเสร์ฟ 2 บาท  และ อยู่ที่ลูกค้าคนละบาทเป็น 3 บาท  (เห็นมะ....ยังอยู่ครบ 30 บาท นะครับพี่น้อง...)

   ว่าแต่ว่า..เงินจำนวน 30 บาทที่ลูกค้าจ่ายไป ควรจะอยู่ที่ฝั่งเจ้าของร้านทั้ง 30 บาท..แต่มันดันอยู่เพียง  "27" บาท (#1)  และแถมยังแยกไปอยู่ที่เจ้าของร้านเพียง 25 บาท...อีก 2 บาทอยู่ที่เด็กเสร์ฟครับ

                จำนวน "27" บาท(#1) นี้จึงถือว่าเป็นตัวเลขฝั่ง "รายรับ" ของเจ้าของร้านครับ


    ทีนี้..มาพิจารณาฝั่งลูกค้าทั้ง 3 คน บ้าง....
    หลังจากที่จ่ายเงินค่าอาหารไป คนละ 10 บาท และได้รับเงินส่วนลดคืนจากเด็กเสริฟมา คนละ 1 บาท....ก็เท่ากับ ลูกค้าจ่ายเงิน คนละ 9 บาท  รวมเป็นเงินที่ลูกค้าจ่าย ทั้งสิ้น "27"บาท(#2)
 

                จำนวนเงิน "27"บาท(#2) นี้จึงถือเป็นตัวเลขฝั่ง "รายจ่าย" ของลูกค้าครับ

    เริ่มเห็นอะไรไหมครับ...ว่า....เงินฝั่ง"รายรับ" ของร้านค้า (#1)  เท่ากับ เงินฝั่ง"รายจ่าย" ของลูกค้าทั้ง 3 คน(#2)

    ที่เกิดความสับสน เกิดจากอะไร...
    เกิดจากว่า เราดันเอาเงิน ที่เด็กเสริฟเอาไป 2 บาท  มารวมกับเงิน ที่ลูกค้าจ่าย "27"บาท(#2)  ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ "ผิด" เนื่องจากเงินที่เด็กเสริฟเอาไป เป็นเงินฝั่ง "รายรับ" ของร้านค้า  ส่วนเงิน"27"บาท(#2) เป็นเงินฝั่ง "รายจ่าย" ของลูกค้า ครับ   ที่"ถูก"ต้องนำเงิน ที่คืน จากเด็กเสริฟ จำนวน 3 บาท มารวมกับเงิน "27"บาท(#2)ที่ลูกค้าจ่ายไป จึงจะถูก ซึ่งก็จะ เท่ากับ 30 บาท ครับ....


    มาเขียมเป็น สมการ ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น  ดังนี้ครับ...

                                 เงินในระบบทั้งหมด                   =                       ค่าอาหาร ที่ลูกค้าจ่าย                   =                  เงินที่เจ้าของร้านได้รับ + เงินที่เป็นส่วนลด
                                        30                                   =                            (10 + 10 + 10)                     =                                  25              +       5                      ...........(1)

   แต่เมื่อเงินในระบบ มีการคืนให้ลูกค้า 3 บาท  สมการจึงเปลี่ยนไป  เป็น
                                     30-3                                   =                        (10+10+10)-3                            =                               25              +        (5-3)               ............(2)

                                        27                                    =                                    27                                   =                                      25   +  2                             .............(3)



     นั่นคือ เงินในระบบ ที่เราจะนำมาพิจารณา จึงเหลือเพียง  27  บาท เท่านั้น


                 

                      หากเราคิดว่าเงินที่ลูกค้าจ่ายไป(27) รวมกับ เงิน ที่เด็กเสริฟชักดาบไป(2)  เท่ากับ ค่าอาหาร(25)         จึงเป็นการเข้าใจที่ผิด   ด้วยประการฉะนี้...ครับ.........

