เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
กันยายน 19, 2025, 10:48:32 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไทยมีก๊าชธรรมชาติอันดับ 24ของโลก ... จริงหรือ ???  (อ่าน 14297 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สหายเล็กน้อย
ความรักเป็นเรื่องตลก...อกหักเป็นเรื่องขำ ๆ
Hero Member
*****

คะแนน 2113
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11510


...มีแต่ตัวกับหัวใจ... เธอจะรักฉันไหม ... !!!


« ตอบ #60 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2012, 08:16:20 AM »

... ขอ ก็อบปี้ รูปข้างบนนี้ไปเผยแพร่ ... ได้ไหมครับ ...  ไหว้

ถ้าเป็นรูปของผมรบกวนพี่เอาไปเผยแพร่อย่างด่วนเลยครับ จักเป็นพระคุณอย่างสูงครับเพราะผมก็ก๊อปเขามาเหมือนกัน อิอิ   ไหว้

ใส่ภาษีมูลค่าเพืิ่ม 3 ครั้ง ใน 1 ลิตร ส่วนเจ้าของปั้มได้ค่าการตลาด ลิตรละ 70 สตางค์...ปั้มเล้กๆจึงหายไป เหลือแต่ปั้มใหญ่.... โอ....เรื่องน้ำมันไทยนี่ยิ่งกว่ามหากาพย์เรื่องใดใด

Cr.Somlak



Uploaded with ImageShack.us

ยินดี ครับ ...  ไหว้ ...  Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า



...ล้มแล้วจงลุกใหม่...จนกว่าลูกแกะจะกลายเป็นราชสีห์...
prawin -รักในหลวง-
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 273
ออฟไลน์

กระทู้: 1218



« ตอบ #61 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2012, 11:13:36 PM »

มันจะเป็นของประชาชนคนไทยทุกคนหรือมันจะเป็นแค่กำไรของ 49%ที่ถือหุ้นปตท. Huh




Uploaded with ImageShack.us

ประกาศ !!!!!! กาฬสินธุ์ เจาะหลุมที่ 1 พบแก๊สแล้ว 1 แห่งที่บริเวณ อบต.ดงมูล อ.หนองกุงศรี
ซึ่งเป็นแหล่งแก๊สธรรมชาติที่อาจจะนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในอนาคต ซึ่งยังพบว่ามีแก๊สไข่เน่าด้วย....
และมีโครงการที่จะขุดสำรวจหลุมปิโตรเลียมอีกจำนวน 6 หลุม โดยเป็นการขุดเจาะผ่านฐานเจาะ เขต อ.ยางตลาด
ที่มีต.บัวบาน และตำบลนาเชือก ส่วนที่อ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้แก่ตำบลกาฬสินธุ์ ตำบลขมิ้น ตำบลบึงวิชัย ตำบลไผ่
ตำบลโพนทอง ตำบลลำปาว ตำบลลำพาน ตำบลลำคลองและตำบลหนองกุง....ต่อไป

จับตางานนี้ให้ดีผลประโยชน์....จะตกถึงชาวบ้านที่กฬสินธ์เท่าไร?Huh??

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=2278028447187&set=p.2278028447187&type=1&theater






Uploaded with ImageShack.us

ประกาศ รายชื่อบริษัทที่ได้รับสัมปทานสำรวจแหล่งพลังงานครั้งที่ 20 ส่วนครั้งที่ 21 กำลังตามดูว่าใครสนใจบ้างครับ
The Summery of 20 th Petroleum Concession Round
The department received altogether 74 application for 52 exploration blocks ,44 onshore and 8 in the Gulf of Thailand. The cabinet agreed to award 28 concessions of 34 exploration blocks and actually issued 22 concessions of 26 exploration blocks, 19 onshore and 7 in the Gulf of Thailand as detailed below:
1.Nu Coastal (Thailand), Ltd., exploration block G5/50 (Gulf of Thailand, 100 km. east of Surat Thani )
2.Chevron Petroleum (Thailand),Ltd., PTTEP Thai Projects Co.,Ltd., and Mitsui oil exploration Co.,Ltd., exploration block G6/50
(Gulf of Thailand, 250 km. east of Surat Thani )
3.Chevron Petroleum (Thailand),Ltd., PTTEP Thai Projects Co.,Ltd. and Hess Exploration(Thailand)Co,Ltd., exploration block G7/50
(Gulf of Thailand, 150 km. east of Nakhon Si Thammarat )
4.PTTEP Thai Projects Co.,Ltd., Chevron Petroleum (Thailand),Ltd., and Mitsui oil exploration Co.,Ltd., exploration block G8/50
(Gulf of Thailand, 260 km. east of Surat Thani )
5.Twinza Oil, Ltd.,exploration blocks L7/50 ( Phitsanulok ,Uttaradit and Loey )and L13/50 ( Phitsanulok, Phetchabun and Pichit)
6. Salamander Energy ( E&P),Ltd., exploration block L26/50 ( Ubon Ratchathani )
7.Chevron Petroleum (Thailand),Ltd., and Mitsui Oil Exploration Co.,Ltd., exploration block G4/50 (Gulf of Thailand, 100 km. east of Chumphon)
8.Pearl Oil ( Petroleum), Ltd. exploration blocks G2/50 (Gulf of Thailand, 150 km. southeast of Prachuap Khiri Khan)
9.Sita Oil Exploration House,Inc., exploration block G3/50 (Gulf of Thailand, east of Chumphon) (withdrawal of the concession)
10.Northern Gulf Oil (Thailand), Ltd., exploration blocks L1/50 (Nan and Phayao) and L2/50 (Nan and Phrae )
11.Salamander Energy ( E&P),Ltd., exploration block L15/50 (KhonKaen ,Nong Bua Lamphu ,Chaiyaphum and Loey )
12.Auo Siam Marine, Ltd., exploration block L18/50 ( Mukdaharn and Nakorn Phanom )
13.Sita Oil Exploration House,Inc., exploration block L19/50 (Kamphaeng Phet and Nakhon Sawan) (withdrawal of the concession)
14.Carnarvon Petroleum, Ltd. and Sun Resources NL, exploration block L20/50 (Nakhon Sawan and Pichit)
15.Pearl Oil (Resources), Ltd., exploration block L21/50 (Chaiyaphum )
16.Adani Welspun Exploration, Ltd., exploration block L22/50 (Maha Sarakham Roi Et and Kalasin )
17.Mitra Energy,Ltd., exploration blocks L45/50 (Bangkok, Nakorn Pathom, Nonthaburi , Pathum Thani , Ayutthaya and Suphan Buri ) and L46/50
(Bangkok, Pathum Thani, , Nonthaburi ,Ayutthaya Sara Buri, Nakorn Nayok and Chachoengsao )
18.Tatex Thailand LLC, exploration block L16/50 ( Roi Et, Kalasin and Sakon Nakhon)
19.JSX Energy (Thailand), Ltd., exploration block L3/50 (Chiangmai, Lampun, Tak and Lampang )
20.Pearl Oil (Resources), Ltd., exploration block L50/50 (Sa Kaeo , Buri Rum and Nakorn Ratchasima )
21.Pearl Oil ( Petroleum), Ltd. and Carnarvon Petroleum, Ltd., exploration blocks L52/50 and L53/50 (SuratThani, Nakhon Si Thammarat and Krabi
22.Shaanxi Yanchang Petroleum (Group)Co.,Ltd. ,exploration blocks L31/50 (Bori Ram, Maha Sarakham, Roi Et and Surin

