ถ้าจะให้ละเอียดมากจริงๆ ก็ทำได้ครับ
สมัยปลายสงครามโลกครับที่ 1 เยอรมันทำปืนใหญ่ยิงไกลมากชื่อปืน ปารีส เอาไว้ยิงกรุงปารีสโดยเฉพาะ ลำกล้องยาวมากต้องมีโครงขึงข้างบน ยิงไกลกว่า 100 กิโล มีการสึกหรอสูง ดังนั้นเขาก็คำนวนการสึกหรอของลำกล้องว่ายิงไป "แต่ละนัด" จะเกิดผลอย่างไร แล้วก็ออกแบบแหวนหัวกระสุนปืนที่รีดเกลียวให้ต่างกัน "แต่ละนัด" เลยครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Paris_Gunปารีสกัน น่าจะเป็นกระสุนแบบที่กัดร่องเกลียวไว้ที่กระสุน รับกับเกลียวลำกล้อง แต่กระสุนแต่ละนัด จะโตขึ้น ๆ รับกับลำกล้องปืนที่สึกไป และพอยิงไปได้สองวัน ก็ต้องคว้านเกลียวลำกล้องใหม่ ทำให้ลำกล้องโตขึ้น กระสุนใหญ่ขึ้น หนักขึ้น ระยะยิงลดลงกว่าเดิม แต่แนวรบก็ใกล้เข้าไป
ปารีสกัน ปรับทางปืนแบบ 4 ประเทศ
ผตน.ในปารีส ขานตำบลกระสุนตก เป็นรหัส ส่งทางโทรเลขไปที่สวิส สายลับเยอรมันในสวิส โทรเลขต่อไปเยอรมัน แล้วที่เยอรมัน ถึงสั่งการไปที่ปืน ซึ่งอยู่ในเบลเยี่ยม อีกที
ถ้าจะให้ละเอียดมากจริงๆ ก็ทำได้ครับ
สมัยปลายสงครามโลกครับที่ 1 เยอรมันทำปืนใหญ่ยิงไกลมากชื่อปืน ปารีส เอาไว้ยิงกรุงปารีสโดยเฉพาะ ลำกล้องยาวมากต้องมีโครงขึงข้างบน ยิงไกลกว่า 100 กิโล มีการสึกหรอสูง ดังนั้นเขาก็คำนวนการสึกหรอของลำกล้องว่ายิงไป "แต่ละนัด" จะเกิดผลอย่างไร แล้วก็ออกแบบแหวนหัวกระสุนปืนที่รีดเกลียวให้ต่างกัน "แต่ละนัด" เลยครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Paris_Gunปารีสกัน น่าจะเป็นกระสุนแบบที่กัดร่องเกลียวไว้ที่กระสุน รับกับเกลียวลำกล้อง แต่กระสุนแต่ละนัด จะโตขึ้น ๆ รับกับลำกล้องปืนที่สึกไป และพอยิงไปได้สองวัน ก็ต้องคว้านเกลียวลำกล้องใหม่ ทำให้ลำกล้องโตขึ้น กระสุนใหญ่ขึ้น หนักขึ้น ระยะยิงลดลงกว่าเดิม แต่แนวรบก็ใกล้เข้าไป
ปารีสกัน ปรับทางปืนแบบ 4 ประเทศ
ผตน.ในปารีส ขานตำบลกระสุนตก เป็นรหัส ส่งทางโทรเลขไปที่สวิส สายลับเยอรมันในสวิส โทรเลขต่อไปเยอรมัน แล้วที่เยอรมัน ถึงสั่งการไปที่ปืน ซึ่งอยู่ในเบลเยี่ยม อีกที
ถ้าจะให้ละเอียดมากจริงๆ ก็ทำได้ครับ
