เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 17, 2025, 06:50:03 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 33 34 35 [36] 37 38 39 ... 71
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอความเห็นเรื่องแรงบิด แรงม้า ของสองรุ่นนี้หน่อยครับ  (อ่าน 197672 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #525 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2012, 11:56:49 AM »

รถเมียว๊อยยยยย  งอน
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #526 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2012, 11:35:30 PM »


        
   

แรงบิด และ แรงม้า
   
 

แรงบิดและแรงม้า

        บทความนี้ ผมจะกล่าวถึง แรงบิด (Torque) และแรงม้า (Horse Power) ซึ่งเมื่อท่านได้อ่านบทความนี้แล้ว ท่านจะได้เข้าใจ ถึงความหมายของศัพท์ดังกล่าวและสามารถนำไปใช้ ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบเครื่องยนต์แต่ละรุ่นได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการพิจารณาเลือกรถ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของท่านครับ

 

        แรงบิด (Torque) คือ แรงหมุนของเพลาเครื่องยนต์ เป็นแรงที่ใช้เพื่อส่งกำลังของเครื่องยนต์ไปหมุนเกียร์ เพลา และ ล้อรถ เพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แรงบิดจะมีค่า แตกต่างกันไปที่ความเร็วรอบเครื่องยนตต่างๆ ซึ่ง ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิตว่าต้องการให้มีแรงบิด สูงสุดอยู่ที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำ ปานกลาง หรือ สูง รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงก็จะมีอัตราเร่ง ดีกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดต่ำกว่าพูดง่ายๆก็คือ แรงบิดจะเป็นตัวบ่งชี้ว่ารถคันใดวิ่งเร็วกว่าอีกคันครับ ยกตัวอย่าง รถคันแรกมี 115 แรงม้าที่6500รอบ แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่4500รอบ คันที่สองมี100แรงม้า แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่ 2750 รอบ ถามว่ารถคันแรกหรือคันที่สองวิ่งกว่ากันคำตอบก็คือ รถคันที่สองจะวิ่งเร็วกว่าคันแรกครับ เพราะแรงบิดสูงสุดมาที่รอบต่ำกว่า 2750 รอบแม้ว่าจะ14กก/เมตรเท่ากันทั้งสองคันก็ตาม แรงม้าเกินกันอีก15แรงก็ตาม รถคันแรกไม่มีทางไล่รถคันที่สองทันทุกกรณี อัตตราเร่ง0-100 คันที่สองก็ใช้เวลาน้อยกว่า จับมาอัดกัน0-400เมตร คันที่สองก็อยู่หน้าคันแรกอยู่ดี ทำไมรถแข่งในสนามจึงเอามาวิ่งใช้งานปรกติไม่ได้ ก็เพราะเหตุนี้ล่ะครับแรงบิดสูงสุดมันมาที่เป็นหมื่นๆรอบ แค่ออกตัวก็ต้องออกที่รอบ4000-6000รอบ ไม่มีทางทุกกรณีที่จะเอามาวิ่งในถนนปรกติได้เลย วิธีสังเกตุหรือดูง่ายๆก็คือว่ารถคันไหนแรงบิดมันมาที่รอบต่ำกว่าคันนั้นล่ะวิ่งกว่าครับ

 

           รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องต่ำ หรือปานกลาง จะออกตัวได้ดีกว่าและให้อัตราเร่งที่ดีกว่า ในช่วงความเร็วต่ำหรือความเร็วปานกลาง ในขณะที่ รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องสูง จะให้อัตราเร่งที่ดีกว่าในช่วงความเร็วสูง และมีแนวโน้ม ที่จะให้ความเร็วสูงสุดที่สูงกว่า (ดูในเรื่องแรงม้า) แต่ในการออกตัวหรือในช่วงที่ใช้ความเร็วต่ำสมรรถนะ จะด้อยกว่า หรือ ที่มักเรียกกันว่า "ต้องรอรอบ" เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบเครื่องต่ำมักเหมาะกับรถเก๋งที่ใช้งานในเมือง รถบรรทุก รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ใช้งานในป่าหรือที่ทุรกันดาร ส่วนเครื่องยนต์ที่มีแรงบิด สูงสุดที่ความเร็วรอบสูงจะเหมาะกับรถที่ใช้เดินทางไกล บ่อยๆ ต้องการอัตราเร่งที่ดีที่ความเร็วสูง หน่วยของแรงบิดที่นิยมใช้กัน คือ Kg-m, Nm และ Ft-lbs   แรงม้า (Horse Power) คือ หน่วยอันหนึ่งสำหรับ ใช้วัดกำลังของเครื่องยนต์ หน่วยวัดกำลังที่นิยมใช้กัน คือ แรงม้า (HP),แรงม้า (PS) และ กิโลวัตต์ (KW)นอกจากนี้ ในบางครั้งเราจะเห็นตัวย่อ BHP ซึ่งย่อมาจาก Brake Horse Power หมายถึง กำลังของเครื่องยนต์ที่ได้รับจากเพลาเครื่อง ซึ่งเท่ากับกำลังที่เครื่องยนต์ผลิตได้หักออก ด้วยแรงเสียดทานภายเครื่องยนต์ ดัง สูตร BHP = IHP - FHP โดยที่ IHP คือ Indicated Horse Power หมายถึงกำลัง ที่เครื่องยนต์ผลิตได้ และ FHP คือ Friction Horse Power ซึ่งหมายถึงแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ กำลังของเครื่องยนต์สามารถคำนวณได้จากสูตร HP = K x Torque x RPM โดยที่ K คือ ค่าคงที่ T คือแรงบิด และ RPM คือความเร็วรอบของเครื่องยนต์ แรงม้าสูงสุดของเครื่องยนต์แต่ละรุ่นแต่ละแบบจะอยู่ที่ ความเร็วรอบเครื่องยนต์แตกต่างกันไปแล้วแต่การ ออกแบบของผู้ผลิต แล้วแรงม้าเห็นกันในหนังสือ หรือใน specification ต่างๆ นั้นเป็น BHP หรือ IHP คำตอบน่าจะเป็นBHP เพราะเป็นแรงม้าที่ได้มาจากการทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ แรงม้าสูงสุดจะอยู่ที่ความเร็วรอบสูงกว่าความเร็วรอบที่มี แรงบิดสูงสุดเสมอจากที่แรงบิดของเครื่องยนต์จะแสดงถึงอัตราเร่ง แรงม้าของเครื่องยนต์ก็จะแสดงถึงความเร็วสูงสุดของรถ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการเอาชนะแรงเสียดทาน และ แรงต้านของอากาศ ที่จะมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ (อัตราความเร็วยกกำลังสอง)เมื่อความเร็วสูงขึ้น จากสูตรคำนวณแรงม้าจะเห็นได้ว่า สำหรับเครื่องยนต์ที่มี ขนาดเท่าๆ กัน เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบต่ำจะมี

 

แนวโน้มที่จะมีแรงม้าสูงสุด ต่ำกว่า เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบสูงกว่า แต่ถ้าต้องการให้มีทั้งแรงบิดและ แรงม้ามากขึ้น ก็จะต้องเป็นเครื่องยนต์ที่มีเทคโนโลยีสูงกว่าหรือ เป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า หรือ มีการติดตั้ง อุปกรณ์อื่นเพิ่ม เช่น turbocharger supercharger ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าราคาของเครื่องยนต์จะสูงขึ้น ค่าใช้จ่าย ในการซ่อมบำรุงก็จะสูงขึ้น และ มักจะต้องจ่ายค่าน้ำมัน เชื้อเพลิงมากขึ้นอีกด้วย

 

    อันความรู้เรื่องแรงบิดและแรงม้านั้น ไม่ใช่รู้เพื่อความเท่ห์เฉยๆ แต่มันมีประโยชน์ต่อการใช้งานรถด้วย อย่างเช่น เรารู้แรงบิดสูงสุดว่าอยู่ที่กี่รอบ ก็ควรเปลี่ยนเกียร์(ให้สูงขึ้น)ที่ความเร็วรอบไม่เกินนั้น(อย่างเช่นอยู่ที่ 3000 รอบ เราก็ควรเปลี่ยนเกียร์ที่ 2500-3000 รอบ เพราะไปเปลี่ยนเกียร์ที่รอบสูงกว่านี้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ทำร้ายเครื่องเราปล่าวๆ) เรารู้แรงม้าสูงสุดว่าอยู่ที่กี่รอบ ก็ควรใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกินที่เขากำหนดรอบมา (มาตรวัดรอบเขาก็ทำมาให้ดูแล้ว - คงไม่ใช่เพื่อความเท่ห์อย่างเดียว) รถจะได้อยู่คู่เราไปตราบนานเท่านานครับ


 

ที่มา http://ae.siam.edu/document/o_torque.htm

http://www.molycare.com/main/tips/1_/10
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #527 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2012, 12:01:36 AM »

การล้างรถขั้นดี

http://www.youtube.com/watch?v=_7SXj5i2Yyc&feature=player_embedded
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #528 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2012, 10:37:23 AM »

ฺBenz CLA หน้าเหมือนA Classเลย

 http://www.autospinn.com/2012/12/2014-mercedes-benz-cla-2013-detroit-auto-show-naias/
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #529 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2012, 11:33:53 PM »