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 10, 2012, 11:25:17 PM โดย prawin -รักในหลวง- » บันทึกการเข้า

คนดีไม่มีคำว่าเป็นกลาง เพราะคนดีแยกแยะความผิด ความชั่ว และความดีออกจากกันได้
เมื่อเราเป็นคนดี และเราเห็นอยู่แล้วว่าอะไรดี อะไรชั่ว  แล้วเราจะยืนอยู่เป็นกลางได้อย่างไร
การเป็นกลางในสภาวะที่แข่งกันระหว่างความดีและความชั่ว เรียกว่าความกลัวแห่งคนขี้ขลาด
หยุดกลัว หยุดขี้ขลาด

อ.เสรี วงษ์มณฑา 18/11/5
prawin -รักในหลวง-
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 273
ออฟไลน์

กระทู้: 1218



« ตอบ #62 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2012, 08:22:51 PM »

กฎหมายปิโตรเลียมกำหนดให้น้ำมันดิบที่ขุดได้จากไทย
หากจะขายให้คนไทยใช้ให้ใช้ราคานำเข้าจากต่างประเทศบวกค่าขนส่ง
อย่างนี้เราจะให้เขามาขุดทำไม ทั้งบริษัทไทยและบริษัทเทศควรหยุดให้สัมปทานเถิดครับ

ปล.ใครรู้ช่วยบอกทีรัฐบาลไหนออกกฎหมายนี้ และจะมีรัฐบาลไหนที่จะมาแก้ไขซะที?
ไม่เห็นมีพรรคการเมืองไหนพูดถึงสิ่งที่ประชาชนจะได้ประโยชน์ทันที เห็นมีแต่ผลัดกันสวมตอ...





Uploaded with ImageShack.us
บันทึกการเข้า

คนดีไม่มีคำว่าเป็นกลาง เพราะคนดีแยกแยะความผิด ความชั่ว และความดีออกจากกันได้
เมื่อเราเป็นคนดี และเราเห็นอยู่แล้วว่าอะไรดี อะไรชั่ว  แล้วเราจะยืนอยู่เป็นกลางได้อย่างไร
การเป็นกลางในสภาวะที่แข่งกันระหว่างความดีและความชั่ว เรียกว่าความกลัวแห่งคนขี้ขลาด
หยุดกลัว หยุดขี้ขลาด

อ.เสรี วงษ์มณฑา 18/11/5
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15855
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #63 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2012, 08:46:03 PM »

กฎหมายปิโตรเลียมกำหนดให้น้ำมันดิบที่ขุดได้จากไทย
 
หากจะขายให้คนไทยใช้  ให้ใช้ราคานำเข้าจากต่างประเทศบวกค่าขนส่ง
อย่างนี้เราจะให้เขามาขุดทำไม  ทั้งบริษัทไทยและบริษัทเทศ  ควรหยุดให้สัมปทานเถิดครับ

ปล.ใครรู้ช่วยบอกทีรัฐบาลไหนออกกฎหมายนี้  และจะมีรัฐบาลไหนที่จะมาแก้ไขซะที?
ไม่เห็นมีพรรคการเมืองไหนพูดถึงสิ่งที่ประชาชนจะได้ประโยชน์ทันที  เห็นมีแต่ผลัดกันสวมตอ...




Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  อ่ะ  ฮา

ยายก็เคย   "แปล๊บ"  เสียวในสมอง อ่ะ ฮา
เวลาเขาจะอ้างอิงราคา  เขาก็ไปใช้ราคา   ที่ เมือง  "สิงค์" อ่ะ

เวลาจะเอาน้ำมัน  เข้ามาใช้  เขาก็ต้อง "บรรทุก" ใส่เรือเข้ามา
ค่าบรรทุกเนี่ยะ  เขาเรียกว่า Freight cost  ยายว่าน่าจะสัก 10% ของราคาน้ำมัน อ่ะ

55555  แต่แปลกเหมือนที่พี่  prawin พูดอ่ะ ฮา
ไอ้น้ำมัน  ที่ขุดได้ภายในประเทศ  มันก็ยังอิงราคา เมืองสิงค์ เหมือนเดิม อ่ะ ฮา

ที่ถูก  ที่ควร  มันต้อง  "หัก"  ค่าขนส่ง  ออกไปด้วยอ่ะ ฮา
555 จริงมั้ย  อย่างที่ยาย  ว่ามานั่น อ่ะ ฮา

ไอ้เรื่องการกำหนด  ราคาขึ้นลง  ราคาขายปลีกเนี่ยะ
พรรคการเมือง  "ซังกะบ้วย"   แรงมันไม่พอ อ่ะ
มันมี   " มือมืด "  ที่ใหญ่ กว่านั้น คอยบริหารจัดการ อ่ะ ฮา

ไอ้ 10 %  เนี่ยะ  มันเป็น   แสนล้าน เชียวแหละ  ฮา
ใครน๊ะ  มันใหญ่โตเหลือเกิน  ท่าทาง "พุง" มันใหญ่ อ่ะ ฮา   ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
กรรมกร
+แล้วนะคับ ... อย่าลืมทอนด้วยนะคับ 555
Hero Member
*****

คะแนน -964
ออฟไลน์

กระทู้: 1293



« ตอบ #64 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2012, 09:34:52 PM »

เมื่อเย็นดูข่าว ได้ยินว่าจะขึ้นราคาก๊าซหุงต้มอีกแล้ว
กิโลกรัมละ 6-7 บาท !
บันทึกการเข้า

ไร้คำกล่าว............................................
prawin -รักในหลวง-
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 273
ออฟไลน์

กระทู้: 1218



« ตอบ #65 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2012, 09:21:35 PM »

กฎหมายปิโตรเลียมกำหนดให้น้ำมันดิบที่ขุดได้จากไทย
 
หากจะขายให้คนไทยใช้  ให้ใช้ราคานำเข้าจากต่างประเทศบวกค่าขนส่ง
อย่างนี้เราจะให้เขามาขุดทำไม  ทั้งบริษัทไทยและบริษัทเทศ  ควรหยุดให้สัมปทานเถิดครับ

ปล.ใครรู้ช่วยบอกทีรัฐบาลไหนออกกฎหมายนี้  และจะมีรัฐบาลไหนที่จะมาแก้ไขซะที?
ไม่เห็นมีพรรคการเมืองไหนพูดถึงสิ่งที่ประชาชนจะได้ประโยชน์ทันที  เห็นมีแต่ผลัดกันสวมตอ...




Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  อ่ะ  ฮา

ยายก็เคย   "แปล๊บ"  เสียวในสมอง อ่ะ ฮา
เวลาเขาจะอ้างอิงราคา  เขาก็ไปใช้ราคา   ที่ เมือง  "สิงค์" อ่ะ

เวลาจะเอาน้ำมัน  เข้ามาใช้  เขาก็ต้อง "บรรทุก" ใส่เรือเข้ามา
ค่าบรรทุกเนี่ยะ  เขาเรียกว่า Freight cost  ยายว่าน่าจะสัก 10% ของราคาน้ำมัน อ่ะ

55555  แต่แปลกเหมือนที่พี่  prawin พูดอ่ะ ฮา
ไอ้น้ำมัน  ที่ขุดได้ภายในประเทศ  มันก็ยังอิงราคา เมืองสิงค์ เหมือนเดิม อ่ะ ฮา

ที่ถูก  ที่ควร  มันต้อง  "หัก"  ค่าขนส่ง  ออกไปด้วยอ่ะ ฮา
555 จริงมั้ย  อย่างที่ยาย  ว่ามานั่น อ่ะ ฮา

ไอ้เรื่องการกำหนด  ราคาขึ้นลง  ราคาขายปลีกเนี่ยะ
พรรคการเมือง  "ซังกะบ้วย"   แรงมันไม่พอ อ่ะ
มันมี   " มือมืด "  ที่ใหญ่ กว่านั้น คอยบริหารจัดการ อ่ะ ฮา

ไอ้ 10 %  เนี่ยะ  มันเป็น   แสนล้าน เชียวแหละ  ฮา
ใครน๊ะ  มันใหญ่โตเหลือเกิน  ท่าทาง "พุง" มันใหญ่ อ่ะ ฮา   ขำก๊าก ขำก๊าก

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000090290

แก้พ.ร.บ.ปิโตรเลียม...การบ้านของพรรคประชาธิปัตย์

โดย บรรจง นะแส   23 กรกฎาคม 2555 13:53 น.   


 การลุกขึ้นมาตรวจสอบแหล่งพลังงานของชาติ ที่ประกอบด้วยก๊าซและน้ำมันทั้งพื้นที่ในทะเลและบนบกของภาคประชาชน
ทำให้สังคมไทยได้ตื่นตัวและตระหนักถึงการเอารัดเอาเปรียบของต่างชาติ ที่เข้ามากอบโกยเอาผลประโยชน์ของชาติไปอย่างซึ่งๆ หน้า
ภายใต้การอำนวยการของกลไกรัฐและความล้าหลังของกฎหมาย โดยเฉพาะภายใต้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม คำถามนี้จึงควรพุ่งเป้าไปที่
พรรคการเมืองที่มีสมาชิกในรัฐสภาที่มีหน้าที่ในการเสนอกฎหมาย เพื่อสร้างความถูกต้องชอบธรรมและรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเอาไว้
       
       วันนี้รัฐบาลมุ่งเน้นที่จะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมทั้งคาดหวังให้พระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติผ่านการพิจารณา
นั่นคือภารกิจของรัฐบาลที่มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะต้องทำไปให้บรรลุ เพราะเจ้าของพรรคตัวจริงคืออดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรที่ต้องการให้เป็นอย่างที่เขาต้องการ
       
       จะด้วยความถนัดในการดำเนินงานการเมืองแบบเดิมๆ แบบเอาใจแม่ยก แบบโหนกระแส ทำให้ปัญหาหลักๆ ของชาติไม่เคยถูกหยิบยกขึ้นมาวางแผนแก้ไขอย่างเป็นระบบ
จากพรรคการเมืองเก่าแก่ที่ชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ การกระแนะกระแหนจากฟากฝั่งรัฐบาลจึงมีส่วนถูกอยู่มาก ที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์จงเตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านไปตลอดชาติ
 หรือไม่ก็รักษาเก้าอี้ให้ได้เท่าเดิมในสมัยหน้าก็คงยาก
       
       โอกาสทองของพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ก็คือปัญหาเรื่องแหล่งพลังงาน และผลตอบแทนจากแหล่งพลังงานของชาติที่ถูกต่างชาติเข้ามาปล้นไปอย่างหน้าด้านๆ ปล้นอย่างถูกกฎหมาย
และมีแนวโน้มชัดเจนว่ารัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยก็จะไม่แตะต้องปัญหานี้แน่นอน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังมีแนวโน้มที่จะประเคนแหล่งพลังงานของชาติไปหาช่องทางแบ่งปันกันอีกอย่างแน่นอน
       
       ภาคประชาชนได้ตื่นขึ้นมาแล้วมีการศึกษาค้นคว้าข้อมูล ข้อเท็จจริงจนได้ข้อสรุปร่วมกันแล้วว่า จะต้องดำเนินการทุกรูปแบบเพื่อทวงสิทธิ์อันชอบธรรม
ของชาติกลับมามอบให้กับลูกหลานในอนาคตให้ได้ และพรรคประชาธิปัตย์ก็ควรจะได้ใช้โอกาสนี้ทำการบ้านและร่วมกันทำงานเพื่อให้บรรลุผลในเป้าหมายดัง
แต่อยากเรียนว่านี่คือโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์ นี่คือการบ้านของพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน ถ้าท่านคาดหวังและคิดจะเป็นพรรคการเมืองที่พอจะสร้างความหวังให้กับประชาชนและประเทศนี้ต่อไปในอนาคต
       
       ข้อมูลของภาคประชาชนซึ่งพบว่า สัดส่วนรายได้ที่รัฐบาลได้รับจากแหล่งพลังงานต่างๆ ของชาติตกอยู่ที่ประมาณ 29-30% เท่านั้น (มูลค่าปี 2553 ประมาณ 1.06 แสนล้านบาท)
ที่เหลือบริษัทผู้ลงทุนสำรวจและขุดเจาะได้ไป 70-71% ข้อมูลเพียงแค่นี้ก็ควรแล้วที่พรรคการเมืองควรจะได้ให้ความสนใจ เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำเสนอหนทางในการแก้ไข
ในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสงขลา อันถือเป็นเขตครอบครองของพรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยาวนาน นอกฝั่งสงขลาออกไปไม่เกิน 20 กิโลเมตรก็พบว่า
มีบริษัทต่างชาติเข้ามาทำการขุดเจาะปิโตรเลียมในน่านน้ำทะเลสงขลา มีปริมาณน้ำมันถึงปีละ 1,260 ล้านลิตร หรือคิดเป็นมูลค่า 25,000 ล้านบาท
แต่ผลประโยชน์ที่คนสงขลาและประเทศชาติได้รับกลับไม่เป็นธรรม เมื่อมีการศึกษาเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ ที่มีแหล่งพลังงาน
       
       พ.ร.บ.ปิโตรเลียมเป็นกลไกที่สำคัญที่จะสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น ในการดูแลผลประโยชน์จากแหล่งพลังงานของชาติ
พรรคการเมืองควรที่จะต้องเข้ามามีหน้าที่ในการผลักดันให้เกิดความเป็นธรรมดังกล่าวขึ้นในประเทศชาติ ทำอย่างไรที่จะทำให้ปิโตรเลียมเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของรัฐ
เราควรจะแก้ไขกฎหมายอย่างไรที่จะไม่ให้ข้าราชการกระทรวงพลังงานเข้าไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในบริษัทพลังงาน และให้ประชาชนชาวไทย
โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สัมปทาน เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจในทรัพยากรปิโตรเลียม ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ
       