สมัยปลายสงครามโลกครับที่ 1 เยอรมันทำปืนใหญ่ยิงไกลมากชื่อปืน ปารีส เอาไว้ยิงกรุงปารีสโดยเฉพาะ ลำกล้องยาวมากต้องมีโครงขึงข้างบน ยิงไกลกว่า 100 กิโล มีการสึกหรอสูง ดังนั้นเขาก็คำนวนการสึกหรอของลำกล้องว่ายิงไป "แต่ละนัด" จะเกิดผลอย่างไร แล้วก็ออกแบบแหวนหัวกระสุนปืนที่รีดเกลียวให้ต่างกัน "แต่ละนัด" เลยครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Paris_Gunปารีสกัน น่าจะเป็นกระสุนแบบที่กัดร่องเกลียวไว้ที่กระสุน รับกับเกลียวลำกล้อง แต่กระสุนแต่ละนัด จะโตขึ้น ๆ รับกับลำกล้องปืนที่สึกไป และพอยิงไปได้สองวัน ก็ต้องคว้านเกลียวลำกล้องใหม่ ทำให้ลำกล้องโตขึ้น กระสุนใหญ่ขึ้น หนักขึ้น ระยะยิงลดลงกว่าเดิม แต่แนวรบก็ใกล้เข้าไป
ปารีสกัน ปรับทางปืนแบบ 4 ประเทศ
ผตน.ในปารีส ขานตำบลกระสุนตก เป็นรหัส ส่งทางโทรเลขไปที่สวิส สายลับเยอรมันในสวิส โทรเลขต่อไปเยอรมัน แล้วที่เยอรมัน ถึงสั่งการไปที่ปืน ซึ่งอยู่ในเบลเยี่ยม อีกที
ถ้าจะให้ละเอียดมากจริงๆ ก็ทำได้ครับ
สมัยปลายสงครามโลกครับที่ 1 เยอรมันทำปืนใหญ่ยิงไกลมากชื่อปืน ปารีส เอาไว้ยิงกรุงปารีสโดยเฉพาะ ลำกล้องยาวมากต้องมีโครงขึงข้างบน ยิงไกลกว่า 100 กิโล มีการสึกหรอสูง ดังนั้นเขาก็คำนวนการสึกหรอของลำกล้องว่ายิงไป "แต่ละนัด" จะเกิดผลอย่างไร แล้วก็ออกแบบแหวนหัวกระสุนปืนที่รีดเกลียวให้ต่างกัน "แต่ละนัด" เลยครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Paris_Gunปารีสกัน น่าจะเป็นกระสุนแบบที่กัดร่องเกลียวไว้ที่กระสุน รับกับเกลียวลำกล้อง แต่กระสุนแต่ละนัด จะโตขึ้น ๆ รับกับลำกล้องปืนที่สึกไป และพอยิงไปได้สองวัน ก็ต้องคว้านเกลียวลำกล้องใหม่ ทำให้ลำกล้องโตขึ้น กระสุนใหญ่ขึ้น หนักขึ้น ระยะยิงลดลงกว่าเดิม แต่แนวรบก็ใกล้เข้าไป
ปารีสกัน ปรับทางปืนแบบ 4 ประเทศ
ผตน.ในปารีส ขานตำบลกระสุนตก เป็นรหัส ส่งทางโทรเลขไปที่สวิส สายลับเยอรมันในสวิส โทรเลขต่อไปเยอรมัน แล้วที่เยอรมัน ถึงสั่งการไปที่ปืน ซึ่งอยู่ในเบลเยี่ยม อีกที
ขอบคุณมากครับท่านผู้การสุพินท์ โอ้โฮ ต้องปรับส่วนลำกล้องใหม่เลยหรือครับท่านผู้การ? ประสานงานปรับปารยิงขนาดนี้ ความอยากจะยิงสูงจริงๆ เลยครับ
ตอนนั้นถ้ากองทัพเรือเยอรมันเป็นฝ่ายบล๊อกเกาะอังกฤษได้ละก็ อือม์ คงไม่มีฮิตเลอร์มาทำชื่อให้เยอรมันเป็นตัวโกงแน่ๆ