"มินิมาร์ท" ในปั๊มใหญ่ๆ ทำให้อยู่รอดได้บ้าง(หรือรอดได้อย่างสบาย)....เพราะได้กำไรจากตรงนั้นมาอุดหนุนพอสมควร....
ต้นเหตุทำให้เจ้งเลยครับ สังเกตุสิ ระยะหลังพอเศรษฐกิจซบเซา มินิมาร์ทจะเปลี่ยนรูปไป ทำแค่เป็นห้องขายของเล็กๆเท่านั้น
เรียกเก็บค่า แฟรนซ์ไชน์ ขั้นต่ำเดือนละ 30000 ถ้ายอดขายดีกว่านั้นจะขอเรียกเก็บเพิ่ม ตามเปอร์เซ็นต์ คือกำไรบริษัทเอาด้วย ถ้าขาดทุนบริษัทไม่รับรู้ จ่ายมาก่อนสามหมื่น
ปั๊มรุ่นเศรษฐกิจฟองสูบ่เฟื่องฟู ขนาดมินิมาร์ทใหญ่ กว่ารานตามตึกแถวอีกนะครับ แอร์ 6-7 ตัว ตู้แช่ขนาดใหญ่แบบเป็นห้องเดินเข้าไปนอนได้ ตู้แช่แข็งเนื้อต่างหาก มีเครื่องทำน้ำแข็งเกล็ด ตู้นึ่งขนมปังฮอตด็อก เตาไมโครเวป พวกใช้อย่างดี ราคาสูงมาก
ตรงจุดนี้ ถือเป็นข้อผิดพลาดทั้งบริษัทและผู้ร่วมลงทุน คือต่างฝ่ายต่างไม่ได้กำไรเลย
ต่อมาเลยปรับขนาดให้ร้านเล็กพอดีกะการบริการคนใช้รถเท่านั้น ถือจะพอได้ผลกำไรบ้าง
ยอดขายต่อให้เทศกาล สงกรานต์ ปีใหม่ อย่าเก่ง ก็วันละ 20000 กว่าเท่านั้น
ค่าไฟ ถ้าขยันเปิดมันทุกจุดทั้งเดือน ไม่ต่ำกว่า 70000 - 80000 บาท ถ้ามาสมัยนี้ก็ไม่รู้จะเป็นเท่าไหร่
ค่าแรงพนักงาน แปรฝันตามถ้องถิ่น
เผลอไม่ได้ ขโมยเยอะมากทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ กลอนประตู ตะแกรงรางระบายน้ำ ว๊าวน้ำโถปัสสาวะ ก๊อกน้ำ พวกถอดเฉยเลย น้ำไหลนองทั้งคืน
ระบบการดำเนินการบ้านเรามันผิดหลัก ทำปั๊มเสียใหญ่ ยังกะรีสอร์ท เพื่อหวังผลกำไรแค่สตางค์ มิหน่ำซ้ำยังแข่งกันเปิดอีก ระบบการงจ้างงานก็ผิดอีก จ้างค่าแรงถูกๆ (จ้างแพงก็ไม่มีใครเข้าทำกันอีก) เพื่อบริการ รถยนต์ราคาเป็นแสนเป็นล้าน ที่นี้ถ้าเด็กปั๊มทำอะไรพลาด ความรับผิดชอบย่อมตามมา
ดูปั๊มน้ำมันต่างประเทศ ไม่ได้หรู่หราอะไรมากมาย บางแห่งคนขับต้องช่วยเติมเอง เพื่อลดค่าใช้จ่ายตรงนี้