หน้าที่และอำนาจของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านตามพระราชบัญญัติลักษณะ ปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2457 (แก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน)
หน้าที่และอำนาจของกำนัน หน้าที่และอำนาจของกำนัน ที่ปรากฏตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 (แก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน) ได้แก่
มาตรา 34 บรรดาการจะตรวจตรารักษาความปกติเรียบรอยในตำบล คือ การที่จะ ว่ากล่าวราษฎรในตำบลนั้นให้ประพฤติตามพระราชกำหนดกฎหมายก็ดี หรือการที่ป้องกันภยันตรายและรักษาความสุขสำราญของราษฎรในตำบลนั้นก็ดี หรือการที่จะรับกิจสุข ทุกข์ของราษฎรในตำบลนั้นขึ้นรองเรียนต่อผู้ว่าราชการเมือง กรมการอำเภอ และที่จะรับ ข้อราชการมาประกาศแก่ราษฎรในตำบลนั้นก็ดี หรือการที่จะจัดการตามพระราชกำหนด กฎหมาย เชน การตรวจและนำเก็บภาษีอากรในตำบลนั้นก็ดี การทั้งนี้จะอยู่ในหน้าที่ของ กำนันผู้เป็นนายตำบล ผู้ใหญ่บ้านทั้งปวงในตำบลนั้น และแพทย์ประจำตำบลจะต้องช่วย กันเอาเป็นธุระจัดการให้เรียบร้อยได้ตามสมควรแก่หน้าที่
มาตรา 34 ทวิ นอกจากอำนาจหน้าที่ที่กล่าวโดยเฉพาะนี้ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ กำนัน ให้กำนันมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ใหญ่บ้านด้วย
(ความในมาตรา 34 ทวิ มีบัญญัติเพิ่มโดยมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.ลักษณะปกครอง ท้องที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2486)
มาตรา 35 กำนันมีหน้าที่และอำนาจในการที่เกี่ยวด้วยความอาญาดังตอไปนี้คือ ข้อ 1 เมื่อทราบข่าวว่าได้มีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น หรือสงสัยว่าได้ เกิดขึ้นในตำบลของตนต้องแจ้งความต่อกรมการอำเภอให้ทราบ
ข้อ 2 เมื่อทราบข่าวว่าได้มีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น หรือสงสัยว่าได้ เกิดขึ้นในตำบลใกล้เคียงต้องแจ้งความต่อกำนันนายตำบลนั้นให้ทราบ ข้อ 3 เมื่อปรากฏว่ามีผู้ใดกำลังกระทำผิดกฎหมายก็ดี หรือมีเหตุควรสงสัย ว่าเป็นผู้ที่ได้กระทำผิดกฎหมายก็ดี ให้จับผู้นั้น และให้รบนำส่งต่อไปกรมการอำเภอตาม สมควร
ข้อ 4 ถ้ามีหมายหรือมีคำสั่งตามหน้าที่ราชการให้จับผู้ใดในตำบลนั้น เป็น หน้าที่ของกำนันที่จะจับผู้นั้น แล้วรีบส่งต่อกรมการอำเภอตามสมควร ข้อ 5 เมื่อเจ้าพนักงานผู้ที่มีหน้าที่ออกหมายสั่งให้ค้นหรือให้รดกำนันต้อง จัดการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ข้อ 6 ถ้ามีผู้มาขออายัดตัวคนหรือสิ่งของก็ดีหรือผู้ต้องโจรกรรมจะทำกฎ หมายตราสิน หรือมีผู้จะมาขอทำชันสูตรบาดแผลก็ดี ทั้งนี้ก็ให้กำนันสืบสวนฟังข้อความ แล้วรีบนำตัวผู้ขอและผู้ต้องอายัด และทรัพย์สิ่งของบรรดาที่จะพาไปด้วยนั้น ส่งต่อไปยัง กรมการอำเภอ ถ้าสิ่งของอย่างใดจะพาไปไม่ได้ ก็ให้กำนันชันสูตรให้เห็น แล้วนำความ ไปแจงต่อกรมการอำเภอในขณะนั้น
