ภัยแท๊กซี่"อาจารย์สาว เวียดนาม ถูกแท็กซี่ชิงทรัพย์-ทำร้ายร่างกาย"

มีค่าเช่าไม่กี่ร้อย ก็เอารถมาก่อเหตุได้ ถ้ารายนี้ไม่โชคดี เหยื่อคงเป็นศพถูกหมกข้างทาง ยี๊

ขอชื่นชมพลเมืองดีครับนายปัญญา โพธิ์ภากรณ์ อายุ 36 ปีอาชีพขับแท็กซี่ และอาสาป่อเต็กตึ๋ง เยี่ยม

ร.ต.อ.ธิติพงศ์ วงษ์หนูพะเนาว์ พนักงานสอบสวนสน.จรเข้น้อย รับแจ้งจาก ด.ต.ไตรสิทธิ์ ไหมละเอียด ตำรวจสายตรวจ ว่าได้จับกุมคนร้ายที่ทำร้ายร่างกาย พร้อมกับได้ควบคุมตัวไว้ที่ซ.ลาดกระบัง 15 และมีผู้บาดเจ็บตกจากรถแท็กซี่ เข้ารับรักษาตัวที่รพ.ลาดกระบัง แขวงและเขต ลาดกระบัง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบน.ส.เหงียน งิวเย็น อายุ 21 ปี(Nguyen Thi Nhuquynh) ชาวเวียดนาม เป็นอาจารย์โครงการแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งอยู่ในสภาพบอบช้ำ ศีรษะแตก มีรอยฟกช้ำตามร่างกาย ที่ลำคอเป็นผื่นแดง และมีแผลถลอกตามข้อศอก แพทย์รับรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉินของรพ. ลาดกระบัง

จากการสอบปากคำ น.ส.เหงียน กล่าวว่า ตนเป็นอาจารย์แลกเปลี่ยนของม.มหาสารคาม ได้เดินทางมาจากจ.มหาสารคาม เพื่อที่จะเดินทางกลับไปยังประเทศเวียดนามในวันพรุ่งนี้(1 ต.ค.) ระหว่างที่ลงจากรถที่สถานีขนส่งหมอชิต ได้เรียกรถแท็กซี่ เพื่อที่จะให้มาส่งที่โรงแรมคอนเวเนียน ที่อยู่ภายในซ.ลาดกระบัง 54 แขวงและเขตลาดกระบัง ในระหว่างที่รถวิ่งเข้าซอยซึ่งตนไม่รู้ว่าตรงจุดไหนของซอย แต่มารู้ตัวอีกทีตอนที่โชเฟอร์ทำร้ายร่างกาย ระหว่างนั้นได้ถูกชกและใช้สายวิทยุสื่อสารภายในรถมามัดมือ และจับยัดใส่ในกระโปรงท้ายของรถแท็กซี่

"เมื่อรถแท็กซี่ขับออกไปเรื่อย ๆทำให้ฝากระโปรงเกิดเปิดออก รถชะลอตัว ฉันจึงร้องให้คนช่วย แต่โชเฟอร์พยายามขับหนี จังหวะนั้นฉันตกลงจากรถก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือ" น.ส.เหงียน กล่าว

ร.ต.อ.ธิติพงศ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้จับกุมตัวคนร้ายได้ที่ภายในซ.ลาดกระบัง 15 ซึ่งอยู่ภายในซ.สำนักงาน เขตลาดกระบัง ถ.ลาดกระบัง แชวงและเขตลาดกระบัง กทม. สำหรับคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ทราบชื่อคือ จ.ส.อ.สุวัฒน์ สุขใจ อดีตทหารนอกราชการ อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 5 ต.เด่นชัย จ.แพร่ จากการสอบปากคำเบื้องต้นทราบว่า ขับรถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า สีแดง หมายเลขทะเบียน ทร 8453 กทม. เป็นของสหกรณ์ภูมิพลัง วิ่งรับผู้เสียหายมาจากบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต ว่าจ้างให้มาส่งโรงแรมภายในซ.ลาดกระบัง 54 ในระหว่างที่ขับรถมานั้นได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย โดยใช้วิธีการบีบคอผู้เสียหายจากนั้นได้ใช้สายวิทยุมัดมือ ก่อนที่จะลากผู้เสียหายยัดใส่กระโปรงท้ายรถ และได้ขับรถออกมา

"ผมไม่ชินเส้นทาง หลังก่อเหตุคิดจะหนีแต่ถูกจับเสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ทำเพราะต้องการชิงทรัพย์ผู้เสียหายเท่านั้น" จ.ส.อ.สุวัฒน์กล่าว

ขณะที่ นายปัญญา โพธิ์ภากรณ์ อายุ 36 ปีอาชีพขับแท็กซี่ และอาสาป่อเต็กตึ๋ง ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า ขณะที่ขับรถมาถึงในซ.รพ.ลาดกระบังได้เห็นผู้เสียหายตกลงมาจากท้ายรถแท็กซี่ เห็นว่าผิดปกติเพราะเห็นมือถูกมัด จึงใช้วิธีการขับรถปาดหน้าบล็อคไม่ให้รถของคนร้ายหลบหนี จากนั้นได้ใช้วิทยุสื่อสารในรถเรียกสมาชิกลูกข่ายให้มาช่วยเหลือ ระหว่างนั้นได้มีประชาชนและบุรุษพยาบาลประมาณ 50 คนทำให้คนร้ายไม่สามารถออกจากรถได้ จนกระทั่งมีตำรวจจราจร 3 นายเดินเข้ามาพร้อมกับเรียกให้ลงจากรถ ระหว่างนั้นประชาชนที่เห็นเหตุการณ์พยายามที่จะเข้ามารุมทำร้ายทำให้ตำรวจต้องรีบกันประชาชนออกไป

"สำหรับผู้เสียหายที่ออกมาจากรถได้คาดว่าจะใช้วิธีการดิ้นทำให้มือที่ถูกมัดเกิดหลวม และคลำเจอสายกระโปรงท้ายรถ ซึ่งถ้าหากมีการดึงอย่างแรง ทำให้สามาถรหลุดเปิดอกมาได้ ก่อนที่จะตัดสินกระโดด ประกอบกับจังหวะนั้นรถต้องเลี้ยวโค้ง พร้อมกับมีรถของประชาชนเข้ามาส่งคนไข้ทำให้รถต้องวิ่งช้า ผู้เสียหายจึงตัดสินใจกระโดดออกมา " นายปัญญากล่าว

นายปัญญากล่าวอีกว่า สำหรับจุดที่เกิดเหตุ ถ้าหากเป็นรถแท็กซี่ต่างถิ่น ถ้าเป็นคนประสงค์ดีไม่ชินเส้นทางอาจจะทำให้ขับหลงได้ แต่ถ้าหากคิดประสงค์ร้าย เมื่อทำร้ายผู้เสียหายถึงสลบหรือตาย อาจจะเป็นการเข้ามาเพื่อพาผู้เสียหายมาทิ้งไว้ได้ [/b]

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=471552

	ผู้เขียน	หัวข้อ: ภัยแท๊กซี่"อาจารย์สาว เวียดนาม ถูกแท็กซี่ชิงทรัพย์-ทำร้ายร่างกาย" (อ่าน 1813 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้