สวัสดีครับ ผมได้ไปซ้อมยิงปืนกับเพื่อนๆสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อช่วงสองอาทิตย์ก่อน มีอยู่คนเป็นรุ่นพี่แกมีปืนมรดก เป็น นอรินโก้ 213 บี 9มม. ก็ไปซ้อมยิงกันที่สนาม ผมเลยได้ลองยิงด้วยมือเดียว ปรากฏว่า ยิงได้ไม่มีปัญหาอะไรเลย ซึ่งทำให้ผมมีแนวคิดว่า การยิงปืนมือเดียวไม่ได้สะบัดน่ากลัวอะไรอย่างที่เคยกังวลก่อนหน้า และหลังจากยิงมือเดียวก็ไม่มีอาการเจ็บมือแต่อย่างใด ซึ่งจากเดิมผมมักจะยิงแบบสองมือ แต่พอมายิงมือเดียวแล้วชอบมาก ไม่น่ากลัวเลยสักนิดแต่สนุกดีครับ ท่านใดมีประสบการณ์ยิงมือเดียวบ้างก็สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ


ขอนอกเรื่องนิดหนึ่งนะ ท่านมือเดียวครับ ผมขอชื่นชม เจ้าปืนจีนแดงดัดแปลง จาก 7.62 มาเป็น 9 มม.พารา. ตัวนี้ ดูมีคุณค่า มีราคาเกินตัวเยอะมากเลยท่าน ปืนเงางาม ไม่รู้ต้มมาใหม่หรือเปล่า ใส่ด้ามไม้ลายสวยแบบพื้นๆแต่ดูน่ารัก ตามมาด้วย น๊อตด้ามแบบ สตึๆ แต่เอาไปทำสีทองมา สวยบาดตาไปเลย ตามมาด้วยไกด์ร็อท ทำให้ดูเป็นปืนคัสต้อมไปเสียนี่
สุดยอดครับท่าน ตัวนี้แหละ คือ ปืนของมืออาชีพระดับทำงานจริง เพราะตัวมันบางมากๆ คิดว่าน่าจะบางที่สุดแล้ว สำหรับคาลิเบอร์นี้และความยาวลำกล้องขนาดนี้ ผมเคยเจอครั้งหนึ่ง เขาถอดด้ามแล้วพกใน แบบชายเสื้อปิด เนียนมากๆ เลย ปืนนี้ได้เปรียบที่ด้ามปืน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลไกปืน มีด้ามหรือไม่มีด้าม ก็ยิงได้...
ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง เห็นปืนสวย ก็เลยขอชื่นชม
คำตอบของการยิงมือเดียวคือ..การทำหน้าที่ของผู้ยิงให้ตรงตามตำรา..ส่วนกระสุนจะไปทางไหนนั้น คาดเดา หรือไปบังคับมันไม่ได้
การยิงมือเดียว มันท้าทายกว่าสองมือตรงที่ว่า เพียงสมาธิท่าน "แว็ป" เพียงนิดเดียวเท่านั้น ไม่ได้ทำตามหน้าที่ของตัวเอง เพียงแค่ท่านมีความพยายามที่จะบังคับให้กระสุนเข้าเป้า เพียงเท่านี้ กระสุนนัดนั้น อาจยังอยู่ในกระดาษเป้า ที่ 25 หลา แต่ทว่า มันอยู่ที่ขอบกระดาษนอกเส้นแต้ม 1 เสียด้วยซ้ำ นี่คือความรู้สึกของผมครับ
อ้าวกระบอกนี้
ผมเข้าใจว่าเป็น ๙ พาราฯโดยกำเนิด

อ๋อ......เล่าให้ฟังเฉยๆ ครับ พี่คมขวาน ว่า ไอ้ปืนแบบที่ท่านเห็นเนี่ยะนะ แต่เดิม มันเป็นทรงปืนพกของ มหาอำนาจโซเวียต พี่ใหญ่ค่ายคอมมิวนิตส์ ปืนทรงนี้ นกกลมแบบนี้ เขาเรียกกันทั่วๆ ไปว่า "โตกาเรฟ" "ตูกาเรฟ" แล้วแต่จะออกเสียง ขนาดกระสุนของมันแต่เดิม ตามชื่อของโตกาเรฟนี้ มันเป็นขนาด 7.62 เป็นกระสุนปืนพกทรงคอขวด เคยเห็นไหม กระสุนปืนพกทรง "คอขวด"