อ่ะ...ตะกี้กลับเข้าบ้าน เอร๊ยย...นี่มันCX5นี่หว่า  น้ำลายหก น้ำลายหก น้ำลายหก

 

บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
TakeFive
Sr. Member
****

คะแนน 171
ออฟไลน์

กระทู้: 794


« ตอบ #530 เมื่อ: ธันวาคม 28, 2012, 09:48:10 AM »


        
   

แรงบิด และ แรงม้า
   
 

แรงบิดและแรงม้า

        บทความนี้ ผมจะกล่าวถึง แรงบิด (Torque) และแรงม้า (Horse Power) ซึ่งเมื่อท่านได้อ่านบทความนี้แล้ว ท่านจะได้เข้าใจ ถึงความหมายของศัพท์ดังกล่าวและสามารถนำไปใช้ ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบเครื่องยนต์แต่ละรุ่นได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการพิจารณาเลือกรถ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของท่านครับ

 

        แรงบิด (Torque) คือ แรงหมุนของเพลาเครื่องยนต์ เป็นแรงที่ใช้เพื่อส่งกำลังของเครื่องยนต์ไปหมุนเกียร์ เพลา และ ล้อรถ เพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แรงบิดจะมีค่า แตกต่างกันไปที่ความเร็วรอบเครื่องยนตต่างๆ ซึ่ง ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิตว่าต้องการให้มีแรงบิด สูงสุดอยู่ที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำ ปานกลาง หรือ สูง รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงก็จะมีอัตราเร่ง ดีกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดต่ำกว่าพูดง่ายๆก็คือ แรงบิดจะเป็นตัวบ่งชี้ว่ารถคันใดวิ่งเร็วกว่าอีกคันครับ ยกตัวอย่าง รถคันแรกมี 115 แรงม้าที่6500รอบ แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่4500รอบ คันที่สองมี100แรงม้า แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่ 2750 รอบ ถามว่ารถคันแรกหรือคันที่สองวิ่งกว่ากันคำตอบก็คือ รถคันที่สองจะวิ่งเร็วกว่าคันแรกครับ เพราะแรงบิดสูงสุดมาที่รอบต่ำกว่า 2750 รอบแม้ว่าจะ14กก/เมตรเท่ากันทั้งสองคันก็ตาม แรงม้าเกินกันอีก15แรงก็ตาม รถคันแรกไม่มีทางไล่รถคันที่สองทันทุกกรณี อัตตราเร่ง0-100 คันที่สองก็ใช้เวลาน้อยกว่า จับมาอัดกัน0-400เมตร คันที่สองก็อยู่หน้าคันแรกอยู่ดี ทำไมรถแข่งในสนามจึงเอามาวิ่งใช้งานปรกติไม่ได้ ก็เพราะเหตุนี้ล่ะครับแรงบิดสูงสุดมันมาที่เป็นหมื่นๆรอบ แค่ออกตัวก็ต้องออกที่รอบ4000-6000รอบ ไม่มีทางทุกกรณีที่จะเอามาวิ่งในถนนปรกติได้เลย วิธีสังเกตุหรือดูง่ายๆก็คือว่ารถคันไหนแรงบิดมันมาที่รอบต่ำกว่าคันนั้นล่ะวิ่งกว่าครับ

 

           รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องต่ำ หรือปานกลาง จะออกตัวได้ดีกว่าและให้อัตราเร่งที่ดีกว่า ในช่วงความเร็วต่ำหรือความเร็วปานกลาง ในขณะที่ รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องสูง จะให้อัตราเร่งที่ดีกว่าในช่วงความเร็วสูง และมีแนวโน้ม ที่จะให้ความเร็วสูงสุดที่สูงกว่า (ดูในเรื่องแรงม้า) แต่ในการออกตัวหรือในช่วงที่ใช้ความเร็วต่ำสมรรถนะ จะด้อยกว่า หรือ ที่มักเรียกกันว่า "ต้องรอรอบ" เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบเครื่องต่ำมักเหมาะกับรถเก๋งที่ใช้งานในเมือง รถบรรทุก รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ใช้งานในป่าหรือที่ทุรกันดาร ส่วนเครื่องยนต์ที่มีแรงบิด สูงสุดที่ความเร็วรอบสูงจะเหมาะกับรถที่ใช้เดินทางไกล บ่อยๆ ต้องการอัตราเร่งที่ดีที่ความเร็วสูง หน่วยของแรงบิดที่นิยมใช้กัน คือ Kg-m, Nm และ Ft-lbs   แรงม้า (Horse Power) คือ หน่วยอันหนึ่งสำหรับ ใช้วัดกำลังของเครื่องยนต์ หน่วยวัดกำลังที่นิยมใช้กัน คือ แรงม้า (HP),แรงม้า (PS) และ กิโลวัตต์ (KW)นอกจากนี้ ในบางครั้งเราจะเห็นตัวย่อ BHP ซึ่งย่อมาจาก Brake Horse Power หมายถึง กำลังของเครื่องยนต์ที่ได้รับจากเพลาเครื่อง ซึ่งเท่ากับกำลังที่เครื่องยนต์ผลิตได้หักออก ด้วยแรงเสียดทานภายเครื่องยนต์ ดัง สูตร BHP = IHP - FHP โดยที่ IHP คือ Indicated Horse Power หมายถึงกำลัง ที่เครื่องยนต์ผลิตได้ และ FHP คือ Friction Horse Power ซึ่งหมายถึงแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ กำลังของเครื่องยนต์สามารถคำนวณได้จากสูตร HP = K x Torque x RPM โดยที่ K คือ ค่าคงที่ T คือแรงบิด และ RPM คือความเร็วรอบของเครื่องยนต์ แรงม้าสูงสุดของเครื่องยนต์แต่ละรุ่นแต่ละแบบจะอยู่ที่ ความเร็วรอบเครื่องยนต์แตกต่างกันไปแล้วแต่การ ออกแบบของผู้ผลิต แล้วแรงม้าเห็นกันในหนังสือ หรือใน specification ต่างๆ นั้นเป็น BHP หรือ IHP คำตอบน่าจะเป็นBHP เพราะเป็นแรงม้าที่ได้มาจากการทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ แรงม้าสูงสุดจะอยู่ที่ความเร็วรอบสูงกว่าความเร็วรอบที่มี แรงบิดสูงสุดเสมอจากที่แรงบิดของเครื่องยนต์จะแสดงถึงอัตราเร่ง แรงม้าของเครื่องยนต์ก็จะแสดงถึงความเร็วสูงสุดของรถ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการเอาชนะแรงเสียดทาน และ แรงต้านของอากาศ ที่จะมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ (อัตราความเร็วยกกำลังสอง)เมื่อความเร็วสูงขึ้น จากสูตรคำนวณแรงม้าจะเห็นได้ว่า สำหรับเครื่องยนต์ที่มี ขนาดเท่าๆ กัน เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบต่ำจะมี

 

แนวโน้มที่จะมีแรงม้าสูงสุด ต่ำกว่า เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบสูงกว่า แต่ถ้าต้องการให้มีทั้งแรงบิดและ แรงม้ามากขึ้น ก็จะต้องเป็นเครื่องยนต์ที่มีเทคโนโลยีสูงกว่าหรือ เป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า หรือ มีการติดตั้ง อุปกรณ์อื่นเพิ่ม เช่น turbocharger supercharger ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าราคาของเครื่องยนต์จะสูงขึ้น ค่าใช้จ่าย ในการซ่อมบำรุงก็จะสูงขึ้น และ มักจะต้องจ่ายค่าน้ำมัน เชื้อเพลิงมากขึ้นอีกด้วย

 

    อันความรู้เรื่องแรงบิดและแรงม้านั้น ไม่ใช่รู้เพื่อความเท่ห์เฉยๆ แต่มันมีประโยชน์ต่อการใช้งานรถด้วย อย่างเช่น เรารู้แรงบิดสูงสุดว่าอยู่ที่กี่รอบ ก็ควรเปลี่ยนเกียร์(ให้สูงขึ้น)ที่ความเร็วรอบไม่เกินนั้น(อย่างเช่นอยู่ที่ 3000 รอบ เราก็ควรเปลี่ยนเกียร์ที่ 2500-3000 รอบ เพราะไปเปลี่ยนเกียร์ที่รอบสูงกว่านี้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ทำร้ายเครื่องเราปล่าวๆ) เรารู้แรงม้าสูงสุดว่าอยู่ที่กี่รอบ ก็ควรใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกินที่เขากำหนดรอบมา (มาตรวัดรอบเขาก็ทำมาให้ดูแล้ว - คงไม่ใช่เพื่อความเท่ห์อย่างเดียว) รถจะได้อยู่คู่เราไปตราบนานเท่านานครับ


 

ที่มา http://ae.siam.edu/document/o_torque.htm

http://www.molycare.com/main/tips/1_/10

บทความนี้ ค่อนข้างจะคลาดเคลื่่อนไปอย่างมากเลยครับ ทั้งแรงม้าแรงบิด การเปลี่ยนเกียร์
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #531 เมื่อ: ธันวาคม 28, 2012, 04:49:12 PM »

บทความนี้ ค่อนข้างจะคลาดเคลื่่อนไปอย่างมากเลยครับ ทั้งแรงม้าแรงบิด การเปลี่ยนเกียร์

คลาดเคลื่อนเยอะไหมครับ Grin Grin Grin พอบอกได้ไหมว่าจุดไหนบ้าง
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #532 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2012, 11:16:15 AM »

 ทายซิ รถยอดฮิตนักการเมืองไทย จอดกันเต็มสภา ยี่ห้ออะไรเอ่ย Huh

วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 11:30:36 น.

