หัวข้อ: เคล็ดลับความรวยของ"ทองมา" เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ ธันวาคม 15, 2010, 07:06:32 PM หลังจากที่วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2553 จัดอันดับเศรษฐีไทย วัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2553 ปรากฎว่าตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีนี้คือ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียบเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือพีเอส หลังครองตำแหน่งเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 2 ติดต่อกันมา 4 ปี
******** เคยไปคุยกับ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" มาครั้งหนึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว พ.ศ.นั้นเอ่ยชื่อ "ทองมา" คนยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก แต่ถ้าบอกว่าเขาเป็นเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร "บ้านพฤกษา" และ "บ้านภัสสร" ก็คงจะเริ่มคุ้นมากขึ้น ปีนั้น "ทองมา" เป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ของเมืองไทยครับ รองจาก "อนันต์ อัศวโภคิน" แห่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปลายปี 2550"ทองมา"ถือหุ้น"พฤกษา เรียลเอสเตท"คิดเป็นเงินประมาณ 11,000 ล้านบาท วันที่ผมได้คุยกับ"ทองมา"ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตกลงมาเยอะ "ทองมา"ก็เลยจนลง เหลือแค่ 10,200 ล้านบาท ...แค่นั้นเอง แต่วันนี้ไม่ใช่แล้วครับ "ทองมา"กลายเป็นมหาเศรษฐีหุ้นอันดับที่ 1 ของเมืองไทย เขาถือครองหุ้นมูลค่ารวม 31,422.5 ล้านบาท เพิ่มจาก 3 ปีก่อนประมาณ 3 เท่าตัว "ทองมา"เป็นนักธุรกิจที่คุยเรื่องธุรกิจไม่ค่อยเก่ง พูดน้อย อธิบายชัด แต่เป็นประโยคสั้นๆ แต่ถ้าเปลี่ยนไปชวนคุยเรื่อง"ธรรมะ"เมื่อไร เหมือนเข้าเกียร์อัตโนมัติเลยครับ เหยียบคันเร่งแล้วเดินหน้าไปได้เรื่อยๆ ก่อนไปคุยกับ"ทองมา" ตามประสานักข่าวที่ดี ผมนั่งอ่านประวัติและบทสัมภาษณ์ของเขา โหย...น่าสนใจกว่าที่คิดเสียอีก "ทองมา"เป็นคนสู้ชีวิตคนหนึ่งครับ ครอบครัวของเขาทำสวนผัก ขายกระเพาะปลาอยู่ที่เมืองชล พ่อแม่มีกำลังส่งเขาเรียนได้แค่ชั้น ป.4 "ทองมา"ต้องเข้ามากรุงเทพ ทำงานเป็นช่างทองอยู่ประตูน้ำ ทำงานไปเรียนไปจนสอบเทียบม.ศ.5 ได้ "ทองมา"สอบเอ็นทรานซ์ติด และไม่ใช่ติดธรรมดาๆ แต่สอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นี่ขนาดทำงานไป-เรียนไปนะครับ ไม่ธรรมดา อ๊ะ ไม่ธรรมดา ............... หัวข้อ: Re: เคล็ดลับความรวยของ"ทองมา" เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ ธันวาคม 15, 2010, 07:07:00 PM "ทองมา"ประสบความสำเร็จจากโครงการบ้านราคาถูก
เป็นความสำเร็จที่แตกต่างจาก"อนันต์ อัศวโภคิน"อย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ "แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์"ครองตลาดบ้านราคาสูง "บ้านพฤกษา"เป็น"ขวัญใจคนจน"ครองตลาดบ้านระดับล่าง เหตุผลที่"ทองมา"บุกตลาดนี้ เพราะเขาเห็นช่องว่างทางการตลาด "ทองมา"เคยบอกว่าเมื่อเห็นราคาบ้านที่ขายกันอยู่ ในฐานะวิศวกรที่ทำงานในบริษัทก่อสร้างมาหลายปี เขารู้ดีว่ามันสามารถสร้างได้ในราคาต่ำกว่านั้นได้ โครงการแรกของ"บ้านพฤกษา"จึงเป็นทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว ...ขายในราคา 350,000 บาท กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์แบบเดียวกับ"ซีพี" ที่ขายของที่มีกำไรต่อหน่วยต่ำ แต่เน้นปริมาณเยอะๆ "บ้านพฤกษา"ของทองมาก็เช่นกัน อาวุธของ"ทองมา"คือ เทคโนโลยี่การก่อสร้างแบบสำเร็จรูปที่เขาซื้อลิขสิทธิ์จากฝรั่งเศส นอกจากทำให้ต้นทุนต่ำลงแล้ว "เวลา"การก่อสร้างก็ลดลงด้วย จากปกติเคยสร้างกัน 6 เดือน เขาสามารถลดลงเหลือเพียงไม่ถึง 4 เดือน ในทางธุรกิจ"เวลา"นั้นมี"ราคา" ยิ่งสร้างเสร็จเร็วเท่าไร ก็ได้รับเงินสดเร็วเท่านั้น เงินก้อนเดียวกัน ถ้าสร้างเสร็จเร็วก็สามารถหมุนได้หลายรอบ ที่สำคัญ "ความเร็ว" ของการก่อสร้างบ้านพฤกษาเร็วกว่า "เครดิต"ที่ได้รับจากการซื้อวัสดุก่อสร้างอีก สมมุติว่าได้เครดิต 5 เดือน คือ ซื้อของวันนี้ อีก 5 เดือนจ่ายตังค์ แต่"บ้านพฤกษา"สร้างเสร็จภายใน 4 เดือน รับเงินตั้งแต่เดือนที่ 4 แต่จ่ายเดือนที่ 5 เงินนิ่งๆหลายพันล้านหรืออาจถึงหมื่นล้าน เวลา 1 เดือนที่ยังไม่ต้องควักออกจากกระเป๋า คิดดูสิครับว่าจะก่อให้เกิดรายได้เพิ่มอีกเท่าไร นี่คือ อีกกลยุทธ์หนึ่งของ"ทองมา" ต้องยอมรับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา"ราคา" เป็น"จุดแข็ง"ที่สุดของ"บ้านพฤกษา" "มีคนบอกว่าถ้าซื้อบ้านพฤกษาไม่ไหว ก็ไม่ต้องไปดูโครงการอื่น" "ทองมาเล่าว่าตอนนี้เขาทำงานบริหารจนแทบไม่มีเวลาไปดูโครงการที่เปิดใหม่เลย แล้ววันหนึ่งเขานั่งรถผ่านหมู่บ้านจัดสรรโครงการหนึ่ง "ผมก็ชมในใจว่าทำเลดีจัง พอเข้าไปใกล้อีกนิดก็รู้สึกว่าโครงการนี้สวยมาก แต่รูปแบบคุ้นจัง จนถึงตัวโครงการจึงรู้ว่า อ๋อ บ้านพฤกษา โครงการของผมเอง" ครับ ฟังเรื่องของ"ทองมา"แล้วผมนึกถึงเรื่องของ"เจริญ-คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี" มีคนเล่าว่าวันหนึ่งคุณหญิงวรรณานั่งรถผ่านที่ดินแปลงหนึ่ง ทำเลดีมาก คุณหญิงวรรณาสนใจที่ดินแปลงนี้ก็เลยโทรศัพท์ไปถามลูกน้องที่เชี่ยวชาญเรื่องที่ดินว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของใคร ลูกน้องฟังแล้วหัวเราะ รู้ไหมครับว่าที่ดินของใคร ชื่อเจ้าของ คือ "คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี"ครับ ................. หัวข้อ: Re: เคล็ดลับความรวยของ"ทองมา" เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ ธันวาคม 15, 2010, 07:07:32 PM สมัยเด็ก"ทองมา"ช่วยพ่อขายกระเพาะปลาที่เมืองชล
กระเพาะปลาของพ่อ จะต้องซื้อมาจากเยาวราช ไม่มีการใช้หนังหมูทอดมาหั่นผสมเพื่อลดต้นทุน ไก่ที่ต้มก็ใช้"ไก่บ้านตัวเมีย" "ทองมา"เคยถามพ่อว่าทำไมไม่ใช่"ไก่เลี้ยง"หรือ"ไก่บ้านตัวผู้"ที่ราคาถูกกว่า และทำไมต้องขายชามละ 50 สตางค์ ไม่ขายราคา 1 บาทเหมือนที่"อา"ของเขาขาย คำตอบของพ่อก็คือ"แค่นี้เราก็มีกำไรแล้ว" ในวัยเด็ก มุมหนึ่งเขาก็ภูมิใจในตัวพ่อ อีกมุมหนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าพ่อไม่ฉลาด ถ้าทำกำไรได้มากขึ้น เขาก็จะสบายมากกว่านี้ "ทองมา"ไม่รู้เลยว่ากรอบความคิดของพ่อแอบมาอาศัยอยู่ในสายเลือดของเขาตั้งแต่เมื่อไร จนวันหนึ่งเมื่อเขาตัดสินใจทำทาวน์เฮ้าส์ขายในราคา 350,000 บาท มีลูกค้ารายหนึ่งเดินมาหาเขาที่สำนักงานขายแล้วพูดด้วยเสียงชื่นชมว่ามันต้องมีผู้ประกอบการแบบนี้บ้าง เป็น"คำชม"ที่มีค่ากับ"ทองมา"มาก คนรายได้น้อยจำนวนมากที่อยากมีบ้านของตัวเอง แต่ไม่เคยมีผู้ประกอบการรายไหนที่ใจถึงขนาดนี้ วันหนึ่งหลังจากธุรกิจเติบโต ทาวน์เฮ้าส์ของค่ายอื่นขยับราคาขึ้นเรื่อยๆ แต่"บ้านพฤกษาไก็ยังยืนราคาเดิม คือ ประมาณ 600,000 บาท ลูกน้องถาม"ทองมา"ว่าทำไมเราไม่ขึ้นราคา เพราะถึงจะขยับราคาขึ้นก็ยังต่ำกว่าคู่แข่ง คำตอบของทองมาเป็นคำตอบที่เขาคุ้นๆเมื่อวัยเด็ก "แค่นี้ เราก็มีกำไรไม่ใช่หรือ" อ้อ ผมลืมเล่าไปนิดหนึ่งว่าตอนที่คนซื้อบ้านโครงการแรกเดินมาชม"ทองมา"ที่กล้าขายทาวน์เฮ้าส์ราคา 350,000 บาท "ทองมา"บอกว่าเขาตั้งใจขายราคาต่ำจริง แต่ที่กำหนดราคา 350,000 บาท ...เขาคำนวณต้นทุนผิดครับ ปิดโครงการ "ทองมา"จึงได้กำไร"ชื่อเสียง" แต่ในทางบัญชี ...