มาตรา 36 ถ้ากำนันรู้เห็นเหตุทุกข์รอนของราษฎร หรือมีการแปลกประหลาดเกิด ขึ้นในตำบล ต้องรีบรายงานต่อกรมการอำเภอให้ทราบ
มาตรา 37 ถ้าเกิดจลาจลก็ดี ฆ่ากันตายก็ดี ชังทรัพย์ก็ดี ปล้นทรัพย์ก็ดี ไฟไหมก็สี หรือเหตุร้ายสำคัญอย่างใด ๆ ในตำบลของตนหรือในตำบลใกล้เคียงอันสมควรจะช่วยได้ ก็ดี หรือมีผู้ร้ายมาแต่ที่อื่น ๆ มามั่วสุมในตำบลนั้นก็ดี หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าลูกบ้าน ในตำบลนั้นบางคนจะเกี่ยวข้องเป็นโจรผู้ร้ายก็ดี เป็นหน้าที่ของกำนันจะต้องเรียกผู้ใหญ่ บ้านและลูกบ้านในตำบลออกช่วยต่อสู้ติดตามจับผู้ร้าย หรือติดตามเอาของกลางคน หรือ ดับไฟ หรือช่วยอย่างอื่นตามควรแก่การโดยเต็มกำลัง มาตรา 38 ให้กำนันดูแลคนเดินทางซึ่งไม่มีเหตุควรสงสัยว่าจะเป็นผู้ร้ายให้ได้มีที่ พักตามควร
มาตรา 39 ถ้าผู้เดินทางด้วยราชการจะต้องการมีคนนำทาง หรือขาดแคลนพาหนะ เสปียงอาหารลงในระหว่างเดินทาง และจะร้องขอต่อกำนันให้ช่วยสงเคราะห์ กำนันต้อง ช่วยจัดหาให้ตามที่จะทำได้ ถ้าหากว่าการจะช่วยเหลือนั้น จะต้องออกราคาค่าจางเพียงใด ให้กำนันเรียกเอาแก่ผู้เดินทางนั้น
มาตรา 40 กำนันต้องตรวจจัดการรักษาสิ่งเป็นสาธารณประโยชน์ อันอยู่ในตำบล นั้น เช่น สระน้ำ ศาลาอาศัย ที่เลี้ยงปศุสัตว์ เป็นต้น
มาตรา 41 กำนันต้องรักษาบัญชีสำมะโนครัว และทะเบียนบัญชีของรัฐบาลอยู่ใน ตำบลนั้นและคอยแก้ไขเพิ่มเติมให้ลูกต้องตรงกับบัญชีของผู้ใหญ่บาน
มาตรา 42 กำนันต้องทำบัญชีสิ่งของซึ่งต้องเสียภาษีอากรในแขวงนั้น ยื่นต่อกรม- การอำเภอและนำราษฎรไปเสียภาษีอากรตามพระราชบัญญัติภาษีอากร
มาตรา 43 กำนันกระทำการตามหน้าที่จะเรียกผู้ใดมาหารือให้ช่วยก็ได้
มาตรา 44 ในตำบลหนึ่งให้สารวัตรสำหรับเป็นผู้ช่วย และรับใช้สอยของกำนัน 2 คน ผู้,ที่จะเป็นสารวัตรนี้แล้วแต่กำนันจะขอร้องให้ผู้ใดเป็น แต่ก็ต้องไดรับความเห็นชอบ ของผู้ว่าราชการเมืองด้วยจึงเป็นได้ และกำนันมีอำนาจเปลี่ยนสารวัตรได้
หน้าที่และอำนาจของผู้ใหญ่บ้าน
หน้าที่และอำนาจของผู้ใหญ่บ้าน ได้มีตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 (แก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจบัน) ได้แก่
มาตรา 27 ผู้ใหญ่บ้าน เป็นหัวหน้าของราษฎรในหมู่บ้านของตน ตามที่กำหนดไว้ ในพระราชบัญญัตินี้ จะมีหน้าที่และอำนาจในทางปกครอง และรักษาความสงบเรียบร้อย ของราษฎร ดังจะกล่าวต่อไปนี้คือ
