เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 13, 2025, 06:39:47 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฮือฮา-ร้านจิวเวลรี่ประกาศรับซื้อเหรียญ 10 ปี 2533 ให้เหรียญละแสนบาท  (อ่าน 2113 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Nero Angel01
Hero Member
*****

คะแนน 275
ออฟไลน์

กระทู้: 3048


« ตอบ #15 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2014, 01:32:29 PM »

เขาออก ทีวี บอกว่า รับซื้อจริง  แต่มันมี  30  เหรียญ ในประะเทศไทย และมีเฉพาะนักสะสมเท่านั้น

งงว่า รู้แบบนี้ น้องแกลงประกาศในFB เพื่อ?
บันทึกการเข้า
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #16 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2014, 02:07:50 PM »


ผมหยอด เหรียญ ๑๐ เก็บไว้ พันกว่าเหรียญ 
และมัวแต่ไปหา ที่ผลิตปี ๒๕๓๖ ยังไม่เคยเจอ
ส่วนปีอื่น ข้ามไป..เฮ้อ  เพิ่งจะมารู้  คิก คิก



5555  ยายเจอ  " ตัวการ "  ทำให้เหรียญ ขาดแคลน หรือ หายไปจากตลาด แล้วอ่ะ ฮา

ตัวการ  เนี่ยะ   มีโทษ  หรือ  รับโทษ  เท่ากับ  " คนทำ " ให้ขาดแคลน เลยอ่ะ ฮา

เหรียญ  " กษาปณ์ "  เขาทำเพื่อใช้  หมุนเวียน ในตลาด แทนค่าเงิน อ่ะ ฮา

ต้นทุนการผลิต  มัน  " สูง " มีมูลค่า มากกว่าราคา หน้าเหรียญ อีกอ่ะ ฮา

เพื่อนยาย  เอา  " กระบอก ไม้ไผ่ "  โตๆ  เอาเลื่อยผ่า  เจาะ รู  อ่ะ ฮา
ยายเคยยก   " หนักอึ้ง  "  แทบ ยกไม่ไหว  อ่ะ ฮา
การกระทำอย่างนี้   " เป็นภัย ต่อความมั่นคง ของ คสช. "  อ่ะ ฮา

55555  เดี๋ยวยายไปเปิด  "โอ่ง "  ดูบ้าง  มีกี่เหรียญ อ่ะ ฮา 5555   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก



ตกลงรับซื้อจริงปะ   Grin



555555   แล้ว   "  มี จิง  "   ป่ะ  อ่ะ ฮา 55555

5555  เหล็ก  แทงปาลม์   เอาไป  " หล่อ " ไม่ได้ นะ  อ่ะ ฮา 5555 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
หรอย
การไม่เป็นโรค เป็นลาภอันประเสริฐ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 618
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6416



« ตอบ #17 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2014, 02:18:06 PM »

สวัสดีครับ ผมเคยสะสมเหรียญ 10 เกือบทุกรุ่นสภาพใหม่กริ๊บๆ ไว้ 4-5000 บาท ช่วงที่เงินทองขาดมือ
ทะยอยนำมาใช้ไปเกือบหมด เหลืออยู่ไม่กี่ ร้อยบาทแล้ว ตั้งแต่สะสมมาผมเองมองปีการผลิตหลังเหรียญ
ที่ได้มาทุกครั้ง ผมยังไม่เคยเจอ ปี 2533 เลยครับ ไม่แน่ใจมาในปีนั้นไม่ได้ทำออกมา หรือผลิตออกมา
น้อยครับ แต่ถ้ามีการผลิตออกมาคงหลุดออกมายากมากครับ..........
บันทึกการเข้า
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #18 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2014, 02:28:04 PM »

สวัสดีครับ ผมเคยสะสมเหรียญ 10 เกือบทุกรุ่นสภาพใหม่กริ๊บๆ ไว้ 4-5000 บาท ช่วงที่เงินทองขาดมือ
ทะยอยนำมาใช้ไปเกือบหมด เหลืออยู่ไม่กี่ ร้อยบาทแล้ว ตั้งแต่สะสมมาผมเองมองปีการผลิตหลังเหรียญ
ที่ได้มาทุกครั้ง ผมยังไม่เคยเจอ ปี 2533 เลยครับ ไม่แน่ใจมาในปีนั้นไม่ได้ทำออกมา หรือผลิตออกมา
น้อยครับ แต่ถ้ามีการผลิตออกมาคงหลุดออกมายากมากครับ..........