สุดยอด คิดไม่ออกเลย

ปัญหาใหม่

มีเหรียญอยู่ 9 เหรียญ  นำหนักเท่ากันหมดยกเว้นมี 1 เหรียญที่น้ำหนักต่างออกไป
กล่าวได้อีกอย่างคือ มีเหรียญ 8 เหรียญน้ำหนักเท่ากันหมด และมีเหรียญที่ 9 มีน้ำหนักต่างกับเขานิดหน่อย
ดูด้วยสายตาแล้วเหมือนกันหมดทุกเหรียญ

มีตาชั่งบาลานซ์ เป็นอุปกรณ์ค้นหาเหรียญที่ 9  โดยมีเงื่อนไขว่า
ให้ชั่งได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น   ทำอย่างไรจึงจะค้นหาเหรียญที่ 9 ได้

เอาเก้าเหลียนชั้งพร้อมกันแล้วเอาออกที่ละเหลียนครับ

ไม่ถูกต้องครับ   การนำ 9 เหรียญขึ้นชั่ง ถือว่าเป็นการชั่ง 1 ครั้งแล้ว และเมื่อครั้นนำเหรียญออกก็ถือว่าเป็นการชั่งครั้งที่ 2 ครับ

อ้อ ตาชั่งบาล้านซ์ คือตราชั่ง ที่มีจานอยู่สองฝั่ง มีเข็มชี้อยู่ตรงกลางว่าฝั่งไหนหนักกว่ากัน ถ้าเท่ากันเข็มจะชี้ตรงกลางครับ

คำถามนี้พยาบาลสาวเป็นคนตั้งคำถามผมเมื่อปี 2534 มีเงื่อนไขว่าถ้าผมตอบถูกเธอจะยอมอยู่กับผม 1 คืน ....

ถ้าใครตอบก็ต้องอยู่กับคุณสิทธา 1 คืนด้วยละซิครับ ผมสละสิทธิ์นั้นไม่ขอตอบครับ

เรื่องก็คือ ตอนผมเรียนอยู่มหาลัย ผมวิ่งทุกวันครับ โดนจับเป็นนักกีฬามวยสากลมหาลัย
ก็เลยต้องเป็นแบบจำยอม   ผมซ้อมวิ่งทุกวัน วันละประมาณ 10 กิโลเมตร มีเพื่อนวิ่งตามหลังห่าง ๆ
อยู่มาวันหนึ่งผมเป็นฝ่ายหยุดวิ่งก่อนถึงระยะ รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ
ก็รู้ว่าตนเองต้องเป็นอะไรแล้ว  จึงไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลช้างเผือก
พบว่าตับอักเสบ  หมอให้นอนโรงพยาบาล

วันแรกผมขอให้พยาบาลสาวคนนั้นอยู่เฝ้าผมให้ห้องทั้งคืน โดยผมจะจ่ายค่าจ้างพิเศษ
คำถามเรื่องเหรียญจึงเกิดขึ้นไงครับ   ถ้าผมตอบถูกเธอจะรับจ้างผม
จำได้ว่าผมนอนโรงพยาบาล 1 สัปดาห์  เพื่อนมาเยี่ยม(พยาบาล)ตลอด
น้องชายผมที่ไปซื้อช้างจากอมก๋อยพอรู้ข่าวก็รีบมาเยี่ยม(พยาบาล)ทันที
จุดประสงค์คนที่มาเยี่ยมคืออยากมาดูพยาบาลคนนี้

แล้วไม่บอกกันก่อน ว่าจะต้องอยู่หนึ่งคืน (ดีนะที่ตอบไม่ถูก)ไม่ตอบแล้ว"กลัว" ::010::

 :)

สุดยอด.....ถูกต้องเลย....

