จระเข้น้ำเค็ม( กมลศิริ พันธนียะ ผู้รวบรวม )
--------------------------------------------------------------------------------
ชื่อไทย จระเข้น้ำเค็ม, จระเข้ตีนเป็ด, ไอ้เคี่ยม
ชื่อสามัญ SALTWATER CROCO
ชื่อวิทยาศาสตร์ Crocodylus porosus
จระเข้น้ำเค็มเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นจระเข้หนึ่งในสามที่พบในประเทศไทย
โดยทั่วไปเมื่อโตเต็มที่มีความยาวไม่เกิน 4 เมตร แต่ขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยบันทึกมีความยาวมากกว่า 9 เมตร
ถิ่นที่พบเห็นมักพบในเขตน้ำกร่อย ตามปากแม่น้ำหรือป่าชายเลน แต่ต้องเป็นน้ำนิ่งและลึกพอสมควร
ลักษณะแตกต่างจากจระเข้น้ำจืด ลำตัวยาวมีลักษณะค่อนข้างกลม ท้องแบนราบ ขามี 2 คู่ใช้สำหรับเดินและวิ่ง
ขาคู่หน้าไม่ค่อยแข็งแรง มีนิ้ว 5 นิ้ว
ขาคู่หลังมีลักษณะแข็งแรงกว่าและมีเพียง 4 นิ้วมีพังผืดระหว่างนิ้วตีนมากกว่าจระเข้น้ำจืด
บางครั้งจึงเรียกว่าจระเข้ตีนเป็ด จะงอยปากยาวและส่วนปลายค่อนข้างแหลม มีฟันประมาณ 60 ซี่
ลักษณะแตกต่างจากจระเข้น้ำจืดคือไม่มีเกล็ด 4 เกล็ดที่ท้ายทอย ปากยาวกว่าจระเข้น้ำจืดอย่างเห็นได้ชัด
มีสันเล็กๆยื่นจากลูกตาไปตามความยาวของส่วนหัวจนถึงตำแหน่งของปุ่มจมูก หรือที่เรียกว่าก้อนขี้หมา
ลำตัวออกสีเหลืองอ่อน และมีการเรียงตัวที่ส่วนหาง ดูคล้ายตาหมากรุก จระเข้น้ำเค็มส่วนใหญ่จะมีนิสัยดุร้าย
ความแตกต่างของเพศผู้และเพศเมียส่วนที่สังเกตได้ชัดเจนคือ ลำตัว จระเข้น้ำเค็มตัวผู้จะมีลำตัวผอมยาว ตัวเมียจะมีลำตัวอ้วนสั้นกว่า ขนาดตัวโดยรวมตัวเล็กกว่าตัวผู้ที่อายุเท่ากัน
หาง จระเข้น้ำเค็มตัวผู้จะมีหางยาวกว่าจระเข้ตัวเมีย
หัว ตัวผู้ระยะห่างของโหนกหลังตาจะกว้างกว่าหัวของตัวผู้ดูป้อมสั้นส่วนตัวเมียจะดูหัวยาวเรียวกว่า
การผสมพันธุ์ เพศผู้จะถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ 16 ปี ส่วนเพศเมียถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ 10 ปี แต่จะให้ไข่ที่สมบูรณ์เมื่ออายุ 12 ปี
มีขนาดยาว 2.2 เมตร มีการผสมพันธุ์ในฤดูร้อนและวางไข่ในฤดูฝน ครั้งละ 25-90 ฟอง การวางไข่จะใช้เวลา
ประมาณ 20-25 นาที ใช้ระยะเวลาในการฟักไข่ประมาณ 80 วัน ขนาดของไข่จระเข้น้ำเค็มจะใหญ่กว่าจระเข้น้ำจืดเล็กน้อย
มีน้ำหนักประมาณ 110-120 กรัม
บ่อเลี้ยง การคำนวณพื้นที่บ่อ ใช้หลักการคือ พื้นที่ต่อตัว = ความยาวจระเข้ x 3เท่าของความยาวจระเข้
อัตราส่วนพื้นที่บกเท่ากับพื้นที่น้ำ หรืออย่างน้อย 2 ใน 3 ของพื้นที่น้ำ ความลึกของน้ำอย่างน้อย 60 ซม.
