เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 23, 2025, 06:31:03 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ที่สุดของการถือสา  (อ่าน 1084 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jj26621
สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 21
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 710


มีไว้แล้วไม่ได้ใช้ดีกว่าจำเป็นต้องใช้แล้วไม่มี


เว็บไซต์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2007, 11:12:42 AM »

 ไหว้
ที่สุดของการถือสา  
เคยมีคนกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า   ถ้าหากจะย่อหลักธรรมของพระองค์ให้เหลือเพียงสั้น   ๆ   ทว่าครอบคลุมใจความทั้งหมดแห่งพระพุทธศาสนา   จะสรุปได้ว่าอะไร  
พระองค์ตรัสว่า   หากจะให้สรุปเช่นนั้น   ก็ขอสรุปว่าใจความแห่งคำสอนของพระองค์ขึ้นอยู่กับประโยคที่ว่า  ' สัพเพ   ธัมมานาลัง   อะภินิเวสายะ   ใดใดในโลกอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น '  
ทำไมจึงไม่ควรยึดติดถือมั่น   เพราะที่ใดมีความถือมั่น   ที่นั่นก็มีความทุกข์  
ความทุกข์ขยายตัวตามระดับความเข้มข้นของความยึดติด  
ยึดมาก   ติดมาก   จึงทุกข์มาก   ไม่ยึด   ไม่ติด   จึงไม่ทุกข์  
ความไม่ยึดติดถือมั่น   กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า  ' การปล่อยวาง '  
ทำไมจึงต้องปล่อยวาง   เพราะทุกอย่าง  ' มีความว่าง ' มาแต่เดิม  
คนที่หลงกอด  ' ความว่าง ' โดยคิดว่าเป็น  ' ความมี ' ทำไมจะไม่ทุกข์ล่ะ  
หลายคนชอบกอดไว้หมดทุกเรื่อง   ทุกปัญหา   ทุกคน   แล้วยกขึ้นไปแบกไว้บนบ่า   จากนั้นก็มานั่งเป็นทุกข์ว่าทำไมชีวิตถึงได้เหนื่อยล้าขนาดนี้   หมดเรี่ยวหมดแรง   เหมือนโลกทั้งโลกกำลังกดทับ   ก็เล่นถือเอาทุกเรื่องเป็นเรื่องของตัวหมดเลยนี่  
ถ้าไม่แบกเอาไว้ก็คงไม่หนัก   ถ้าไม่ถือเอาไว้ก็คงไม่เหนื่อย   แต่ก็นั่นแหล่ะ   บางคน  ' วาง ' ไม่เป็น   มีจิตฟุ้งซ่าน   ต้องการจะเป็นธุระไปเสียทั้งหมด   ก็ต้องแลกเอากับผลลัพธ์ที่ทำให้เหน็ดเหนื่อย  
มีเรื่องเล่าชวนคิดเรื่องหนึ่งว่า  
พระบวชใหม่รูปหนึ่งเดินบิณฑบาตผ่านชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งมีผู้คนจอแจ   ขณะเดินสำรวมก้มหน้าแต่พอประมาณเพื่อเดินผ่านชุมชนไปอย่างช้าๆ   นั่นเอง   จู่ๆ   มีชายผู้หนึ่งใส่สูท   ผูกเนคไท   สวมแว่นตาดำ   เดินเข้ามาหาท่าน   พร้อมชี้หน้าด่าท่านอย่างสาดเสียเทเสีย  
พระรูปนั้นตกตะลึง   รีบเดินหนี   แต่แม้ท่านจะเดินหนีชายคนนั้นพ้นแล้ว   แต่เสียงด่าทอของเขายังก้องอยู่ในโสตประสาทของท่านอย่างชัดถ้อยชัดคำ  
เมื่อกลับมาถึงวัด   พลันที่คิดถึงเหตุการณ์ที่ตนถูกชี้หน้าด่ากลางฝูงชน   พระหนุ่มก็รู้สึกโกรธจนหน้าแดงก่ำ   ยิ่งคิดต่อไปว่าชายคนนั้นมาชี้หน้าด่าตนซึ่งเป็นพระ   และตนก็จำได้ว่าตั้งแต่บวชเข้ามาในพระธรรมวินัย   ก็ยังไม่เคยทำอะไรผิด  
คิดมาถึงขั้นว่าตนไม่ผิด   แต่ทำไมตนต้องถูกด่า   ยิ่งเจ็บ   ยิ่งแค้น   วันที่ท่านถูกด่ากลางชุมชนนั้นเป็นวันศุกร์   แต่ตกถึงเช้าวันจันทร์ท่านก็ยังไม่หายโกรธ  
เช้าวันจันทร์นั้น   พระบวชใหม่ประคองบาตรเดินผ่านชุมชนนั้นเหมือนเดิม   ท่านพยายามสอดส่ายสายตามองหาชายคนเดิม   ตั้งใจว่าวันนี้จะต้องถามให้รู้เรื่องว่าเหตุใดจึงมาชี้หน้าด่าตนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว  
ยิ่งพยายามค้นหา   กลับยิ่งไม่พบ   ท่านจึงเดินสำรวจรับอาหารบิณฑบาตต่อไป   จนได้อาหารเต็มบาตรแล้วจึงเดินกลับวัด  
ระหว่างทางกลับวัด   โดยไม่คาดฝัน   พระหนุ่มทอดสายตาไปพบกับชายคนหนึ่ง   สวมสูท   ผูกเนคไท   ใส่แว่นตาดำ   ท่านอุทานในใจว่า  
" อ๋อ   เจ้าคนนี้เองที่ด่าฉันเมื่อวันศุกร์ "  
ภาพที่เห็นคือ   ชายแต่งตัวดีคนนั้น   นอนหลับหมดสติอยู่ข้างศาลเจ้าแม่แห่งหนึ่ง   ข้างๆ   ตัวเขามีขวดเหล้าล้มกลิ้งอยู่  
พอท่านพยายามเดินเข้าไปมองใกล้ๆ   เขาจึงเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา   พอเห็นท่านเท้านั้นชายคนนั้นก็ร้องขึ้นมาว่า  
" ขอเดชะ   พระอาญาไม่พ้นเกล้าฯ   บัดนี้พระองค์ทรงกลับมาครองพาราณสีอีกครั้งหนึ่งแล้วกระนั้นหรือ …" ว่าแล้วก็ลุกขึ้นรำเฉิบๆ  
พลันที่ท่านประเมินได้ว่าชายแต่งตัวดี   คนที่ชี้หน้าด่าท่านเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเป็นคนบ้าที่มาในร่างของคนแต่งตัวดีเท่านั้น   ความโกรธที่ก่อตัวเป็นเมฆดำทะมึนอยู่ในใจของท่านมานานถึงสามวันก็อันตรธานไปอย่างง่ายดายชนิดไร้ร่องรอย  
ทำไมเราจึงปล่อยวางต่อคนบ้าได้ง่ายดายเหลือเกิน  
แต่กับคนปกติ   ทำไมเราจึงมีความรู้สึกว่าต้องเอาเรื่องราวให้ถึงที่สุด  
เราบ้าหรือเปล่า ?  
ที่มา : นิตยสาร  Lips ปักษ์หลังเดือนกรกฎาคม  2550
บันทึกการเข้า

สงครามเกิดแล้วจบแต่สหายร่วมรบไม่เคยลางหาย
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.079 วินาที กับ 21 คำสั่ง