ขออนุญาติตอบปัญหาของท่านอาาจารย์น่ะครับ  ลูกปืนไม่ได้หายไปไหนครับ เพราะเมื่อพนักงานตรวจเข้าใจว่ามาคนเดียวจึงตัดสินใจคืนกระสุนปืนให้มายิง 25 นัด แต่กลับมอบให้เจ้าหน้าที่มาคืนเพียง 5 นัด อีก 25 นัดยังคงเก็บไว้กับพนักงานเอง เมื่อเจ้าหน้าที่เก็บไว้ 2 นัด มาคืนให้สมาชิก 3 นัด ดังนั้นสมาชิกจะได้ยิงเพียงคนละ 1 นัด สรุปถ้ารวมที่สมาชิกได้ยิงคนละ 1 นัด เป็น 3 นัด เจ้าหน้าที่เก็บไว้ 2 นัด อยู่ที่พนักงานอีก  25 นัด ก็จะครบ 30 นัดพอดี ไม่หายไปไหน
สำหรับกรณีค่าอาหารก็เช่นเดียวกัน ชาย 3 คนออกค่าอาหารคนละ 10 บาท ได้คืน 1 บาท เท่ากับแต่ละคนออกเงินค่าอาหารเพียง 9 บาท รวมเป็น 27 บาท ทางร้านคิดค่าอาหาร 25 บาท อีก 2 บาทบ๋อยขโมยไป ยอดรวมจึงเท่ากับ 27 ที่จ่ายไปพอดี ไม่หายไปไหนครับ  ปัญหาอยู่ที่ไม่ได้เอา 25 นัดที่อยู่ที่พนักงานตรวจหรือ 25 บาทที่อยู่ที่เจ้าของร้านอาหารมาคิด  เมื่ออ่านตามคำถามจะถูกหลอกให้เข้าใจว่ากระสุนปืนอยู่ที่พนักงาน 24 นัด รวมกับที่เจ้าหน้าที่คืนให้อีก  3 นัด เป็น 27 นัด รวมกับเจ้าหน้าที่เก็บไว้  2 นัด เป็น 29 นัด เหมือนกับขาดไป 1 นัด ทั้งที่ีความจริงไม่ได้ขาดหายไปครับ ขอบคุณอาจารย์ที่นำปัญหาดีๆ มาถามครับ

-

  แต่..เอ.....คำถามไม่ได้บอกว่าเหรียญที่ไม่เท่ากับชาวบ้าน มันหนัก หรือเบา กว่า นี่สิ.....เอ....รึว่าคำตอบยังไม่ถูก...????...

 ขอ 3 ครั้ง ครับ....  2 ครั้งทำไม่เป็นครับ....


ถ้ายอมให้ 3 ครั้ง...จะขอตอบเอ้า.....
 
 
   แบ่งเหรียญออกเป็น 3 กลุ่ม ( A,B,C)   กลุ่มละ 3 เหรียญ  (A1,A2,A3),(B1,B2,B3),(C1,C2,C3)
 
 ชั่งครั้งที่ 1  เอา A  เทียบกับ B  หาก เท่ากัน     ชั่งครั้งที่ 2    เอา C1  มาเทียบกับ  C2   ถ้า  เท่ากัน   คำตอบ คือ  C3
                                                                                                                            ถ้า ไม่เท่ากัน                        ชั่งครั้งที่ 3   เอา C1  เทียบกับ  C3  ถ้าเท่ากัน  คำตอบ คือ  C2
                                                                                                                                                                                                                          ถ้าไม่เท่ากัน  คำตอบคือ  C1
                    หาก ไม่เท่ากันและ A หนักกว่า  B       ชั่งครั้งที่ 2   เอา A  เทียบกับ  C  ถ้า  เท่ากัน          ชั่งครั้งที่ 3   เอา B1  เทียบกับ  B2      ถ้าเท่ากัน  คำตอบ คือ  B3
                                                                                                                                                                                                      ถ้าไม่เท่ากัน  คำตอบคือ  เหรียญที่เบากว่า
                                                                                                                      ถ้า ไม่เท่ากัน        ชั่งครั้งที่ 3   เอา A1  เทียบกับ  A2      ถ้าเท่ากัน  คำตอบ คือ  A3
                                                                                                                                                                                                     ถ้าไม่เท่ากัน  คำตอบคือ  เหรียญที่หนักกว่า
                    หาก ไม่เท่ากันและ A  เบากว่า B       ชั่งครั้งที่ 2   เอา A  เทียบกับ  C  ถ้า  เท่ากัน          ชั่งครั้งที่ 3   เอา B1  เทียบกับ  B2      ถ้าเท่ากัน  คำตอบ คือ  B3
                                                                                                                                                                                                   ถ้าไม่เท่ากัน  คำตอบคือ  เหรียญที่หนักกว่า
                                                                                                                  ถ้า ไม่เท่ากัน        ชั่งครั้งที่ 3   เอา A1  เทียบกับ  A2      ถ้าเท่ากัน  คำตอบ คือ  A3
                                                                                                                                                                                                  ถ้าไม่เท่ากัน  คำตอบคือ  เหรียญที่เบากว่า