เท่าทุนครับ .................... ปีนี้"พฤกษา เรียลเอสเตต"เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ทำยอดขายสูงที่สุดในเมืองไทย 3 ไตรมาส 16,403 ล้านบาท กำไร 2,429 ล้านบาท แสดงว่าตอนนี้"ทองมา"คำนวณต้นทุนเก่งขึ้นแล้ว http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1292393791&grpid=01&catid=&subcatid= (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1292393791&grpid=01&catid=&subcatid=) หัวข้อ: Re: เคล็ดลับความรวยของ"ทองมา" เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ ธันวาคม 15, 2010, 07:23:54 PM วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 17:33:12 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เปิดทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทย′53 "ทองมา" พฤกษาครองแชมป์คนใหม่ ตระกูล"มาลีนนท์"รวยสุด4.4หมื่นล้าน ทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทย 2010 ต้อนรับแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยคนใหม่ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ รวยสูงสุด 3.1 หมื่นล้าน ตามด้วยอันดับ 2 คีรี กาญจนพาสน์ ครองหุ้นรวม 1.78 หมื่นล้าน รวยขึ้นกว่า 5 หมื่นเปอร์เซ็นต์ ด้าน อนันต์ อัศวโภคิน ร่วงนั่งที่ 3 รวย 1.76 หมื่นล้าน ส่วนมาลีนนท์ครองแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้น 12 ปีซ้อน 10 เครือญาติครองหุ้นรวม 4.4 หมื่นล้าน นับเป็นปีที่ 17 แล้ว ที่วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการจัดอันดับ"เศรษฐีหุ้นไทย"มาอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมของเศรษฐีหุ้นในปี 2553 ซึ่งวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2553 จำนวน 5,495 ราย มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 690,231 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึง 235,771 ล้านบาท หรือ 51.88% . สาเหตุที่ความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยในปีนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นสูงสุดถึงกว่า 235,000 ล้านบาท เนื่องจากตลาดหุ้นไทยได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความโดดเด่นในภูมิภาค ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 ซึ่งใช้เป็นฐานในการคำนวณมูลค่าการถือครองหุ้นของบรรดาเศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2553 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 258.23 จุดจากช่วงเดียวกันของปี 2552 โดยปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 975.30 จุด หรือเพิ่มขึ้นถึง 36.01% สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2553 ปรากฏว่า ตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2553 ตกเป็นของ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) หลังจากครองตำแหน่งเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 2 ติดต่อกันมาถึง 4 ปี โดยปีนี้ ทองมา ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 31,422.25 ล้านบาท จากการถือหุ้น PS ในสัดส่วน 58.60% รวยเพิ่มขึ้น 15,591.83 ล้านบาท หรือ 98.49% เนื่องจากราคาหุ้น PS ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.60 บาท หรือ 107.69% จาก 11.70 บาท มาอยู่ที่ 24.30 บาท เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2553 ความมั่งคั่งของแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยคนล่าสุด ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งที่นำ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 6 ธันวาคม 2548 โดยราคาหุ้น PS ในตอนนั้นอยู่ที่ 6.55 บาท ส่งผลให้ทองมา ก้าวเข้ามาติดอยู่ในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยเป็นครั้งแรกในปี 2549 โดยเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ที่มีมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 8,848.33 ล้านบาท จากนั้นทองมาก็ยึดตำแหน่งเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ติดต่อกันอีก 3 ปี โดยในปี 2550 ถือครองหุ้นมูลค่า 11,153.95 ล้านบาท ปี 2251 ถือครองหุ้นมูลค่า 9,599.16 ล้านบาท และปี 2552 ถือครองมูลค่า 15,830.43 ล้านบาท เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ในปีนี้ ได้แก่ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) โดยถือหุ้น BTS ในสัดส่วน 38.69% รวมมูลค่า 17,816.15 ล้านบาท ก้าวกระโดดจากอันดับ 1,631 ในปีที่แล้วที่ คีรี ถือหุ้น บมจ.ธนายง (TYONG) มูลค่าเพียง 34.07 ล้านบาท คิดเป็นความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 17,782.08 ล้านบาท หรือ 52,194.11% ส่งผลให้ คีรี รั้งตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยที่มีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นสูงสุดไปอีกตำแหน่งในปีนี้ สำหรับแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 7 ปีซ้อน อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ ปีนี้ร่วงมาอยู่ในอันดับ 3 ถึงแม้ว่าหุ้นที่ถือครองจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนก็ตาม โดยปีนี้ อนันต์ ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 17,635.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,667.96 ล้านบาท หรือ 10.45% ประกอบด้วยหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ (LH) 23.76% มูลค่า 17,631.53 ล้านบาท และ บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) 1.67% มูลค่า 3.77 ล้านบาท ด้าน ประวิทย์ มาลีนนท์ แห่งช่อง 3 ยังคงยึดตำแหน่งเศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ไว้ได้อีกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) ที่ประวิทย์ถือในสัดส่วน 11.42% มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3,688.66 ล้านบาท หรือ 71.46% ความมั่งคั่งของประวิทย์ในปีนี้จึงเพิ่มขึ้นเป็น 8,850.50 ล้านบาท ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ วรวิทย์ วีรบวรพงศ์ เจ้าของสยามแก๊ส เศรษฐีหุ้นที่เพิ่งเข้ามาติดทำเนียบในอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้วเป็นครั้งแรก โดย วรวิทย์ ถือหุ้น บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) 54.13% รวมมูลค่า 8,793.67 ล้านบาท รวยขึ้นถึง 4,473.97 ล้านบาท หรือ 103.57% ด้านทายาทโอสถสภา นิติ โอสถานุเคราะห์ ถูกเบียดร่วงลงจากอันดับ 3 มาอยู่ในอันดับ 6 ในปีนี้ แม้ว่าราคาหุ้นในพอร์ตโดยรวมจะปรับเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม โดยนิติถือครองหุ้นมูลค่ารวม 7,701.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,967.69 ล้านบาท หรือ 34.32% ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับ 7 ตกลงมาจากอันดับ 5 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ วิโรจน์ ธนาลงกรณ์ เจ้าของธุรกิจเสื้อชั้นในยี่ห้อ ซาบีนา โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 6,328.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,947.88 ล้านบาท หรือ 44.47% เศรษฐีหุ้นอันดับ 8-10 ปีนี้ตกเป็นของ 3 พี่น้องแห่งตระกูลมาลีนนท์ซึ่งมีมูลค่าหุ้นที่ถือครอง หุ้น บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) ใกล้เคียงกัน โดยเศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ได้แก่ ประชุม มาลีนนท์ ถือครองหุ้นมูลค่า 6,148.51 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 2,550.20 ล้านบาท หรือ 70.87% เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ รัตนา มาลีนนท์ ถือหุ้นครองหุ้นมูลค่า 6,130.08 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 2,548.27 ล้านบาท หรือ 71.14% และเศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ อัมพร มาลีนนท์ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 6,129.31 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 2,548.44 ล้านบาท หรือ 71.17% สำหรับตระกูลเศรษฐีหุ้นไทย ปีนี้นับเป็นปีที่ 12 แล้ว ที่ตระกูลมาลีนนท์ ยังคงครองตำแหน่งแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยเครือญาติในตระกูลมาลีนนท์จำนวน 10 คน ได้แก่ ประวิทย์ ประชุม ประสาร รัตนา อัมพร สกลศรี ปิยวดี นิภา เทรซีแอน และแคทลีน มาลีนนท์ ถือครองหุ้นรวมกันมีมูลค่าทั้งสิ้น 44,176.45 ล้านบาท คิดเป็นความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นถึง 18,306.34 ล้านบาท หรือ 70.76% ตระกูลมาลีนนท์ก้าวเข้ามาเป็นแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2540 หลังจากที่นำ บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) เจ้าของไทยทีวีสี ช่อง 3 เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2539 ซึ่งนอกเหนือจากหุ้น BEC แล้ว ยังมีหุ้นที่เครือญาติในตระกูลมาลีนนท์ถือครองอีก 3 บริษัทคือ บมจ.ศิครินทร์ (SKR) บมจ.เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WAVE) และบมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา (CENTEL) ส่วนตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ ตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ ของแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยประจำปีนี้ โดยครอบครัววิจิตรพงศ์พันธ์ นำโดย ทองมา และภรรยา ทิพย์สุดา รวมทั้งทายาท มาลินี-ชัญญา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ถือครองหุ้น PS ที่ทำโครงการหมู่บ้านจัดสรรแบรนด์ พฤกษา รวมมูลค่า 37,618.75 ล้านบาท รวยขึ้นถึง 18,804.83 ล้านบาท หรือ 99.95% ตระกูลอัศวโภคิน ปีนี้ตกลงไปอยู่อันดับ 3 โดย 6 เครือญาติ อนันต์ อนุพงษ์ ทรงพล บุญทรง สุดา และอภิชิต ถือครองหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) และ บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP) รวมมูลค่าทั้งสิ้น 21,868.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,753.46 ล้านบาท หรือ 8.72% ตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ได้แก่ กาญจนพาสน์ โดยมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นถึง 1,135.90% หรือ 18,629.49 ล้านบาท จากการถือครองหุ้น บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ของ คีรี และกวิน กาญจนพาสต์ และการถือครองหุ้น บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND) ของอนันต์ และ สาคร กาญจนพาสน์ คิดเป็นมูลค่าหุ้นที่ตระกูลกาญจนพาสน์ถือครองรวมทั้งสิ้น 20,269.56 ล้านบาท ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ปีนี้อยู่ในอันดับ 5 โดยมีเครือญาติในตระกูลที่ติดอันดับเศรษฐีหุ้นมากที่สุดถึง 30 คน ถือครองหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 18,325.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,039.41 ล้านบาท หรือ 37.93% หัวข้อ: Re: เคล็ดลับความรวยของ"ทองมา" เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ ธันวาคม 15, 2010, 07:27:08 PM ดีมานต์ ซัพพลาย สอดคล้องกัน หัวข้อ: Re: เคล็ดลับความรวยของ"ทองมา" เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ ธันวาคม 15, 2010, 07:37:33 PM ผมไปหาอ่านจากกูเกิล บ้านถูกจริงแต่มีคนมาวิจารณ์โครงการบ้านในด้านลบพอสมควร...... ประมาณว่าถูกแล้วดีไม่มีในโลก ;D
|