55555  ยาย  " ไม่เชื่อ " ว่าจะหลุด มาถึง คน นอกวงการ  อย่างชาวบ้าน อ่ะ ฮา 555

เพราะ  " จำนวน ผลิต "  แค่ ร้อยอัน   เล็กน้อย มาก ๆ  อ่ะ ฮา 5555
เหรียญ  จำพวกนี้  น่าจะ  " ตก "  อยู่ในมือ  คนเล่น  คนเก็บสะสม มากกว่า อ่ะ ฮา

55555  ลองไปฟัง  " คนมี  คนเก็บ " เขาอธิบาย อ่ะ ฮา 55555


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1407825323

นายอรรณภพ แก้วปทุมทิพย์ สถาปนิก และนักสะสมเหรียญหนึ่ง
ในผู้ถือครองเหรียญ 10 บาท สองสี พ.ศ. 2533 ซึ่งกำลังเป็นกระแส
มีผู้รับซื้อด้วยหลักแสนในตอนนี้ เล่าถึงที่มาของเหรียญ 10 บาทว่า
ได้จากแหล่งซื้อ-ขายยอดฮิตอย่างจตุจักรเมื่อปี 2543
แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีความคิดขายเหรียญหายากแม้จะมีผู้ประกาศรับซื้อเป็นเงินหลักแสนก็ตาม

กระแสการรับซื้อเหรียญ10บาทสองสีพ.ศ.2533 ทำให้ชาวไทยแทบทุกคน
กลับมาทุบกระปุกค้นเหรียญที่เก็บเอาไว้หวังว่าจะมีเหรียญหายาก
ซึ่งร้านชื่อดังรับซื้อในราคาถึง1แสนบาทสำหรับนักสะสมเหรียญรุ่นใหญ่
อย่างนายอรรณพสถาปนิกและนักสะสมเหรียญรุ่นใหญ่ที่เก็บสะสมเหรียญ
ไว้มากมายโดยหนึ่งในนั้นมีเหรียญ 10 บาท สองสี พ.ศ. 2533 รวมอยู่ด้วย
ล่าสุด นายอรรณพ เปิดเผยถึงที่มาและรายละเอียดของเหรียญหายากโดยยืนยันว่า
ไม่เคยคิดจะขายเหรียญที่ครอบครอง


สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญ10บาท สองสี พ.ศ.2533 นายอรรณพ เปิดเผยว่า
ผู้รู้รุ่นก่อนเล่าว่า อธิบดีกรมธนารักษ์ในสมัยนั้นทำหนังสือขอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ขออนุญาตสร้างเหรียญ 10 บาท  เป็นจำนวนประมาณ 100 เหรียญเพื่อเผยแพร่
ในงานจัดแสดงเหรียญในต่างประเทศ ซึ่งผู้ถ่ายทอดเรื่องราวระบุว่ามีหนังสือการจัดทำเหรียญ
ยืนยันแต่ก็ยังไม่เคยเห็นหนังสือด้วยตัวเองโดยได้ยินข้อมูลจากผู้รู้ที่ยืนยันข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ในช่วงจัดสร้างไม่ค่อยมีผู้สนใจเหรียญนี้มากนักจนกระทั่งเวลาผ่านไป
กลุ่มพ่อค้าเหรียญซึ่งมักหาข้อมูลเรื่องการผลิตเหรียญอยู่แล้วทราบเรื่องเข้า
ก็กลายเป็นที่ฮือฮาขึ้นมาอีกเล็กน้อยแต่ก็ยังอยู่ในวงแคบเพราะวงการเหรียญไม่เหมือนวงการพระเครื่อง


นายอรรณพเล่าต่อว่าหลังจากมีการผลิตเหรียญปี2533วงการพระเครื่องมีผู้พยายามค้นหาเหรียญนี้มากขึ้น
ตั้งแต่ปี2538 เป็นต้นไป แต่ก็ยังไม่มีใครหาได้ ส่วนใหญ่มักเป็นราคาคุย
จนกระทั่งประมาณปี 2543 มีพ่อค้าหยิบเหรียญ 10 บาท ปี 2533 ให้ดู
และเล่าข้อมูลต่างๆให้ฟังซึ่งในช่วงเวลานั้นราคาที่ซื้อมาก็เป็นหลักแสนแล้ว