คิดมากไปหรือเปล่าครับพี่ตุ้ย....  ::005:: ::005:: ::014::

 :)

คือมันได้ทั้งน้ำหนักที่ เบากว่าและหนักกว่า ครับพี่ตุ้ย...ชั่ง 2 ครั้งก็รู้ผลแล้วครับ

คิดไม่ออกครับ...จนปัญญา...

แล้วตกลงมันหนักหรือเบากว่าเขานี่ไอ้เหรียญที่จะหา......

 :)

ใช่แล้วครับ ถูกต้องครับ วิธีคิดแบบของคุณ Jacky_Cheng__(เช้ง) ใช้การชั่งเพียง 2 ครั้งก็จะค้นหาเหรียญที่แตกต่างออกมาได้
อันที่จริงคำถามต้องบอกด้วยว่าเหรียญที่แตกต่างนั้นหนักหรือเบา  เพราะถ้าไม่บอก ก็จะต้องชั่งถึง 3 ครั้งแบบของคุณ tui086
จึงจะสรุปหาคำตอบได้เองว่าเหรียญที่แตกต่างหนักหรือเบา

ดังนั้นความคิดของคุณ tui086 ลึกซึ้งดีครับ เพราะแม้ว่าคำถามไม่สมบูรณ์ แต่ก็หาวิธีตอบที่สมบูรณ์มากกว่าคำถามซะอีก ถือว่าถูกต้องเหมือนกันครับ

ผมเองก็ตกอยู่ในทฤษฎีมาสโลว์ คือความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด  ก็ยังอยากให้พยาบาลสาวอยู่เบิ้ลต่อไปอีกคืน
จึงเอ่ยปากขอร้องให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนและจะให้ค่าแรงตอบแทน เธอทำท่าอิดออดจะไม่รับเพราะกลัวเหนื่อย
ผมก็บอกว่าขอให้แค่อยู่ในห้องด้วยกันจะนอนหลับก็ไม่ว่า แค่เพียงตื่นมาเห็นคุณพยาบาลนอนอยู่ใกล้ ๆ ก็พอใจแล้ว
เวลาทานข้าวผมจะได้มีเพื่อนทานข้าว ก็ชักแม่น้ำทั้งห้าชักชวนพยาบาลสาวให้ใจอ่อน

เธอก็ตอบว่าจะตกลงถ้าแก้ปัญหาใหม่ได้  จะให้เวลาคิดถ้าคิดได้ให้โทรไปบอกแล้วจะมาเฝ้า
ปัญหาใหม่ของคุณพยาบาลถามว่า

ปัญหา : 
มีถุงอยู่ 10 ถุงวางปะปนกันอยู่
แต่ละถุงภายในถุงมีเหรียญอยู่ 10 เหรียญ
ถุง 9 ถุงมีเหรียญหนักเหรียญละ 10 กรัม
มี 1 ถุง มีเหรียญทั้ง 10 เหรียญหนักเหรียญละ 10.1 กรัม

เงื่อนไข : 
ให้ค้นหาถุงที่มีเหรียญหนัก 10.1 กรัม โดยใช้ตาชั่งแบบที่เราชั่งน้ำหนักลูกปืน
จะทำวิธีใดก็ได้แต่มีข้อแม้ว่า ให้ชั่งได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น 

ผมตอบคำถามนี้ไม่ได้ จึงโทรไปที่บ้านพยาบาลสาวเพื่อสารภาพว่าคิดไม่ได้
ผลก็คือ เธอก็มาเฉลยและอยู่นอนเป็นเพื่อนให้อีก 1 คืน

ผมไม่ตอบหรอกครับ รอคำเฉลยแล้วก็มีผลเหมือนกัน ::007:: ::007:: ::007::

ตามกระทู้นี้ตลอด  ไม่ได้รอเฉลยนะครับ  ตามลุ้นเรื่องพยาบาล ::005::