 
โดย นายพล




หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมนักการเมืองไทย หรือผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานต่างๆ ถึงชอบใช้รถโฟล์กสวาเกน รุ่นคาราเวล กันนัก

สำหรับ โฟล์กฯคาราเวล แล้ว ถือเป็นรถคุณภาพรุ่นหนึ่งจากประเทศเยอรมนี แต่ในยุโรปจะใช้รถรุ่นนี้เป็นรถสำหรับช่าง ไม่ว่าจะเป็นช่างประปา ช่างไฟฟ้า ช่างโทรศัพท์ หรืออีกหลายๆ ช่าง ใช้ขนอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ

ด้วยคุณสมบัติในเรื่องความกว้างขวาง ทนทาน สมบุกสมบัน โดยเฉพาะเครื่องยนต์ทั้งเบนซินและดีเซล สมรรถนะไม่เป็นรองใครในรถประเภทเดียวกัน ทั้งอึด ทั้งแรง จึงทำให้ผู้นำเข้าอิสระหรือเกรย์มาร์เก็ต นำเข้ามาตกแต่งภายในให้ดูหรูหรา ขายให้กับนักการเมืองและบรรดาผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน

แต่ถ้าพูดถึงบริษัทที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ก็คือ ไทยยานยนต์ ในกลุ่มยนตรกิจ

ล่าสุดแนะนำ โฟล์กสวาเกน คาราเวล รุ่นใหม่ เน้นความเป็นรถอเนกประสงค์ระดับพรีเมียม หรูหรา เน้นความเป็นส่วนตัว พร้อมความเพลิดเพลิน และสะดวกสบาย เป็นจุดเด่นของไทยยานยนต์ในการออกแบบรูปลักษณ์ภายในให้แตกต่างจากเกรย์รายอื่น

เครื่องยนต์ แบบ ดีเซล 4 สูบ คอมมอนเรล ไบเทอร์โบ ความจุกระบอกสูบ (ซีซี) 1,968 กำลังสูงสุด 180 แรงม้า หรือ132 กิโลวัตต์ ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดมหาศาล สูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,000 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 7 จังหวะ DSG

เป็นการพัฒนาสมรรถนะของเครื่องยนต์ ขนาด 2 ลิตร แต่ให้แรงม้าและแรงบิดที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมด้วยระบบส่งกำลังอัจฉริยะของเกียร์ระบบ DSG 7 สปีด เน้นปรับเปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวลและราบรื่น พร้อมระบบควบคุมน้ำหนักของพวงมาลัยที่สอดคล้องกับความเร็วของรถ

ความเร็วสูงสุด 191 กม./ชม.อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 11.3 วินาที ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ในเมือง 10.2 ลิตร/100 กม. นอกเมือง 6.9 ลิตร/100 กม. เฉลี่ย 8.1ลิตร/100 กม. ปล่อยไอเสียเฉลี่ยคาร์บอนไดออกไซด์ 214 กรัม/กม. มิติ (ความกว้าง X ยาว X สูง) 1904 X 5292 X 1990 มม.ฐานล้อหน้า-หลัง 3,400 มม.

อุปกรณ์ภายนอก ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว กระจกมองข้างพับและปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบไล่ฝ้าสีเดียวกับตัวรถ กระจกหน้าต่างห้องผู้โดยสารตอนหลังแบบเฟรมเลส (Frameless) ไฟหน้าแบบฮาโลเจน ดับเบิล รีเฟลกเตอร์ (Halogen Double Reflector) ให้ความสว่างชัด ไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง กันชนสีเดียวกับตัวรถ กระจกกรองแสงรอบคัน ระบบไล่ฝ้าแบบหน่วงเวลาพร้อมใบปัดน้ำฝนที่กระจกมองหลัง