       วันนี้เรามีขั้นตอนในการเก็บรายได้เข้ารัฐ จากกิจการพลังงาน 3 ส่วนคือ
ค่าภาคหลวง ซึ่งเราสามารถจัดเก็บได้เพียง 12.5% ของมูลค่าปิโตรเลียมที่ขายได้จากปากหลุม
สองการเก็บภาษีเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายทุกอย่าง รวมทั้งค่าภาคหลวงในอัตราร้อยละ 50% ของกำไรสุทธิ
และสามโบนัสพิเศษซึ่งไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของจำนวนและวิธีการจ่าย สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือต้นตอของความไม่เป็นธรรม
ปล่อยให้มีช่องว่างของผลประโยชน์ทับซ้อน และอาศัยความล้าหลังของพ.ร.บ.ปิโตรเลียมที่มีอยู่แล่เนื้อเถือหนังสังคมไทยโดยรวมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
       
       นายสุเทพ เทือกสุบรรณหัวเรือใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ว่ากันว่าคือหัวหน้าพรรคตัวจริง และอดีตนายกฯ ตัวจริงของพรรคประชาธิปัตย์ที่ยึดครองอำนาจในสมัยที่ผ่านมา
ข่าวการไปฮั้วทางการเมืองเรื่องผลประโยชน์ในเรื่องแหล่งพลังงานกับนายกฯ ฮุนเซนครั้งที่แล้ว ได้สร้างความกังขาให้เกิดขึ้นว่าจริงๆ แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็หากินกับบริษัทต่างชาติด้านพลังงาน
ที่รวมหัวกันปล้นพลังงานของชาติไปแบ่งปันกัน การรีบประกาศจุดยืนยึดเอาแหล่งพลังงานของชาติกลับมา แล้วยกร่างเสนอ พ.ร.บ.ปิโตรเลียมเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็ว
นี่คือการบ้านของพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้.


ปล.ยายว่าจะมีพรรคการเมืองไหนที่จะแก้ พ.ร.บ.ปิโตรเลี่ยม บ้างมั้ยครับ? ปัญหาที่แก้แล้วประชาชนได้ประโยชน์ในทันทีจะมีพรรคการเมืองพรรคไหนกล้าทำมั้ยครับ?

ปล.2 แล้วจะมีประชาชนคนไหนกล้าเรียกร้องให้พรรคการเมืองที่ตัวเองชอบมาแก้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ที่มีประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศในทันทีมั้ยครับ  ไหว้


บันทึกการเข้า

คนดีไม่มีคำว่าเป็นกลาง เพราะคนดีแยกแยะความผิด ความชั่ว และความดีออกจากกันได้
เมื่อเราเป็นคนดี และเราเห็นอยู่แล้วว่าอะไรดี อะไรชั่ว  แล้วเราจะยืนอยู่เป็นกลางได้อย่างไร
การเป็นกลางในสภาวะที่แข่งกันระหว่างความดีและความชั่ว เรียกว่าความกลัวแห่งคนขี้ขลาด
หยุดกลัว หยุดขี้ขลาด

อ.เสรี วงษ์มณฑา 18/11/5
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15855
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #66 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2012, 09:30:14 PM »



ปล.ยายว่าจะมีพรรคการเมืองไหนที่จะแก้ พ.ร.บ.ปิโตรเลี่ยม บ้างมั้ยครับ?
ปัญหาที่แก้แล้วประชาชนได้ประโยชน์ในทันที  จะมีพรรคการเมืองพรรคไหนกล้าทำมั้ยครับ?

ปล.2 แล้วจะมีประชาชนคนไหน  กล้าเรียกร้องให้พรรคการเมืองที่ตัวเองชอบ
มาแก้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ที่มีประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศในทันทีมั้ยครับ  ไหว้



Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  อุ้ยย...พี่ prawin อ่ะ  ฮา
ถามอะไรก็ไม่รู้   ยายอยากตอบ  แต่กลัวโดน  อ่ะ  ฮา

เรื่องบางเรื่อง  บางที  เอียงหูฟัง  ก็ไม่มีใครอยากพูด อ่ะ
ต้องเสาะหา  จากแหล่งอื่น  ที่เขามี "ธรรมาภิบาล"  เปิดเผยแบบจะจะ อ่ะ ฮา

เรื่องนี้มัน  "ใหญ่"  กว่าพรรคการเมือง ที่เขาทำได้ อ่ะ ฮา
เรื่องนี้มีที่มา  ที่ไป  อย่างยาวนาน  ตั้งแต่สมัย "โชติช่่วงชัชวาล"  แล้ว อ่ะ  ฮา

รอเดี๋ยว  ยายจะเอาข้อมูลมาให้ดู  ว่าทำมัย  มันเป็นอย่างนี้ อ่ะ  ฮา
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15855
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #67 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2012, 09:46:17 PM »

Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  อ่ะ ฮา
ยายเอาข้อมูลมาให้ดู  ถึงระบบการจ่ายค่าสัมประทาน อ่ะ
ช่วงแรก  ขอให้ดูตามตัวอักษร สีน้ำเงิน ก่อน อ่ะ ฮา
ผลต่างของการจ่ายค่า "สิทธิ์" มันตกอยู่ในกระเป๋าใคร อ่ะ ฮา

จากข้อมูลของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน
ได้รายงานประวัติการสัมปทานปิโตรเลียมในประเทศไทย
นับตั้งแต่การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2514
มาจนถึงการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2550 นั้น
ตลอดระยะเวลาเกือบ 36 ปีได้มีออกสัมปทานไปแล้วทั้งสิ้น 110 สัญญา
รวมจำนวนแปลงสัมปทานทั้งสิ้น 157 แปลง
ซึ่งในจำนวนนี้ยังคงเหลือดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน 63 สัญญา 79 แปลงสัมปทาน

ที่น่าสนใจก็คือการสัมปทานปิโตรเลียมที่ผ่านมาประเทศไทย
ได้ค่าตอบแทนจากเอกชนที่ได้รับค่าภาคหลวงเพียงประมาณร้อยละ 12.5
ของปริมาณปิโตรเลียมทุกชนิดที่ขายหรือจำหน่ายปิโตรเลียม
ซึ่งถือว่าผลตอบแทนที่ให้กับรัฐนั้นต่ำมาก


เปรียบเทียบกับประเทศโบลิเวีย ซึ่งผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันน้อยกว่าประเทศไทย
แต่ก็ได้รับผลตอบแทนให้กับรัฐสูงถึงร้อยละ 82

เปรียบเทียบกับประเทศคาซัคสถาน
ได้รับผลตอบแทนจากการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมจากเอกชนได้สูงถึงร้อยละ 80

รัสเซียได้รับผลตอบแทนจากเอกชนในการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียม
สูงถึงร้อยละ 90 ของรายได้ในส่วนที่ราคานั้นสูงกว่า 25 เหรียญต่อบาร์เรล

ประเทศไทยจึงได้รับค่าภาคหลวงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก

แต่ประชาชนคนไทยกลับต้องใช้ราคาพลังงานที่สูงยิ่ง
ในราคาที่อ้างว่าเป็นไปตามกลไกลตลาดโลก
เพื่อสร้างกำไรสูงสุดให้กับกลุ่มธุรกิจพลังงานที่จำกัดความร่ำรวยเอาไว้เพียงไม่กี่คน

