ช่วง2-3ปีมานี้ รัฐบาลไทยเริ่มเข้มงวดการนำเข้าไม้จากพม่า ทำให้ส่งผลกระทบและเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากของผู้คนในแทบชายแดนไทยพม่าทั้งชาวไทยและชาวพม่า อาชีพหลักของคนไทยแถบริมชายแดนส่วนมากจะทำไร่ข้าวโพดและไร่ถั่วแต่เนื่องจากภาวะปัจจุบันการทำไร่ดั่งกล่าวมีต้นทุนเรื่อง ยา ปุ๋ย เพิ่มสูงขึ้นทำให้เกษตรชาวไทยต้องหันมาลดต้นทุนค่าแรงจากการทำโดยใช้แรงงานพม่า ซึ่งสามารถหาได้โดยง่าย เพียงวันละ 70 บาท ต่อคนและเมื่อแรงงานเหล่านี้มาทำงานทำให้ได้รับการถ่ายทอดการทำไร่โดยปริยายเช่น การพ่นยา การใส่ปุ๋ย การเก็บเกี่ยว พอ ถึงปัจจุปันฝั่งพม่าไม่สามารถขายไม้ให้กับไทยได้ก็หันมา ทำการเกษตรโดยการซื้อวัตถุดิบจากไทยเข้าไปทำบนพื้นป่า ดั่งเดิม คล้ายกับจับจองการทำไร่ของไทยเมื่อในอดีต เมื่อก่อนมองไปฝั่งพม่าจะมีแต่ต้นไม้เขียวขจี แต่เดี๋ยวนี้มองไปฝั่งพม่ามีแต่ภูเขาล้นที่มีการเพาะปลูกทางการเกษตรเต็มไปหมด นี้คงเป็นกระแสของการเปลี่ยนแปลงของโลกนะครับ แต่ผมมองว่าสิ่งเหล่านี้ในอนาคตจะส่งผลทำให้คนไทยจะเลิกทำการเกษตรเพราะพม่ามีต้นทุนในการทำการเกษตรถูกกว่าไทยถึงแม้ปัจจัยการผลิตจะซื้อกับไทยก็ตาม อีกไม่นานคงเห็นด่านจับไม้เถื่อนกลายมาเป็นการจับพืชไร่เถื่อนจากพม่าแทน นึกแล้วปวดหัวแทนชาวไร่ชาวส่วนไทยเลยครับ
