หัวข้อ: * * * รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม * * * เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤษภาคม 30, 2011, 11:12:56 AM ที่มา นสพ. ข่าวสด
เปรียญธรรม การสอบพระปริยัติธรรม ถือเป็นการวัดความรู้ชั้นสูงของคณะสงฆ์ไทย สืบทอดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตราบจนถึงปัจจุบัน การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี มี 8 ระดับ คือ ชั้นที่ 1 เรียกว่า ประโยค 1-2 ชั้นที่ 2 เรียกว่า เปรียญธรรม 3 ประโยค ผู้สอบชั้นนี้จะได้รับการเทียบเท่าวุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.3) ถ้าเป็นพระภิกษุจะมีคำนำหน้าชื่อ ว่า พระมหา ถ้าเป็นสามเณรจะมีคำว่า เปรียญ ต่อท้ายนามสกุล ใช้คำนำหน้าเช่นนี้จนถึงประโยค ป.ธ.9 ชั้นที่ 3 เรียกว่า เปรียญธรรม 4 ประโยค ชั้นที่ 4 เรียกว่า เปรียญธรรม 5 ประโยค ผู้ที่สอบได้ชั้นนี้หากได้รับแต่งตั้งให้เป็นครูสอน 1 ปี และสอนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 300 ชั่วโมง สามารถนำมาขอใบเทียบวุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายได้ ชั้นที่ 5 เรียกว่า เปรียญธรรม 6 ประโยค ผู้สอบได้ชั้นนี้มีวุฒิเทียบเท่าการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยไม่ต้องมีใบเทียบวุฒิ ชั้นที่ 6 เรียกว่า เปรียญธรรม 7 ประโยค ชั้นที่ 7 เรียกว่า เปรียญธรรม 8 ประโยค ชั้นที่ 8 เรียกว่า เปรียญธรรม 9 ประโยค ทั้งนี้ การศึกษาระดับประโยค 1-2 และเปรียญธรรม 3 ประโยค เรียกว่า เปรียญตรี คือ ผู้ที่จะมีสิทธิสอบประโยค 1-2 ขึ้นไปจะต้องสอบได้นักธรรมชั้นตรีก่อน ระดับเปรียญธรรม 4-6 ประโยค เรียกว่า เปรียญโท คือ ผู้ที่จะมีสิทธิสอบเปรียญธรรม 4 ประโยคขึ้นไปจะต้องสอบได้นักธรรมชั้นโทก่อน ระดับเปรียญธรรม 7-9 ประโยค เรียกว่า เปรียญเอก คือ ผู้ที่จะมีสิทธิสอบเปรียญธรรม 7 ประโยคขึ้นไปจะต้องสอบได้นักธรรมชั้นเอกก่อน สำหรับเปรียญธรรม 9 ประโยค หรือป.ธ.9 เป็นระดับชั้นสูงสุดของการศึกษาแผนกบาลีของคณะสงฆ์ไทย พระภิกษุหรือสามเณรที่มีสิทธิ์สอบไล่ในชั้นป.ธ.9 ต้องสอบไล่ได้ป.ธ.8 และต้องสอบไล่ได้นักธรรมเอกก่อน จึงจะมีสิทธิ์สอบไล่ในชั้นนี้ได้ ส่วนการสอบไล่ป.ธ.9 ในปัจจุบัน จัดสอบ ณ วัดสามพระยา กรุงเทพฯ ในช่วงเดือนมกราคมจนถึงเดือนมีนาคมของทุกปี โดยการกำกับของมหาเถรสมาคมและสำนักงานแม่กองบาลีสนามหลวง พระภิกษุ-สามเณรผู้สอบได้ป.ธ.9 เมื่อเข้ารับพระราชทานประกาศนียบัตร พัดเปรียญ ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตน ศาสดาราม จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดเจ้าพนักงานขับรถหลวงส่งถึงพระอาราม ส่วนสามเณรผู้สอบไล่ได้ในชั้นป.ธ.9 โดยมีอายุไม่เกิน 20 ปี จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับการบรรพชา อุปสมบทในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง โดยได้รับพระราชทานเครื่องอัฐบริขาร *********************************************************************************************************************************** ::014:: ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน สวัสดีครับ . . . pasta :VOV: หัวข้อ: Re: * * * รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม * * * เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ พฤษภาคม 30, 2011, 11:28:50 AM ::014::
หัวข้อ: Re: * * * รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม * * * เริ่มหัวข้อโดย: -M-O-N-G- ที่ พฤษภาคม 30, 2011, 01:08:09 PM ขอบคุณครับ ::014:: ... ขออนุญาตเพิ่มเติมอีกนิดครับ การศึกษาพระธรรมเริ่มจากการสอบพระนวกะ เป็นปีเเรก ต่อมาก็สอบเป็น นักธรรมชั้นตรี,ชั้นโท,ชั้นเอก เเล้วค่อยสอบพระเปรียญธรรม ...ผมเคยบวชเรียนสมัยเป็นเณรน้อยเมื่อจบ ป.6 จนสอบได้ นักธรรมชั้นตรี ..สอบยากมากต้องใช้ความจำล้วนๆ หนังสือมีกี่เล่มก็ต้องท่องจำให้ได้ทุกหน้าทุกบท ผมต้องสอบนักธรรมชั้นตรีถึง 2 ปี กว่าจะสอบได้...ตอนนั้นอยู่ วัดสุวรรณณาราม บางกอกน้อย..ต้องมาสอบที่วัดระฆังโฆสิตาราม.....