ประเทศไทยจึงเสียระโยชน์ถึง 2 ด้าน

ด้านหนึ่งประชาชนคนไทยยังคงต้องใช้พลังงานแพง
เพื่อประโยชน์ของกลุ่มทุนพลังงานเหมือนเดิม

ในขณะที่อีกด้านหนึ่งรัฐไทยกลับได้ผลตอบแทนต่ำติดดิน
ทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กลับใครทั้งสิ้น
เพื่อประโยชน์ของกลุ่มทุนพลังงานเช่นกัน

ปัจจุบันส่วนแบ่งปริมาณปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วในการสัมปทานของประเทศไทยที่ผ่านมา
กลุ่มบริษัทเชฟรอนได้มากที่สุดเป็นลำดับที่ 1
สูงถึงร้อยละ 50.5 ของปริมาณสัดส่วนปิโตรเลียม
รองลงมาเป็นอันดับที่ 2 ก็คือกลุ่มบริษัท ปตท. มีสัดส่วนร้อยละ 29.2
แต่ผลประโยชน์ใน ปตท. ร้อยละ49 ก็ตกอยู่กับผู้ถือหุ้นคนไทยเพียงไม่กี่คนอยู่ดี

นิตยสารและเว็บไซต์ฟอร์จูน 500 ได้จัดอันดับเชฟรอน
ให้เป็นบริษัทที่มีรายได้สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก
โดยมีรายได้ต่อปีสูงถึง 245,621 ล้านเหรียญสหรัฐ (7.37 ล้านล้านบาท)
และมี “กำไร”สูงเป็นอันดับ 3 ของโลกสูงถึง 26,895 ล้านเหรียญสหรัฐ (806,850 ล้านบาท)

ในขณะที่ ปตท. ก็ได้ถูกเลื่อนจากอันดับที่ 128 ของโลก
มาเป็นอันดับ 95 ของโลกด้วยรายได้ 7,969 ล้านเหรียญสหรัฐ (2.39 ล้านล้านบาท)
 และมีกำไรสุทธิ 3,456 ล้านเหรียญสหรัฐ (103,680 ล้านบาท)

มีแต่คนไทยและประเทศไทยที่กลับไม่ได้ผลประโยชน์
จากการที่ประเทศไทยมีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นจำนวนมาก

แต่ล่าสุดการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21
ก็กำลังจะดำเนินการต่อไปในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2555 นี้
โดยเป็นการเปิดสัมปทานทั้งหมด 11 แปลง ภาคกลาง 6 แปลงและอ่าวไทย 5 แปลง
ด้วยผลตอบแทนให้กับรัฐต่ำติดดินเหมือนเดิม

จะว่าไปแล้วนี่คือการสัมปทานครั้งใหญ่เท่าที่มีเหลืออยู่ในประเทศไทย
ส่วนที่เหลือหลังจากการสัมปทานครั้งที่ 21 แล้ว
ก็จะเหลือเพียงแค่พื้นที่อ้างสิทธิ์การทับซ้อนเขตไหล่ทวีประหว่างไทย-กัมพูชา
ที่ทางสหรัฐอเมริกากำลังหาทางลดความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา
เพื่อเข้าไปแบ่งเค้กทางพลังงานในอ่าวไทยด้วยค่าภาคหลวงต่ำๆให้มากที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

ที่น่าสนใจก็คือนักการเมืองในพรรคการเมืองทุกพรรค
ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาลต่างพร้อมใจกันเงียบกริบ
ไม่สนใจและทำเป็นไม่รู้เรื่องดังกล่าว

ทั้งๆ ที่เรื่องการให้สัมปทานพลังงานของชาติเป็นผลประโยชน์ของประชาชนคนไทยทุกคน
ไม่แบ่งพรรค ไม่แยกสี แต่สังเกตดูเอาเถิดว่ามีนักการเมืองคนใด
หรือ แกนนำมวลชนกลุ่มใดบ้างที่สนใจเรื่องผลประโยชน์ของชาติครั้งนี้

จะมีก็แต่ภาคประชาชน สมาชิกวุฒิสภาบางส่วน และนักวิชาการ
ตลอดจนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะได้เคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังมี พลเอกจรัล กุลละวณิชย์ ในฐานะเป็นประธานคลังสมอง วปอ. เพื่อสังคม
(วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรไทย) จึงได้ทำหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อขอให้ระงับชั่วคราว การเปิดประมูลสัมปทานสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมรอบที่ 21
โดยเนื้อหาของหนังสือดังกล่าวมีดังนี้

“ด้วยคลังสมอง วปอ.เพื่อสังคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งชององค์กรสาธารณะประโยชน์
ดำเนินงานวิเคราะห์ปัญหาด้านยุทธศาสตร์ให้แก่สังคม โดยไม่หวังผลตอบแทนมาตั้งแต่ พ.ศ.2555
ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการธุรกิจพลังงาน
ที่จะทำให้ประเทศไทยพัฒนาไปอย่างสมดุล มั่นคง และยั่งยืน
จึงได้ดำเนินการศึกษาข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
และจากแหล่งต่างๆในประเทศและต่างปะเทศ
โดยมีผลการศึกษาที่ใคร่ขอนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณา ดังนี้

1. ในปัจจุบันเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประเทศไทยรวมถึงอาณาเขตทางทะเลของประเทศไทยเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติทั้งน้ำมันและก๊าซที่มีความอุดมสมบูรณ์ระดับสูงของโลกอาณาเขตหนึ่ง และแหล่งข้อมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ประมาณว่าประเทศไทยมีปริมาณปิโตรเลียมจำนวนมากเป็นอันดับค่อนข้างสูงของโลก และสามารถส่งออกได้ในปริมาณที่มากกว่าประเทศในกลุ่ม OPEC บางประเทศ ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทยเป็นมูลค่าปีละกว่า 3.5 แสนล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลจากการให้สัมปทานการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมในผืนแผ่นดินไทยใน 20 รอบที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชาติ ที่เป็นสมบัติของไทยทุกคนในระดับที่ควรจะเป็น

2. การเปิดประมูลสัมปทานสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมครั้งใหม่รอบที่ 21 (ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย) ประกอบไปด้วยสัมปทานบนบก 17 แปลง (ภาคกลางและ ภาคเหนือ 6 แปลง ตะวันออกเฉียงเหนือ 11 แปลง) และอ่าวไทย 5 แปลง รวมพื้นที่กว่า 45,000 ตารางกิโลเมตรนั้น เป็นการหยิบยื่นให้โอกาสแก่ผู้ยื่นขอสัมปทาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทฯข้ามชาติ ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับน่าจะทำให้รัฐฯขาดรายได้อย่างน้อยปีละ 1 แสนล้านบาท จากการให้สัมปทานในครั้งนี้ ซึ่งโดยรวมแล้วประเทศไทยจะขาดรายได้ตลอดอายุสัมปทาน 25 ปี เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 2.55 ล้านล้านบาท เป็นอ่างต่ำ ทั้งนี้ยังไม่รวมส่วนต่ออายุอีก 10 ปีอีกด้วย