ข้อ 1 ที่จะรักษาความสงบ และความสุขสำราญ ช่วยป้องกันความทุกข์ภัย ของลูกบ้านตามสมควรและสามารถจะทำไต้ การที่กล่าวนี้ถาสมควรจะปรึกษาหารือและ ช่วยกันกับเพื่อนผู้ใหญ่บ้านก็ดี กับกำนันนายตำบลก็ดีก็ให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านที่จะ ต้องปฏิบัติให้สมควรแก่การที่จะรักษาประโยชน์ และความสุขของลูกบ้าน ซึ่งได้มอบไว้ เป็นธุระในพระราชบัญญัตินี้
ข้อ 2 ถ้าความทุกข์ภัยเกิดแก่ลูกบ้านซึ่งจะต้องขอความป้องกันจากรัฐบาล ก็เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านที่จะนำความแจ้งต่อเจ้าพนักงานปกครองตั้งแต่ กำนัน นายอำเภอ เป็นต้นขึ้นไปโดยลำดับ
ข้อ 3 ถารัฐบาลจะประกาศหรือจะสั่งราชการใดให้ราษฎรทราบเป็นหน้า- ที่ของผู้ใหญ่บ้านที่จะรับข้อความอันนั้นไปแจ้งต่อลูกบ้านของตนให้ทราบ
ข้อ 4 เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน ที่จะทำบัญชีสำมะโนครัวในหมู่บ้านของ ตน และคอยแก้ไขบัญชีนั้นให้ลูกต้องเสมอ
ข้อ 5 ถ้าผู้ใหญ่บ้านรู้เห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดอันใดที่เกิดขึ้นในหมู่ บ้านของตนหรือในลูกบ้านของตน ซึ่งอาจจะเป็นคุณหรือให้โทษแก่ราชการบ้านเมืองก็ดี แก่ประชาชนในที่นั้นก็ดี ยกตัวอย่างข้างฝ่ายโทษ ดังรู้เห็นว่าผู้คนที่มีทรัพย์สินของแปลก ประหลาดอันน่าสงสัยว่าเป็นของที่ไดมาทางโจรกรรมก็ดี หรือว่าถ้าเห็นผู้คนล้มตายหรือ มีบาดแผลอันควรสงสัยว่าจะมีผู้อื่นกระทำเอาโดยทุจริตหรือไปกระทำทุจริตต่อ ผู้ลื่นแล้ว จึงเกิดเหตุขึ้นก็ดี เหล่านี้เป็นต้น ให้รบน่าความแจ้งต่อกำนันนายตำบลของตน
ข้อ 6 ถ้ามีคนจรแปลกหน้านอกสำมะโนครัวหมู่บ้านนั้นเข้ามาอาศัย เป็น หน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านจะต้องไต่ถามให้เจักตัว และ!เหตุการณ์ที่มาอาศัย ถ้าเห็นว่าไม่ไต้ มาโดยสุจริตให้เอาตัวผู้นั้นส่งกำนันนายตำบลของตน
ข้อ 7 ถ้าเกิดเหตุจลาจลก็ดี ฆ่ากันตายก็ดี ตีชิงก็ดี ปล้นทรัพย์ก็ดี หรือไฟ ไหมก็ดี หรือเหตุร้ายสำคัญอย่างใด ๆ ในหมู่บ้านของตน หรือหมู่บ้านที่ใกล้เคียงอันสมควรจะช่วยได้ เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านจะต้องเรียกลูกบ้านของตนออกช่วยต่อสู้ติดตาม จับผู้ร้ายเอาของกลางคืน หรือตับไฟหรือช่วยอย่างอื่นที่สมควรโดยเต็มกำลัง
ข้อ 8 ผู้ใหญ่บ้านที่เห็นลูกบ้านของตนคนใดแสดงความอาฆาตมาดร้ายแก่ ผู้อื่นก็ดี หรือเป็นคนจรจัดไม่ปรากฏการทำมาหาเลี้ยงชีพ และไม่สามารถจะชี้แจงให้เห็น ความบริสุทธิ์ของตนได้ก็ดี ผู้ใหญ่บ้าน มีอำนาจหน้าที่ที่จะเรียกลูกบ้านคนนั้นมาไต่ถาม และว่ากล่าวสั่งสอน ถ้าไม่ฟังจึงให้นำเอาตัวส่งกำนันจัดการตามความในมาตรา 52 แห่ง พระราชบัญญัตินี้
ข้อ 9 ควบคุมและดูแลลูกบ้านให้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องพึงกระทำตามกฎ- หมาย หรือระเบียบแบบแผนของทางราชการ
ข้อ 10 ฝึกหัดอบรมให้คนไทยเจ้าหน้าที่และกระทำการในเวลารบ
