เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: shah_vip ที่ มกราคม 10, 2011, 09:38:32 PM



หัวข้อ: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: shah_vip ที่ มกราคม 10, 2011, 09:38:32 PM
วันนี้ (10-01-2554 | 18:10)ดู เจาะประเด็น : อุทาหรณ์..เหยื่อกระสุนปีใหม่
http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=121727 (http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=121727)

ช่วงนึง นักข่าวรายงานว่า

"...ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ระบุ ผู้ต้องหาน่าจะเล็งปืนขึ้นฟ้าทำมุม 60 องศา จึงตกได้ระยะไกล และตามทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
เมื่อกระสุนขึ้นไปจุดสูงสุด จะพุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี ความแรงจึงทะลุทะลวง 8-900 ฟุตต่อวินาที อันตรายแทบไม่ต่างจากการเล็งปืนระยะใกล้
โดยเฉพาะปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม ไม่เฉพาะหลังคาสังกะสี แม้แต่หลังคากระเบื้องก็มีสิทธิ์ทะลุ

อันตรายอย่างคาดไม่ถึง ยิ่งน่าห่วง เมื่อพบว่าอาวุธปืน 11 มม.ที่เข้าข่ายอาวุธสงคราม ซึ่งได้รับอนุญาตตีทะเบียนถูกต้อง
อยู่ในความครอบครองของ ชาวบ้านอีกจำนวนมาก เพิ่มความเสี่ยง หากนำมาใช้ผิดประเภท..."

ปืน 11 มม. เป็นปืนที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม อีกแล้วครับ
 ::014::



หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: SSG 69 รักในหลวง ที่ มกราคม 10, 2011, 09:50:27 PM
นิยามของคำว่า...."อาวุธสงคราม"... คืออะไรครับ.


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: outpost 1969 รักในหลวง ที่ มกราคม 10, 2011, 09:52:10 PM
 ::014::สวัสดีครับ ::014::
 
 :OOอ้าว!..เวงกำไม่ต้องแบ ผมยังไม่มีสิบเอ็ดทีนิ อย่าพึ่งมาบ้าจี้เอาตอนนี้นะครับ :OO


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: สาละวิน_รักในหลวง ที่ มกราคม 10, 2011, 10:34:49 PM
 11 มม.เป็นอาวุธสงครามตรงไหน????

 


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: STeelShoTS ที่ มกราคม 10, 2011, 10:39:40 PM
60 องศาไปไกลสุดหรือครับ.... นึกว่า 45....


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: JoeyTank2k ที่ มกราคม 10, 2011, 10:42:57 PM
ผู้เชี่ยวชาญจริงหรือเปล่า??? มุม 60 องศา หลักฟิสิกส์ก็ตกแล้ว
.


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฏฐ์ ที่ มกราคม 10, 2011, 11:20:42 PM
นักข่าวเขารายงาน...แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนไม่รู้เป็นใคร มั่วนิ่ม


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ชอลิ่วเฮียง - รักในหลวง ที่ มกราคม 10, 2011, 11:50:16 PM
เพราะฉนั้น  ต่อไปนี้เราควรจะลดความแรงลงนี้ดดดดด...นึง
ลูกโม่ก็ให้ใช้ .44 แม็กนั่มซะ......ออโต้ก็หันไปใช้ 10 มม. หรือ .41 หรือ .40 แทน.....

 :<><>     :<><>


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: chaiwat_colt.45 ที่ มกราคม 10, 2011, 11:51:54 PM
อาวุธสงครามอีกแล้วครับท่าน ::005::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: วายุ - รักในหลวง ที่ มกราคม 11, 2011, 12:14:20 AM
เอาเข้าไป....


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: "ปุจฉา" ที่ มกราคม 11, 2011, 03:05:39 AM
ผมว่ามันเป็นปัญหาโลกแตกพอๆ กันไก่กับไข่ คนหลายคนอธิบายยังไงก็ ไม่ยากฟังไม่เข้าใจ คิดว่า,เขาว่า, 11มม.เป็น อวป.สงครามอยู่ดี
   ความเข้าใจ,และพอทดลองดูมาบ้างนะครับ ผมว่า11มม.น่ะ อำนาจทะลุทะลวง มันน้อยกว่า พวก 9พาราฯ 38ซุป จากการทดลอง นะเป็นทรรศนะส่วนตัวครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มกราคม 11, 2011, 03:17:51 AM
อาจจะเป็นได้สมัยก่อนช่วงสงครามโลก สงครามเกาหลี และสงครามเวียตนาม  ทหารใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด .45 ACP/ 11MM ร่วมกับอาวุธปืนยาวหลัก
เราๆท่านๆก็คงจะจำกันได้  ไม่ว่าจะภาพถ่าย หรือ ภาพยนต์สารคดี  จะเห็นทหารพกปืนสั้น 11mm บ้างในนั้น   ด้วยเหตุผลนี้ก็อาจจะเป็นได้  ทำให้ท่านผู้ออกกฏหมาย หรือ ท่านที่ใช้คำว่าอาวุธสงครามกับปืนชนิดนี้เป็นครั้งแรกในช่วงนั้น    คิดไปเองว่าเป็นอาวุธสงคราม    นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็เลยติดปาก  และเนื่องจากการที่ด้อยปัญญาเกี่ยวเรื่องอาวุธ   ก็เลยเชื่อไปอย่างผิดๆ   สรุปแล้วก็ เวร.........
(http://www.olive-drab.com/images/id_pistol_m1911_300_11.jpg)
(http://www.olive-drab.com/images/id_pistol_m1911_300_12.jpg)
(http://www.timemoneyandblood.com/images/weapons/american/m-1911Pistol2.jpg)

รูปนี้ในสงครามเวียตนาม

(http://home.comcast.net/~danakamm/1911/vietnam2.jpg)



หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ มกราคม 11, 2011, 03:25:40 AM
ยังดีไม่เจ้ากระทรวงท่านไหน  นึกพิเรนงี่เง่าบอกว่า 9mm เป็นอาวุธสงครามล่ะ เซ็งเป็ดเลยพี่น้อง 5555
อย่าง Beretta M9 / 92F  นี่ไงครับ อิอิ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ดิ โอลดิ์ สยาม ที่ มกราคม 11, 2011, 04:35:06 AM
...งั้นปืนที่บ้านผม คงต้องมอบคืนให้กับทางราชการซะแล้ว....หมดกันพอดี :~) :~) :~)


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ปูนิ่ม ที่ มกราคม 11, 2011, 07:55:05 AM
  อยากเห็นหน้าผู้เชี่ยวชาญจังค่ะ...ว่าหน้าตาเค้าเป็นแบบไหนจะพาไปสแกนสมองดูว่าไร้รอยหยักบนสมองหรือป่าวค่ะ ? ::006::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ธนัท รักในหลวง ที่ มกราคม 11, 2011, 08:16:12 AM
ผู้เชี่ยวชาญประเภทนี้ยังอยู่ในยุคที่เชื่อกันว่าโลกแบน...
ทั้ง ๆ ที่ความเชื่อเปลี่ยนไปตามยุคสมัย....
แต่ตนเองก็ยังคงตะเบง...
ด้วยความที่ตราบใดยังมีคนคอยยกยอชูหางตนว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ... ::010:: ::013::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: แสนสุข ที่ มกราคม 11, 2011, 08:25:50 AM
อีกหน่อย.22LRก็จะเป็นอาวุธสงครามเพราะทหารอิสราเอลเอารูเกอร์10/22มารบกันในเมืองแล้ว ::005::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bigmerit ที่ มกราคม 11, 2011, 08:49:35 AM
ร่วมไว้อาลัยกับวงการนักข่าวบ้านเรา  ( เขียนเนียนประจำ )


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: sopon7 ที่ มกราคม 11, 2011, 08:59:20 AM
ผมโชคดีที่ใช้เป็นขนาด .45 นิ้ว  จึงไม่ใช้อาวุธสงคราม


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: gogoh-รักในหลวง- ที่ มกราคม 11, 2011, 09:00:02 AM
  อยากเห็นหน้าผู้เชี่ยวชาญจังค่ะ...ว่าหน้าตาเค้าเป็นแบบไหนจะพาไปสแกนสมองดูว่าไร้รอยหยักบนสมองหรือป่าวค่ะ ? ::006::
พูดถูกใจผมมากเลยครับพี่ปูนิ่ม555+สะใจ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มกราคม 11, 2011, 09:30:30 AM
ยังดีที่ในข่าวไม่บอกว่าเป็นขนาด .๔๕ มม. หรือ .๑๑ มม. ::005:: ::005:: ::005::



หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: telekbook - รักในหลวง ที่ มกราคม 11, 2011, 09:31:57 AM
บ้านเรา ผู้เชี่ยวชาญ / นักวิชาการเยอะไปหน่อย พูดกันคนละหลายๆคำ ..... หนังสือพิมพ์ก็เหมือนกัน วันนี้ลงข่าวอย่างหนึ่ง พรุ่งนี้เป็นอีกอย่างหนึ่งครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ มกราคม 11, 2011, 09:35:39 AM
ผู้เชี่ยวชาญจริงหรือเปล่า??? มุม 60 องศา หลักฟิสิกส์ก็ตกแล้ว
.

+ ๑  ให้ครับ  .ตกฟิสิกส์ ให้ความเห็นคลาดเคลื่อน อีก   ::005::

วันนี้ (10-01-2554 | 18:10)ดู เจาะประเด็น : อุทาหรณ์..เหยื่อกระสุนปีใหม่
http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=121727 (http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=121727)

ช่วงนึง นักข่าวรายงานว่า

"...ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ระบุ ผู้ต้องหาน่าจะเล็งปืนขึ้นฟ้าทำมุม 60 องศา จึงตกได้ระยะไกล และตามทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
เมื่อกระสุนขึ้นไปจุดสูงสุด จะพุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี ความแรงจึงทะลุทะลวง 8-900 ฟุตต่อวินาที อันตรายแทบไม่ต่างจากการเล็งปืนระยะใกล้
โดยเฉพาะปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม ไม่เฉพาะหลังคาสังกะสี แม้แต่หลังคากระเบื้องก็มีสิทธิ์ทะลุ

อันตรายอย่างคาดไม่ถึง ยิ่งน่าห่วง เมื่อพบว่าอาวุธปืน 11 มม.ที่เข้าข่ายอาวุธสงคราม ซึ่งได้รับอนุญาตตีทะเบียนถูกต้อง
อยู่ในความครอบครองของ ชาวบ้านอีกจำนวนมาก เพิ่มความเสี่ยง หากนำมาใช้ผิดประเภท..."

