รักตน
ธรรมะวันหยุด
พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร www.watdevaraj.comพระราชาองค์หนึ่ง พระนามว่า โพธิราช ทรงให้นายช่างสร้างปราสาทหลังหนึ่ง ซึ่งงดงามมาก เสร็จแล้วก็ตรัสถามนายช่างว่า ปราสาทที่งดงามเช่นนี้ เธอเคยสร้างในที่อื่นบ้างหรือไม่ หรือว่า เป็นศิลปะครั้งแรกของเธอ เมื่อนายช่างทูลว่า นี่เป็นศิลปะครั้งแรกทีเดียว ก็ทรงดำริว่า ถ้านายช่างผู้นี้สร้างปราสาทที่งดงามเช่นนี้แก่คนอื่น ปราสาทนี้ก็ไม่น่าอัศจรรย์ เราควรฆ่านายช่างนี้เสีย หรือตัดมือและเท้าของเขา หรือควักนัยน์ตาทั้งสองเสีย เพื่อที่เขาจะสร้างปราสาทเช่นนี้แก่คนอื่นไม่ได้ พระราชาตรัสบอกความดำรินั้นแก่พระสหายที่รักของตน พระสหายนั้นคิดว่า พระราชาจะทรงฆ่านายช่างให้ตายเป็นแน่ คนผู้มีศิลปะอันประเมินค่าไม่ได้เช่นนี้ เมื่อเรามีชีวิตอยู่ จงอย่าฉิบหายเลย เราต้องบอกให้นายช่างรู้เรื่องนี้
นายช่างเมื่อทราบเรื่องที่พระราชาจะทรงฆ่า ก็คิดหลีกหนีเอาตัวรอดได้ ตามเรื่องที่แสดงมานี้จะเห็นได้ว่า คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ถึงคราอับจนมักมีคนช่วยให้รอดปลอดภัยได้ ควรรีบทำความดีทั้งต่อหน้าคนและลับหลังคน ก็จะมีความเจริญงอกงามพ้นจากทุกข์ได้
พระราชาโพธิราช เมื่อครองราชย์แล้ว ไม่ทรงมีพระโอรสและพระธิดา เพราะชาติก่อนพระองค์ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาก ผลแห่งบาปกรรมได้ติดตามพระองค์มาในชาตินี้ อันบาปกรรมความชั่ว ติดตามตัวมนุษย์ไปทุกภพทุกชาติ ดังเงาติดตามตัวคนไป ฉะนั้น
แท้จริงมนุษย์ มีความรัก กลัวทุกข์ ต้องการความดี มีสุข และรักตัวยิ่งกว่าสิ่งอื่น ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ความรัก เสมอด้วยตนไม่มี จะเห็นได้ว่า ตัวเรานี้ เป็นที่รักกว่าสมบัติอย่างอื่น ถ้ารู้ว่า ตัวเราเป็นที่รักกว่าสิ่งอื่น ก็อย่าทำบาปกรรม ความชั่ว ตั้งใจทำแต่ความดีไว้ให้มากทั้งกลางวันและกลางคืน ความดีนี้ติดตัวเราไปทุกเวลา ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ใกล้ตัวเรา ทุกคนนำติดตัวไปไม่ได้เลยแม้สักสิ่งเดียว ควรให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรมเจริญจิตตภาวนาไว้ให้มาก และหมั่นประพฤติปฏิบัติเป็นประจำก็จะได้ความสุขกายสุขใจ โดยไม่ต้องสงสัยเลย
คนที่มีปัญญา ศึกษาเล่าเรียนมาโดยถูกต้อง ควรใช้ปัญญาหาเลี้ยงชีพโดยสุจริต ก็ไม่มีความเดือดร้อนใจ และมักเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้
คนที่ลำบากยากจน มีโรคภัยไข้เจ็บมากมาย ก็เพราะไม่ประพฤติตามธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงสั่งสอนไว้โดยถูกต้อง ถ้ารู้ว่าตัวเราเป็นที่รัก ก็พึงรักษาตัวไว้ให้ดี และพึงประคับประคองตัวตลอดวัยทั้ง 3 คือ วัยต้น วัยกลางคน และวัยภายหลัง คือวัยสุดท้าย
คนที่ลำบากยากจน ติดคุกติดตะราง ก็เพราะไม่รักษาตัว คือ ใจ ให้ตั้งอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา ผู้ที่มีศีล รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ทำสมาธิฝึกจิตใจให้สงบระงับ เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ปัญญาความรู้ เจ้าใจกองสังขารก็เกิดขึ้น มองเห็นร่างกายเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ทนอยู่ไม่ได้ เป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน ไม่มีสาระ ห้ามไม่ให้แก่ก็แก่ ห้ามไม่ให้เจ็บก็เจ็บ ห้ามไม่ให้ตายก็ตาย
เมื่อรู้ว่าตัวหรือจิตใจนี้ เป็นที่รัก ก็ควรรักษาคุ้มครองป้องกันให้ดี คุณงามความดีมีทาน ศีล เป็นต้นเท่านั้นที่จะนำติดตัวตามใจเราไปได้ บรรดาทรัพย์สมบัติที่มี นำติดตัวตามไปไม่ได้เลย