ส่วนตัวคิดว่า ยุคนั้นบ้านเมืองแตกแยก แบ่งเป็นก๊ก ๆ การแย่งเมืองกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ต่างฝ่ายต่างตั้งตัวเป็นใหญ่ เกงจิ๋วเป็นชัยภูมิสำคัญเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ต้องแย่งชิงกันอยู่แล้ว
ไม่เก่งรักษาไว้ไม่ได้ จะรวมรวมแผ่นดินมันก็ต้องแย่งของคนอื่นครับ

ส่วนเรื่องบำเน็จรางวัลทหาร ก็ต้องให้เยอะ ๆ คราวหน้าจะได้มีกำลังใจไปแย่งของคนอื่นอีก

ก่อนท่านเทพเล่าปี่จะเข้ายึดเฉิงตูได้ แผ่นดินยังไม่แตกเป็นก๊กครับ เต็มที่ก็แค่การสู้รบระหว่างมณฑล/ตระกูล ซึ่งมันก็ฆ่ากันไปฆ่ากันมาอย่างนี้มาเป็นพันปีแล้ว
รบกันยังไงก็ยังคงยอมรับในอำนาจของรัฐบาลกลางอันมีเหี้ยนตี้เป็นประมุขกันอยู่
พูดถึงบำเน็จทหาร พอดีหาเจอแล้ว พวกแก็งค์เทพผู้ซื่อสัตย์ได้ทองคำห้าร้อยตำลึง , เงินแท่ง1,000 , ผ้าแพร10,000พับ , เงินกษาปน์50,000,000....และยังวางโครงการจะยึดที่นาของชาวบ้านมาแบ่งให้อีก ดีว่าจ้าว จื่อ หลงห้ามไว้ก่อน
ตอนแก็งยอดอัจฉริยะเข้าเฉิงตูปีแรก สำมะโนประชากรได้1ล้านคนไม่รวมข้าราชการ
ผ่านการปกครองจากสุดยอดมันสมอง 40ปีผ่านไปประชากรลดเหลือ950,000คน ....เป็นข้าราชการ2แสนกว่าคน
อัจฉริยะ

ก่อนเล่าปี่จะยึดเสฉวนได้ สถานภาพสามก๊กก็เป็นรูปเป็นร่างแล้วครับ ตอนนั้นโจโฉครองฮูโต๋ เล่าปี่ครองเกงจิ๋ว
ซุนกวนครองกังตั๋ง ส่วนเล่าเจี้ยงครองเอ๊กจิว เสมือนเมืองปิดเข้าออกลำบาก ไม่ค่อยมีบทบาท
แต่ละก๊กแบ่งแยกชัดเจนไม่ฟังอำนาจของพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่โจโฉชอบอ้างนานแล้ว เห็นได้จากการที่ซุนกวน
ไม่ยอมส่งบุตรชายไปรับราชการยังเมืองหลวง เล่าเจี้ยงไม่ไปเมืองหลวง และเล่าปี่ที่หนีออกมาจากเหมืองหลวง
ส่วนสาเหตุที่ประชากรเสฉวนลดลงเป็นเพราะทำสงครามติดต่อกันมากกว่า ๒๐ ครั้ง ปราบชนเผ่าม่านทางใต้
ทำสงคราม ๗ ครั้ง ขงเบ้งยกทัพตีวุยก๊ก ๖ ครั้ง เกียงอุยยกทัพตีวุยก๊กอีก ๙ ครั้ง แต่ละครั้งใช้ทหารไม่น้่อยกว่า ๑ - ๒ แสน
ประชากรถูกเกณฑ์ไปทำสงครามก็ต้องร่อยหรออยู่แล้วครับ