3. การกำหนดกฎระเบียบ วิธีการ ในรูปแบบของการสัมปทานและการกำหนดค่าภาคหลวงตลอดจนผลประโยชน์อื่นๆที่ประเทศควรจะได้รับในอดีตถูกกำหนดภายใต้บทสรุปที่ว่า “ประเทศไร้พลังงานธรรมชาติ” หรือ “มีแต่ไม่คุ้มค่าในการสำรวจ” เป็นผลให้รัฐบาลที่ผ่านมากำหนดเก็บค่าภาคหลวงปิโตรเลียมเข้ารัฐ ในอัตราค่อนข้างต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ระหว่างร้อยละ 5-15 ซึ่งในทางปฏิบัติสามารถเก็บค่าภาคหลวงเข้ารัฐฯ ได้เพียงประมาณร้อยละ 12 เท่านั้น

4. หากประเทศไทยเปลี่ยนการเก็บค่าภาคหลวงใหม่ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศผู้ให้สัมปทานที่เก็บค่าภาคหลวงระดับสูงเช่น ประเทศเวเนซูเอลา หรือประเทศโบลิเวีย น่าจะมีรายได้จากการเก็บค่าภาคหลวงเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 3-4 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณเพิ่มขึ้นและเพียงพอในการดำเนินนโยบายรัฐสวัสดิการได้อย่างราบรื่นโดยไม่จำเป็นต้องกู้เงินจากแหล่งต่างๆ

5. การผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของไทยที่ผ่านมาได้มีส่วนค้ำจุนระบบเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งมาโดยตลอดมา และหน่วยงานเอกชนไทยสามารถสร้างหน่วยธุรกิจด้านการสำรวจแหล่งปิโตรเลียมขึ้นมาได้ ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพและสมรรถนะในการสำรวจแหล่งปิโตรเลียมในประเทศได้เอง สมควรได้นำความสามารถดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

คลังสมอง วปอ.เพื่อสังคม จึงใคร่ขอกราบเรียนเสนอแนะให้รัฐบาลกรุณาพิจารณา โดยเร่งด่วนดังนี้

1. ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมและรับรู้ในการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการปิโตรเลียมของชาติ เพื่อความโปร่งใสและเพื่อประโยชน์ของลูกหลานไทยในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า

2. ควรระงับชั่วคราวการเปิดประมูลสัมปทานสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมรอบที่ 21 นี้ไว้ก่อน เพื่อทบทวนมาตรการต่างๆ ให้ประเทศไทยและประชนชาวไทยได้รับประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้แก่

2.1 ทบทวนกฎระเบียบและประกาศที่กำหนดการเก็บค่าภาคหลวงร้อยละ 5-15 และปรับปรุงวิธีการเก็บค่าภาคหลวงใหม่ทั้งระบบ โดยพิจารณาเพเปรียบเทียบ (Benchmark) กับประเทศที่เก็บค่าภาคหลวง (เช่น ประเทศเวเนซูเอลา และประเทศโบลิเวีย เป็นต้น) เป็นพื้นฐานในการอ้างอิง

2.2 ทบทวนระบบการแบ่งกำไรจากผู้รับสัมปทานเพื่อให้ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์อย่างเหมาะสม

2.3 พิจารณาให้หน่วยงานของคนไทยมีสิทธิและหน้าที่หลักในการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมในอาณาเขตประเทศไทยเพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของชาติในระยะยาว

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดกรุณาพิจารณา

ขอแสดงความนับถือ

พลเอกจรัล กุลละวณิชย์
ประธานคลังสมอง วปอ. เพื่อสังคม
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
prawin -รักในหลวง-
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 273
ออฟไลน์

กระทู้: 1218



« ตอบ #68 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2012, 11:37:32 PM »

ประชาชนต้องช่วยตัวเอง เพราะเราหวังกับใครไม่ได้แล้ว   ไหว้


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000089913

“ถึงบางอ้อ” แต่เจ็บใจ : กรณีรายได้ปิโตรเลียมไทย

โดย ประสาท มีแต้ม   22 กรกฎาคม 2555 14:17 น.   


สืบเนื่องจากกระทรวงพลังงานจะให้สัมปทานแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ในเดือนกรกฎาคมนี้จำนวน 22 แปลง (บนพื้นที่กว่า 8% ของพื้นที่ทั้งหมดประเทศ)
ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากภาคประชาชนว่า รัฐควรจะหยุดดำเนินการชั่วคราวไว้ก่อน เพื่อทบทวนรายได้ที่เจ้าของประเทศได้รับซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
       
          ข้อมูลของภาคประชาชนซึ่งก็ได้มาจากภาครัฐนั่นแหละว่า สัดส่วนที่รัฐบาลได้รับ (government take) อยู่ที่ประมาณ 29-30% (มูลค่าปี 2553 ประมาณ 1.06 แสนล้านบาท)
ที่เหลือบริษัทผู้ลงทุนสำรวจและขุดเจาะได้ไป 70-71% ในขณะเดียวกันทางรัฐบาลโดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติก็ยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่า
รัฐบาลได้รับ 55-59% โดยที่บริษัทได้ไปเพียง 41-45% ตัวเลขสองชุดนี้ให้ความรู้สึกต่างกันเยอะครับ
       
          เพื่อค้นหาความจริงที่สำคัญนี้ ทางคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา
(คุณรสนา โตสิตระกูล เป็นประธาน) จึงได้เชิญอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ความจริงเชิญรัฐมนตรีพลังงาน)
เพื่อชี้แจงข้อมูลและนโยบายที่เกี่ยวข้อง ผมเองเป็นอนุกรรมการชุดเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงานได้มีโอกาสร่วมประชุมด้วย
       
          ในที่สุด ผมก็มาถึงบางอ้อว่า ตัวเลขทั้งสองชุดนั้นถูกต้องทั้งคู่ แต่อยู่บน “วิธีคิด ที่แตกต่างกัน งงได้ครับ! แต่อย่าเพิ่งเลิกอ่านนะ
เดี๋ยวจะมีอะไรที่รู้สึกเจ็บใจอย่างน้อยสองครั้ง ผมขออนุญาตอธิบายวิธีคิดของทางราชการซึ่งได้ใช้มาตั้งแต่เริ่มมีการขุดเจาะเมื่อ 30 ปีก่อนแล้วครับ
       
          ทางราชการไทยคิดว่าปิโตรเลียมที่อยู่ใต้ดินของประเทศไม่ว่าจะบนที่ดินที่มีโฉนดของใครหรือในทะเลก็ตามนั้นเป็นของรัฐ
เมื่อมีบริษัทมาสัมปทานขุดเจาะไป มูลค่าปิโตรเลียมเมื่อหักลบด้วยต้นทุนทั้งหมดของบริษัทแล้ว ที่เหลือเท่าใดให้นำมาแบ่งปันกันระหว่างรัฐกับบริษัท
ตัวเลขของทางราชการคิดหลังจากหักต้นทุนของบริษัทไปหมดแล้ว ต้นทุนของบริษัทนั้นรวมทุกอย่าง ทั้งค่าการสำรวจและการขุดเจาะ ค่าบริหารสำนักงาน
ค่าภาคหลวง ค่าบำเหน็จบำนาญพนักงาน ค่ารับรองรวมทั้งค่าหนี้สูญ (เจ็บใจไหม?)