ปืน 11 มม. เป็นปืนที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม อีกแล้วครับ
 ::014::

หากมองไม่ละเอียด อาจเกิดความเชื่อ แบบมั่ว ๆ ตามมาีได้อีก  ในข้อเท็จจริงนี้ มีทั้งผิด ถูก และมั่ว ปะปนกันอยู่

๑. หัวกระสุนหััวนี้ ข้อเท็จจริง คือต้องไปด้วยมุมทะแยง แต่จะกี่องศา..   อาจทำได้แค่เดาเอา แตไม่ใช่ยิงในแนวดิ่ง

๒. ลักษณะมุมทะแยง เมือถูกแรงดึงดูด หัวกระสุนจะถูกโน้้ม ให้พุ่งหัวลงและไปด้วยความเร็วอันเกิดจากการผลักดันของแก๊ส.. วิถี และความเร็วจะลดลงไป
และตำบลที่หัวกระสุนตก ความเร็วยังอยู่ในระดับที่อันตราย   แต่ไม่ใช่ตกในแนวดิ่ง

กระสุนที่ตกในแนวดิ่ง ที่ขึ้นจากพื้น อย่างหัวกระสุน เมือหมดความเร็ว จักถูกแรงงดึงดูด ดึงมา ไม่มีวิถี และจะมีอัตราความเร็ว คงที่ ที่ ๑๕๐ ฟุต/วินาที
อันตรายจะขึ้นอยู่กับจำนวนน้ำหนัก ของวัตถุนั้น ๆ  ที่ต้องมีน้ำหนักมาก..  

เพียงแค่กระสุนปืนสั้น ผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ สรุป สามารถทำอันตรายได้ แต่ไม่มีแรงทะลุทะลวงที่จะทำให้ถึงตาย  
แต่ด้วยเหตุที่คนที่ยิงปืนขึ้นฟ้า เกือบทั้งหมดจะยิงในมุมทะแยง หัวกระสุนจึงมีความเร็ว มีวิถี ที่เหมือนเล็งยิงจากปากลำกล้องปืน มีแรงทะลุทะลวงอันตรายถึงตาย  
จึงต้องบอกห้ามปราม ไม่ให้ยิงปืนขึ้นฟ้า

๓.ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญอาวุธปืนท่านนี้ นอกจากนี้ มั่ว ครับ  ::006::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: บูรพา ที่ มกราคม 11, 2011, 09:41:14 AM
ผมว่านักข่าวเขาอาจจะไปคุยกับคนที่เขาคิดว่ามีความรู้เรื่องปืนอยู่บ้างแล้วเอามาเขียนโดยอ้างว่ามาจากผู้เชี่ยวชาญ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ มกราคม 11, 2011, 09:53:57 AM
ถูกแค่ว่าไม่ควรยิงปืนขึ้นฟ้า........ซึ่งเป็นเรื่องที่คนในเว็บนี้ทราบกันทุกคน

ดังนั้น ถ้าเรียกบุคคลดังกล่าว่าผู้เชี่ยวชาญ คนในเวบนี้ที่รู้ว่าไม่ควรยิงปืนขึ้นฟ้าก็เป็นผู้เชี่ยวชาญได้ทุกคน

 :D


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: BeEr(รักในหลวง) ที่ มกราคม 11, 2011, 10:02:50 AM
ฉลาดพอๆกับนายทะเบียน


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ไก่เฮง รักในหลวง ที่ มกราคม 11, 2011, 10:05:22 AM
...คงเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารเสริมอ่ะครับ   เรื่องปืนคงไม่ใช่... ;D


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: BeEr(รักในหลวง) ที่ มกราคม 11, 2011, 10:08:30 AM
...คงเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารเสริมอ่ะครับ   เรื่องปืนคงไม่ใช่... ;D

ตกฟิสิกส์แล้ว จะเรียนวิทยาสูงๆด้านอาหารได้หรือครับ  ::007::  คงกินคงสมองฝ่อกันหมด


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: gogoh-รักในหลวง- ที่ มกราคม 11, 2011, 11:25:39 AM
ผมอยากรู้จังว่าพวกนักวิชาเกินที่มั่วแต่พูดๆเขาเคยเอามาทดสอบกันรึป่าวอย่างของต่างประเทศผมเคยดูใน youtube เขาทดสอบกันให้เห็นๆว่ายิงแบบไหนถึงจะอันตราย เมืองไทยมีแต่คนพูดไม่มีคนทำ..ก็เป็นเช่นนี้ละ..เอวังด้วยประการนี้..555+
อนิจจังประเทศไทยคนเก่งมีเยอะแต่โดนพวกผู้ใหญ่หัวโบราณข่มขู่เลยเจริญช้า


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: GUNS N' ROSES ที่ มกราคม 11, 2011, 11:48:37 AM
"...ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ระบุ ผู้ต้องหาน่าจะเล็งปืนขึ้นฟ้าทำมุม 60 องศา จึงตกได้ระยะไกล และตามทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
เมื่อกระสุนขึ้นไปจุดสูงสุด จะพุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี"


สงสัยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ทราบเรื่อง "การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไตล์"
ถ้านึกไม่ออก ก็นึกถึงกีฬาพวก ขว้างจักร ทุ่มน้ำหนัก พุ่งแหลน เป็นต้นครับ
มีอย่างที่ไหน "พุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี" :P


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ มกราคม 11, 2011, 11:50:52 AM
"...ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ระบุ ผู้ต้องหาน่าจะเล็งปืนขึ้นฟ้าทำมุม 60 องศา จึงตกได้ระยะไกล และตามทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
เมื่อกระสุนขึ้นไปจุดสูงสุด จะพุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี"


สงสัยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ทราบเรื่อง "การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไตล์"
ถ้านึกไม่ออก ก็นึกถึงกีฬาพวก ขว้างจักร ทุ่มน้ำหนัก พุ่งแหลน เป็นต้นครับ
มีอย่างที่ไหน "พุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี" :P

+  ให้เป็น แต้มที่ ๕ ครับ..  :D


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ มกราคม 11, 2011, 12:23:48 PM
"...ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ระบุ ผู้ต้องหาน่าจะเล็งปืนขึ้นฟ้าทำมุม 60 องศา จึงตกได้ระยะไกล และตามทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
เมื่อกระสุนขึ้นไปจุดสูงสุด จะพุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี"


สงสัยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ทราบเรื่อง "การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไตล์"
ถ้านึกไม่ออก ก็นึกถึงกีฬาพวก ขว้างจักร ทุ่มน้ำหนัก พุ่งแหลน เป็นต้นครับ
มีอย่างที่ไหน "พุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี" :P

+  ให้เป็น แต้มที่ ๕ ครับ..  :D
แบบว่านั่งเทียนเขียนนะครับ ;D นี่ผมกะว่าถอย .45 มาอีกสักตัว สงสัยจะมีลางณ์ซะแล้ว...


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: หนู@เมืองสิงห์™ - รักในหลวง ที่ มกราคม 11, 2011, 12:36:04 PM
ปีใหม่ที่ผ่านมาผมก็โดนเหมือนกันครับ (ที่ จ.สิงห์บุรี )..

(โชดดีที่นั่งดื่มกันที่ใต้ถุนบ้าน  ไม่งั้นก็..... :<< :<< :<< )


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: HiPer™ ศรีราชา ที่ มกราคม 11, 2011, 01:16:24 PM
ผู้เชียวชาญให้ความเห็นอีกแล้วเหรอครับ 
ผมว่าน่าจะเอาเวลามารณรงค์"หยุดการยิงปืนขึ้นฟ้า"ดีกว่าครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: c.tong - รักในหลวง ที่ มกราคม 11, 2011, 01:31:32 PM
ลูกซอง กับ .22 ก็เป็นอาวุธสงคราม ครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: dhanapol ที่ มกราคม 11, 2011, 01:39:38 PM
 :O.22ก็อาวุธสงครามผมเคยเห็นแบบไฟแชกซิปโป้จุประมาณ2นัดเมื่อประมาณ30กว่าปีมาแล้วช่วงสงครามเวียตนามมีมาก :OO


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: kpai ที่ มกราคม 11, 2011, 02:36:30 PM
ปีใหม่ที่ผ่านมาผมก็โดนเหมือนกันครับ (ที่ จ.สิงห์บุรี )..

(โชดดีที่นั่งดื่มกันที่ใต้ถุนบ้าน  ไม่งั้นก็..... :<< :<< :<< )


ขวัญเอ๋ย ขวัญมาอยู่กับเนื้อกับตัว   ::008::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER SR9 ที่ มกราคม 11, 2011, 02:40:29 PM
ยังไม่มี 11 มม.เลยครับ
แบบนี้จะยิ่งไม่ขออยากกว่าเก่าหรือครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ มกราคม 11, 2011, 02:47:58 PM
ผมเรียนฟิสิกส์มา มุม ๔๕ องศาไปได้ไกลสุดครับ  สงสัยอาจารย์หลายท่านที่สอนผมมาคงไม่เชี่ยวชาญพอครับ   :<< ::014::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: พญาจงอาง +รักในหลวง+ ที่ มกราคม 11, 2011, 03:07:41 PM
"...ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ระบุ ผู้ต้องหาน่าจะเล็งปืนขึ้นฟ้าทำมุม 60 องศา จึงตกได้ระยะไกล และตามทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
เมื่อกระสุนขึ้นไปจุดสูงสุด จะพุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี"


สงสัยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ทราบเรื่อง "การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไตล์"
ถ้านึกไม่ออก ก็นึกถึงกีฬาพวก ขว้างจักร ทุ่มน้ำหนัก พุ่งแหลน เป็นต้นครับ
มีอย่างที่ไหน "พุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี" :P
มั่วและมั่ว ผมสอนฟิสิกส์มา10กว่าปี การเคลื่อนที่วิถีโค้ง(Projectile Motion)ระยะที่วัตถุจะตกไกลที่สุดเมื่อไม่คิดแรงต้านของอากาศจะเป็นไปตามสมการ R=V2sin2มุม/g นั้นคือค่า(Sin2มุม)จะมีค่ามากที่สุดคือ1 หาอินเวิร์สออกมาแล้ว มุมที่ได้คือ45องศา นั้นคือต้องการยิงวัตถุให้ตกไกลที่สุด มุมยิงต้องมีค่าเท่า 45 องศากับแนวระดับ..นักวิชาการจากสถาบันไหนนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั้น สมควรทำอย่างในรูป จะได้สูญพันธุ์จากประเทศนี้ซะที หุหุ  ;D :VOV: ::005:: ::007:: ::006::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: gogoh-รักในหลวง- ที่ มกราคม 11, 2011, 03:15:05 PM
"...ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ระบุ ผู้ต้องหาน่าจะเล็งปืนขึ้นฟ้าทำมุม 60 องศา จึงตกได้ระยะไกล และตามทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
เมื่อกระสุนขึ้นไปจุดสูงสุด จะพุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี"


สงสัยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ทราบเรื่อง "การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไตล์"
ถ้านึกไม่ออก ก็นึกถึงกีฬาพวก ขว้างจักร ทุ่มน้ำหนัก พุ่งแหลน เป็นต้นครับ
มีอย่างที่ไหน "พุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี" :P
มั่วและมั่ว ผมสอนฟิสิกส์มา10กว่าปี การเคลื่อนที่วิถีโค้ง(Projectile Motion)ระยะที่วัตถุจะตกไกลที่สุดเมื่อไม่คิดแรงต้านของอากาศจะเป็นไปตามสมการ R=V2sin2มุม/g นั้นคือค่า(Sin2มุม)จะมีค่ามากที่สุดคือ1 หาอินเวิร์สออกมาแล้ว มุมที่ได้คือ45องศา นั้นคือต้องการยิงวัตถุให้ตกไกลที่สุด มุมยิงต้องมีค่าเท่า 45 องศากับแนวระดับ..นักวิชาการจากสถาบันไหนนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั้น สมควรทำอย่างในรูป จะได้สูญพันธุ์จากประเทศนี้ซะที หุหุ  ;D :VOV: ::005:: ::007:: ::006::
555+ชอบๆครับพี่
R=V2sin2มุม/g นั้นคือค่า(Sin2มุม)จะมีค่ามากที่สุดคือ1 หาอินเวิร์สออกมาแล้ว มุมที่ได้คือ45องศา สูตรนี้ละที่ทำให้ผมปวดหัวตอนเรียนวิศว 55+


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: e20pat ที่ มกราคม 11, 2011, 04:22:46 PM
ปีใหม่ที่ผ่านมาผมก็โดนเหมือนกันครับ (ที่ จ.สิงห์บุรี )..

(โชดดีที่นั่งดื่มกันที่ใต้ถุนบ้าน  ไม่งั้นก็..... :<< :<< :<< )

อยู่แถวใหนครับ ผมก็สิงห์บุรีเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ngongaza ที่ มกราคม 11, 2011, 05:20:27 PM
ติด F ฟิสิกมามั้งครับผู้เชี่ยวชาญคนนี้  ::006::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: tongga ที่ มกราคม 11, 2011, 05:56:49 PM
ฟังแล้วเหนื่อยครับผู้เชี่ยวชาญกับนักข่าวบ้านเราแบบนี้ :(


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: tao bangkhaen ที่ มกราคม 11, 2011, 07:07:47 PM
ปีใหม่ที่ผ่านมาผมก็โดนเหมือนกันครับ (ที่ จ.สิงห์บุรี )..

(โชดดีที่นั่งดื่มกันที่ใต้ถุนบ้าน  ไม่งั้นก็..... :<< :<< :<< )
ก็เนี่ยะละครับ................ฝีมือคนยิงปืน ที่ไม่ใช่พวกเรา
คนเอานิ้วเข้าโกร่งไกปืน แล้วกระตุกไก โดยขอแค่ความมันส์ในอารมณ์นั้น ไม่ใช่พวกคนบ้าอย่างเราหรอกครับ ....
ปีใหม่ที่ผ่านมา ขณะรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านช่วงหัวค่ำ ยังไม่ทันดึกเลย มีเสียงที่แยกไม่ค่อยจะออก ว่า เกิดจากปากกระบอกกระดาษ(พลุ) หรือปากกระบอกเหล็ก (ของเล่นของพวกเรา)  ผมวิ่งตาแหก เข้าบ้านแทบไม่ทัน ....


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: JoeyTank2k ที่ มกราคม 11, 2011, 07:31:30 PM
นี่ดีน่ะที่พวกนี้มันไม่รู้ว่า Navy Seal ใช้ 9 มม. (2 in the chest, 1 in the head)
ไม่งั้นมันจะเหมาเป็นอาวุธสงครามไปอีกด้วยแน่ๆ
.


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: moog-รักในหลวง-รักแผ่นดินไทย ที่ มกราคม 11, 2011, 07:53:24 PM
 ??? ขอความรู้เพิ่มเติมหน่อยครับ พอดีมีของบิดาอยู่กระบอกหนึง(มรดก) ไอ้ปืนขนาด .45 ACP หรือเรียกกันติดปากชาวบ้านว่า 11 มม.นะถ้าเรายิงในระดับแนวราบมันจะไปได้ไกลถึง 1 กิโลหรือเปล่าครับ แล้วถ้ายิงขึ้นฟ้าโดยทำมุมต่างๆ(45,60,หรือมุมอื่นๆ)วิถีกระสุนจะไปได้ไกลกว่ายิงแนวราบหรือเปล่าครับ เพราะผมจำไม่ได้ว่าที่เด็กต้องมาเสียชีวิตด้วยกระสุนขนาด 11 มม.เนี้ยเขาอยู่ห่างจากบ้านคนยิงกี่กิโลคับ ใครช่วยไขข้อข้องใจหน่อยครับ  ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Marcuechio ที่ มกราคม 11, 2011, 08:06:33 PM
วันนี้ (10-01-2554 | 18:10)ดู เจาะประเด็น : อุทาหรณ์..เหยื่อกระสุนปีใหม่
http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=121727 (http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=121727)

ช่วงนึง นักข่าวรายงานว่า

"...ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ระบุ ผู้ต้องหาน่าจะเล็งปืนขึ้นฟ้าทำมุม 60 องศา จึงตกได้ระยะไกล และตามทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
เมื่อกระสุนขึ้นไปจุดสูงสุด จะพุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี ความแรงจึงทะลุทะลวง 8-900 ฟุตต่อวินาที อันตรายแทบไม่ต่างจากการเล็งปืนระยะใกล้
โดยเฉพาะปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม ไม่เฉพาะหลังคาสังกะสี แม้แต่หลังคากระเบื้องก็มีสิทธิ์ทะลุ

อันตรายอย่างคาดไม่ถึง ยิ่งน่าห่วง เมื่อพบว่าอาวุธปืน 11 มม.ที่เข้าข่ายอาวุธสงคราม ซึ่งได้รับอนุญาตตีทะเบียนถูกต้อง
อยู่ในความครอบครองของ ชาวบ้านอีกจำนวนมาก เพิ่มความเสี่ยง หากนำมาใช้ผิดประเภท..."

ปืน 11 มม. เป็นปืนที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม อีกแล้วครับ
 ::014::




เอามาจากไหนหรือ คับ เท่าที่ผมทราบมานะครับ หลักฟิสิกส์ เมือ่เรายิง ขึ้นฟ้าหรือ ปาหิน ขึ้นฟ้า เรา ปาออกไปหรือยิงออกไป ด้วยความแรงแค่ไหน มันจะ ตก ลงมาถึงจุดที่เราปา หรือ ยิงออกไป ด้วย ความเร็วและแรงที่เท่ากัน ครับ แต่ นี่คือ ทฤษฎี แรงโน้มถ่วง โดยไม่คิด แรงต้าน ของอากาศ และ แรงต้านของ ความชื้นในอากาศ และอีกอย่างครับ ของที่ปาหรือ ยิงไปข้างหน้า จะได้ระยะทางที่ไกลที่ สุดคือต้องทำมุมกับ พื้นระนาบ ที่ 45 องศา ครับ  หรือ จะได้ค่า ระยะทาง    ระยะทาง = ความเร็วที่ยิงออกไป X กับเวลาที่ลอยอยู่ในอากาศ  ซึ้ง เมือ่   s=vt จะได้ค่า ระยะทางมากที่สุดต้องเป็น  s= V x  cos 45' x t  ครับ  พูดง่ายๆ ครับ ถ้า เรายิงอะไรก็ตามออกไป ด้วยความเร็วเท่าไร มันจะตกลงมาด้วย ความเร็วที่ลดลงกว่าเดิมนิดหน่อยเนื่อง จากแรงต้านจากอากาศ ตอนออกจาปากกระบอกปืน แล้วไปถึงจุดสูงสุด จะได้ระยะทาง ลดลงจากที่ควรจะเป้น และตอนมันยอ้ยกลับลงมาก็จะเจอกับแรงต้านจากอากาศอีกที ทำให้ สูญเสียพลังงานไปอีกครับ แต่ยังไงถ้าโดน ก็ตายเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะยิงออกจาก ปืนกระบอกไหน ขนาดเท่าไร ครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: sopon7 ที่ มกราคม 11, 2011, 08:12:02 PM
 ขอนอกเรื่องหน่อยครับ  ::014::
 หน่อยงานผม ได้รับโทรศัพท์จากต่างจังหวัด 3  รายแล้ว   บอกว่าข่าวออกที่ช่อง 7  มะนาวจังหวัดกำแพงเพชรเหลือกิโลกรัมละ 1 บาท  จริงหรือเปล่าจะได้รับไปขาย   ( เพื่อนสมาชิกบางท่านคงได้ยินข่าวนี้....)   ผู้สื่อข่าวช่องนี้คงมีแต่ผู้เชียวชาญ   จริง ๆ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: BIG BERETTA ที่ มกราคม 11, 2011, 09:23:19 PM
          :D  เอาง่ายๆครับ ไปนอกบ้าน เปิดก๊อกน้ำที่มีสายยางต่อ บีบปลายสายยางเล็กน้อยไห้น้ำพุ่งไปไกลๆ  องศาที่น้ำไปได้ไกลที่สุดคือ45 องศาครับ เอาไม้โปรเต๊กเตอร์แบบที่ตอนเด็กๆเราเคยขอตังคุณแม่ไปซื้อแล้วบอกท่านว่าอันละสามร้อย   ::008::ไปลองวัดดูก็ได้   ;D