กั้นขอบบ่อด้วยซีเมนต์สูง 1.2 เมตร ส่วนพื้นที่บ่อเป็นซีเมนต์ขัดเรียบหรือไพเบอร์กลาส เพื่อมิให้จระเข้
เป็นรอยขีดข่วน ป้องกันการติดเชื้อและหนังเสียราคา
การฟักไข่ อัตราการฟักของจระเข้น้ำเค็มในสภาพการเลี้ยงมีประมาณ 40-50% และมีอัตราการตายแรกเกิดสูงมาก
โดยเฉพาะในปีแรกมีอัตราการตายสูงถึง 20-30% และในการฟักไข่คนเลี้ยงต้องคอยสังเกตให้ดี ถ้าเห็นว่ามีการวางไข่แล้ว
ภายใน 24 ชั่วโมงต้องเก็บไข่ไปฟักทันที โดยนำไข่จระเข้มาล้างเมือกให้สะอาด นำเข้าตู้ฟักที่มีความชื้นสัมพัทธ์ใน
ระดับ 95-99% ต่ำกว่านี้ไม่ได้เพราะไข่จะแห้งตัวอ่อนจะตายเพราะขาดน้ำ อีกทั้งจะต้องกำหนดอุณหภูมิให้อยู่
ในระดับ 30-31 องศาเซลเซียส เพราะอุณหภูมิมีผลต่อการกำหนดเพศจระเข้ และระยะเวลาการฟักไข่
ถ้าอุณหภูมิอยู่ในช่วงดังกล่าวลูกจระเข้ที่ฟักออกมาจะเป็นตัวผู้และตัวเมียเท่าๆกัน แต่ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่านั้น
ส่วนใหญ่จะออกมาเป็นตัวเมียและใช้เวลาฟักนาน แต่ถ้าอุณหภูมิสูงกว่านั้นส่วนใหญ่จะฟักออกมาเป็นตัวผู้
และใช้เวลาสั้นกว่าปกติ ที่จะใช้เวลาประมาณ 75 วันจึงจะฟักออกเป็นตัว
ลูกจระเข้ที่ได้รับการดูแลดีจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ปีแรกมีความยาวประมาณ 1 เมตร ปีที่สองยาวประมาณ 1-5 เมตร
ซึ่งในระยะสองปีแรกนี้น้ำหนักตัวของลูกจระเข้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ของน้ำหนักอาหารที่ได้รับ
และปีที่สามลำตัวจะยาวประมาณ 2 เมตรและมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 25-30%
*****************************************
จระเข้ที่ใช้เป็นสัตว์เศรษฐกิจ
จระเข้ที่นำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เศรษฐกิจของประเทศไทยนั้นมี 2 ชนิดคือ
1. จระเข้น้ำจืด หรือ จระเข้พันธุ์ไทย
2. จระเข้น้ำเค็ม หรือ จระเข้ตีนเป็ดหรือไอ้เคี่ยม
สำหรับประเทศไทยแล้วนิยมเลี้ยงจระเข้น้ำจืดหรือจระเข้พันธุ์ไทยมากกว่าจระเข้น้ำเค็มทั้งนี้อาจเนื่องมาจากเหตุผลดังต่อไปนี้
1. พันธุ์จระเข้น้ำจืดหาง่ายกว่าพันธุ์จระเข้น้ำเค็มทั้งนี้เพราะมีฟาร์มที่เลี้ยงขายลูกจระเข้น้ำจืดอยู่หลายแห่ง
2. จระเข้น้ำจืดเลี้ยงให้ลูกเร็วกว่า คือ เริ่มเมื่ออายุ 10-12 ปี ส่วนจระเข้น้ำเค็มจะเริ่มเจริญพันธุ์ในตัวผู้เมื่ออายุ 16 ปี
และตัวเมียที่อายุ 10 ปี
3. มีการนำลูกจระเข้น้ำจืดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเลี้ยง จึงนับเป็นอีกแหล่งที่คอยสนับสนุนเรื่องพันธุ์มากขึ้น
4. ผู้คนเชื่อว่าจระเข้น้ำเค็มต้องเลี้ยงด้วยน้ำเค็มเท่านั้นจึงหันมาเลี้ยงพันธุ์น้ำจืดซึ่งหาแหล่งน้ำง่ายกว่า
แต่ความเป็นจริงแล้วจระเข้น้ำเค็มสามารถเลี้ยงได้เป็นอย่างดีในน้ำจืด
5. พ่อแม่พันธุ์จระเข้น้ำเค็มมีน้อย ทั้งนี้เพราะในอดีตถูกล่าและส่งหนังออกขายยังต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่
เนื่องจากตลาดโลกนิยมหนังจระเข้พันธุ์น้ำเค็มมากจากเวบ
http://www.nicaonline.com/articles9/site/view_article.asp?idarticle=154