ถ้าฝนตกหนักหรือทางเปียก ระยะเบรค ABS ก็จะมีระยะมากขึ้น ครับ ต่างจากตอนถนนไม่เปียก แต่ยังดีที่ไม่ล็อกจนรถส่ายปัดตกถนนเหมือนเบรคธรรมดาครับ

หึ หึ ..
ระบบ ABS จะทำงานก็ต่อเมื่อ sensor ที่ล้อจับความแตกต่างความเร็วการหมุนระหว่างของล้อทั้ง 4 ล้อได้ .. แล้วประมวลผลว่ามีการลื่นไถล หรือการล็อคเกิดขึ้น
ดังนั้น
เมื่อใดก็ตามที่ไม่ได้เบรคอย่างรุนแรงจนล้อเริ่มล็อค ระบบ ABS ก็จะอยู่เฉยๆ .. ความสามารถการเบรคในขณะนั้น จึงไม่แตกต่างไปจากระบบเบรคที่ไม่มี ABS ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทางแห้งหรือเปียก จะไม่มีความแตกต่างกัน
แต่
เมื่อมีการเบรคจนล้อใดล้อหนึ่งเริ่มไถลหรือล็อค ระบบ ABS จะทำงานทันทีโดยคลายแรงดันน้ำมันเบรคและสร้างแรงดันกลับเข้าไปใหม่ซ้ำไปซ้ำมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ระบบเบรคมีการ จับ-ปล่อย จับ-ปล่อย ต่อเนื่องเป็นสิบครั้งต่อวินาที ทำให้ล้อยังคงหมุนอยู่ได้เพื่อการบังคับทิศทาง และ มีระยะเบรคที่สั้นที่สุดเท่าทีจะทำได้ในขณะนั้น
เปรียบเทียบกับรถที่ไม่มีระบบ ABS เมื่อล้อล็อค จะเกิดการลื่นไถล อย่างไม่อาจจะคาดการณ์ระยะเบรคได้ ...
เพราะแรงเสียดทานสถิตย์ (static friction) ระหว่างล้อกับพื้นถนน ได้กลายเป็นแรงเสียดทานจลน์ (kinetic friction) อย่างสมบูรณ์
แรงเสียดทานจลน์ มีค่าน้อยกว่าแรงเสียดทานสถิตย์มาก ในการวัตถุชนิดเดียวกัน สภาพการณ์เดียวกัน ...
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีทางเปียกหรือแห้ง โดยทั่วไป รถที่มีระบบ ABS จะมีประสิทธิภาพการเบรคที่มั่นใจได้กว่ารถที่ไม่มี ABS ในทุกกรณี ...เพราะถ้าล้อยังไม่เริ่มล็อค การเบรคจะไม่มีความแตกต่างกัน ... แต่ถ้าล็อคเริ่มล็อคแล้ว ระบบ ABS ยังคงรักษาแรงเสียดทานสถิตย์ระหว่างล้อกับถนนไว้ได้ ทำให้ระยะเบรคสั้นกว่าล้อที่ล็อคลื่นไถล และยังคงความสามารถบังคับทิศทางได้ไว้ ..