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: moog-รักในหลวง-รักแผ่นดินไทย ที่ มกราคม 11, 2011, 09:55:42 PM
          :D  เอาง่ายๆครับ ไปนอกบ้าน เปิดก๊อกน้ำที่มีสายยางต่อ บีบปลายสายยางเล็กน้อยไห้น้ำพุ่งไปไกลๆ  องศาที่น้ำไปได้ไกลที่สุดคือ45 องศาครับ เอาไม้โปรเต๊กเตอร์แบบที่ตอนเด็กๆเราเคยขอตังคุณแม่ไปซื้อแล้วบอกท่านว่าอันละสามร้อย   ::008::ไปลองวัดดูก็ได้   ;D
โฮ้..อธิบายซะเห็นภาพเลยครับ(ภาพตอนขอตังค์แม่ไปซื้อไม้โปร) แสดงว่าถ้ายิงในแนวระนาบกระสุนจะพุ่งย้อยลงตามแรงดึงดูดของโลกเร็วกว่ายิงด้วยวิถีโค้งฉนั้นระยะทางแนวระนาบจะมีระยะทางใกล้กว่ายิงด้วยวิถีโค้ง ถูกต้องหรือเปล่าครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bm38spl ที่ มกราคม 12, 2011, 12:38:28 AM
พอมีเรื่องก็เป็น อาวุธสงคราม ทันที
ตอนไม่มี ก็ 11 ปกติ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: bm38spl ที่ มกราคม 12, 2011, 12:41:22 AM
สงครามเข้าไป


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: เอ.เค. ที่ มกราคม 12, 2011, 07:59:04 AM


กระสุนที่ตกในแนวดิ่ง ที่ขึ้นจากพื้น อย่างหัวกระสุน เมือหมดความเร็ว จักถูกแรงงดึงดูด ดึงมา ไม่มีวิถี และจะมีอัตราความเร็ว คงที่ ที่ ๑๕๐ ฟุต/วินาที


ขออนุญาตครับ  จากหลักฟิสิกส์

ความเร็วปลาย = ความเร็วต้น + (ความเร่ง x เวลา)
(V = U + at)

เมื่อยิงปืนขึ้นฟ้าไปจนหมดแรงส่งแล้วหัวกระสุนเริ่มวกกลับตามแรงดึงดูดโลก
ณ จุดนั้น ความเร็วต้น (U) = 0 ม./วินาที
โดยมีความเร่ง (a) = 9.81 ม./วินาที^2  ตามแรงดึงดูดโลก(g)
ดังนั้นความเร็วปลาย(V) จึงแปรผันตามระยะเวลาที่หัวกระสุนลอยอยู่ในอากาศครับ
ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางที่หัวกระสุนลอยขึ้นไปนั่นเอง  ยิ่งลอยขึ้นไปสูงยิ่งมีความเร็วที่จุดตกสูง

ทีนี้มาดูแรงที่กระทบ จากสูตร P = MV
P = แรง
M = มวล(น้ำหนัก)
V = ความเร็ว

ก็ลองคำนวณดูครับว่ากระสุนขนาดใดจะตกกระทบเป้าหมายได้แรงกว่ากัน

และเมื่อหัวกระสุนกระทบเป้าหมายแล้ว ลองดูพื้นที่หน้าตัดที่รับแรงด้วยว่าพื้นที่หน้าตัดที่รับแรง ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของหัวกระสุน
ถ้าสัมผัสเต็มหน้าตัดกระสุน ยิ่งพื้นที่หน้าตัดมาก ก็จะกระจายแรงได้มาก (แต่ผมว่าพื้นที่หน้าตัดมันต่างกันนิดเดียว น่าจะมีผลกระทบน้อย)
แล้วก็มาดูวัตถุที่ถูกกระทบว่าสามารถรับแรงได้แค่ไหน กี่ ksc. เป็นต้น

นอกเรื่องมาไกล ขออภัย


ปล. ผมเคยเห็นคุณวิช7สี เป็นสมาชิกอยู่ ไม่ทราบจำผิดหรือเปล่า  ถ้าไม่ผิด รบกวนแจ้งฝ่ายข่าวให้ทำความเข้าใจกับอาวุธสงครามให้ด้วยครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: พญาจงอาง +รักในหลวง+ ที่ มกราคม 12, 2011, 08:53:51 AM
P=MV ไม่ใช่แรงกระทบครับ เป็นค่าโมเมนตัมหรือการดล(Impule) ถ้าแรงกระทบต้องเอาเวลาที่วัตถุตกกระทบหารค่าโมเมนตัมหรือการดลอีกที เวลาที่วัตถุเคลื่อนที่ถึงจุดสูงสุด เราหาได้ถ้าเรารู้ความเร็วที่ออกจากปลายลำกล้อง(ใช้เครื่องวัด) เวลาที่ขึ้นกับเวลาที่ลงจะเท่ากัน ถ้าเรารู้เวลาที่ขึ้นเราก็รู้เวลาที่ตกได้ นั้นคือความเร็วที่ตกกระทบพื้นใช้สมการนี้ (V = U + at);D ::014::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ มกราคม 12, 2011, 08:57:00 AM


กระสุนที่ตกในแนวดิ่ง ที่ขึ้นจากพื้น อย่างหัวกระสุน เมือหมดความเร็ว จักถูกแรงงดึงดูด ดึงมา ไม่มีวิถี และจะมีอัตราความเร็ว คงที่ ที่ ๑๕๐ ฟุต/วินาที


ขออนุญาตครับ  จากหลักฟิสิกส์

ความเร็วปลาย = ความเร็วต้น + (ความเร่ง x เวลา)
(V = U + at)

เมื่อยิงปืนขึ้นฟ้าไปจนหมดแรงส่งแล้วหัวกระสุนเริ่มวกกลับตามแรงดึงดูดโลก
ณ จุดนั้น ความเร็วต้น (U) = 0 ม./วินาที
โดยมีความเร่ง (a) = 9.81 ม./วินาที^2  ตามแรงดึงดูดโลก(g)
ดังนั้นความเร็วปลาย(V) จึงแปรผันตามระยะเวลาที่หัวกระสุนลอยอยู่ในอากาศครับ
ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางที่หัวกระสุนลอยขึ้นไปนั่นเอง  ยิ่งลอยขึ้นไปสูงยิ่งมีความเร็วที่จุดตกสูง

ทีนี้มาดูแรงที่กระทบ จากสูตร P = MV
P = แรง
M = มวล(น้ำหนัก)
V = ความเร็ว

ก็ลองคำนวณดูครับว่ากระสุนขนาดใดจะตกกระทบเป้าหมายได้แรงกว่ากัน

และเมื่อหัวกระสุนกระทบเป้าหมายแล้ว ลองดูพื้นที่หน้าตัดที่รับแรงด้วยว่าพื้นที่หน้าตัดที่รับแรง ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของหัวกระสุน
ถ้าสัมผัสเต็มหน้าตัดกระสุน ยิ่งพื้นที่หน้าตัดมาก ก็จะกระจายแรงได้มาก (แต่ผมว่าพื้นที่หน้าตัดมันต่างกันนิดเดียว น่าจะมีผลกระทบน้อย)
แล้วก็มาดูวัตถุที่ถูกกระทบว่าสามารถรับแรงได้แค่ไหน กี่ ksc. เป็นต้น

นอกเรื่องมาไกล ขออภัย


ปล. ผมเคยเห็นคุณวิช7สี เป็นสมาชิกอยู่ ไม่ทราบจำผิดหรือเปล่า  ถ้าไม่ผิด รบกวนแจ้งฝ่ายข่าวให้ทำความเข้าใจกับอาวุธสงครามให้ด้วยครับ


ขอบคุณมากครับ  :D

แต่ตรงที่ผมแถบสี อยากให้ทบทวนตรงนี้ นิดนึง ครับ.  ::014::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ มกราคม 12, 2011, 09:48:32 AM
ใช้  Ep = mgh   หาพลังงานได้รึเปล่าครับ   ::014::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: พญาจงอาง +รักในหลวง+ ที่ มกราคม 12, 2011, 12:30:24 PM
ใช้  Ep = mgh   หาพลังงานได้รึเปล่าครับ   ::014::
หาได้ครับ ถ้าเรารู้ความสูงของลูกปืนที่ขึ้นไป เป็นค่าพลังงานศักย์โน้มถ่วง(Potential Gravitational Energy) สมการนี้แปรตรงกับความสูงจากจุดอ้างอิง(h) ยิงสูง ค่า Ep ยิ่งมาก เช่นถังน้ำประปา สูงเท่าไหลแรงดันของน้ำก็ยิ่งแรง ;D :VOV:


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Rath72 รักในหลวง ที่ มกราคม 12, 2011, 01:47:14 PM


กระสุนที่ตกในแนวดิ่ง ที่ขึ้นจากพื้น อย่างหัวกระสุน เมือหมดความเร็ว จักถูกแรงงดึงดูด ดึงมา ไม่มีวิถี และจะมีอัตราความเร็ว คงที่ ที่ ๑๕๐ ฟุต/วินาที


ขออนุญาตครับ  จากหลักฟิสิกส์

ความเร็วปลาย = ความเร็วต้น + (ความเร่ง x เวลา)
(V = U + at)

เมื่อยิงปืนขึ้นฟ้าไปจนหมดแรงส่งแล้วหัวกระสุนเริ่มวกกลับตามแรงดึงดูดโลก
ณ จุดนั้น ความเร็วต้น (U) = 0 ม./วินาที
โดยมีความเร่ง (a) = 9.81 ม./วินาที^2  ตามแรงดึงดูดโลก(g)
ดังนั้นความเร็วปลาย(V) จึงแปรผันตามระยะเวลาที่หัวกระสุนลอยอยู่ในอากาศครับ
ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางที่หัวกระสุนลอยขึ้นไปนั่นเอง  ยิ่งลอยขึ้นไปสูงยิ่งมีความเร็วที่จุดตกสูง

ทีนี้มาดูแรงที่กระทบ จากสูตร P = MV
P = แรง
M = มวล(น้ำหนัก)
V = ความเร็ว

ก็ลองคำนวณดูครับว่ากระสุนขนาดใดจะตกกระทบเป้าหมายได้แรงกว่ากัน

และเมื่อหัวกระสุนกระทบเป้าหมายแล้ว ลองดูพื้นที่หน้าตัดที่รับแรงด้วยว่าพื้นที่หน้าตัดที่รับแรง ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของหัวกระสุน
ถ้าสัมผัสเต็มหน้าตัดกระสุน ยิ่งพื้นที่หน้าตัดมาก ก็จะกระจายแรงได้มาก (แต่ผมว่าพื้นที่หน้าตัดมันต่างกันนิดเดียว น่าจะมีผลกระทบน้อย)
แล้วก็มาดูวัตถุที่ถูกกระทบว่าสามารถรับแรงได้แค่ไหน กี่ ksc. เป็นต้น