อุปกรณ์ขนมาเพียบให้สมฐานะท่านๆ ทั้งหลาย เริ่มจากภายใน ทั้ง ระบบปรับอากาศไคลเมทรอนิก (Climatronic) แยกส่วนสำหรับห้องโดยสารตอนหน้าและตอนหลัง กระจกกั้นห้องระหว่างห้องผู้โดยสารตอนหน้าและตอนหลังควบคุมด้วยไฟฟ้า เบาะนั่งหุ้มหนังแท้ เบาะนั่งคู่ VIP แถวที่ 1 ปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมลัมบาร์ ซัพพอร์ต (Lumbar Support) บุอย่างดี เบาะนั่งยาว แถวที่ 3 แยกอิสระปรับระดับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support พนักวางแขนกลางเบาะนั่งยาวแถวที่ 3 พร้อมที่วางแก้ว ม่านปรับแสงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พวงมาลัยหุ้มหนังแท้ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง กระจกมองหลังตัดแสงในเวลากลางคืน

อุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบช่วยเบรก BAS ระบบควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว (ESP) ระบบป้องกันการไหลของรถบนทางลาดชัน (Hill Hold Control) ระบบล็อกเฟืองท้ายอัตโนมัติ (EDL) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว (ASR) ระบบสร้างสมดุลของการกระจายแรงเบรก (EBD)

มีถุงลมนิรภัยคู่สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมสวิตช์ตัดการทำงานของถุงลมนิรภัย กล้องถอยจอดพร้อมระบบสัญญาณเตือนช่วยจอดด้านหลัง ระบบควบคุมพวงมาลัยแบบปรับอัตโนมัติตามความเร็ว (Servotronic) ใบปัดน้ำฝนทำงานอัตโนมัติ พร้อมเซ็นเซอร์วัดปริมาณน้ำฝัน (Rain Sensor) ป้ายสามเหลี่ยมฉุกเฉินและชุดปฐมพยาบาล

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ชุดเครื่องเสียงมินิเธียเตอร์ 5.1 พร้อมจอ LCD Wide Screen ขนาด 19 นิ้ว ชุดอุปกรณ์เล่นคาราโอเกะ ชุดอุปกรณ์เชื่อมต่อ Multimedia วิทยุด้านหน้า 2 DIN พร้อมจอรับภาพจากกล้องถอยจอด ประตูเลื่อนด้านหลังเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบดึงปิดอัตโนมัติ

มีระบบเซ็นทรัลล็อกควบคุมการเปิด-ปิด ประตูทั้ง 4 บานและฝากระโปรงท้าย พร้อมรีโมตคอนโทรล กระจกหน้าต่างผู้โดยสารตอนหน้าปรับขึ้น-ลง ด้วยระบบไฟฟ้า ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) กระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องสว่างที่แผงบังแดดคู่หน้า ไฟอ่านหนังสือด้านหน้าและหลัง จอแสดงผลแบบมัลติฟังก์ชั่น 4 สี ฝากระโปรงท้ายพร้อมระบบดึงปิดอัตโนมัติ

คาราเวล มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ ทัวริ่ง (Touring) ราคา 3,290,000 บาท, รุ่นบิสซิเนสไลน์ (Businessline) ราคา 3,380,000 บาท และรุ่นบิสซิเนสไลน์ แอลอี


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356753703&grpid=03&catid=09&subcatid=0903
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 29, 2012, 11:20:09 AM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #533 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2012, 12:29:03 PM »

: ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนเป็นเจ้าตลาดของโลกครับ
« ตอบ #2 เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:54:00 »
   
เอามาแปะให้ดูเล่นครับ สำรวจเมื่อวันที่ 5 ธค

Car Tire Market Share Statistics   Market Share
Goodyear   15.5%
Michelin   12 %
Bridgestone   8 %
Yokohama   8 %
Kumho   7.5 %
Hankook   6.5 %
Falken   5.5 %
BFGoodrich   5 %
Continental   4 %
Dunlop   4 %
Nexen   4 %
Toyo   4 %
Firestone   3.5 %
Pirelli   3.5 %
Cooper   3 %
General   2 %
Kelly   1.5 %
Nitto   1.5 %
Sumitomo   1 %
Others   3.5 %

Source: Modern Tire Dealer, Drive Steady
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #534 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2012, 02:04:00 PM »

บทความนี้ ค่อนข้างจะคลาดเคลื่่อนไปอย่างมากเลยครับ ทั้งแรงม้าแรงบิด การเปลี่ยนเกียร์

คลาดเคลื่อนเยอะไหมครับ Grin Grin Grin พอบอกได้ไหมว่าจุดไหนบ้าง

รออ่านด้วยคนครับ
บันทึกการเข้า
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #535 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2012, 05:44:32 PM »

: ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนเป็นเจ้าตลาดของโลกครับ
« ตอบ #2 เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:54:00 »
   
เอามาแปะให้ดูเล่นครับ สำรวจเมื่อวันที่ 5 ธค

Car Tire Market Share Statistics   Market Share
Goodyear   15.5%
Michelin   12 %
Bridgestone   8 %
Yokohama   8 %
Kumho   7.5 %
Hankook   6.5 %
Falken   5.5 %
BFGoodrich   5 %
Continental   4 %
Dunlop   4 %
Nexen   4 %
Toyo   4 %
Firestone   3.5 %
Pirelli   3.5 %
Cooper   3 %
General   2 %
Kelly   1.5 %
Nitto   1.5 %
Sumitomo   1 %
Others   3.5 %

Source: Modern Tire Dealer, Drive Steady

รู้แต่ว่า MB ติด continental มาจากโรงงานครับ...