ข้อ 11 ทำการอบรมสั่งสอน หรือชี้แจงข้อราชการแก่ราษฎร ในการนี้ก็ให้ เรียกราษฎรมาประชุมไต้ตามครั้งคราวที่สมควร
ข้อ 12 ให้บำรุง ส่งเสริมการอาชีพของราษฎรในทางเกษตรกรรม พาณิชย กรรม และอุตสาหกรรม
ข้อ 13 ตรวจตราและรักษาประโยชน์ในการอาชีพของราษฎร ข้อ 14 สั่งให้ราษฎรช่วยเหลือในการสาธารณประโยชน์เพื่อบำบัดปดป้อง ภยันตรายซึ่งมีมาเป็นสาธารณะโดยฉุกเฉิน และให้ทำการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ราษฎรผู้ ประสบสาธารณภัย
ข้อ 15 จัดการป้องกันโรคติดต่อ หรือโรคระบาดซึ่งเกิดขึ้น หรือจะเกิดขึ้น ในหมู่บ้าน เพื่อมิให้ติดต่อลุกลามต่อไป
ข้อ 16 จัดหมู่บ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและตองด้วยสุขลักษณะ ข้อ 17จัดให้มีการประชุมกรรมการหมู่บ้าน
ข้อ 18 ปฏิบัติการตามคำสั่งของกำนัน หรือทางราชการ และรายงานเหตุการณซึ่งเกิดขึ้นในหมู่บ้านให้กำนันทราบเพื่อให้กำนันรายงาน ต่อคณะกรรมการอำเภอ
ข้อ 19 กระทำตนให้เป็นตัวอย่างแก่ราษฎรตามที่ทางราชการได้แนะนำ (ความในมาตรา 27 ข้อ 9 ถึงข้อ 19 บัญญัติเพิ่มโดยมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.ลักษณะ ปกครองทองที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2486)
มาตรา 28 ผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่และอำนาจในการที่เกี่ยวด้วยความอาญา ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 เมื่อทราบข่าวว่าได้มีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น หรือสงสัยว่าได้ เกิดขึ้นในหมู่บ้านของตนด้องแจงความต่อกำนันนายตำบลให้ทราบ
ข้อ 2 เมื่อทราบข่าวว่าได้มีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น หรือสงสัยว่าได้ เกิดขึ้นในหมู่บ้านใกล้เคียงต้องแจ้งความต่อผู้ใหญ่บ้านนั้นให้ทราบ
ข้อ 3 เมื่อตรวจพบของกลางที่ผู้กระทำผิดกฎหมายมีอยู่ก็สี หรือสิ่งของที่ สงสัยว่าได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย หรือเป็นสิ่งของสำหรับใช้ในการกระทำผิดกฎ- หมายก็สี ให้จับสิ่งของนั้นไวและรีบนำส่งต่อกำนันนายตำบล
ข้อ 4 เมื่อปรากฏว่าผู้ใดกำลังกระทำผิดกฎหมายก็ดีหรือมีเหตุควรสงสัยว่า เป็นผู้ที่ได้กระทำผิดกฎหมายก็สี ให้จับตัวผู้นั้นไว้แล้วรีบนำส่งต่อกำนันนายตำบล
ข้อ 5 ถ้ามีหมายหรือคำสั่งตามหน้าที่ทางราชการให้จับผู้ใดในหมู่บ้านนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านที่จะจับผู้นั้นและรีบนำส่งต่อยังกำนัน หรือกรมการอำเภอ ตาม สมควร
ข้อ 6 เมื่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ออกหมายสั่งให้คนหรือให้ยึด ผู้ใหญ่บ้าน ต้องจัดการให้เป็นไปตามกฎหมาย
บรรณานุกรม
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 (แก้ไขเพิ่มเติมถึง ปัจจุบัน). (2547). กรงเทพมหานคร: โรงพิมพ์อาสารักษาดินแคน.
แนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในสถานการณ์ พ.ศ. 2547
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยังเป็นกลไกสำคัญของรัฐในส่วนภูมิภาคระดับตำบล หมู่บ้าน หากการปกครองตำบล หมู่บ้านแข็งแกร่ง ประเทศย่อมมั่นคง ภารกิจป้านัดทุกข์บำรุงสุข ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในสถานการณ์ พ.ศ. 2547 ต้องใช้หลักการบริหารกิจการบานเมือง ที่ดี เป็นแนวทางปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้(โภคิน พลกล, 2547, หน้า Cool
1.ด้านการบริการประชาชน ให้เอาใจใส่ดำเนินการช่วยเหลือและดูแลประชาชน อย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อจะให้ประชาชนไต้รับความสะดวก รวดเร็วในการติดต่อ ราชการ การให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติงานของทุกกระทรวง กรม และ หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะการบริการประชาชนถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่ง
2.ต้านการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อย ให้ดำเนินการแนะน่า ตักเตือน และดูแลราษฎรมิให้กระทำการผิดกฎหมายรวมถึงชี้แจงข้อราชการต่าง ๆ ที่ประชาชนพึงรู้ ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นหัวหน้าชุดรักษาความสงบเรียบร้อยประจำหมู่บ้าน (ชรบ.) อำนวยความสะดวกในต้านต่าง ๆ แก่ประชาชน
3.ต้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม ดำเนินการดแลรักษา อนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ในตำบล หมู่บ้านให้อยู่ในสภาพที่มีความอุดมสมบูรณ์และ เมื่อพบว่าป่าไม้ในเขตทองที่ถูกบุกรุกทำลายให้รายงานอำเภอ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ โดยเร็ว และการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลาย ป่าไม้
4.ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจน ให้ดำเนินการร่วมมือกับทางจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนทองถิ่นและประชาชนในพื้นที่ โดยเป็นผู้ให้ข้อมูลแก่ประชาชนใน พื้นที่ตำบล หมู่บ้าน ตลอดจนข้อมูลปัญหาความต้องการ (demand side) ทรัพยากรในการ ให้ความช่วยเหลือ (supply side) เพื่อน่าไปร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาถึงระดับฐานราก และ แก้ไขปัญหาสังคมและความยากจนต่อไป
5.ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ดำเนินการกระตุ้นปลกจิตสำนึกให้ ชุมชนตื่นตัว ให้เกิดมีกระแสสังคมต่อด้านยาเสพติด การสร้างความร่วมมือกับประชาคม
หมู่บ้านและตำบล โดยเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน ในการรวมพลังต่อต้านยาเสพติดทุกรูปแบบและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดด้วย
6. ด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ดำเนินการรวมมือกับทางราชการ มีการปราบปรามผู้มีอิทธิพลด้วยการสอดส่องดูแลความประพฤติของลูกบ้าน มิให้ประพฤติตนเป็นผู้ มีอิทธิพลหรือมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล และดูแลสถานประกอบการต่าง ๆ ใน พื้นที่และให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแส ข้อมูล ข่าวสาร ปัญหาความเดือดร้อนที่เกิด จากกลุ่มผู้มีอิทธิพลรวมถึงการใช้มาตรการทางสังคมต่อกลุ่มผู้มีอิทธิพล
บรรณานุกรม
โภคิน พลกล. (2547, สิงหาคม). วันกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประจำปี 2547. มติชนสุด สัปดาห์, 24, 8.
http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?topic=1574.0
อำนาจหน้าที่ของ อบต.