นอกเรื่องมาไกล ขออภัย


ปล. ผมเคยเห็นคุณวิช7สี เป็นสมาชิกอยู่ ไม่ทราบจำผิดหรือเปล่า  ถ้าไม่ผิด รบกวนแจ้งฝ่ายข่าวให้ทำความเข้าใจกับอาวุธสงครามให้ด้วยครับ


ผมเคยอ่านกระทู้ที่มีการวิเคราะห์ในเรื่องนี้อย่างละเอียดยิบแล้ว รวมทั้งมีวีดีโอสารคดีประกอบในการวิเคราะห์ด้วย

ถ้าจำไม่ผิด กระทู้นั้นพี่ R@ad จะเป็นผู้วิเคราะห์กระมังครับ

ผลปรากฏว่า การยิงขึ้นในแนวตรง 90 องศา หัวกระสุนตกลงมา ความเร็วปลายจะไม่ได้เท่าความเร็วต้นเนื่องจากหัวกระสุนสูญเสียขีปนวิถีไปแล้ว และหัวกระสุนจะตกลงมาด้วยความเร็วคงที่เนื่องจากแรงต้านของมวลอากาศ อย่างที่พี่ R@ad ว่าครับ

ถ้าอ่านกระทู้นั้นแล้วจะหมดข้อสงสัยในเรื่องนี้ทันทีครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Iamshootinghere ที่ มกราคม 12, 2011, 02:51:43 PM
 :D :D :D โอ้ ฟิสิกส์ ม. ปลาย ไม่ได้เจอซะนาน ขออณุญาตแจมด้วยนะครับ  ;)

"ความเร็วขาขึ้น = ความเร็วขาลง" Assumption นี้จะถูกต้องถ้ายังไม่ถึง terminal velocity นะครับ ถ้าถึงแล้ว assumption นี้จะผิดทันที

Object จะถูกแรงดึงดูดกระทำตั้งแต่อยู่บนพื้น กำลังขึ้น ถึงจุดสูงสุด และขณะกำลังลงครับ ไม่ใช่เฉพาะเวลาใดเวลานึง อัตราเร่งของมันจึงเป็นที่ประมาณ 9.81 m/s^2 ลงมายังพื้นโลกตลอดเวลาครับ เมื่อ object ขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว ก็จะตกลงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทิดทางสู่พื้นโลก แต่ความเร็วจะลดลงเรื่อยๆเช่นกันจากแรงต้านของอากาศ จนมันสร้างแรงต้านอากาศได้เท่ากับ แรงดิ่งของมัน มันก็จะรักษาความเร็วคงที่ของมันได้ที่ terminal velocity และจะตกลงมาด้วยความเร็วคงที่นั้นๆ (จริงๆแล้วจะค่อยๆลดลงเล็กน้อย เนี่องจากยิ่งใกล้ระดับน้ำทะเลมากขึ้น ความหนาแน่นอากาศก็จะเพิ่มขึ้น)

Potential Energy (PE, Ep) คือพลังงานสะสมของ object นั้นๆ ที่ความสูงนั้นๆครับ พลังงานที่ส่งผ่าน (transfer) คือ Kinetic Energy (KE, Ek) ครับ

อีกนิดนึง ในเนื้อหาข่าว มันเขียนไว้ว่า "...ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ระบุ ผู้ต้องหาน่าจะเล็งปืนขึ้นฟ้าทำมุม 60 องศา จึงตกได้ระยะไกล " เฉพาะตรงนี้ เขาหมายถึงมันมีระยะที่ไกลกว่าการยิงขึ้นฟ้าในแนวตรงรึเปล่าครับ ไม่ได้หมายถึงว่ายิงที่มุม 60 องศาเลยไปได้ไกลที่สุด  ::014::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: นายรัก-รักในหลวง- ที่ มกราคม 12, 2011, 03:38:01 PM
"...ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ระบุ ผู้ต้องหาน่าจะเล็งปืนขึ้นฟ้าทำมุม 60 องศา จึงตกได้ระยะไกล และตามทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
เมื่อกระสุนขึ้นไปจุดสูงสุด จะพุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี"


สงสัยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ทราบเรื่อง "การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไตล์"
ถ้านึกไม่ออก ก็นึกถึงกีฬาพวก ขว้างจักร ทุ่มน้ำหนัก พุ่งแหลน เป็นต้นครับ
มีอย่างที่ไหน "พุ่งตกลงมาเป็นแนวดิ่งทุกกรณี" :P
มั่วและมั่ว ผมสอนฟิสิกส์มา10กว่าปี การเคลื่อนที่วิถีโค้ง(Projectile Motion)ระยะที่วัตถุจะตกไกลที่สุดเมื่อไม่คิดแรงต้านของอากาศจะเป็นไปตามสมการ R=V2sin2มุม/g นั้นคือค่า(Sin2มุม)จะมีค่ามากที่สุดคือ1 หาอินเวิร์สออกมาแล้ว มุมที่ได้คือ45องศา นั้นคือต้องการยิงวัตถุให้ตกไกลที่สุด มุมยิงต้องมีค่าเท่า 45 องศากับแนวระดับ..นักวิชาการจากสถาบันไหนนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั้น สมควรทำอย่างในรูป จะได้สูญพันธุ์จากประเทศนี้ซะที หุหุ  ;D :VOV: ::005:: ::007:: ::006::
เอ ผมอ่านในกระทู้ของเว็ปเรานี่แหล่ะ ท่านผู้รู้ของเราเคยกล่าวใว้ว่า (ขออภัยผมจำนามของท่านไม่ได้) เมื่อยิงทำมุม 45 องศา ไปได้ไม่ไกลเท่า ยิงทำมุม 30 องศาเนื่องจาก ลูกกระสุนจะถูกดึงต่ำลงจากแรงโน้มถ่วงของโลก และแรงต้านอากาศครับ  ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Marcuechio ที่ มกราคม 12, 2011, 06:14:22 PM


กระสุนที่ตกในแนวดิ่ง ที่ขึ้นจากพื้น อย่างหัวกระสุน เมือหมดความเร็ว จักถูกแรงงดึงดูด ดึงมา ไม่มีวิถี และจะมีอัตราความเร็ว คงที่ ที่ ๑๕๐ ฟุต/วินาที


ขออนุญาตครับ  จากหลักฟิสิกส์

ความเร็วปลาย = ความเร็วต้น + (ความเร่ง x เวลา)
(V = U + at)

เมื่อยิงปืนขึ้นฟ้าไปจนหมดแรงส่งแล้วหัวกระสุนเริ่มวกกลับตามแรงดึงดูดโลก
ณ จุดนั้น ความเร็วต้น (U) = 0 ม./วินาที
โดยมีความเร่ง (a) = 9.81 ม./วินาที^2  ตามแรงดึงดูดโลก(g)
ดังนั้นความเร็วปลาย(V) จึงแปรผันตามระยะเวลาที่หัวกระสุนลอยอยู่ในอากาศครับ
ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางที่หัวกระสุนลอยขึ้นไปนั่นเอง  ยิ่งลอยขึ้นไปสูงยิ่งมีความเร็วที่จุดตกสูง

ทีนี้มาดูแรงที่กระทบ จากสูตร P = MV
P = แรง
M = มวล(น้ำหนัก)
V = ความเร็ว

ก็ลองคำนวณดูครับว่ากระสุนขนาดใดจะตกกระทบเป้าหมายได้แรงกว่ากัน

และเมื่อหัวกระสุนกระทบเป้าหมายแล้ว ลองดูพื้นที่หน้าตัดที่รับแรงด้วยว่าพื้นที่หน้าตัดที่รับแรง ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของหัวกระสุน
ถ้าสัมผัสเต็มหน้าตัดกระสุน ยิ่งพื้นที่หน้าตัดมาก ก็จะกระจายแรงได้มาก (แต่ผมว่าพื้นที่หน้าตัดมันต่างกันนิดเดียว น่าจะมีผลกระทบน้อย)
แล้วก็มาดูวัตถุที่ถูกกระทบว่าสามารถรับแรงได้แค่ไหน กี่ ksc. เป็นต้น

นอกเรื่องมาไกล ขออภัย


ปล. ผมเคยเห็นคุณวิช7สี เป็นสมาชิกอยู่ ไม่ทราบจำผิดหรือเปล่า  ถ้าไม่ผิด รบกวนแจ้งฝ่ายข่าวให้ทำความเข้าใจกับอาวุธสงครามให้ด้วยครับ


ขอบคุณมากครับ  :D

แต่ตรงที่ผมแถบสี อยากให้ทบทวนตรงนี้ นิดนึง ครับ.  ::014::


จากเว็ปปืน กลายมาเป็นเว็ป สอน ฟิสิกส์ ซะแล้ว ฮ่าๆ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: cz_dee *รักในหลวง ที่ มกราคม 12, 2011, 08:34:27 PM
ผมอยากมีอาวุธสงครามจัง :<<


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Sutt ที่ มกราคม 13, 2011, 03:56:24 PM
ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ แต่เป็นความเห็นที่แตกต่างออกไปบ้าง ผิดถูกช่วยชี้แนะด้วยครับ

- จากการพิจารณา ขีปนวิถีจริงจะมีแรงต้านอากาศ(drag force) มาเกี่ยวด้วย ซึ่งแรงดังกล่าวแปรตามลักษณะกายภาพของหัวกระสุน (drag coefficient; Cd) ความหนาแน่นของอากาศ และความเร็ว (relative velocity) ยกกำลังสอง
- หมายความว่ายิ่งความเร็วสูงจะเจอกับแรงต้านมากทวีคูณ(ยกกำลังสอง)  ??? ??? แต่หลังจากความเร็วลดลงแรงนี้จะลดตาม
- แรงนี้เองจะทำให้ความเร็วในแนวระนาบ(และแนวดิ่ว)ลดลงอย่างรวดเร็ว (F=ma)

1. หาก Cd และ air density กับมีเวลามากพอ จะทำให้ความเร็วในแนวราบเหลือน้อยมาก ซึ่งอาจทำให้หัวกระสุนตกลงมาใกล้เคียงแนวดิ่ง  :D :D ??!!?!

