คำถาม
กรณีคือ คนสองคนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน จอดรถในซอยแคบ รถอีกคันขับมาจึงเบียดเสียหาย เจ้าของรถทั้งคู่มีปากเสียงกัน (นาย ก และนาย ข)
คำตอบ
เจ้าของรถที่ขับมาเฉี่ยวชน เป็นกรณีการทำอันตรายต่อทรัพย์สินของผู้อื่น แต่จากข้อเท็จจริงที่ให้มา ไม่ปรากฏลักษณะของการมีเการกระทำโดยจตนาเพื่อทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่มีความผิดฐานเสียทรัพย์ ตามมาตรา ๓๕๘ ประมวลกฎหมายอาญา เป็นเพียงการกระทำละเมิดตามมาตรา 420 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ทำละเมิดต้องชดใช้ค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทน
คำถาม
มีคนกลางเข้าไกล่เกลี่ย (นาย ค) ระหว่างนั้นนาย ก หาว่านาย ค เข้ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง จึงต่อยนาย ค ปากแตก
คำตอบ
การที่นาย ก กล่าวหาว่านาย ค เข้ามายุ่งไม่เข้าเรื่องและต่อยจนนาย ค ปากแตก ถือเป็นการทำร้ายร่างกายโดยเจตนา นาย ก มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ลักษณะบาดแผลเพียงปากแตก ไม่ถึงกับสาหัส จึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา ๒๙๗
คำถาม
นาย ค วิ่งกลับเข้าบ้านเพื่อนำปืนพกไม่บรรจุลูก เหน็บหลัง ลงมาร้องเรียกนาย ก เพื่อขอเคลียร์
โดยนาย ก ได้กลับเข้าบ้านแล้วไม่ยอมออกมาและ เรียกตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึงเข้าค้นตัวนาย ค พบอาวุธปืน จึงนำตัวไปโรงพัก
ลงบันทึกประจำวัน แจ้งข้อหา และให้ประกันตัวออกมา
คำตอบ
การที่นาย ค ถูกนาย ก ชกทำร้ายร่างกายดังที่กล่าวมา ถือว่า นาย ค ถูกนาย ก ข่มเหงรังแกด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เป็นภยันตรายที่มาถึงตัวนาย ค ในขณะนั้น นาย ค มีสิทธิป้องกันตัวเองได้พอสมควรแก่เหตุในขณะนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๖๘ แต่ปรากฏว่านาย ค ไม่ได้ใช้สิทธิป้องกันตัวเองในขณะนั้น จนกระทั่งนาย ก เดินกลับเข้าไปในบ้านแล้ว ถือได้ว่า เหตุที่นาย ค ถูกข่มเหงดังกล่าวได้ยุติลง หรือขาดตอนไปแล้ว นาย ค จึงหมดสิทธิที่จะป้องกันตนเองตามกฎหมาย ส่วนการที่นาย ค กลับเข้าไปในบ้าน นำปืนมาพก เหน็บหลังมาร้องเรียกนาย ก ให้ลงมาขอเคลียร์ ข้อเท็จจริงไม่ได้ปรากฏว่ามีการชักหรือแสดงอาวุธในการเรียกนาย ก แม้จะนำปืนเหน็บมาด้วย การกระทำในส่วนนี้ยังไม่เป็นความผิดใด ๆ แต่การที่ต่อมามีตำรวจมาตรวจสอบพบอาวุธปืนที่เหน็บมา ก็เป็นเพียงการกระทำความผิดฐานพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือหมู่บ้านหรือทางสาธารณ โดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันควร ตามมาตรา ๓๗๑ ภาคลหุโทษ ระวางโทษเพียงปรับไม่เกิน ๑๐๐ บาทและศาลมีอำนาจสั่งริบอาวุธนั้นได้
นี่เป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น การกระทำยังเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนอีกส่วนหนึ่ง แต่อาจจะลงลึกเกินไป กลัวเบื่อซะก่อน

ดังนั้น ก่อนจะทำอะไร...ตั้งสติ..คิดให้ดี....แต่คิดไม่ทัน...ปรมจารย์กฎหมายบอกว่าให้กระทำไปตามสัญชาติญาณบวกศิลธรรม ย่อมอยู่รอดปลอดภัย