       
          แม้ขั้นตอนในการเก็บรายได้ของรัฐ (ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วน) จะเริ่มต้นด้วยการเก็บ
(หนึ่ง) ค่าภาคหลวง (ในอัตราประมาณ 12.5% ของมูลค่าปิโตรเลียมที่ขายได้จากปากหลุม) แล้วตามด้วยการเก็บ
(สอง) ภาษีเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายทุกอย่าง (รวมค่าภาคหลวงด้วย) ในอัตราร้อยละ 50% ของกำไรสุทธิ และ
(สาม) โบนัสพิเศษ แต่ความสนใจในที่นี้ก็คือรัฐได้รับในสัดส่วนหรือร้อยละเท่าใดกันแน่
       
          ในการคิดสัดส่วนที่รัฐบาลได้รับซึ่งอ้างว่าได้ 55-59 % นั้น เป็นการคิดหลังจากให้บริษัทหักต้นทุนของตนไปแล้ว ตรงนี้แหละครับที่ผมเข้าใจและถึงกับร้อง อ้อ!
สรุป ไม่ว่าจะเป็น 29-30% หรือ 55-59% ก็คิดเป็นยอดเงินเท่ากันคือ 1.06 แสนล้านบาท
       
          แต่ภาคประชาชนคิดว่าสัดส่วนที่รัฐได้รับนั้นต้องคิดจากมูลค่าปิโตรเลียมที่ขายได้ทั้ง 100 ส่วน โดยคิดว่าแหล่งปิโตรเลียมที่มีอยู่ในราชอาณาจักรก็เป็นต้นทุนเดิมของรัฐ
ไม่ว่าจะเป็นเลือดเนื้อของบรรพบุรุษที่พลีชีพรักษาดินแดน รักษาน่านน้ำรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอธิปไตยของรัฐด้วย
       
          การสำรวจขุดเจาะของบริษัทก็มีต้นทุน ดังนั้น ต่างฝ่ายต่างมีต้นทุน การคิดผลประโยชน์ก็ควรจะเริ่มต้นคิดรวมถึงทุนเดิมของทั้งสองฝ่าย นั่นคือ
คิดจาก 100% ไม่ใช่ให้บริษัทคิดต้นทุนของตนแต่ฝ่ายเดียว (เจ็บใจ)

       
          หลายท่านอาจจะแย้งว่า ก็รัฐคิดต้นทุนแล้วไง! ในรูปของค่าภาคหลวงและภาษีเงินได้ ผมเรียนว่าก็คิดได้มีเหตุผลและชัดเจนดีครับ แต่คิดเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม
       
          หลังจากการประชุม ผมได้สืบค้นจากเอกสารของ Dr. Pedro van Meurs (ชาวเนเธอร์แลนด์ เป็นอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยและประธานบริษัทที่ปรึกษาด้านปิโตรเลียม)
พบว่าเขาก็คิดเช่นเดียวกับประเทศเรา
       
          ประเด็นที่เป็นปัญหาในที่ประชุมก็คือ ประเทศไทยคิดค่าต้นทุนของบริษัทอย่างไรและเท่าใด สูงหรือต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
ผมและ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ได้เรียนต่อที่ประชุมว่า ต้นทุนเฉลี่ยทั่วโลก(ยกเว้นสหรัฐอเมริกา) และตะวันออกกลาง อยู่ที่ $25 และ $17 ต่อที่บาร์เรล
ตามลำดับ (ข้อมูลจาก EIA) หรือในเอเชียอยู่ที่ $8 เท่านั้น (ข้อมูล Hess) ในขณะที่องค์กรร่วมไทย-มาเลเซียอนุญาตให้หักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของมูลค่าปิโตรเลียม
(ขณะนี้ราคาปิโตรเลียมประมาณ $100 ต่อบาร์เรล ดังนั้นการใช้ 50% กับ $50 จึงใกล้เคียงกัน) ผมพยายามค้นหาการคิดต้นทุนของไทยแต่ไม่เจอครับ
จึงขอใช้ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซียแทน
       
          ท่านอธิบดีชี้แจงว่า “แหล่งปิโตรเลียมของไทยเป็นแหล่งเล็ก ดังนั้น ค่าต้นทุนในการผลิตต่อหน่วยจึงสูง” ผมเองได้เรียนแย้งไปว่า
ต้นทุนของประเทศไทยสูงกว่าข้อมูลที่กล่าวมาแล้วหลายเท่าตัว
       
          ประธานที่ประชุมได้ขอให้กระทรวงพลังงานส่งรายละเอียดการคิดค่าใช้จ่ายของไทย ท่านอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเรียนว่า
“การคิดค่าใช้จ่ายเป็นความรับผิดชอบของกรมสรรพากร และตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม มาตรา 11 การเปิดเผยข้อมูลถือเป็นความผิด”
       
          เจ็บกระดองใจ! นี่เข้าตำรา “แบ่งแยกแล้วปกครอง” เปี๊ยบเลยครับ
       
          ยังมีอีกคำถามที่คาใจคือ แหล่งปิโตรเลียมไทยเป็นแค่ “กระเปาะขนาดเล็ก” ทำให้ได้ส่วนแบ่งน้อยจริงหรือ? ผมก็ต้องสืบค้นอีกครับ โชคดีที่เจอ
จากบทความวิชาการที่ชื่อ “Comparative Analysis of Upstream Petroleum Fiscal Systems of Pakistan,Thailand and Other Countries with Medium Ranked Oil Reserves”
โดย Sara Zahidi นำเสนอใน PEA-AIT International Conference ที่เชียงใหม่ (มิถุนายน 2553)
       
          สรุปว่า เมื่อเทียบบนพื้นฐานขนาดการขุดเจาะที่เท่ากันของ 5 ประเทศพบว่า ส่วนที่รัฐบาลต่างๆ ได้รับ จากน้อยไปหามาก
ดังนี้คือ ตุรกี (33%) ไทย (53%) คองโก (60%) ปากีสถาน (68%) และแคเมอรูน (89%)
       
          ปิดท้ายจริงๆ ครับ ข้อมูลจาก CIA world factbook พบว่าประเทศแคเมอรูนมีแหล่งน้ำมันสำรองที่พิสูจน์แล้ว
และมีการผลิตน้ำมันดิบน้อยกว่าไทยค่อนข้างเยอะ แต่รัฐแคเมอรูนได้รับส่วนแบ่งมากกว่ารัฐไทยเยอะ คราวนี้จะมีคำอธิบายว่าอย่างไรอีกครับ! /




Uploaded with ImageShack.us



Uploaded with ImageShack.us

ในวันพรุ่งนี้(24ก.ค.55) เวลา 13.00น. ชมการถ่ายทอดสด เสวนาระดมสมอง "แหล่งพลังงานไทย ประชาชนควรได้อะไร"
พบกับ สว.รสนา โตสิตระกูล มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา นายณอคุณ สิทธิพงษ์ คุณสมลักษณ์ หุตานุวัตร ฯลฯ
ณ ห้องประชุมสภาพัฒนาการเมือง ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เริ่มถ่ายทอดสดเวลา 13.00-17.00น. ทางช่องFMTV ทีวีเพื่อมนุษยชาติ หรือที่ www.fm-tv.tv ขอบคุณครับ

