ปัญหาของประเทศเราตอนนี้คือ เรามองแต่ข้อดีของ โครงการที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าช่วยเกษตรกร แต่ลองคิดดูว่าเงินระดับแสน สองแสนล้านใครจ่าย เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ได้จ่ายไงครับ รัฐบาลเอาเงินภาษีมาจ่าย แต่เงินเดือนเราเท่าเดิม เราก็เสียภาษีเท่าเดิม เหมือนเงินมันงอกมาได้ยังไงก็ไม่รู้ แต่จริงแล้วเราจ่ายไปโดยไม่รู้ตัวต่างหาก
การที่งบประมาณหายไปแสนล้าน ทำให้โครงการทำถนนกี่สายที่ต้องยกเลิก เพราะรัฐบาลไม่มีเงินจะมาทำ อาจจะเป็นเขื่อน คลองส่งน้ำ งบป้องกันประเทศ หรืองบพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ ก็ต้องถูกตัดไป เหล่านี้ทำให้ประเทศเรายิ่งพัฒนาช้าลง ประชาชนในชาติอ่อนแอลง เพราะพึ่งตนเองไม่ได้ ไม่มีประสิทธิภาพในการผลิตสินค้า ชาวนาลงทุนไปก็ขาดทุน เพราะต้นทุนดันแพงกว่าเค้า แต่ได้ผลผลิตต่ำกว่า
ถ้าลองเปลี่ยนใหม่ ลองทำประชามติดู รัฐบาลขอบริจาคเงินคนทั้งชาติคนละ 3% ของรายได้ เอามาทำโครงการรับจำนำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (อาจจะมาในรูปการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือการเพิ่มอัตราภาษี ) จะมีซักกี่คนที่ยอมจ่ายเพื่อชาวนาจริงๆ หรือให้คนกรุงเทพยอมเสียสละงบทำรถไฟฟ้า ให้เอาเงินไปช่วยชาวนาก่อน คิดว่าจะยอมกันมั้ยครับ
ถนนหน้าบ้านเราอาจจะไม่มีงบประมาณมาทำ มาซ่อมแซม เพราะงบประมาณถูกตัด เหล่านี้เป็นราคาที่เราต้องจ่ายครับ
จริงๆแล้วผมไม่ได้ต่อต้านโครงการช่วยเหลือเกษตรกรนะครับ ถ้าเห็นว่าดีก็ทำไปเถอะครับ
แต่ที่อยากให้เห็นก็คือ เราได้พิจารณาข้อดี ข้อเสีย ผลกระทบกันครบด้านแล้วหรือยัง ไม่ใช่มองแต่ด้านดีของมัน โดยไม่มองผลเสียระยะยาวอันนี้ไม่ถูก วันหนึ่งผลกระทบมันก็ต้องย้อนกลับมาหาเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ถ้าโครงการจำนำ ทำให้ราคาข้าวขึ้นได้จริง ก็ยังมีคนอีกกลุ่มนึงที่เค้าก็เดือดร้อนจากข้าวแพงด้วยเหมือนกัน หรือแม้กระทั่งชาวนาเอง ถ้าวันนึงข้าวล้นสต็อกของประเทศ จะทำให้ราคาข้าวตกต่ำต่อเนื่องไปอีกหลายปี
เรื่องจะเจรจาขายให้ได้ราคาอันนี้ลืมได้เลยครับ ราคาข้าวตลาดโลกตอนนี้ 550 เหรียญ ถ้ารับจำนำหมื่นห้าจริง ต้องขายให้ได้ราคาไม่ต่ำกว่า 1000 เหรียญ ต่อตัน คงไม่มีประเทศไหนโง่พอจะซื้อ เพราะรู้ทั้งรู้ว่าข้าวไทยกำลังล้นสต็อก
รมต ที่ทำโครงการรับจำนำ ก็เปลี่ยนหน้าไป คนใหม่เข้ามาก็ไม่กล้าระบายข้าว เพราะ กลัวโดนข้อหาทำให้ราคาข้าวลง กับข้อหาขายข้าวขาดทุน สู้ทิ้งไว้ยังงั้นแหละ ไม่ขายก็ไม่ขาดทุน ไม่ต้องหาเรื่องใส่ตัว ทำทีว่าจะไปเจรจาประเทศนู้น ประเทศนี้ให้เห็นว่ากำลังขายข้าวอยู่ แต่จริงๆ ไม่มีใครยอมซื้อราคานั้นหรอกครับ ลองคิดกลับกันถ้าเป็นเรา เราจะยอมซื้อมั้ย ของราคา 550 แต่จะมาหน้าด้านขายที่ราคา 1000
+ 1 ครับ แต่จะมีใครสักกี่คนละครับที่คิดได้ถึงขนาดนี้ ที่บ้านแม่ยายผม ตอนนี้มีแต่คนพูดถึงจะได้ขายข้าวตันละ 15,000 โดยไม่คิดว่า ปุ๋ย,ยาฉีดพ่นต่างๆ,ค่าเช่านา จะขึ้นไปอยู่ที่เท่าไหร่ จะมีบัตรเครดิสใช้โดยไม่ต้องชำระ เดี๋ยวรัฐก็ยกหนี้ให้เอง ผมได้ยินแล้วพูดไม่ออกจริงๆ ครับ