อบต. มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วน ตำบล พ.ศ. 2537 และ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2542)
พัฒนาตำบลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (มาตรา 66)
มีหน้าที่ต้องทำตามมาตรา 67 ดังนี้ จัดให้มีและบำรุงทางน้ำและทางบก
การรักษาความสะอาดของถนน ทางน้ำ ทางเดินและที่สาธารณะ รวมทั้งการกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ป้องกันโรคและระงับโรคติดต่อ
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็กและเยาวชน ผู้สูงอายุและพิการ
คุ้มครอง ดูแลและบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
บำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น
ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ทางราชการมอบหมาย
มีหน้าที่ที่อาจทำกิจกรรมในเขต อบต. ตามมาตรา 68 ดังนี้
ให้มีน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคและการเกษตร
ให้มีและบำรุงไฟฟ้าหรือแสงสว่างโดยวิธีอื่น
ให้มีและบำรุงรักษาทางระบายน้ำ
ให้มีและบำรุงสถานที่ประชุม การกีฬา การพักผ่อนหย่อนใจและสวนสาธารณะ
ให้มีและส่งเสริมกลุ่มเกษตรกร และกิจการสหกรณ์
ส่งเสริมให้มีอุตสาหกรรมในครอบครัว
บำรุงและส่งเสริมการประกอบอาชีพ
การคุ้มครองดูแลและรักษาทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
หาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของ อบต.
ให้มีตลาด ท่าเทียบเรือ และท่าข้าม
กิจการเกี่ยวกับการพาณิชย์
การท่องเที่ยว
การผังเมือง
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%A5นายก อบต. คือใคร มีที่มาอย่างไร มีหน้าที่อะไรและมีใครเป็นผู้ช่วยเหลือในการบริหารราชการบ้าง
นายก อบต. คือหัวหน้าผู้บริหาร อบต. เป็นควบคุมและรับผิดชอบการบริหารราชการของ อบต. ตามกฎหมายและเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานส่วนตำบลและลูกจ้างของ อบต.
การเลือกตั้งและการดำรงตำแหน่งของนายก อบต.
อบต. มีนายก อบต. 1 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น : ดำรงตำแหน่งนับตั้งแต่วันเลือกตั้งและมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้
ผู้ช่วยเหลือในการบริหารราชการของ นายก อบต. ดังนี้
(1) รองนายก อบต. : นายก อบต. สามารถแต่งตั้งรองนายก อบต. ซึ่งมิใช่สมาชิกสภา อบต. ได้ไม่เกิน 2 คน
(2) เลขานุการนายก อบต. : นายก อบต. สามารถแต่งตั้ง เลขานุการนายก อบต. จากผู้ที่มิได้เป็นสมาชิกสภา อบต. หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ 1 คน
อำนาจหน้าที่ของ นายก อบต. 1. ก่อนเข้ารับหน้าที่ นายก ต้องแถลงนโยบายต่อสภา อบต. โดยไม่มีการลงมติ หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้ทำเป็นหนังสือแจ้งต่อสมาชิกสภา อบต. ทุกคน และจัดทำรายงานแสดงผลการปฏิบัติงานตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภา อบต. เป็นประจำทุกปี
2. มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 59 ดังนี้
(1) กำหนดนโยบายโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย และรับผิดชอบในการบริหารราชการของ อบต. ให้เป็นไปตามกฎหมาย นโยบาย แผนพัฒนา อบต. ข้อบัญญัติ ระเบียบ และข้อบังคับทางราชการ
(2) สั่ง อนุญาต และอนุมัติเกี่ยวกับราชการของ อบต.
(3) แต่งตั้งและถอดถอนรองนายก อบต. และเลขานุการนายก อบต. วางระเบียบเพื่อให้งานของ อบต. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
รักษาการให้เป็นไปตามข้อบัญญัติ อบต.