....ไอ้ "ตูกาเรฟ"นี้ เป็นปืนของพี่ใหญ่ หลังม่านเหล็ก ดังนั้น คอมมิวนิตส์ ค่าย "หลังม่านไม้ไผ่" หมายถึง จีนเหมาเจ๋อตุง ก็ได้ทำปืนตามแบบค่ายพี่ใหญ่ใช้ ในขนาด 7.62 เหมือนกัน และปืนทรงนี้ ก็มีใช้ทั่วไป ในค่ายคอมมิวนิสต์ ย่อยๆ ลงมาแถบๆ ชายแดนภาคตะวันออก ของไทยนี้่แหละครับ
.......ทีนี้ มันก็มีปัญหาเกิดขึ้นคือ ตามชายแดนภาคตะวันออกอดีตอาณานิคมฝรั่งเศส ซึ่งได้แปลงสภาพไปถือลัทธิตามท่านเลนิน สตาลิน เหมาเจ๋อตง นั้น เขาใช้ เจ้าตูกาเรฟนี้ อยู่ทั่วไป เวลามันหลุดรอดเข้ามาในเมืองไทยแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เวลาเราเอามายิงในเมืองไทย ก็จะมีปัญหา เพราะไอ้กระสุนหัวคอขวด ขนาด 7.62 นี้ แม้มันจะพอหาได้ในตลาดเมืองไทย พอได้ ก็จริงอยู่ แต่มันก็หายากกว่าขนาด 9 มม.พาราฯเยอะเลย จนกระทั่งบางครั้ง เจ้าของเจ้า 7.62 ต้องหาทางเอาลำกล้องไป ทะลวง....ทะลวง....เอากันแบบลูกทุ่งนี้แหละ เอาให้มันพอใส่กระสุนที่มันหาง่ายๆ กว่าไอ้ คอขวด 7.62
....ปัญหานี้ ก็เห็นอยู่ทั่วๆ ไป ที่ต้องไปทะลวงลำกล้องกัน ไม่ฉะนั้น ก็ต้อง ยิงกันน้อยๆ หน่อย เพราะกระสุนหายากหน่อย เจ้า 7.62 คอขวดเนี่ยะ
......อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อซักประมาณช่วงประมาณก่อนปี 2535 โดยประมาณ ก็มีการทำโครงการปืนสวัสดิการ ข้าราชการกรมการปกครอง ได้มีการนำปืนราคาถูกจากจีนเหมาเจ๋อตง เข้ามาขายให้กับกรมการปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อะไรทำนองนั้น ผมจำไม่ถนัด
.....และผมก็ได้เห็นปืนแนว..ปืนทรง.. เจ้าตูกาเรฟ ของรัสเซีย นี้ .......ก็คิดว่า เป็นปืนรัสเซีย ......พอดูดีๆ อ้าว.... เขาเขียนว่า นอริงโก้ เมดอินไชน่า ก็ งง นิดหน่อย
พอเห็นเขียนขนาดกระสุน เป็น กระสุนขนาด 9 คูณ 19 ก็ยิ่ง งง เข้าไปใหญ่
......แต่พอหงายท้องปืน ดูผ่านช่องแม็กกาซีนในโครงปืน ก็เห็นว่า มีเหล็กตัวซี ทรงยาว สอดยาวตลอดทั้งแนวช่องแม็กฯ ก็แสดงว่า เขาใช้โครงปืนที่ใหญ่กว่า ขนาด 9 มม. แต่มาทำช่องแม็กฯ ให้แคบลง ให้ระยะสั้นลง เพื่อให้ใส่ขนาด 9 มม.ได้
.......ดังนัั้น ต้นแบบของมัน ครับ ที่ว่า เขาดัดแปลงมา เล่าให้ฟัง เฉยๆ แต่ตัวนี้ คือตัวที่ทำสำเร็จรูป มาแล้วจากจีน
.......แต่พวกที่เอา 7.62 ไปทะลวงลำกล้องนั่นซิ ..... ดัดแปลง 55555555555