เฟดเผยวิกฤตเศรษฐกิจปี 2551-2553 ทำครอบครัวชาวอเมริกันจนลงมากสุดรอบ 18 ปี เหตุมูลค่าสินทรัพย์-รายได้หด
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2551-2553 ส่งผลให้ครอบครัวชาวอเมริกันมีฐานะยากจนลงมากที่สุดในรอบ 18 ปี โดยมีสาเหตุสำคัญจากมูลค่าสินทรัพย์ของครอบครัวที่ดิ่งเกือบ 40% และรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนที่ลดลงท่ามกลางเศรษฐกิจที่หดตัว
ผลการศึกษาของเฟด ซึ่งทำการสำรวจฐานะการเงินของครอบครัวชาวอเมริกันระหว่างปี 2551-2553 ระบุว่า มูลค่าสุทธิของสินทรัพย์ครอบครัว ซึ่งได้แก่ มูลค่าบ้าน หุ้น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และธุรกิจนั้นลดลง 38.8% ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการกู้ยืมและการวางแผนเกษียณอายุของครอบครัวจำนวนมาก
เมื่อปี 2551 มูลค่าของสินทรัพย์ของครอบครัวชาวอเมริกันเฉลี่ยเคยสูงถึง 126,400 เหรียญสหรัฐ (ราว 3.79 ล้านบาท)
ทว่า 3 ปีถัดมากลับดิ่งลงอย่างหนักเหลือเพียง 77,300 เหรียญสหรัฐ (ราว 2.31 ล้านบาท) ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเมื่อปี 2535 สะท้อนให้เห็นถึงระดับความรุนแรงของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนั้น
หากพิจารณาเฉพาะมูลค่าบ้านของ ครอบครัวชาวอเมริกันนั้น พบว่า ลดลงอย่างหนักถึง 42.3% จาก 9.53 หมื่นเหรียญสหรัฐ (ราว 2.85 ล้านบาท) เมื่อปี 2551 เหลือ 5.5 หมื่นเหรียญสหรัฐ (ราว 1.65 ล้านบาท)
ขณะที่สัดส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ของครอบครัวปรับตัวสูงขึ้นในปี 2553 หลังมูลค่าทรัพย์สินลดลง โดยอยู่ที่ระดับ 16.4% ของสินทรัพย์
นอกจากนี้ รายได้เฉลี่ยต่อปีของครอบครัวชาวอเมริกันยังลดลงมากถึง 7.7% ระหว่างปี 2551-2553 โดยรายได้เฉลี่ยเมื่อปี 2553 อยู่ที่ 4.58 หมื่นเหรียญสหรัฐ (ราว 1.37 ล้านบาท) ต่อปี ลดลงจากเมื่อปี 2551 ซึ่งอยู่ที่ 4.96 หมื่นเหรียญสหรัฐ (ราว 1.48 ล้านบาท) ต่อปี โดยรายได้ที่ลดลงนั้น มีสาเหตุจากการที่ชาวอเมริกันจำนวนมากถูกปลดออกจากงาน รวมทั้งรายได้ลดลงจากการหดตัวของเศรษฐกิจ
ด้านเอเอฟพี เปิดเผยว่า ผลการศึกษาดังกล่าว ซึ่งเฟดจะจัดทำทุกๆ 3 ปี ฉายภาพที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวและรายได้ของชาวอเมริกันในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐ และสามารถอธิบายสาเหตุที่ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยากลำบากและยืดเยื้อยาวนานในปัจจุบัน ซึ่งแม้ว่าราคาสินทรัพย์ต่างๆ อย่างหุ้นจะกระเตื้องขึ้น แต่มูลค่าบ้านก็ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ก็ตาม
ทั้งนี้ วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือน ธ.ค. 2551 และสิ้นสุดลงในเดือน มิ.ย. 2552 โดยปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศยังคงฟื้นตัวอยู่อย่างช้าๆ โดยอัตราว่างงานอยู่ที่ระดับ 8.2% ขณะที่เศรษฐกิจไตรมาสแรกของปีนี้โต 1.9%http://www.posttoday.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/159425/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A18%E0%B8%9B%E0%B8%B5สิบกว่าปีก่อนพี่ๆผมเค้าไปกัน2คน คนนึงเสียละ(มะเร็ง) อีกคนมีเมียฝรั่ง มีลูก2-3คน ทุกวันนี้ยังไม่รุ่ง ล้มลุกคลุกคลาน เลิกกะเมีย แต่ยังต้องหาเงินส่งเสียลูกอ่วม
สมัยนั้นยังน้อยใจ ทำไม่ไม่เอาน้องๆไปด้วยฟ่ะ หลายปีก่อนมันจะขอยืมเงิน อืม.....รายได้คนเมกัน กะรายได้คนไทยเนี่ยนะ จะยื้มเงินเรา
ผมว่าเค้าคิดผิดอย่าง ทำร้านอาหารไทย ถ้ามีญาติพี่น้องช่วยกัน มันเซฟรายจ่าย ไม่อ่วมเหมือนจ้างคนที่โน้น เห็นคนไทยรุ่งๆก็เยอะ เพราะทำกับแบบครอบครัว