(4) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ และกฎหมายอื่น
3. ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารราชการของ อบต. ตามกฎหมาย และเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานส่วนตำบล ลูกจ้างและพนักงานจ้างของ อบต.
4. นายก อบต. รองนายก อบต. หรือผู้ซึ่งนายก อบต. มอบหมายมีสิทธิเข้าประชุมสภา อบต. และมีสิทธิแถลงข้อเท็จจริงตลอดจนแสดงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับงานในหน้าที่ของตนต่อที่ประชุมแต่มี่สิทธิออกเสียงลงคะแนน
5. กรณีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งประธานและรองประธาน อบต. หรือ สภา อบต. ถูกยุบเพราะว่าไม่สามารถจัดให้มีการประชุมสภา อบต. ครั้งแรกภายใน 15 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภา อบต. หรือมีการประชุมแต่ไม่สามารถเลือกประธานสภา อบต.ได้ หากกรณีสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนซึ่งปล่อยให้เนิ่นช้ไปจะกระทบต่อประโยชน์สำคัญของราชการหรือราษฎร นายก อบต. จะดำเนินการไปพลางก่อนเท่าที่จำเป็นก็ได้ แต่เมื่อได้เลือกประสภา อบต. แล้วให้เลือกประธานสภา อบต. เพื่อให้นายก อบต. แถลงนโยบายโดยไม่มีการลงมติภานใน 15 วัน นับแต่วันที่มีการเลือกตั้งประธานสภา อบต.
6. กรณีนายกปฏิบัติการที่อาจเสียหายแก่ อบต. หรือเสียหายแก่ราชการ และนายอำเภอได้ชี้แจ้งแนะนำแล้วไม่ปฏิบัติตาม ในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเร่งด่วนที่จะรอช้าไม่ได้ นายอำเภอมีอำนาจออกคำสั่งระงับการปฏิบัติราชการของนายก อบต. ไว้ตามที่เห็นสมควรได้ แล้วรีบรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดภายใน 15 วัน เพื่อวินิจฉัยตามที่เห็นสมควรโดยเร็ว: การกระทำของนายก อบต.ที่ฝ่าฝืนคำสั่งนายอำเภอหรือผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าว ไม่มีผลผูกพันกับ อบต.
7. เป็นผู้เสนอร่างข้อบัญญัติ อบต. ร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม
8. เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ อบต.
http://www.klonghok.go.th/index.php?mod=blog&path=blog&id_sub=74 ยกมาให้รู้เรื่องอำนาจ และหน้าที่ ขออธิบายเพิ่มเติมนิดครับ ตรงข้อ 8 เรื่องเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาในการปฏิบัติหน้าที่ตาม พรบ. อบต. หมายความว่าไม่ใช้ให้อำนาจจับกุมนะครับ เพราะ พรบ. อบต.ไม่ได้กำหนดไว้ (กลัวคนอื่นเข้าใจผิด) อบต.จะจับใครต้องไปแจ้งกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน หรือตำรวจครับ เว้นแต่เทศกิจอันนี้พวกเทศบาล/กรุงเทพ และเมืองพัทยาเขามีอำนาจ เข้าใจง่าย ๆ คือแยกอำนาจในพื้นที่เป็น 2 อำนาจแรกมีอำนาจในการจับกุม ตามประมวลกฎหมายอาญาเรียกว่าผู้ปกครองท้องที่ (กำนัน/ผู้ใหญ่ ผู้ช่วยต่าง ๆ ) อีกอำนาจเรียกให้ดูดีหน่อยว่าอำนาจในการวางนโยบาย หรือเรียกกันชาวบ้าน ๆ ก็คนถือเงิน เรียกว่าผู้บริหารท้องที่ (อบต./เทศบาล/อบจ.) ถ้า 2 ส่วนทำงานร่วมกันได้ดี ก็เจริญครับ ถ้าไม่ก็แย่ และส่วนใหญ่ถ้ามีร้อยร้าวเล็ก ๆ ก็จะมีหน่วยงานเก่าแก่ที่สุดของกระทรวงทำหน้าที่เป็นบ่างครับ คือยุให้แตกกัน