ตลอดเจ็ดวันที่เธอเวียนมาเฝ้าผม ผมได้รับความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างลึกซึ้ง   หลักสูตรหนึ่งที่ผมชอบคือการปั๊มหัวใจ
ซึ่งผมก็ได้รู้ความจริงว่าที่ถูกต้องคนปั๊มต้องขึ้นไปนั่งคร่อมบริเวณสะโพกของคนป่วย แล้วเอามือประสานลงบนกลางอก
แล้วก็ออกแรงปั๊ม  พยาบาลสาวคนนี้ก็สาธิตโดยลองให้ผมเป็นคนป่วย แต่เธอบอกว่าของจริงจะปั๊มแรงมาก
บางทีปั็มจนกระดูกอกหักก็มี ที่สำคัญคือต้องให้หัวใจเต้นก่อน แล้วค่อยดามกระดูกภายหลัง  ถ้ามีเคสปั็มหัวใจเธอบอกว่า
เธอทำไม่ได้เพราะเธอตัวบางเล็กน้ำหนักตัวเธอน้อย ต้องให้คนตัวใหญ่ทำ มีเปอร์เซนต์หัวใจจะเต้นใหม่น้อยมากมาก

เตียงคนไข้ก็เลยกลายเป็นโต๊ะเรียนหนังสือ  แล้วก็มีหลักสูตรอีกหลายหลักสูตรที่ผมได้รับการสอนจากเธอ เช่นการจับชีพจร
การหายใจ  การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ  และอะไรอีกหลายอย่าง  เธอชอบนำปัญหาคณิตศาสตร์มาถามให้ผมคิด
ความน่ารักของเธอทำให้ผมไม่อยากออกจากโรงพยาบาล อ้อ เธอไม่ได้ทำงานที่โรงพยาบาลนี้แต่เธอมักจะมารับงานเวรพิเศษ
ดังนั้นบางครั้งกลางวันเธอว่าง ผมก็ขอให้เธอมานอนหลับอยู่ในห้องของผมเพื่อคอยให้ผมดูแลเธออย่างใกล้ชิด
ช่วงนั้นเพื่อนๆ พากันมาเยี่ยมผมบางคนก็ถามว่า "มึงกำลังทำอะไรของมีงวะ ไม่ยอมไปเรียนหนังสือ"  ผมก็ตอบไปว่า "กูกำลังป่วยวะ"

หลังจากออกโรงพยาบาล  พยาบาลสาวคนนั้นทราบภายหลังว่าผมกำลังฟิตตัวซ้อมมวยและเล่นแบตมินตันอยู่ด้วย
เธอก็ไปซื้อไม้แบตมินตันโยเน็กคาบอนยี่สิบเอ็ดมาให้ที่หอพักตอนผมกำลังตีแบตพอดี
นั้นก็คือความทรงจำดี ๆ ของผมอีกเรื่องหนึ่ง

ปัญหาเหรียญยังไม่มีใครตอบเลยนะครับ

อ้างถึง... ปัญหาเหรียญยังไม่มีใครตอบเลยนะครับ


ปัญหานี้ขอมาใบ้ละกัน คือมี 10 ถุง แต่มีหนึ่งเดียวที่หนักกว่าเพื่อน และก็ให้ชั่งครั้งเดียวเสียอีก
แนวคิดก็คือจะหาวิธีชั่งอย่างไร ให้ผลของการชั่งนั้น นอกจากสามารถบอกน้ำหนักและที่สำคัญกว่าคือบอกได้ด้วยว่า น้ำหนักส่วนเกินมาจากถุงใบไหน?
เจ้าน้ำหนักส่วนเกินนี่แหละครับ ก็จะเป็นตัวบอกใบ้ให้เรารู้ว่า ถุงไหนมีเหรียญที่น้ำหนักเกินผิดจากอีก 9 ถุง
ก็ขอให้เริ่มจาก วางถุงเรียงกันให้ดี จะได้รู้ว่าถุงไหน หมายเลขกำกับตัวเองเป็นอะไร
จากนั้นก็คิดดูให้ดีว่าจะหยิบออกมาถุงละกี่เหรียญ???? 55
อ้อ...ถ้าคิดออกแล้ว ก็ลองคิดต่อเล่น ๆ ไปเลยว่า ถ้ามีมากกว่า 1 ถุง ที่มีเหรียญที่หนักกว่าชาวบ้าน แล้วทีนี้จะทำอย่างไร?