2. สำหรับแนวดิ่งจริงในช่วงตกลงมา หัวกระสุนจะเพิ่มความเร็วขึ้นจนถึงความเร็วหนึ่ง terminal Velocity ซึ่งเป็นจุดสมดุลที่ drag force เท่ากับ แรงโน้มถ่วงของโลก แล้วจะตกลงมาด้วยความเร็วคงที่ค่าหนึ่ง (ขึ้นกับ drag force และน้ำหนักหัวกระสุน)  ;) :)

จึงมีความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่หัวกระสุน (ที่มี Cd มากพอ) จะตกลงมาใกล้เคียงกับแนวดิ่งในเกือบทุกมุมยิง ลองขยำกระดาษเป็นก้อนหลวมๆแล้วขว้าง ตอนตกจะตกเกือบจะเป็นแนวดิ่ง

หมายเหตุ : ผมลองพยายามคำนวณให้ได้ค่าออกมาทำได้ยากมากเนื่องจาก แรงเปลี่ยนแปลงตลอด ทำให้ ความเร่งเปลี่ยนในจุดต่อจุด ต้องใช้วิธีแก้สมการเชิงอนุพันธ์    :P :P ซึ่งผมส่งกลับคืนอาจารย์ไปเรียบร้อยแล้ว  ;D ;D ;D แหะ แหะ ลืมไปแล้ว ครับ  ::008:: ::008::

 :o :o แต่ผมไม่ใช่"ผู้ชำนาญการ" คนนั้นนะครับ  ;D :D ;D ;)


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Rath72 รักในหลวง ที่ มกราคม 14, 2011, 02:45:27 PM
ใบป.4 ของผมระบุว่า อนุญาตให้มี .45 ไว้ เพื่อการกีฬา

แสดงว่านายทะเบียนบ้านเราใจถึงมาก อนุญาตให้ชาวบ้านเอาอาวุธสงครามไปเล่นกีฬา  ;D


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: iamjass ที่ มกราคม 14, 2011, 03:33:26 PM
11 จ้า เจ้าห่างไกลข้าออกไปทุกที  T..T


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: kwanpun ที่ มกราคม 14, 2011, 08:46:56 PM
แล้ว barratta 92 fs  ramington 870 ที่ สหรัฐใช้ในสมรถูมิเข้าข่ายหมดเลย ประชาชนเซ็งครับนาย..........


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: มะนาวโห่(ฮิ้ว) ที่ มกราคม 14, 2011, 11:19:17 PM
ผู้เชี่ยวชาญจริงหรือเปล่า??? มุม 60 องศา หลักฟิสิกส์ก็ตกแล้ว
.

+1  เอาใจไปเลยคร๊าบ ::005::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ultraman Taro #รักในหลวง# ที่ มกราคม 14, 2011, 11:24:26 PM
ผู้เชี่ยวชาญด้านการมั่ว


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: STeelShoTS ที่ มกราคม 14, 2011, 11:45:08 PM
 จ้า... บอกว่า 60 ก็ 60 ซิ.... จะมาเถียงผู้ชำนาญการเรื่องอาวุธปืนได้เยี่ยงไร..........
 ......... ปืน 11 มอมอ..เป็นอาวุธสงครามนะ ตำรวจขอมา ผมยังไม่กล้าอนุญาโตตุลาการเลย..เอ้ย อนุญาตเลย...

       ...... ก่อนออกจากห้อง บริจาคค่าซ่อมประตูหน่อยนะ ขวิดซะวงกบหลุดไปเลย.........














หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: rung ที่ มกราคม 16, 2011, 11:20:56 PM
ไม่มีความรู้ด้านฟิสิกส์เลยครับ อยากทราบว่ากระสุน.45 ซึ่งความเร็วปกติ ::014::ประมาณ8-900 ฟุต/วินาที ถ้ายิงทำมุม 90 องศา หรือ 60 หรือ30 องศา
 ความเร็วของกระสุนตกจากการยิงขึ้นฟ้าจะเหลือ กี่ฟุต/วินาที ครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ มกราคม 17, 2011, 11:32:13 AM
ไม่มีความรู้ด้านฟิสิกส์เลยครับ อยากทราบว่ากระสุน.45 ซึ่งความเร็วปกติ ::014::ประมาณ8-900 ฟุต/วินาที ถ้ายิงทำมุม 90 องศา หรือ 60 หรือ30 องศา
 ความเร็วของกระสุนตกจากการยิงขึ้นฟ้าจะเหลือ กี่ฟุต/วินาที ครับ

ในมุม ๙๐ องศา ความเร็วของวัตถุที่ตกสู่พื้นโลก ถ้าเพราะเแรงดึงดูดเพียงอย่างเดียว จะมีอากาศเป็นตัวต้านความเร็ว เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง
จะัมีความเร็วที่ ๑๕๐ ฟุต/วินาที.. ไม่เร็วไปกว่านี้อีกแล้ว  ไม่ใช่ ยิ่งสูง ยิ่งเร็ว  ครับ ..
อันตรายจึงขึ้นอยู่กับ ขนาด และ้ำน้ำหนัก หรือลักษณะของวัตถุที่ตกใส่ แหลม แบน ทู่

ส่วนในมุมทะแยง จะกีองศาใดก็ตาม  กระสุนไปด้วยความเร็วของแก๊สจากดินปืน เมื่อความเร็วลดลง เพราะอากาศต้าน ใกล้-ไกล จึงผกผันกับแรงดึงดูด
เส้นทางจะไปแบบวิถีโค้ง ขณะตกถึงพื้นดิน ที่ืเรียกว่าตำบลกระสุนตก  จึงยังมีความเร็ว และมีวิถีเป็นของตนเอง  เพียงแต่สู้แรงดึงดูดที่โน้มลงมาไม่ได้
หัวกระสุนจึงทิ่มลงพื้น ซะก่อน  ที่จะหมดความเร็ว

ฉะนั้น อะไรมาขวาง ย่อมได้รับอันตราย เจ็บ-ตาย  ได้แน่นอน ครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: songchai_n ที่ มกราคม 17, 2011, 10:35:59 PM
โอ เรามีอาวุธสงครามในครอบครองด้วยหรือนี่ กำเลยตู  ;D ;D ;D งั้นเวลายึดคืนผมขอ อาวุธสำหรับประชาชน .44 เก็บไว้นะครับนาย  ::011:: ::011::


