7 องค์กรพุทธศาสนาแถลงขอบิณฑบาตรอาวุธและความรุนแรง
วอนทุกฝ่ายตั้งสัมมาทิฐิแทนการใช้กำลัง คืนสันติสุขสู่สังคมไทย
พระมหาว.วชิรเมธีเตือนสติหากไทยสามารถก้าวข้ามความรุนแรงวันนี้ได้จะเป็นต้นแบบ
ฝ่าวิกฤติชาติแห่งแรกในโลกที่ปราศจากการเสียเลือดเนื้อ พร้อมทั้งเตรียมแจกการ์ดขอบิณฑบาตรความรุนแรง
สืบเนื่องจากการบุกเข้ามาบริเวณทำเนียบรัฐบาล และสะพานมัฆวานรังสรรค์เพื่อหวังทำร้าย
และยั่วยุให้เกิดการปะทะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของกลุ่ม นปช.ในค่ำคืนวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
เป็นเหตุให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 43 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เป็นผลให้ในเช้าวันที่ 2 ก.ย.
นายสมัคร สุนทรเวช ประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ในเขตกรุงเทพมหานคร และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลจากหลายฝ่ายต่อการกระทำดังกล่าว
ล่าสุด วันนี้(9 ก.ย.) เวลาประมาณ 13.00 น. ที่องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก
7 องค์กรพุทธศาสนา นำโดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย พระศรีญาณโสภณ
เจ้าอาวาสวัดพระรามเก้า พระไพศาล วิสาโล ประธานเครือข่ายพุทธิกา และเจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ
แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต เสถียรธรรมสถาน และองค์การเครือข่าย ประกอบด้วย องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์โลก
ยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย และยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย
ได้แถลงขอบิณฑบาตอาวุธและความรุนแรง
โดยตัวแทนของพระสงฆ์และแม่ชีเห็นว่า มาตรการหนึ่งที่จะช่วยป้องกันมิให้เกิดความรุนแรงขึ้นก็คือ
การไม่มีอาวุธหรืออุปกรณ์ที่สามารถเป็นอาวุธไว้ในครอบครอง แม้ว่าแต่ละฝ่ายจะมีเหตุผลว่าใช้ป้องกันตัวก็ตาม
และหากแต่ละฝ่ายแสดงให้เห็นอย่างเปิดเผยว่าฝ่ายของตนปลอดอาวุธอย่างสิ้นเชิง
จะช่วยสร้างให้เกิดบรรยากาศแห่งความไว้วางใจได้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะนำไปสู่ทางออกอย่างสันติ
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ จึงถือว่ามีต้นทุนทางด้านความสงบ
สันติสูงตั้งแต่อดีต ดูได้จากการที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการประชุมสันติภาพโลกถึง 3 ครั้ง ดังนั้น
การใช้ความรุนแรง การใช้กำลังปะทะกัน หรือแม้กระทั่งการปล่อยให้ประชาชนเข่นฆ่ากันเป็นผลให้ต้นทุนที่มีสูญเปล่า
ดังนั้นคนไทยจึงต้องช่วยกันรักษาความสงบเพื่อให้คนทั่วโลกประจักษ์ว่าเมืองไทยก้าวผ่านวิกฤติชาติได้โดยปราศจากความรุนแรง
และไม่เสียเลือดเนื้อ
หากเราสามารถก้าวข้ามผ่านความรุนแรงไปได้ ไทยจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศต้นแบบ
ที่สามารถผ่านวิกฤติความขัดแย้งไปได้โดยสันติ ปราศจากการเสียเลือดเนื้อ
ฉะนั้นคนไทยทุกฝ่ายต้องร่วมกันสถาปนาชาติเป็นของขวัญที่ดีที่สุดให้ประเทศชาติขณะนี้
เวลานี้ใครที่ครอบครองความคิด คำพูด และการกระทำที่รุนแรงอยู่จึงขอถามว่าพระจะขอบิณฑบาตได้หรือไม่
ผอ.สถาบันวิมุตตยาลัย กล่าวอีกว่า การขอบิณฑบาตอาวุธและความรุนแรงนี้เป็นเพียงก้าวแรก
ของการเรียกร้องให้เกิดสันติสุขในสังคมเท่านั้น โดยขั้นตอนต่อไปจะทำการแจกบัตรขอบิณฑบาตความรุนแรง
ซึ่งจะเริ่มแจกตั้งแต่พรุ่งนี้(10 ก.ย.) เป็นต้นไป หากประชาชนสนใจให้ขอรับได้ที่ 7 องค์กรที่ร่วมสนับสนุนข้างต้น
สามารถรับได้ตลอด 24 ชั่วโมง และไม่มีจำกัดจำนวน โดยขั้นที่สามจะจัดพิมพ์เป็นหนังสือขอบิณฑบาต
เนื้อหาในหนังสือจะนำแนวคิดและชี้ทิศทางที่จะนำสู่การก้าวข้ามวิกฤติโดยไม่เสียเลือดเนื้อ
การให้ความคิดคือ ทางออกที่ดีที่สุด เราไม่เจาะจงว่าจะทำบัตรแจกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ
ไม่ว่าพันธมิตร หรือนปก.ในกาลนี้เราย่อมหมายถึงเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีอำนาจด้วย
ซึ่งขณะนี้ดูเหมือนว่าทหารจะมีอำนาจสูงในการสั่งผลักดันให้เกิดความรุนแรง
หากทหารออกมาแสดงตนว่าไม่มีอาวุธ และสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้ก็จะดับชนวนได้จุดหนึ่ง ซึ่งการที่ผบทบ.ออกมาริเริ่มโดยการให้ข่าวในวันที่ประกาศพรก.นั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ดี พระมหาวุฒิชัย ให้ข้อคิด
ด้านพระไพศาล วิสาโล ให้ข้อเตือนสติว่า ที่ผ่านมาความขัดแย้งทางความคิดนำสู่ความรุนแรงและสูญเสียชีวิตในที่สุด
ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะลุกลามในสังคมไทยเป็นวงกว้าง จุดเริ่มต้นที่สำคัญคือ การยับยั้งความรุนแรงทางวาจา
อันประกอบด้วยการกล่าวคำเท็จ คำหยาบคาย ยั่วยุ คำด่า ที่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งโกรธ อันจะนำไปสู่ความเกลียด
และลงเอยด้วยการใช้กำลังในที่สุด
สังคมไทยยังขาดสัจจานุรัก ต่างฝ่ายต่างคิดตลอดว่าตนเองถูกต้อง
ความคิดของตัวเองถูกโดยคนที่อยู่อีกฝั่งผิดเสมอ เท่านี้ก็จะทำให้เกิดความกลัว ด่ากันไปมา
พอฝ่ายไหนโกรธก่อนก็จะเริ่มใช้กำลัง ที่พระสงฆ์ แม่ชี ออกมาไม่ใช่เสนอทางออกเพราะมีคนเสนอมามากแล้ว
แต่เราออกมาให้วิธีการคือ การปลอดอาวุธ การยับยั้งวาจายั่วยุ ถือว่าเหตุการณ์นี้เป็นการท้าทายสังคมไทย
และหวังว่าเราจะผ่านไปได้อย่างสันติ ประธานเครือข่ายพุทธิกา กล่าว
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000106871หมายถึงกรณีระหว่างฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล กับ ฝ่ายพันธ์มิตร เท่านั้นใช่ไหมครับ