ของผมไม่ได้มาจากชาติที่แล้วครับ ชาตินี้เองเลย เรื่องมีอยู่ว่า ตอนที่ผมได้ปืนกระบอกแรก(10/22) มาใหม่ๆ ก็เป็นธรรมดาครับ ทั้งเห่อทั้งหาของแต่งของเล่นสารพัด แต่ไม่ค่อยจะมีเวลาเข้าสนามสักเท่าไหร่ ก็เลยอาศัยที่ว่างหลังบ้านครับ เป็นหนองมีต้นปรืออยู่รอบๆ ถ้าชึ้นไปชั้นบนของบ้านผมมองลงมาก็จะมีหนองน้ำอยู่ตรงกลางครับ แรกๆก็ยิงต้นมะพร้าวบ้าง เศษขวดเศษขยะที่พอมองเห็นบ้าง วันละนัดสองนัด นานเข้านานเข้าก็เริ่มมองเห็นสัตว์ที่อาศัยอยู่แถวๆนั้นมาเป็นที่ลองความแม่นของเราครับ
เริ่มจากหนูที่ปีนขึ้นมากินดอกมะพร้าวครับ แล้วก็นกกวัก นกยาง นกขมิ้น งูทางมะพร้าว งูเขียว จนมาถึงไฮไลท์ครับ ตะกวดครับ เจ้าตัวนี้ผมยิงทั้งแบบที่เดินไปเดินมา และแบบที่ว่ายน้ำอยู่ครับ มีอยู่ตัวนึงกำลังว่ายน้ำอยู่ ผมก็เล็งเข้าที่หัวเป็นปกติครับ ระยะประมาณห้าสิบเมตรได้ ปรากฏว่าวันนั้นพลาดครับ ไมเข้าที่หัวเหมือนที่ตั้งใจไว้ แต่เลยไปเข้าที่หลังมันครับ มันก็หยุดว่ายน้ำลอยอยู่อย่างนั้น ก็ซ้ำอีกนัดนึงครับ พลาดอีกเข้าแถวๆจุดเดิมครับ คราวนี้มันจมน้ำลงไป แล้วโผล่อีกทีก็นอนหงายตีกรรเชียง วนไปวนมาอยู่สักพัก ก็จมแล้วโผล่ อยู่สักสองสามครั้งก็จมลงไปครับ ก็ยังไม่ได้สำนึกอะไร ยิงจนตัวสุดท้ายเป็นนกครับ ไม่รู้ว่านกอะไรเหมือนกัน หางสั้นปากยาว ขายาว พื้นขาวมีลายสีเทาๆ ปีกเทา ตัวนี้ระยะประมาณสามสิบเมตรครับ ยิงร่วงจากยอดไม้ เสร็จแล้วก็ปีนรั้วออกไปดูครับ เป็นตัวแรกที่ออกไปดู เห็นมันนอนตาย ตาไม่หลับครับ ก็เลยเดินกลับบ้านมา ภาพติดตาครับเริ่มมานึกได้ว่า เราทำไปทำไมนี่
จนมาได้อ่านหนังสือเข้าครับ ในนั้นเขียนไว้ว่า คนที่เกิดวันพฤหัสฯ ถ้าขยันสร้างเวรสร้างกรรม จะทำอะไรไม่ขึ้น เลิกครับ เลิกทันทีที่ได้อ่านเลย มาคิดดู เรายิงเล่นเพื่อความสนุกอย่างเดียว ไม่ได้เอามาทำประโยชน์อะไรเลยอย่างนี้ บาปคงหนาน่าดู หลังจากนั้นมาก็สร้างบุญสร้างกุศล แผ่เมตตา ขออโหสิกรรมกันมั่วไปหมด จนกระทั่ง.....
คล้ายๆผมครับ โตมาในสวนมะพร้าว พ่อหัดให้ยิงลูกกรด(.22LR Kriko) เพื่อกำจัดศัตรูพืช กระรอกเป็นหลัก
ตั้งแต่เข้าโรงเรียน(ป.1) ยันจบ ม.3 (มาต่อ ม.4 ที่กทม.) ยิงไป มีทั้งเบื่อเพราะหน้าที่ หรือบางทีก็สนุกไปกะมัน
ก่อนไปโรงเรียน อย่างน้อย2ตัว วันเสาร์-อาทิตย์ ไม่ต้องไปโรงเรียน อาจมากกว่าราวสามเท่าตัว
วันดีคืนดี คนรู้จักกัน ชักชวนให้ไปยิงในสวนของเขาก็มี เพราะเขามีแต่ลูกซอง กระสุนแพง แถมยิงคร่อมไปเยอะ
แต่ไม่ยิง ทิ้งยิงขว้างนะครับ เอามาทำกิน ทำกินมันหมดทุกอย่าง ทั้งผัดกระเพรา ผัดเผ็ด ย่างทาขมิ้น จนเบื่อ
ขนาดโตมา เพื่อนๆ ชักชวนไปกินอาหารป่า มีกระรอกด้วย อร่อย ผมไม่ไป เบื่อ.... ถ้าไปสั่งอย่างอื่น ว่าได้ว่า
ไม่ได้กินกระรอกมาตั้งแต่อายุ16 ยี่สิบกว่าปี คนอื่นบอกอร่อยยังไงก็ไม่เอา