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: D-LUFFY ที่ มกราคม 18, 2011, 10:39:22 AM
ผมไม่เชี่ยวชาญเรื่องคำนวนครับแต่มีเรื่องความเร็วของกระสุนมาให้คำนวนครับ
หากถามผู้ใช้อาวุธปืนไม่ว่าจะเป็นการยิงเพื่อการกีฬา หรือเพื่อการป้องกันตัวว่า"กระสุนในดวงใจ"ของแต่ละคนนั้นคือขนาดใด ให้เลือกมา 2 คำตอบ เชื่อว่ากว่า 99 เปอร์เซ็นต์จะต้องมีกระสุนขนาด .45 เอซีพี อยู่ในคำตอบนั้นด้วย เป็นขนาดกระสุนที่นักนิยมปืนเกือบทุกคนพยายามเหลือเกินที่จะแสวงหามาไว้ในครอบครองอย่างน้อยก็สักกระบอกหนึ่ง กระสุนขนาดนี้มีอานุภาพแค่ไหน? ทำไมทุกคนถึงอยากได้ไว้ในครอบครอง ยังมีความเร้นลับและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกระสุนขนาดนี้อีกมากมาย อะไรคือข้อเท็จจริง...ต่อไปนี้คือคำตอบ
    กระสุนที่มีหน้าตัดขนาด .45 นิ้วถูกนำมาใช้ครั้งแรกกับโค้ลท์ ซิงเกิ้ล แอ็คชั่น อาร์มี่ เอ็ม 1873 หรือที่รู้จักกันดีในอีกชื่อหนึ่งว่าโค้ลท์ พี๊ซเมคเก้อร์(Colt Peacer Maker)ผลงานของแซมมวล โค้ลท์(Samuel Colt)ชาวสหรัฐฯซึ่งมีชีวิตอยู่ระหว่างปีค.ศ. 1814-1862 เรียกว่า .45 ลองโค้ลท์ เป็นแบบมีขอบหรือ"ริมเมด"(Rimmed)ออกแบบขึ้นมาในปีค.ศ. 1872 น้ำหนักหัวกระสุน 250 เกรน ความเร็วต้น 860 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 420 ฟุต/ปอนด์ ยุคแรกใช้ดินขับแบบดินดำหรือ"แบล็ค เพาเด้อร์"(Black Powder) ก่อนเปลี่ยนมาเป็นดินขับไนโตร(Nitro-powder) 
 ในปีค.ศ.1900 กองทัพบกสหรัฐฯก็ปลดประจำการเอ็ม 1973 นำโค้ลท์ ดับเบิ้ล แอ็คชั่น .38 ลองโค้ลท์เข้าประจำการแทน เนื่องจากมีความเห็นว่าเป็นปืนที่มีน้ำหนักมาก การบรรจุและการคายปลอกกระสุนเชื่องช้าไม่ทันต่อการต่อสู้ แต่ในปีเดียวกันนั้นกองทัพบกสหรัฐฯก็ได้รับบทเรียนอันเจ็บปวด และกลายเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญยิ่งของโลกอาวุธปืน กันยายน 1900 พันตรีโรเบิร์ต บุลลาดนำเรือแคนนูขนาดเล็ก เข้าเกยชายหาดทะเลสาบลันโนของฟิลิปปินส์ ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นนักรบของพวกกบฏโมโร ที่ดักซุ่มรออยู่ในพุ่มไม้ห่างออกไปราว 20 หลาก็พุ่งทะยานเข้าหาพร้อมด้วยดาบโบโล่ที่คมกริบ พันตรีบุลลาดใช้โค้ลท์ ดับเบิ้ล แอ็คชั่น .38 ลองโค้ลท์ยิงสวนออกไป กระสุนจับเข้าที่ร่างของนักรบโมโรนัดแล้วนัดเล่า แต่ไม่อาจหยุดอีกฝ่ายหนึ่งได้ จนกระทั่งเขาระเบิดกระสุนนัดสุดท้ายออกไป นักรบผู้นั้นจึงทรุดยวบลงพร้อม ๆ กับที่เขาถึงตัวเขา นายทหารหนุ่มฟาดปืนในมือลงบนหัวอย่างไม่นับ จนฝ่ายตรงข้ามนิ่งเงียบไป เมื่อพลิกศพขึ้นดูก็พบว่ากระสุน.38 ทั้ง 6 นัดจับเข้าที่กลางทรวงอกอันเป็นจุดตายทั้งสิ้น แต่อานุภาพของกระสุนไม่สามารถจะสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดก็พบว่า นักรบบ้าเลือดผู้นั้นเสียชีวิตเพราะถูกทุบจนกระโหลกร้าว ทำให้เชื่อว่าลำพังอำนาจของกระสุน.38 คงไม่ทำให้นักรบหนุ่มเสียชีวิตเร็วอย่างนั้น 28 กันยายน 1900 กองพันทหารราบที่ 9 ของสหรัฐฯจำนวนกว่า 200 นายที่ส่งไปประจำการอยู่ที่ ตำบลบาลังกีกาของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ เพื่อทำการปราบ"กลุ่มกบฏโมโร" โดยมีอาวุธหลักประกอบด้วยไรเฟิ่ลแคร๊กขนาด .30-40และปืนรีวอลเว่อร์โค้ลท์ ดับเบิ้ล แอ็คชั่น .38 ลองโค้ลท์ ถูกพวกกบฏที่มีเพียง"ดาบโบโล่"บุกเข้าสังหารเสียชีวิตเกือบกองพัน เหลือเอาชีวิตรอดมาได้เพียงแค่ 28 คน มีเพียงแค่ 4 คนเท่านั้นที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ! ทำให้สหรัฐฯต้องนำโค้ลท์ ซิงเกิ้ล แอ็คชั่น อาร์มี่ .45 ลองโค้ลท์ที่ปลดไปแล้วกลับเข้าประจำการอีกครั้ง พร้อมกับให้บริษัทโค้ลท์ผลิตรีวอลเว่อร์ดับเบิ้ล แอ็คชั่นโค้ลท์ นิวเซอร์วิส .45 ลองโค้ลท์เพิ่มอีก 5,000 กระบอกเพื่อส่งเข้าไปที่ฟิลิปปินส์ บทเรียนราคาแพงในครั้งนั้น กองทัพบกจึงตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อค้นคว้าเรื่องอำนาจหยุดยั้งของกระสุนปืนสั้นขึ้นในปีค.ศ. 1904 ทำการค้นคว้าและทดสอบกระสุนตั้งแต่ .30 นิ้วขึ้นไปจนถึง .476 นิ้ว มีน้ำหนักหัวกระสุนตั้งแต่ 93 เกรนไปจนถึง 288 เกรน ความเร็วต้นตั้งแต่ 700 ฟุต/วินาทีถึง 1,420 ฟุต/วินาที ประกอบด้วยหัวกระสุนที่ใช้โลหะแตกต่างกันทั้งตะกั่วล้วน, ตะกั่วหุ้มเปลือกแข็ง ตลอดไปจนถึงรูปแบบต่าง ๆ ของหัวกระสุนเช่น หัวมนหรือราวด์โน๊ส(Round Nose)และหัวรูหรือ ฮอลโล่ว์ พ๊อยท์(Hollow Point) ทดสอบด้วยการยิงเป้าหมายที่มีชีวิตจริงได้แก่วัว 16 ตัว ม้า 2 ตัว รวมไปถึงศพของมนุษย์ที่ใช้ในการศึกษาทางการแพทย์อีกจำนวนมาก เพื่อดูผลอำนาจการทำลายล้างของกระสุนแต่ละขนาด ผลสรุปออกมาว่า...กระสุนปืนสั้นที่ให้อำนาจหยุดยั้งที่น่าเชื่อถือได้ต้องมีหน้าตัดไม่ต่ำกว่า .45 นิ้ว ในปีค.ศ. 1902 กองทัพบกสหรัฐฯจึงให้เบราว์นิ่งก์พัฒนาปืนพกกึ่งอัตโนมัติโค้ลท์ เอ็ม 1902 ขนาด .38 ที่ออกแบบไว้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1900 เพื่อให้ใช้กระสุนที่มีหน้าตัด .45 นิ้ว
     กำเนิด.45 เอซีพี ในปีค.ศ. 1905 จอห์น โมเสส เบราว์นิ่งก์และบริษัทโค้ลท์ ไฟร์อาร์มส์(Colt Firearms)พัฒนาปืนออโต้ฯของโค้ลท์ เอ็ม 1905 ออกมาใช้กระสุนขนาด .45 ก่อนพัฒนาเป็นเอ็ม 1911 เรียกกระสุนที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้ว่า... ".45 เอซีพี"( ACP= Automatic Colt Pistol) กระสุนมาตรฐานมีน้ำหนักหัวกระสุน 230 เกรน ยิงจากลำกล้องทดสอบ 5 นิ้วได้ความเร็วต้น 850 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 369 ฟุต/ปอนด์ โค้ลท์ เอ็ม 1911-เอ1และกระสุน .45 เอซีพี ผ่านสงครามใหญ่ ๆ มาแล้วอย่างโชกโชน ไม่ว่าจะเป็นสงครามโลกครั้งที่ 1, ครั้งที่ 2, สงครามเกาหลีมาจนถึงสงครามเวียตนาม ก่อนถูกปลดในปี 1988 หลังจากที่รับใช้บรรดาจีไอมายาวนานถึง 77 ปี การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้มองกันว่ากระสุน.45 เอซีพี ได้เดินทางมาถึงวันสุดท้ายแล้ว สาเหตุที่แท้จริงก็เพื่อความสะดวกในการส่งกำลังบำรุง เนื่องจากประเทศในกลุ่มนาโต้ หรือนอร์ธ แอ็ตแลนติก ทรีตตี้ ออร์แกนไนเซชั่น(North Atlantic Treaty Organization) ใช้กระสุน 9 มม.พาราฯ ซึ่งได้เปรียบในเรื่องวิถีที่ราบเรียบกว่าและน้ำหนักของกระสุนที่น้อยกว่า ทำให้ทหารสามารถนำพากระสุน 9 มม.พาราฯติดตัวไปได้มากกว่าในน้ำหนักรวมที่เท่ากัน แต่นักยิงปืนที่ศึกษาในเรื่องอำนาจหยุดยั้งอย่างจริงจัง ทั้งในอเมริกาเองและในประเทศไทย ยังคงเชื่อมั่นในอำนาจหยุดยั้งของกระสุน .45 เอซีพีอย่างไม่เสื่อมคลาย พล.อ.จูเลี่ยน แฮ๊ทเช่อร์(Julain Hatcher) ติดตามผลการทดลองปีค.ศ. 1904 มาตลอดตั้งสูตรคำนวณหา"อำนาจทำลายสัมพันธ์"หรือ"อาร์เอสที"((Relative Stopping Power)ระบุว่า... "อำนาจทำลายของกระสุนปืนขึ้นตรงเป็นอัตราส่วนกับโมเม้นตั้มของหัวกระสุน และพื้นที่หน้าตัดของกระสุน ตลอดจนรูปลักษณะของหัวกระสุน
ได้มาจากผุรู้ครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: D-LUFFY ที่ มกราคม 18, 2011, 10:46:22 AM
ต่อให้อีกนิดนะครับ
พล.อ.จูเลี่ยน แฮ๊ทเช่อร์สรุปว่า...กระสุนที่มีอำนาจหยุดยั้งเชื่อถือได้ ต้องมีอำนาจทำลายสัมพันธ์ไม่ต่ำกว่า 50 หน่วย ส่วนกระสุนที่พอใช้ป้องกันตัวได้ต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า 30 หน่วย เทาเซ่น เวเลนและจอมปืนอย่างเอลเม่อร์ คี๊ธซึ่งล้วนแต่เป็นปรมาจารย์ของอาวุธปืนสั้น ก็ตั้งทฤษฎีเอาไว้ตรงกันว่า กระสุนปืนที่มีอำนาจหยุดยั้งมนุษย์ได้ดีที่สุด คือกระสุนที่มีความเร็วพอประมาณ แต่ต้องมีหน้าตัดที่โตและต้องมีน้ำหนักมาก ขณะเดียวกับที่พ.อ.นายแพทย์มาร์ติน แฟ๊คเล่อร์(Martine Faclor)แห่งกองทัพบกสหรัฐฯก็ระบุว่า... "รูกระสุนที่ใหญ่กว่าและลึกกว่าจะทำให้สูญเสียโลหิตในปริมาณมาก ส่งผลให้ข้าศึกหมดสมรรถภาพในการสู้รบอย่างรวดเร็ว" ด้วยขนาดของหน้าตัด, น้ำหนักหัวกระสุนและความเร็วที่มีความสัมพันธ์กันได้อย่างลงตัว ถือเป็น"ความบังเอิญ"ทางเทคนิค นอกเหนือไปจากอำนาจหยุดยั้งอันศักดิ์สิทธิ์แล้วยังมีความแม่นยำสูงกว่ากระสุนปืนสั้นขนาดอื่น ๆ โดยเฉพาะในระยะไม่เกิน 25 เมตร ปัจจุบันผู้ผลิตกระสุนได้พยายามออกแบบหัวกระสุน ให้มีคุณสมบัติในการทำลายล้างและหยุดยั้งให้ดีขึ้นกว่ากระสุนหัวบอลเคลือบเปลือกแข็งที่ใช้กันมานาน กระสุนที่ให้อำนาจหยุดยั้งได้ดีก็คือ กระสุนหัวรูซึ่งเมื่อกระทบเป้าหมายหัวกระสุนไว้จะฉีกและแบะบานออก เพิ่มขนาดของหน้าตัดให้ใหญ่ขึ้นกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ จาก .45 นิ้วจะเพิ่มขึ้นเป็น .60-.61 นิ้วสร้างความยับเยินให้กับบาดแผลมากขึ้น จากการรวบรวมข้อมูลจากเหตุการณ์ที่ยิงกันจริง ๆ ในสหรัฐอเมริกา โดยอีวาล พี. มาร์แชล ตั้งแต่ปีค.ศ. 1971-1996 พบว่า กระสุนเฟดเดอรัล หัวรูแบบไฮดร้าช็อค 230 เกรน ให้อำนาจหยุดยั้งดีที่สุด จากการยิงกันจริงด้วยกระสุนชนิดนี้จำนวน 67 กรณี ผลปรากฏว่าเป็นการยิง"ชนิดโป้งเดียวจอด"สูงถึง 62 ครั้งหรือร้อยละ 93
.45เอซีพี ปะทะ .357 แม็กนั่ม "คู่กัด"ที่มีความสมน้ำสมเนื้อและมักถูกนำมาเปรียบเทียบกับกระสุน .45 เอซีพีมากที่สุดคือ.357 แม็กนั่มซึ่งเป็นกระสุนยอดฮิตที่ใช้ในปืนรีวอลเว่อร์ กระสุนมาตรฐานของ .357 แม็กนั่มมีน้ำหนักหัวกระสุน 158 เกรน ความเร็วต้น 1,235 ฟุต/วินาที ให้แรงปะทะต้น 535 ฟุต/ปอนด์ เมื่อนำเอามาเปรียบเทียบกันจะพบว่า .45 เอซีพีหนักกว่าถึง 72 เกรน มีหน้าตัดใหญ่กว่า 0.10 นิ้วหรือ 2 มิลลิเมตร แต่ .357 แม็กนั่มให้ความเร็วต้นกว่า 385 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้นมากกว่า 166 ฟุต/ปอนด์ จากตัวเลขดังกล่าวกระสุน.357 แม็กนั่มจะดู"เหนือชั้นกว่า" แต่การจะตัดสินชี้ขาดลงไปว่า กระสุนขนาดใดมีอำนาจเหนือกว่านั้น ต้องพิจารณาถึงปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอำนาจหยุดยั้งของกระสุนนั้นแบ่งออกเป็น 2 หัวข้อใหญ่ ๆ คือ 1. อำนาจหยุดยั้ง หรือ สต็อปปิ้ง เพาเว่อร์ (Stopping Power) 2. อำนาจสังหาร หรือ คีลลิ่ง เพาเว่อร์ (Killing Power) กระสุนที่มีอำนาจหยุดยั้งสูงไม่ได้หมายความว่า จะต้องมีอำนาจสังหารสูงตามไปด้วย ขณะเดียวกันกระสุนที่มีอำนาจสังหารสูง ก็ไม่ได้หมายความว่า มีอำนาจหยุดยั้งสูงด้วยเช่นเดียวกัน กระสุน .357 แม็กนั่มมีคีลลิ่ง เพาเว่อร์สูง แต่หัวกระสุนที่มีความเร็วสูงนั้นคมเกินไป เมื่อเจาะผ่านร่างกายของเป้าหมายหากไม่ถูกกระดูกขนาดใหญ่แล้วมักจะทะลุผ่าน พร้อมกับสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้เกิดขึ้น ซึ่งหากไม่จับเข้าจุดสำคัญจริง ๆ จะไม่สามารถหยุดหรือคว่ำคู่ต่อสู้ลงได้ในทันที หัวกระสุนจะถ่ายพลังงานเข้าใส่เป้าหมายได้เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น บางครั้งไม่ถึงครึ่งของพลังงานทั้งหมดที่มีอยู่ ผู้ที่ถูกยิงจะเกิดอาการชาและสามารถใช้อาวุธยิงตอบโต้สวนกลับมาได้ .357 แม็กนั่มจึงเป็นกระสุนที่มีคิลลิ่ง เพาเว่อร์สูง แต่มีสต็อปปิ้ง เพาเว่อร์ต่ำ ส่วนกระสุน.45 เอซีพีแม้มีความเร็วต่ำ แต่ด้วยน้ำหนักและหน้าตัดของหัวกระสุนที่สูง หัวกระสุนจึงมักไม่ทะลุผ่านเป้าหมาย เตลิดเปิดเปิงไปทำอันตรายผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยและสามารถถ่ายทอดพลังงานเข้าใส่เป้าหมายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงมีสต็อปปิ้ง เพาเว่อร์สูงกว่า ทำให้คู่ต่อสู้หยุดปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวลงโดยสิ้นเชิง หมดโอกาสที่จะยิงสวนกลับออกมา ในการดวลกันระหว่าง.357 แม็กนั่มกับ.45 เอซีพี คนที่ถูกยิงด้วยกระสุน.357 แม็กนั่มนั้นตายแน่เนื่องจากบาดแผลที่ฉกรรจ์ แต่ยังมีโอกาสที่จะชักปืนของตนออกมายิงสวนกลับไปได้ ตรงข้ามผู้ที่ถูกยิงด้วยกระสุน .45 เอซีพีอาจไม่ถึงตาย แต่เมื่อถูกยิงเขาจะล้มลงในทันทีหยุดปฏิกิริยาที่จะตอบโต้ลงอย่างเฉียบพลัน ในการต่อสู้ระหว่างปืนกับปืน หลักการสำคัญที่สุดก็คือ จะต้องหยุดคู่ต่อสู้ให้ได้ด้วยกระสุนนัดแรก ตายหรือไม่ตายไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ต้องไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามยิงสวนกลับออกมา ดังนั้นกระสุน .45เอซีพีจึงได้รับความเชื่อถือมากกว่า จากประสบการณ์จริง เจฟฟ์ คูเป้อร์ ซึ่งยอมรับกันว่าเป็นปรมาจารย์ทางด้านการต่อสู้และเป็นผู้ที่ใช้โค้ลท์ เอ็ม 1911-เอ1 .45 เอซีพีเป็นปืนคู่มือและก็เป็นผู้ที่ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 มาแล้ว กล่าวว่า... เขาไม่สนใจกับทฤษฎีใหม่ ๆ เกี่ยวกับกระสุนปืน เขารู้แต่เพียงว่าในจำนวนคู่ต่อสู้ที่กระหายเลือดของเขา 20 คน ถูกเขายิงด้วย .45 ล้มคว่ำทันที 19 คน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เสีย ชีวิตทันที เขามีความเชื่อมั่นในกระสุนขนาด .45 เอซีพีมากกว่ากระสุนยุคใหม่ ๆ และประเมินว่าเป็นกระสุนที่มีอำนาจหยุดยั้งระหว่าง 85-92 เปอร์เซ็นต์ ชั๊ค เทเล่อร์ซึ่งเป็นตำรวจมือปราบอีกรายและเป็นเจ้าของสถาบันสอนการยิงปืนอันโด่งดังคือธันเด้อร์ แร๊นช์กล่าวยืนยันความคิดเห็นของเจฟฟ์ คูเป้อร์ว่า... จากการที่เขาดวลปืนกับคนร้ายจำนวน 5 ราย ใน 5 พฤติการณ์ ทั้งหมดถูกหยุดด้วยโค้ลท์ เอ็ม 1911-เอ1 กระสุนขนาด .45 เอซีพีแบบหัวบอล 230 เกรนที่ใช้ในราชการ แต่ละคนถูกเขายิงเพียงคนละ 1 นัดเท่านั้น ไม่มีใครสามารถยิงสวนตอบกลับมา หรือหนีรอดเขาไปได้เลยสักคนเดียว ทั้งหมดเสียชีวิตก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปถึงตัวเสียด้วยซ้ำ เทเล่อร์ยังกล่าวอีกด้วยว่า จากประสบการณ์ของเขา กระสุน .357 แม็กนั่มที่ยิงจากรีวอลเว่อร์ลำกล้อง 4 นิ้วเข้าที่กลางแผ่นอกของคนร้าย ปรากฏว่าคนร้ายยังสามารถวิ่งหนีไปได้ไกลถึง 60 หลาก่อนที่จะล้มลง แต่เขาเองก็ไม่กล้าชี้ขาดลงไปว่า กระสุน .357 แม็กนั่มด้อยอานุภาพในการหยุดยั้งคน ในบ้านเราก็มีผู้ที่มีประสบการณ์จริงเกี่ยวกับอำนาจหยุดยั้งของกระสุน .45 เอซีพีเช่นเดียวกัน

