>ผมสงสัยมานานแล้วครับ ทำไมศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ จึงตัดสินคนละอย่างกับศาลฏีกาครับ
>หรือศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ไม่เก่ง สืบไม่ละเอียด เลยตัดสินมั่วๆไปครับ
ที่มี "คำพิพากษาฎีกา" ก็เพราะคดีมีความซับซ้อน โจทย์หรือจำเลยยังข้องใจคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ครับจึงสู้กันถึงสามศาล ถ้าศาลชั้นต้น/อุทธรณ์ ตัดสินแล้วชัดเจนไม่เห็นช่องทางที่จะโต้แย้งได้ก็คงไม่ถึงฎีกา จริงไหมครับ ที่ศาลฎีกา "พิพากษายืน" ก็มีมาก คือตัดสินเหมือนสองศาลแรก
ที่เจ็บใจคือ อัยการ "สั่งไม่ฟ้อง" อย่างกรณีตำรวจสายสืบสะดุดหัวแม่เท้าคนพกปืน .25 เป็นต้น
เอ่อ เอ่อ...เลยต้องมีสามศาลไงครับอาจารย์....

ในแง่มุมข้อเท็จแห่งคดีที่นำสืบ...ประเด็นข้อพิพาท...ข้อกฎหมาย การปรับองค์ประกอบเพื่อตัดสินคดี ตลอดทั้งอิงคำพิพากษาฎีกา...
จึงออกมาเป็นคำตัดสินของศาลครับ....เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อคู่ความ จึงเปิดโอกาสให้โจทก์ จำเลย อุทธรณ์ ฎีกา กันให้ถึงที่สุด...ทั้งปัญหาข้อกฎหมาย และปัญหาข้อเท็จจริง แต่บางเรื่องก็ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง....
ในส่วนของการโต้แย้ง ฝ่ายแพ้ก็ต้องอุทธรณ์...ฝ่ายชนะหากเห็นว่ายังไม่พอใจชนะไม่มาก ก็อุทธรณ์ได้เหมือนกันครับ...ฝ่ายเสมอไม่มี

ปัจจุบัน เกือบทุกศาล จะมีสำนักประนอมข้อพิพาท...ก่อนเข้ากระบวนการพิจารณาคดีเต็มรูปแบบ ซึงก็มีผลดี..ให้คู่กรณีเจรจากันก่อน
ทำให้คดีจบลงได้รวดเร็ว....