บันทึกการเข้า

คนดีไม่มีคำว่าเป็นกลาง เพราะคนดีแยกแยะความผิด ความชั่ว และความดีออกจากกันได้
เมื่อเราเป็นคนดี และเราเห็นอยู่แล้วว่าอะไรดี อะไรชั่ว  แล้วเราจะยืนอยู่เป็นกลางได้อย่างไร
การเป็นกลางในสภาวะที่แข่งกันระหว่างความดีและความชั่ว เรียกว่าความกลัวแห่งคนขี้ขลาด
หยุดกลัว หยุดขี้ขลาด

อ.เสรี วงษ์มณฑา 18/11/5
Autumn
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 63
ออฟไลน์

กระทู้: 448


« ตอบ #69 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2012, 07:07:16 AM »

แต่ละฝั่ง เสนอเฉพาะข้อมูลที่อยากให้ประชาชนรู้

เพื่อ.......
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #70 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2012, 10:33:36 AM »

แต่ละฝั่ง เสนอเฉพาะข้อมูลที่อยากให้ประชาชนรู้

เพื่อ.......

พูดไปเรื่อย... ไม่อ่านให้ดีก่อนวิจารณ์นะครับ(ยายบ๊าบประกาศตัวเองว่าแกเสื้อแดงเสียด้วยซ้ำ)...

ลองดูข้อสรุปของ วปอ. ตามที่ยายบ๊าบเอามาให้อ่าน จะเห็นว่าเงินที่สมควรได้จากน้ำมันดิบนั้นเกินงบประมาณของรัฐบาลทุกปีรวมกัน แล้วแถมยังปลดหนี้ตูมเดียวหมด... มิหนำซ้ำยังเหลือพอจัดการกับนโยบายรัฐสวัสดิการได้อีกด้วย...

ดังนั้นตอบตามตัวแดงครับว่าเพื่อให้ทั้งประเทศโชติช่วงชัชชวาล... เหมือนในเพลงคาราบาวไง "เอาไหมเอาไหม เอา..."...

บอกตรงๆว่าเบื่อพวกที่บอกว่า"เป็นกลาง"แต่ลืมอ่านเนื้อหาครับ...
บันทึกการเข้า
Pong CB1300sf-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 342
ออฟไลน์

กระทู้: 2075


« ตอบ #71 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2012, 10:54:12 AM »

ไม่กลางครับ  Wink

เลือกข้าง แล้วแต่กำลังคิดว่า กำลังฝั่งนี้ช่างน้อยเหลือเกิน  หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #72 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2012, 11:02:52 AM »

มีอีกเรื่องที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงกัน เพราะคนไม่ค่อยได้นึกถึง... คือผลประโยชน์ที่ได้จากส่วนต่างราคาหุ้นของ ปตท. ...

ตรงนี้ไม่ใช่ส่วนต่างราคาหุ้นเริ่มต้นวันขายในตลาด กับราคาในปัจจุบันนะครับ เพราะวิธีนั้นมันคิดให้เห็นง่าย อธิบายง่าย แต่มูลค่าที่แท้จริงมันมากกว่านั้นมหาศาล...

ในฐานะที่นายสมชายเล่นหุ้นเป็นอาชีพ บอกได้เลยว่าหากมีหุ้น ปตท. ในมือ(หรือสามารถบริหารจัดการหุ้นในส่วนนี้) ไม่ต้องเอามากหรอก เอาแค่มากกว่ารายย่อยส่วนใหญ่ในตลาดก็พอ แค่นี้ก็สามารถลากหุ้นขึ้นลงได้ดังใจ และไม่ใช่แค่หุ้นของตัว ปตท. เองเท่านั้น แต่สามารถลากขึ้นลงได้ทั้งตลาด โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน เพราะหุ้น ปตท. ถูกถ่วงน้ำหนักสูงสำหรับคำนวณดัชนีตลาด(Set index)...

คนที่ไม่ได้เล่นหุ้นก็มักมองว่าไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือจะลง แต่ถ้าคนที่เล่นหุ้นเป็น จะบอกว่าหุ้นจะขึ้นหรือจะลงนี่เราสามารถเขียนเป็นเงื่อนไขให้คอมพิวเตอร์เทรดหุ้นแทนมนุษย์ได้เลยครับ... หรือพูดภาษาชาวบ้านก็คือมันเป็นอัตโนมัติได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรก...

ดังนั้น หากมีหุ้น ปตท. ในจำนวนที่มากพอ ก็แค่คอยเฝ้าตามเงื่อนไขต่างๆ แล้วขายเมื่อหุ้นจะลง ซื้อคืนเมื่อหุ้นจะขึ้น คอยตามน้ำไปเรื่อย ซึ่งเป็นวิธีปรกติที่นักเล่นหุ้นกลุ่มที่วิเคราะห์กราฟ(สายเทคนิคัล) เขาทำกันอยู่... แต่ที่พิเศษกว่าก็คือ หากมีหุ้นน้อยนั้นก็ต้องคอยตามน้ำ, แต่ทางกลับกันถ้ามีหุ้นปริมาณมหาศาล สามารถเปลี่ยนทิศทางหุ้นได้เลย นั่นคือผิดทิศนิดหน่อยก็จะตบทิศตลาดให้กลับไปอีกด้านหนึ่ง แล้วค่อยถอนตัวเพื่อไม่ให้ฝืนตลาดฝืนธรรมชาติ...


สรุปคือยังไงก็ได้กำไรมหาศาล... ถ้าเป็นตัวนายสมชายเล่นเอง รับรองว่าไม่เกิน 1 ปี เงินที่ว่าจำนวนมหาศาลที่โดนศาลฯ อายัดทั้งหมดนั้นน่ะ จะกลายเป็นเงินส่วนน้อยทันทีครับ...

แล้วนายสมชายเชื่อว่าในวันนี้ เงินที่ถูกอายัดนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วครับ... แต่หวังใหญ่กว่านั้น นั่นคือสิ่งที่ตัวเงินให้ไม่ได้...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #73 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2012, 11:04:22 AM »

ไม่กลางครับ  Wink

เลือกข้าง แล้วแต่กำลังคิดว่า กำลังฝั่งนี้ช่างน้อยเหลือเกิน  หัวเราะร่าน้ำตาริน

น้อยครับ... เราคือคนส่วนน้อย แต่ป้องกันตนเองได้ตาม ม.68 ไงครับ... เย้...
บันทึกการเข้า
_RANGER_
ENGINEER FIRST NCO.7/46
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 62
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1219


สงครามมีวันจบ สหายร่วมรบคงอยู่ตลอดไป


« ตอบ #74 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2012, 11:31:17 AM »

อ่านแล้วเจ็บใจมากครับ ผลประโยชน์ของคนไทยคนไทยกลับจ่ายแพงกว่าเพื่อน ตกใจหน้าซีด
บันทึกการเข้า

ต้นไม้แห่งเสรีภาพ ต้องรดด้วยเลือดของทรราช และผู้รักชาติเป็นครั้งคราว
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.173 วินาที กับ 21 คำสั่ง