ดูเหมือนจะมีเหตุผลสนับสนุนว่า"สมควรตาย"มากกว่ากรณีเติมแกสเกินไม่จ่ายตังค์ กับกรณีขับรถเบียดแล้วยังหนี .... กรณีนั้นยังพอเข้าข่ายบันดาลโทสะ...

แต่กรณีนี้ข้อหาน่าจะเป็น...ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ทำไมชาวปืนจึงเชื่อว่า เรามีสิทธิฆ่า

เรียนพี่ธำรง...
คือเรื่องเติมแก๊สแล้วไม่จ่ายตังค์ กับเรื่องรถพ่วงขับรถเบียดแล้วหนี ทั้งสองเรื่องนี้อ้างบันดาลโทสะไม่ได้ครับ คือการอ้างบันดาลโสะต้องถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยสาเหตุไม่เป็นธรรมเสียก่อน... คือสองกรณีที่ว่านั้นมูลค่าความเสียหาย และความกระทบกระเทีอนต่อเกียรติศักดิ์ศรีมันน้อยมากครับ, แต่เรื่องตามท้องเรื่องในกระทู้นี้มันหนักหนาสาหัสกว่า เพราะกระทบไปถึงขนบธรรมเนียมประเพณีการเข้าสังคม และเกี่ยวเนื่องกับการใช้ชีวิตประจำวันไปตลอดเวลาที่ยังอยู่ในสังคมนั้นครับ(บางฏีกาชู้ตามเยาะเย้ยหลายกาละหลายเทศะอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่พฤติกรรมนอนกับภรรยาผ่านไปแล้วก็ตาม)...
การที่ชาวปืนเชื่อว่า"เรามีสิทธิฆ่า"นั้น เฉพาะนายสมชายว่าตามที่กฎหมายบัญัติไว้เป็นเหตุลดโทษได้, เท่าที่นึกออกขณะนี้และเกี่ยวข้องกับกระทู้คือ ม.67+68(เรื่องเคยเอามีดไล่แทง) กับ ม.72(เรื่องหยามศักดิ์ศรี) ครับ... แต่ถ้ากฎหมายไม่ได้บอกเอาไว้ ก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตผู้อื่นครับ...

ขอบคุณท่านสมชาย(ฮา) ... ผมขอเว้นไม่ต่อเรื่องบันดาลโทสะ กับเรืองหยามเกียรติยศศักดิ์ศรี
เพราะประเด็นที่ผมต้องการสื่อคือการที่คนมีปืนในมือคิดว่าตัวได้สิทธิทำลายชีวิตผู้อื่น
มีปืนคือมีอำนาจทำลายล้างสูงขึ้น.....แล้วใช้อำนาจทำลายล้างนั้น กับคนที่ไม่มีทางสู้
หรือใช้การลอบยิง การยิงทีเผลอ ....
กรณีนี้เพราะมันหยามศักดิ์ศรีจีงต้องฆ่ามัน...แต่คงไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะยิง .... เพราะตัวก็กลัวตาย กลัวอีกฝ่ายเตรียมอาวุธมาสู้
เป็นการยิงฝ่ายเดียวเสียทั้งนั้น ในทุกกรณีของช่วงเวลาไม่กี่วันที่เป็นข่าว ....
....... สังคมรับรู้เรื่องแบบนี้บ่อยครั้งมาก......ต่อไปย่อมไม่อาจวางใจกับผู้ครอบครองปืน
ถ้าเราคิดว่าใช้ปืนเพื่อป้องกันตน....ก็ต้องคิดถึงการต้องสู้กับคนที่มีปืนมีอาวุธ
ต้องฝึกฝนเพราะคู่ต่อสู้..ศัตรู..หรือคนร้ายก็มีอาวุธ มีปืน .... แล้วเราจึงต้องใช้ปืน..ใช้แล้วต้องรอด
ผมไม่คิดยิงคนมือเปล่า แล้วหาช่องของกฎหมาย ของอำนาจอิทธิพลใดมาช่วยให้รอด
ปาณาติบาต เป็นศีลข้อที่ ๑

แต่ข้อดีของปืน....คือการปรามคนชั่วไว้บ้าง