อ้างจากผู้ชี่ยวชาญเรื่องอาวุธปืนครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: D-LUFFY ที่ มกราคม 18, 2011, 10:55:05 AM
อันนี้จากกรมทหารราบครับ ระยะยิงไกลสุดและระยะหวังผล ของ 11 มม.
คุณลักษณะ  และขีดความสามารถของอาวุธทหารราบ
ปืนพก  แบบ86  (ปพ.68)  (รส.  23-35)
ก.  ลักษณะทั่วไป
-  ประเภทอาวุธประจำกาย
-  ปากลำกล้องกว้าง  .45  นิ้ว  (11  มม.)  ใช้กระสุนขนาด  11x13  มม.
-  ทำงานด้วยการสะท้อนถอยหลังของลำกล้องปืน
-  ทำการยิงกึ่งอัตโนมัติ  (SEMI)  ซองกระสุนบรรจุ  7  นัด
-  น้ำหนักตั้งยิง  2.437  ปอนด์  (1.1  กก.)
ข.  อัตราการยิง
-  ความเร็วในการยิงทางทฤษฎี                  21 – 28                  นัด / นาที
-  ความเร็วในการยิงหวังผล                     10                           นัด / นาที
ค.  ระยะยิง
-  ระยะยิงไกลสุด                                1,640      หลา  (1,500  เมตร)
-  ระยะยิงหวังผล                                 50           หลา  (50  เมตร)
ง.  กระสุนมี  5  ชนิด
-  กระสุนธรรมดา
-  กระสุนส่องวิถี
-  กระสุนฝึกหัดบรรจุ
-  กระสุนลูกปราย
-  กระสุนซ้อมรบ
 
ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มกราคม 18, 2011, 11:08:57 AM
อ้างอิงมาจากแหล่งไหน... ควรให้เครดิตเขาด้วยนะครับ... แต่ผมก็พอจะเดาออก... ว่าคัดลอกมาจากที่ไหน... ;D ;D ;D

::014::



หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: D-LUFFY ที่ มกราคม 18, 2011, 02:33:29 PM
ขอโทษที่นะครับที่ไม่ได้อ้างแหล่งที่มาน่ะครับ
แหล่งที่มาของการทดสอบกระสุน 11 มม.นะครับ
http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X3493104/X3493104.html (http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X3493104/X3493104.html)
เป็นข้อคิดเห็นของคุณ จากคุณ : PANTYBOY ครับ
แหล่งที่มาของระยะหวังผลและระยะไกลสุดของกระสุน11มม.จาก
http://www.freethailand.com/indexsite.php?act=m&catid=46273&username=linkinpark (http://www.freethailand.com/indexsite.php?act=m&catid=46273&username=linkinpark)


หัวข้อ: Re: ปืน 11 มม.ที่มีอานุภาพร้ายแรง เข้าข่ายอาวุธสงคราม
เริ่มหัวข้อโดย: vodkazoda ที่ มีนาคม 19, 2011, 05:28:35 PM
ถ้าไม่รู้จักใช้ หรือ ประมาท อย่าว่าเเต่ .45 เลยครับ .22 ก็อันตรายพอกัน

จะเป็นอาวุธ สงครามหรือ ไม่สงคราม ก็เถอะครับ

จงตั้งมั้นอยู่ในความไม่ประมาทดีที่สุดครับ