คำถามคือ ถุงหนักมีกี่ถุง และเป็นถุงไหนบ้าง ใช่หรือเปล่าครับ

ใช่ครับ คือนอกจากจะต้องรู้ว่า มีกี่ถุงแล้วจะต้องรู้ด้วยว่าเป็นถุงไหนบ้าง

ปัญหาง่ายกว่านี้ผมยังคิดไม่ออก จะลองคิดถูกครับ
ถ้าผมตอบถูกจะมีพยาบาลมานอนเฝ้าหรือเปล่าครับ

คำถามถามว่า ถ้ามีมากกว่า 1 ถุง ผมก็จะแปลหมายความว่าไม่อาจมีได้เพียง 1 ถุง คือต้องมีมากกว่า 1 ถุงนะครับ
ปัญหาคือ ถ้ามีมากกว่า 1 ถุง แล้วมันจะมี 2 หรือ 3 หรือ 4

คำถามนี้ปวดเฮด ครับ เพราะมีคำตอบได้หลายคำตอบในเหตการณ์เดียวกัน ในการชั่งเพียง 1 ครั้งเท่านั้น
วิธีการดึงเหรียญและเรียงถุงก็เหมือนเดิม  คือ ถุงแรงเอาออกมา 1 เหรียญ ถุงที่ 2 สองเหรียญ ไปเรื่อยจนถุงที่ 10 ก็เอาออกมา 10 เหรียญ

ในตอนแรกผมขอทึกทักเอาเองว่ามีถุงหนักแค่ 2 ถุงก่อน
หากชั่งได้น้ำหนัก  55.6   ก็มีถุงที่ 2 และ ที่ 4 เป็นถุงหนักกว่าเขา
หากชั่งได้น้ำหนัก  55.8   ก็มีถุงที่ 1 และ ถุงที่ 7 เป็นถุงหนักกว่าเขา
คำตอบนี้สำหรับถุง 2 ถุงนะครับ


ถ้าถุงหนักมีมากกว่า 2 ถุง ขอแค่เป็น 3 ถุงก็พอไม่ต้องไปถึง 4 นะครับ
อันนี้ยิ่งปวดเฮทมากขึ้นไปอีก ในเหตการณ์นี้ค่าน้อยสุดคือ 55.6  คือ   ถุงที่1 และถุงที่ 2  และถุงที่ 3
สมมุติว่าชั่งได้  55.8    ก็ต้องมาคิดว่าจำนวนเดี่ยว 3 จำนวน ถ้าบวกกันแล้วได้ 8  มันก็มีดังนี้
1 2 5
1 3 4

ก็คิดได้ประมาณนี้ครับ
ไม่ทราบว่าพอมีโอกาสได้อยู่ใกล้พยาบาลสาวอีกครั้งไหมครับ

ตอบแบบล้อเล่นๆนะครับ

ถ้าเราหยิบถุงเหรียญขึ้นตาชั่งทีละถุง จนครบ 10 ถุง แต่ระหว่างหยิบทีละถุงไม่ได้นับเป็นการชั่งซึ่งก็จะได้เท่ากับเราเอาเหรียญมาชั่งครั้งเดียว 10 ถุงแต่หยิบขึ้นตาชั่งทีละถุง ก็จะได้ว่าเราชั่งเพียง 1 ครั้งพอดีเลย (แบบนี้เรียกขี้โกงหรือปล่าวครับ พี่สิทธาอิอิ)