ปล.ในไทยนะครับ ตัวประกอบนอกเคยเจอ Pirelli ครับ...  Grin
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #536 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2012, 05:45:29 PM »

: ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนเป็นเจ้าตลาดของโลกครับ
« ตอบ #2 เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:54:00 »
   
เอามาแปะให้ดูเล่นครับ สำรวจเมื่อวันที่ 5 ธค

Car Tire Market Share Statistics   Market Share
Goodyear   15.5%
Michelin   12 %
Bridgestone   8 %
Yokohama   8 %
Kumho   7.5 %
Hankook   6.5 %
Falken   5.5 %
BFGoodrich   5 %
Continental   4 %
Dunlop   4 %
Nexen   4 %
Toyo   4 %
Firestone   3.5 %
Pirelli   3.5 %
Cooper   3 %
General   2 %
Kelly   1.5 %
Nitto   1.5 %
Sumitomo   1 %
Others   3.5 %

Source: Modern Tire Dealer, Drive Steady

รู้แต่ว่า MB ติด continental มาจากโรงงานครับ...

ปล.ในไทยนะครับ ตัวประกอบนอกเคยเจอ Pirelli ครับ...  Grin

พี่หมอแฟนพันธุ์แท้มากครับ  ไหว้ คิก คิก
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
TakeFive
Sr. Member
****

คะแนน 171
ออฟไลน์

กระทู้: 794


« ตอบ #537 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2012, 12:28:55 AM »

เอาแค่ย่อหน้านี้ก่อนน่ะครับ


        
   

แรงบิด และ แรงม้า
   
 

    อันความรู้เรื่องแรงบิดและแรงม้านั้น ไม่ใช่รู้เพื่อความเท่ห์เฉยๆ แต่มันมีประโยชน์ต่อการใช้งานรถด้วย อย่างเช่น เรารู้แรงบิดสูงสุดว่าอยู่ที่กี่รอบ ก็ควรเปลี่ยนเกียร์(ให้สูงขึ้น)ที่ความเร็วรอบไม่เกินนั้น(อย่างเช่นอยู่ที่ 3000 รอบ เราก็ควรเปลี่ยนเกียร์ที่ 2500-3000 รอบ เพราะไปเปลี่ยนเกียร์ที่รอบสูงกว่านี้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ทำร้ายเครื่องเราปล่าวๆ) เรารู้แรงม้าสูงสุดว่าอยู่ที่กี่รอบ ก็ควรใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกินที่เขากำหนดรอบมา (มาตรวัดรอบเขาก็ทำมาให้ดูแล้ว - คงไม่ใช่เพื่อความเท่ห์อย่างเดียว) รถจะได้อยู่คู่เราไปตราบนานเท่านานครับ


 

ที่มา http://ae.siam.edu/document/o_torque.htm

http://www.molycare.com/main/tips/1_/10

ถ้าจะคุยเรื่องการเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเครื่องที่เหมาะสม ปกติแล้ว จะคุยกัน2จุดประสงค์ครับ คือ
1.ได้อัตราเร่งดีที่สุด
   ถ้าอยากได้ อ้ตราเร่งดีที่สุด ต้องเปลี่ยนเกียร์1ไป2ในรอบที่หลังจากรอบตกแล้ว อยู่ในจุดที่กราฟแรงม้าเกียร์ปัจจจุบัน ตัดกับรอบของเกียร์ถัดไปครับ เพราะถ้าเปลี่ยนที่รอบม้าpeakสุด รอบเครื่องเกียร์2จะไปตกในช่วงที่ไกลจากจุดpeak แต่ถ้าลากไปสูงเกิน ม้าก็เริ่มเหี่ยวแรงไม่มี ต้องมาลากในรอบแรงต่ำอีก  โดยปกติแล้ว ไอ้รอบที่ว่า จะเป็นรอบที่สูงกว่ารอบที่ให้ม้าสูงสุดนิดหน่อยครับ 
  ต้องเข้าใจก่อนครับว่า เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ผู้ผลิต จะทำเครื่องยนต์ให้มีแรงม้าสูงสุด ต่ำกว่ารอบที่เครื่องจะหมุนได้โดยไม่พัง(redline)
แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่รอบที่เหมาะสมในการเปลี่ยนเกียร์แต่ละเกียร์จะเท่ากัน เพราะแต่ละเกียร์ มีratio dropไม่เท่ากัน นี่คือเหตุผลที่ ยิ่งเกียร์สูงขึ้น อัตราทดจะยิ่งชิด เพราะวิศวกร คำนวนอัตราทดของแต่ละเกียร์ พยายามให้รอบที่เหมาะสมที่สุด อยู่ใกล้กัน  แล้วยื่งความเร็วสูง loadก็ยิ่งเยอะ แรงต้านอากาศก็ยิ่งสูง กำลังที่ต้องการใช้ ยิ่งต้องมาก ถ้าทดห่าง เปลี่ยนเกียร์แล้วรอบต่ำ แรงไม่มี ลากกันอีกยาวกว่าจะถึงรอบม้าสูงสุดครับ
 ถ้ามีกราฟ แรงม้า-บิด ต่อรอบ รวมถึง ratio drop มาดูประกอบ จะเห็นภาพมากขึ้นครับ