หัวข้อ: Re: * * * รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม * * * เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤษภาคม 30, 2011, 01:22:17 PM ::014:: ::014:: > 581 < :VOV: ขอบคุณครับ ::014:: ... ขออนุญาตเพิ่มเติมอีกนิดครับ การศึกษาพระธรรมเริ่มจากการสอบพระนวกะ เป็นปีเเรก ต่อมาก็สอบเป็น นักธรรมชั้นตรี,ชั้นโท,ชั้นเอก เเล้วค่อยสอบพระเปรียญธรรม ...ผมเคยบวชเรียนสมัยเป็นเณรน้อยเมื่อจบ ป.6 จนสอบได้ นักธรรมชั้นตรี ..สอบยากมากต้องใช้ความจำล้วนๆ หนังสือมีกี่เล่มก็ต้องท่องจำให้ได้ทุกหน้าทุกบท ผมต้องสอบนักธรรมชั้นตรีถึง 2 ปี กว่าจะสอบได้...ตอนนั้นอยู่ วัดสุวรรณณาราม บางกอกน้อย..ต้องมาสอบที่วัดระฆังโฆสิตาราม..... ::014:: > 117 < :VOV: หัวข้อ: Re: * * * รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม * * * เริ่มหัวข้อโดย: RMAY ที่ พฤษภาคม 30, 2011, 09:37:09 PM ผม อาบังนักธรรมตรี คร้าบ ;D
หัวข้อ: Re: * * * รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม * * * เริ่มหัวข้อโดย: supreme ที่ พฤษภาคม 30, 2011, 11:00:07 PM ::014::
เคยมีพระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า เปรียญแรกๆจะยาก เพราะต้องเรียนภาษาบาลีให้ได้ เฉพาะกฎของไวยากรณ์ก็มีหลายร้อยข้อที่ต้องท่องจำ เข้าใจความหมาย (แปลได้) และใช้ให้เป็น(วิเคราะห์) อาจต้องใช้เวลาหลายปีมากกว่าจะสอบถึงเปรียญ ๓ พอพ้นจากเปรียญ ๓ ไปแล้วจะสบายขึ้น ปีเดียวอาจสอบได้เปรียญ ๔ กับ ๕ แล้วก็จะเริ่มยากขึ้นอีกครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณเปรียญ ๖ ขึ้นไป ส่วนเปรียญ ๙ นั้นยากที่สุดของที่สุด ส่วนใหญ่พระป่าจะเรียนกันให้ได้เปรียญแรกๆ เพื่อความเข้าใจในภาษาบาลี เวลาศึกษาอะไรก็จะสะดวก และเข้าใจได้ลึกซึ้ง ไม่ว่าจะความหมายปกติ หรือสภาวะต่างๆ นอกจากนี้ก็สามารถสื่อสารกับพระด้วยกันเองโดยไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ หัวข้อ: Re: * * * รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม * * * เริ่มหัวข้อโดย: มะเอ็ม ที่ พฤษภาคม 31, 2011, 08:44:15 AM ขอบคุณน้องอรรถ ครับเคยงงอยู่เหมือนกันเรื่องลำดับนักธรรมของพระ ::002:: ::002::
หัวข้อ: Re: * * * รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม * * * เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤษภาคม 31, 2011, 10:03:02 AM ผม อาบังนักธรรมตรี คร้าบ ;D ::002:: > 727 < :VOV: ::014:: เคยมีพระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า เปรียญแรกๆจะยาก เพราะต้องเรียนภาษาบาลีให้ได้ เฉพาะกฎของไวยากรณ์ก็มีหลายร้อยข้อที่ต้องท่องจำ เข้าใจความหมาย (แปลได้) และใช้ให้เป็น(วิเคราะห์) อาจต้องใช้เวลาหลายปีมากกว่าจะสอบถึงเปรียญ ๓ พอพ้นจากเปรียญ ๓ ไปแล้วจะสบายขึ้น ปีเดียวอาจสอบได้เปรียญ ๔ กับ ๕ แล้วก็จะเริ่มยากขึ้นอีกครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณเปรียญ ๖ ขึ้นไป ส่วนเปรียญ ๙ นั้นยากที่สุดของที่สุด ส่วนใหญ่พระป่าจะเรียนกันให้ได้เปรียญแรกๆ เพื่อความเข้าใจในภาษาบาลี เวลาศึกษาอะไรก็จะสะดวก และเข้าใจได้ลึกซึ้ง ไม่ว่าจะความหมายปกติ หรือสภาวะต่างๆ นอกจากนี้ก็สามารถสื่อสารกับพระด้วยกันเองโดยไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ ::014:: > 51 < ::002:: ขอบคุณน้องอรรถ ครับเคยงงอยู่เหมือนกันเรื่องลำดับนักธรรมของพระ ::002:: ::002:: ::014:: > 260 < :VOV: |