ถ้ามองดูตัวเลขเพื่ออ่านค่าก็ถือว่าเป็นการชั่ง 1 ครับ

เรื่องลูกปืนหายละกันครับ
ผมไปลองทายปัญหา กับลูกสาวผมครับ
เธอบอกว่า อ้อ สงสัยคนที่ตรวจกระสุนปืน รู้ทีหลังว่ายิงกัน 3 คน แล้วมันมี 25 เม็ด กลัวไม่พอดีคน เลยเอาออกเม็ดหนึ่ง ให้เหลือ 24 เม็ด หาร 3 ได้คนละ 8 เม็ดพอดี รวมกับอีกคนละ 1 เม็ด เลยเท่ากับคนละ 9 เม็ด เมื่อรวมกันเลยได้ 27 เม็ดพอดีคะ่
อาจารย์ว่าใช่หรือเปล่าครับ  ::014::

ก่อนจะบอกว่าใช่หรือไม่ ผมต้องขอถามก่อนว่าลูกสาวอายุเท่าไหร่ครับ??
อ้อ...แล้วก็ลองถามปัญหา เรื่องเงินดูด้วยว่า คำตอบจะเป็นอย่างไรนะครับ
คำตอบเธอน่าสนใจมาก

อยู่ ม.3 แล้วครับ คนโตอยู่ ม.บูร ครับ ผมถามทั้งสองคน เขาก็สนทนากัน โต้แย้งกันไปกันมา
แล้วความคิดเห็นนี้ก็ออกมานะครับ ผมก็ว่า เออ เราไม่เคยคิดแบบนี้เลยนะนี่
เคสนี้ มีผู้หวังดีสองคนแฮะ

เงินทอนบ๋อยเอาไป 3 บาทครับ ไม่ใช่ 2 บาท   ???

2 บาทแน่ ๆ ครับ อ่านอีกครั้งละกัน....ไม่งั้นจะเอาครบ 3 บาทไปทอนได้อย่างไร?

อ่อ ....ค่าอาหารจ่ายไปทั้งหมด 30 บาท ร้านลดให้  5 บาท แต่บ๋อยเอาไป 2 บาท บ๋อยคืนให้กลับมาลูกค้าคนละ 1 บาท ครบ 30 บาทแล้วพอดีแต่ถ้าลูกค้าคิดว่าจ่ายแค่คนละ 9 บาท เพราะได้ทอนมาคนละบาท เท่ากับ 3คนจ่าย 9x 3 = 27 บาท + 2 บาท ที่บ๋อยเอาไปรวมกันได้ 29 บาท แล้ว 1 บาทหายไปไหน จริงๆ 1 บาทที่คิดว่าหาย ไม่ได้หายไปไหนครับ   แต่เงิน 1 บาทนั้นอยู่ที่ร้านตั้งแต่แรกแล้วครับ

ตอบเรื่องเงินหายครับ   

แนวคิดของผมคือ  เจ้าของร้านลดให้ 5 บาทให้กับชาย 1 ใน 3 นั้นคนเดียว   แต่บ๋อยดันคิดล่วงหน้าให้ลูกค้าเลยอมไว้ 2 บาท  แล้วคืนให้ชายทั้ง 3 คนละ 1 บาท   ??? ::012:: ???

จึงคิดว่าสูตรน่าจะเป็น   
ชาย 1 + ชาย 2 + ชาย 3 + เงินทอน + บ๋อย = ค่าอาหารทั้งสิ้น
10 + 10 + 5 + 3 + 2 = 30

แต่ประเด็นที่อาจารย์ถามน่าจะเป็น

(9 x 3)+2  ทำไมมันไม่เท่ากับ  30   ใช่ไหมครับ  ???

ถุ ถุ ถุ ถูกกกต้องงงงคร้าบบบบบบบบบบ

เรื่องเงินหาย 1 บาทยังไม่จบอีกเหรอเนี่ย 
มันไม่แปลกครับที่ 9x3+2 จะไม่ได้ 30 ถ้าคิดได้ 30 นะสิแปลก


ที่มันไม่เท่ากันก็เพราะว่า  9 x 3 มันรวมเงินที่บ๋อยเม้มไป 2 บาทแล้วไงครับ
แล้วเราก็เอาค่า 9x3 มา + 2 ซ้ำเข้าไปอีก หากบังเอิญคำตอบมันเป็นค่าที่ดูเหมือนถูกต้องก็ตาม แต่แนวการคิดก็ยังผิดอยู่ดี

 :)