ทีนี้ อีตอนยิง หัดใหม่ๆ คึกไปหมด เป้าโผล่มานิดหน่อยเป็นเหนี่ยวไก บางทีโดนแต่ไม่ตายทันที วิ่งแบบเจ็บๆ
กระโผลกกระเผลกหนี แล้วค่อยหล่นลงมาฟาดพื้น(จากยอดมะพร้าวถึงพื้น) ถึงพื้นแล้วไปไหนไม่ได้ แต่หางแกว่งปัดๆ
ตัวกระตุกๆแล้วค่อยนิ่ง.... ผมรู้สึกหลอนๆ หลังจากนั้นก็เป็นไปตามครรลองของคนล่าสัตว์ คือหันมายิงหัวอย่างเดียว
โดนก็ตายทันที หล่นลงมา นิ่งสนิท ไม่ชักปะแหงบๆ หากยิงพลาดก็ไม่เจ็บไม่ทรมมาน อย่างมากมันวิ่งหนี ไม่ต้องเสียดาย
เพราะพรุ่งนี้ เราก็ได้ยิงอีก
รู้สึกดีขึ้น เพราะไม่เห็นเขาทรมานก่อนตาย แต่บางตัวโดนเหลี่ยมหัวที่ ทแยงๆ ลูกกะตาหายไปข้าง หรือโดนลูกปืนวิ่ง
ผ่านด้านหลัง ดันลูกตาถลนโปนมาให้รู้สึกแหยงๆ เหมือนมันมองเราแบบโกรธๆ แต่ก็ทำมา เพราะคนอื่นไม่ทำ
ถือว่าช่วยทางบ้านดูแลสวน การกำจัดกระรอก มากกว่าดูแลสวนอยู่อย่างคือ ดูแลสุขภาพอนามัยด้วย เพราะมะพร้าวถูก
กระรอกเจาะกินเป็นโพรงพอร่วงจากขั้วอยู่ใต้โคน ตัวลูกมะพร้าวก็เป็นที่ขังของน้ำเพื่อยุงจะได้มาวางไข่
ช่วงหน้าฝน บางที ต้องเดินหาลูกมะพร้าวที่ถูกกระรอกเจาะในสวน เพื่อพลิกคว่ำ เอารูที่ถูกเจาะลงดิน เทน้ำออก
ยุงจะได้ไม่วางไข่ การลดลงของกระรอก มะพร้าวพิการด้านบนก็ลดลงด้วย
สำคัญนะครับ บางบ้านที่ทำสวนมะพร้าวที่ผมรู้จัก เป็นมาลาเรียก็เพราะมะพร้าวกระรอกเจาะนี่แหละ
ผมเรียนจบมาได้ เพราะความคงอยู่ของสวนมะพร้าว ที่ผมได้ดูแลอยู่ช่วงหนึ่ง.... ถามว่ารู้สึกบาปไหม รู้สึกครับ
แต่ถ้าไม่ทำ รายได้ทางบ้านลดลง มีผลกับการศึกษาผมแน่ๆ ไฟต์บังคับครับ
พอจบมาได้ ทำงานได้ราวๆ1ปีกว่าๆเกือบสองปี เกิดต้มยำกุ้งดีสิสครับ ผมตกงาน ขายหมดทุกอย่าง ที่ซื้อไว้
พอๆประทังตัวเองไปได้อีกแค่6เดือน เพราะเดินสมัครงาน ใช้เงินมากกว่าไปทำงาน บางทีวันเดียวเดินทางสมัครงาน4ที่
ถึงนั่งรถเมล์ไปก็เถอะ บางที่ต่อเดียว บางที่สองต่อ(ยุคนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้า) ใช้รูปถ่ายซึ่งมีต้นทุน เดินทางหิว ก็ต้องกิน
บางวันใช้เกือบ500บาท ไม่ได้ใช้หรูหรานะครับ แค่พอไปสมัครงานได้ ซึ่งไปทำงานยุคนั้นผมใช้เงินไม่ถึง200บาทต่อวัน
สุดท้ายกลับไปอยู่บ้าน นั่งมองสวนมะพร้าว แต่ยุคนั้น กระรอกในสวนไม่มีแล้ว โดนวัยรุ่นมือดี มายิงไปหมด
รู้สึกเหมือนกันว่าเป็นเรื่องของกรรมแท้ๆ ที่เราทำไว้
หลังจากนั้นรัฐบาลมีโครงการ มิยาซาว่า เพื่อกระตุ้นการจ้างงาน ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้โอกาสเข้าทำงานในโครงการนั้น
ทายสิ...

ผมไปเป็นลูกจ้างของหน่วยงานรัฐฯหน่วยไหน ....
กรมป่าไม้ครับ โดยป่าไม้เขตสุราษฎร์ธานี ผมไปเป็นนักสำรวจสิ่งแวดล้อม อยู่1ปี ทำงานอนุรักษ์ไปด้วย
เพราะทางกรมป่าไม้ถือว่าไม่ว่าตำแหน่งไหน ในกรมป่าไม้ ต้องเป็นนักอนุรักษ์ด้วยทุกคน
ขอบคุณคุณธำรงผู้ตั้งกระทู้ครับ
ขอบคุณคุณchnon ที่มีประสบการณ์คล้ายๆผม ทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวของตัวเองได้ เกิดวันพฤหัสบดีเหมือนผมอีกต่างหาก

+1 สองท่านข้างบน และทุกๆท่านที่ร่วมแบ่งปันในกระทู้นี้ครับ