"คิดอยู่อย่างเดียวว่าถ้าเอาเหรียญนี้ไปก็จะสามารถถ่ายทอดข้อมูลเหรียญนี้
โดยไม่ต้องไปหาข้อมูลจากที่อื่นตรงนี้คือหลักสำคัญการที่จะให้ข้อมูลคนอื่น
ถ้าไม่มีเหรียญประกอบด้วยใครจะมารู้เรื่องถ้าไม่มีรายละเอียดเหรียญประกอบ
เพราะฉะนั้นผมก็จะมีกล้องมีเหรียญ และถ่ายเองก็เลยตัดใจซื้อมา" นายอรรณพ กล่าว

นายอรรณพ กล่าวต่อว่า เมื่อซื้อเสร็จก็ยังเดินทางถามหาเหรียญนี้จากร้านอื่น
ขณะที่ร้านอื่นก็ยังคุยว่าหาเหรียญให้ได้ในราคา 4-5 หมื่นบาท

นักสะสมเหรียญรุ่นใหญ่ยอมรับว่า รู้สึกหวิวเล็กน้อยเมื่อได้ยินราคาที่ต่ำกว่าที่ซื้อมา
แต่ยังบอกว่าให้พ่อค้าหาเหรียญนี้โดยตัวเองจะให้ราคาเหรียญละ 8 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตาม จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เจอเหรียญอื่นนอกจากที่ซื้อมาในครั้งแรก

เมื่อถามว่า เหรียญปีนี้อยู่กับมือนักสะสมคนอื่นบ้างหรือไม่
นายอรรณพ ตอบว่ามั่นใจว่าไม่มีใครรู้ข้อมูลนี้ พร้อมให้เหตุผลว่า ไม่มีใครทราบข้อมูลชัดเจน

แม้แต่จำนวนเหรียญที่ผลิตมา ถ้าสมมติว่าทำมา 100 เหรียญจริง
จะนำไปจัดแสดงทั้ง 100 เหรียญหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้แน่ชัด
หรือถ้าสันนิษฐานว่าแจกเหรียญไม่หมดแล้วจะเหลือกลับมาเท่าไหร่ก็ไม่มีใครตอบได้ชัดเจน
เพราะเชื่อว่าช่วงเวลานั้นไม่มีใครสนใจมากนัก

"ผมเองผมประเมินจากที่สมมติว่าถ้าเอาไปแล้วแจกสักครึ่งหนึ่ง
หรืออาจแจกให้ผู้ติดตามต่างๆก็น่าจะร่วมร้อย  เชื่อว่าน่าจะเหลือกลับมาเมืองไทย
หรืออยู่ในเมืองไทยประมาณ30 เหรียญ จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้
ก็ประมาณว่าน่าจะวนเวียนอยู่แถวนี้ไม่มากนัก" นักสะสมเหรียญเล่า


นายอรรณพระบุว่าแม้ว่าการปลอมเหรียญในช่วงนั้นจะทำได้ไม่เหมือนมากนัก
และสามารถมองออกว่าเป็นเหรียญจริงหรือปลอมขึ้นมาถ้ามีข้อมูลและสังเกตอย่างละเอียด

ซึ่งการซื้อเหรียญก็ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดโดยตัวเองจะพกแว่นส่อง
ทั้งขนาด1ต่อ10 และ1 ต่อ 20  สำหรับเหรียญ 10 บาทปี 2533

จุดที่นักสะสมกังวลคือจุดเลขปีพ.ศ.ผลิตซึ่งอาจมีการตัดหางเลข 7 (๗) แบบไทยให้กลายเป็นเลข 3 (๓)

อย่างไรก็ตาม นอกจากจะสังเกตอย่างละเอียดแล้ว ข้อเท็จจริงคือหัวของเลข ๓ กับเลข ๗
แบบที่ถูกตัดหางไปก็แตกต่างกันอยู่ดีแม้ว่าจะตัดหางได้เนียนแค่ไหน

เมื่อถามว่าสนใจขายเหรียญหรือไม่นายอรรณพระบุว่าในชีวิตไม่เคยขายเหรียญแม้แต่เหรียญเดียว
แต่ถ้ารักกันจริงๆก็ให้ฟรีและไม่รู้จักกับร้านที่ประกาศรับซื้อเป็นการส่วนตัว
แต่เชื่อว่าอย่างน้อยก็สามารถสร้างกระแสให้คนสนใจเหรียญ
และทำให้คนเห็นว่าเหรียญที่อยู่ในกระเป๋ามีค่า
อาจทำให้คนรุ่นใหม่รักการสะสมมากยิ่งขึ้น
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.096 วินาที กับ 21 คำสั่ง