ผมเป็นคนโชคดี ที่ได้มีโอกาสคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งผมแอบชื่นชมท่านในคุณลักษณะที่ดูเหมือนมีปิติ แห่งความสุขตลอดเวลา
จึงเป็นสิ่งจูงใจให้ผมชวนสืบค้น สิ่งดีๆในตัวท่าน บทสนทนาจึงเริ่มขึ้น

ผม; พี่ครับ ผมขออนุญาตอยู่ห่างๆพี่นะครับ เพราะผมเป็นคนขี้เล่น ผมไม่ได้รังเกียจพี่ แต่เกรงว่าพี่จะเสียเกียรติ และการปกครอง
ผู้ใหญ่; ทำไมล่ะ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย
ผม; ผมกลัวว่านิสัยความเป็นตัวตนของผม จะสร้างความหนักใจให้พี่
ท่านหัวเราะเล็กๆอย่างมีเมตตา; นี่เธอฟังพี่นะ พี่น่ะมองคนอย่างกระจกเงา คือสามารถรับภาพได้ทั้งดี ชั่ว เลว งาม...แต่พี่ไม่เคย
เก็บเอามาเป็นทุกข์หรือสุข ให้เป็นสนิมในใจพี่หร็อก น้องรู้จักกระจกเงาไหม ที่เราส่องอยู่ทุกวันน่ะ..ส่องแล้วได้อะไรบ้าง

...............อือม์ๆๆๆ ความจริง ผมเองก็เป็นคนที่เข้าใจชีวิตพอสมควร มีความสุขตามอัตภาพ...ไม่ใช่จิตแพทย์ที่ฟังความทุกข์ของผู้ป่วย
แล้วยึดกรรมสิทธิ์เอามาเป็นความทุกข์ของตนเอง..แล้วก็บ้าแทน ปกติ ผมไม่ตำหนิ และไม่คิดแทนใคร หากไม่ได้รับการร้องขอ...
แต่พอเจอเรื่องกระจก...ผมจ๋อย แต่เมื่อเก็บมาคิดสักพัก...ผมดีใจ และเพิ่มความมั่นใจว่าต่อไปนี้ผมจะเจ๋งมากขึ้น เพราะเรื่องกระจกบานนี้
ที่บังเอิญเพิ่งมาพบเอาตอนแก่