 2.ประหยัดเชื้อเพลิงที่สุด
วิธีประหยัดที่สุด อันนี้ทุกคนรู้ดี คือ เปลี่ยนเกียร์ที่รอบที่ต่ำที่สุด ที่ต่ำให้รอบของเกียร์ถัดไปต่ำไปจนstall(คือ ประมาณเกินเดินเบามานิดหน่อย)


บันทึกการเข้า
TakeFive
Sr. Member
****

คะแนน 171
ออฟไลน์

กระทู้: 794


« ตอบ #538 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2012, 01:42:33 AM »

อ้างถึง

รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงก็จะมีอัตราเร่ง ดีกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดต่ำกว่าพูดง่ายๆก็คือ แรงบิดจะเป็นตัวบ่งชี้ว่ารถคันใดวิ่งเร็วกว่าอีกคันครับ ยกตัวอย่าง รถคันแรกมี 115 แรงม้าที่6500รอบ แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่4500รอบ คันที่สองมี100แรงม้า แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่ 2750 รอบ ถามว่ารถคันแรกหรือคันที่สองวิ่งกว่ากันคำตอบก็คือ รถคันที่สองจะวิ่งเร็วกว่าคันแรกครับ เพราะแรงบิดสูงสุดมาที่รอบต่ำกว่า 2750 รอบแม้ว่าจะ14กก/เมตรเท่ากันทั้งสองคันก็ตาม แรงม้าเกินกันอีก15แรงก็ตาม รถคันแรกไม่มีทางไล่รถคันที่สองทันทุกกรณี อัตตราเร่ง0-100 คันที่สองก็ใช้เวลาน้อยกว่า จับมาอัดกัน0-400เมตร คันที่สองก็อยู่หน้าคันแรกอยู่ดี

อันนี้ก็เป็นความเข้าใจผิดๆ มันเกือบถูกครับที่ว่า รถที่ torque เยอะกว่า เร่งได้ดีกว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า torque คืออะไร แรงม้า คืออะไร
จะทึกทักเอาไม่ได้ครับว่าเป็นอย่างที่อ้่าง จะยกตัวอย่าง Spec ของ E-CLASS  ซ้ายเป็นตัวเลขของDiesel ขวาเป็นเครื่องBenzine ครับ

Rated output (kW [hp] at rpm) 150(204)/4200            150 [204]/5500
Rated torque (Nm at rpm)        500/1600–1800          310/2000–4300
Acceleration 0-100 km/h (s)    7.8                               7.8

จะเห็นว่า ตัวเลขแรงบิด ฝั่งซ้าย ดีกว่ามาก แต่ทำไม0-100วิ่งเท่ากัน
จะให้ถูกต้องบอก ว่า ถ้ามีรถ2คัน มีกราฟแรงม้าเหมือนกันทุกประการ ต่างตรงกราฟแรงบิด ถ้าเป็นกรณีนี้ อ้่างได้ครับ

เหตุผลเพราะอะไร ต้องว่ากันยาวครับ อธิบายไป จะเข้าใจต้องมีความรู้ฟิสิกส์พื้นฐานก่อนครับ


บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #539 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2012, 11:33:26 PM »

มาแล้ว สรุปรถใหม่ปีหน้า by Jimmy สื่อรถออนไลท์คุณภาพดี น่าจะที่สุดในเวลานี้ของเมืองไทย  เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม

CX-5 ที่รอคอยของหลายคน มาซะที่  น้ำลายหก

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=4941
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
หน้า: 1 ... 33 34 35 [36] 37 38 39 ... 71
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.117 วินาที กับ 20 คำสั่ง