อย่าเสพแต่สื่อข้างเดียว ต้องดูเบื้องลึกของนายดำรงค์ พิเดช ด้วยว่าเนื้อแท้เป็นคนเช่นไร? เป็นคนของใคร และเขาคนนี้ใช่หรือไม่ที่เกณฑ์ในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรฯ จากภาคเหนือยกพลเข้าก่อกวนเวทีเมืองไทยฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2549 ล่าสุดอยู่เบื้องหลังเอา จนท.ป่าไม้ มาไว้ที่เขาดินเพื่อเป็นการ์ดพวกเสื้อแดง
กระชากหน้ากาก ดำรงค์ หัวหน้าขบวนการรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ข้าวต้ม - ป่าห้วยลึก บริเวณสวนป่ากิ่วทัพยั้ง สมัยเป็นป่าไม้จังหวัดเชียงราย ปี 47 ทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อิทธิพลข้าราชการ รวมหัวออก น.ส.3 ปลอม ครอบครองพื้นที่ป่าสงวน นายอำเภอเชียงราย ส่งสำนวนให้ ปปช.ดำเนินคดีตั้งแต่ พ.ย. 52 แต่ผ่านไปแล้วกว่า 2 ปี เรื่องเงียบ ไร้ความคืบหน้า
ในขณะที่สังคมไทยได้รับรู้ผลงานของ ดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ในฐานะข้าราชการตงฉินผู้พิทักษ์ผืนป่า ตามที่สื่อหลักโดยเฉพาะ SKY REPORT แห่งรายการสามมิติของช่อง 3 ได้นำเสนอปฏิบัติการไล่รื้อรีสอร์ทรุกที่อุทยานแห่งชาติทับลานอย่างเด็ดขาดด้วยการทุบทำลายทิ้ง ทำให้คนไทยจำนวนมากเทใจให้ ดำรงค์ ว่าเป็นคนดี ถึงขั้น SKY REPORT รณรงค์ผ่านหน้าเฟซบุ๊คให้ประชาชนร่วมกันกดไลค์ให้ได้ล้านไลค์เพื่อต่ออายุราชการให้กับอธิบดีผู้นี้ด้วยเหตุผลให้ทำหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อคืนผืนป่าให้แผ่นดิน
เพจสายตรงภาคสนาม ได้รับข้อมูลอีกด้านของนายดำรงค์ ซึ่งตรงกันข้ามกับภาพที่แสดงออกว่าเป็นผู้พิทักษ์ป่าโดยสิ้นเชิง เพราะนายดำรงค์ ถูกกล่าวโทษดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนฯ ในขณะดำรงตำแหน่งป่าไม้เชียงราย โดยนายนิมิต วันไชยธนวงศ์นายอำเภอเมืองเชียงราย ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนห้ ปปช.ดำเนินคดี ตั้งแต่ พ.ย. 2552 เนื่องจากเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด จึงอยู่ในอำนาจของ ปปช.ที่จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
เพจสายตรงภาคสนาม ขอนำรายละเอียดในเอกสารที่นายอำเภอเมืองเชียงรายส่งถึงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อกล่าวโทษดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มีรายละเอียด ดังนี้
ด้วยเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2552 นายพิสิษฐ์ เอี่ยมสะอาด อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 399/17 หมู่ที่ 2 ตำบลศาลา อำเภอเกาะตา จังหวัดลำปาง ได้กล่าวโทษดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิดกรณีบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ข้าวต้ม-ป่าห้วยลึก บริเวณสวนป่ากิ่วทัพยั้ง ตำบลท่าสุด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริงมาดำเนินการตามกฎหมายได้ เนื่องจากคดีดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามามีส่วนร่วมและรู้เห็นในการกระทำผิด คือ การบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ข้าวต้ม-ป่าห้วยลึก ตำบลท่าสุด ออำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นแปลงปลูกป่าของรัฐบาล โดยสำนักงานป่าไม้เขตเชียวราย (ในขณะนั้น) ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ตรวจพบว่ามีการกระทำผิดเมื่อปี 2547 และเต้าหน้าที่ได้ตรวจยึดพื้นที่โดยไม่พบตัวผู้กระทำความผิด นำแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.อ.เมือง เชียงราย ตามปจว.ข้อ 6 กเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2547 คดีที่ 1689/2547
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนสรุปสำนวนคดีโดยมีนายคำรณ คำมูล ซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่ปี 2540 เป็นผู้ต้องหาในคดีแต่พื้นที่บุกรุกดังกล่าวยังมีการทำผิดโดยการยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มีการก่อสร้าง สิ่งปลูกสร้างถาวร ปลูกไม้ผล ซึ่งผลคดีอัยการจังหวัดเชียงรายมีคำสั่งให้ยุติคดีอาญา
ต่อมานายเป็ง วังคำ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ที่ 3 ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ได้นำเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 494 เล่ม 7 หน้า 21 ตำบลบ้านคู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย มาแสดงต่อพนักงานสอบสวนเพื่อเข้าครอบครองที่ดินของกลาง ซึ่งเรื่องนี้มีการร้องเรียนขอให้มีการตรวจสอบความถูกต้องชัดเจนอีกครั้ง
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามคำสั่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลับ ที่ 1222/2550 ลงวันที่ 3 กันยายน 2550 ผลกรสอบสวนข้อเท็จจริง ปรากฏว่าเอกสาร น.ส.3 ที่นายเป็ง วังคำ มาแสดงดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม จึงเห็นว่าพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวน่าจะกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย