เช็คข่าวล่าสุดครับ นาย ก ได้ไปแจ้งความ ณ ท้องที่ที่อยู่ปัจจุบันแล้ว(ต่างจังหวัด) แต่ในใบแจ้งความ
แจ้งไว้ว่า นาย ก ได้ทำการแจ้งความว่าเมื่อวันที่......นาย ก ได้จำหน่ายอาวุธปืนให้นาย ข เพื่อให้นาย ข ไปดำเนินการขอใบ ป3 ต่อไป
จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
แสดงว่านาย ก ไม่ได้แจ้งความว่าอาวุธปืนหาย แต่ได้แจ้งความว่าได้จำหน่ายอาวุธปืนไปให้นาย ข แล้ว เท่านั้นครับ

ส่วนนาย ค ก็ไปแจ้งความว่าได้ซื้ออาวุธปืนมาเพื่อจะกำลังดำเนินการเตรียมขอใบ ป3 แต่ปืนหาย โดยลูกนำไปแล้วทำหาย
......เป็นเรื่องแล้วครับที่นี้ นาย ข ควรจะทำอย่างไรต่อไปดีครับ
ถือว่า จขกท.ได้ให้ความช่วยเหลือไปตามควรแล้ว
กรณีนี้ นาย ก.เจ้าของปืน สร้างเรื่องซวยให้กับตัวเอง และเพื่อนพ้อง เข้าแล้ว..
การแจ้งความ ของนาย ก. เท่่ากับให้ข้อเท็จจริงว่้าได้ทำผิด ตาม พรบอาวุธปืน ม.๓๔ มีโทษตามมาตรา ๗๓ ทวิ . 
ถ้าเขาจะเชื่่อฟังบ้างขอให้เขารีบไป แจ้งความเพิ่มเติมว่า ระหว่างกำลังจะทำเรื่อง ขอ.ป ๓ เพื่อจะโอนกันนั้น อาวุธปืนได้สูัญหายไปเสียแล้ว .และส่งมอบ ป.๔ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไป
ถ้าเขาไม่เชื่อ ควรถอยออกมาดีกว่าครับ.
ปล่อยให้นาย ก.เผชิญ ตะราง ไปดีกว่า 
สิ่งที่เขาควรกระทำแต่ต้น คือไม่ควรขายอาวุธปืนแบบโอนลอย.
และถ้ามีปัญหา เขาควรไปแจ้่งความว่าหาย เพราะที่สุดข้อเท็จจริืงคือมันได้หายไปแล้ว..ไม่ต้องให้รายละเอียด.
ในทาง ก.ม. แ่พ่ง
การซื้อขายกันทั้ง 2 ทอด นั้นน่าจะสมบูรณ์แล้วนะครับ เพราะปืนเป็นสังหาริมทรัพย์ การซื้อขายก็เหมือนการซื้อขายทั่วไป แต่ในเรื่องของทะเบียนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่แสดงถึงกรรมสิทธิ์ เป็นเพียงการจดทะเบียนเพื่อผลทางการควบคุมให้รู้ว่าใครครอบครองอยู่ ตาม พรบ. อาวุธปืนเท่านั้น
ผิดถูก รอพี่ๆ แก้ให้ครับ
ด้วยความเคารพ
หลักกฎหมาย ให้ไว้ว่าเมื่อมีกฎหมายใดบัญญัติไว้โดยเป็นการเฉพาะ จะต้องใช้กฎหมายนั้น.
อาวุธปืนมีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะ ถึง ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ..
จะต้องได้ิ้รับอนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืน แต่ละท้องที่ ก่อน.. เท่านั้น.
จะนำป.แพ่งฯ มาใช้กับเรื่องอาวุธปืนไม่ได้ ครัึบ. .. เพราะถ้าขืนใช้ จะเป็นไปตามนี้ ครับ.
บุคคลที่เกี่ยวข้อง ครอบครองอาวุธปืนกระบอกนี้ ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิด
ตามพรบ.อาวุธปืนฯ มาตรา ๗ .. มีโทษตาม ม.๗๒ วรรคสาม ที่เรียกว่าปืนผิดมือครับ..